Wednesday, 8 May 2024
GoodVoice

ราคาข้าวโพดพุ่ง รัฐโล่งไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างประกันรายได้

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการประกันรายได้เกษตรกรในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้มีการประกาศเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 มติไม่ต้องจ่ายเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 4 ของโครงการประกันรายได้ปีที่ 3 เพราะราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขณะนี้สูงทะลุราคาประกันรายได้

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-19 ก.พ.2565 เมื่อคำนวณส่วนต่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% สำหรับงวดที่ 4 อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 9.72 บาท สูงกว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ กก.ละ 8.50 บาท หรือสูงกว่าราคาประกันรายได้ 1.22 บาท ทำให้ไม่ต้องจ่ายชดเชยเป็นงวดที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการคำนวณปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ได้ใช้วิธีการเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี คือปี 2562/63 , 2563/64 และ 2564/65 ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 700 กก. ต่อไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่

'กรณ์' จี้นายกฯ บี้รมว.พลังงาน แฉ ซ้ำ ราคาหน้าโรงกลั่นถูกลง แต่หน้าปั๊มไม่ลด ปล่อยเพิ่มค่าการตลาดฟันกำไร

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้าเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี กำชับ 'รัฐมนตรีพลังงาน' ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในช่วงนี้เนื่องจากมีความหละหลวมในการดูแลประชาชนอย่างมาก  เนื่องจากเดือนที่ผ่านมานี้สังคมกดดันท่านรัฐมนตรีเรื่อง 'ค่าการกลั่น' ที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ น้ำมันแพง  ของแพง วันนั้นท่านออกมาสัมภาษณ์ว่า ‘คิดมาก่อนแล้ว เตรียมมาตรการไว้เป็นชุด’ แต่แล้วถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ส่วน 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ท่านได้ปล่อยให้ผู้ขายนํ้ามันเพิ่ม ‘ค่าการตลาด’ (รายได้ของผู้ค้าน้ำมัน) ในกรณีของเบนซินขึ้นมาสูงเกินมาตรฐานปกติอย่างมาก

"วานนี้ (5 ก.ค.) ค่าการตลาด Gasohol95 E10 สูงถึง 3.42 บาทต่อลิตร ส่วน Gasohol 91 อยู่ที่ 3.62 บาทต่อลิตร ค่าการตลาดปกติไม่ควรเกิน 2 บาท และที่น่าสนใจคือ หากเทียบกับวันที่ พรรคกล้า ได้ออกมากระทุ้งรัฐบาลครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.เราจะเห็นว่า ราคานํ้ามันที่รับจากโรงกลั่นน้ำมันถูกลง แต่ราคาหน้าปั้มยังอยู่ในระดับเดิม แทนที่คนไทยเรา จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ถูกลง กลับกลายเป็นผู้ค้าเอาไปเป็นรายได้ของตนเอง ซึ่งผู้ค้าใหญ่สุดก็คือ ปตท. นั่นเองรัฐมนตรีพลังงาน ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรครับ" หัวหน้าพรรคกล้า ตั้งข้อสังเกต

‘เอ็กโก’ ซื้อหุ้นเพิ่ม 10% ใน 2 โรงไฟฟ้า เดินหนาขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน

เอ็กโก กรุ๊ป ขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” และ “เทพพนา วินด์ฟาร์ม” จ.ชัยภูมิ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “เอ็กโกได้ซื้อหุ้นเพิ่มในสัดส่วน 10% ของบริษัท ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม จำกัด และบริษัท เทพพนา วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม” และ “เทพพนา วินด์ฟาร์ม” จ.ชัยภูมิ ตามลำดับ ซึ่งเป็นการ ซื้อหุ้นทั้งหมดจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม โดยการซื้อและโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมได้เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 เป็นผลให้เอ็กโกถือหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง”  

โรงไฟฟ้า 'ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม' ตั้งอยู่ใน อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ มีกำลังผลิตติดตั้ง 80 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer – SPP) ประเภทสัญญา Non-firm ในขณะที่โรงไฟฟ้า 'เทพพนา วินด์ฟาร์ม' ตั้งอยู่ใน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มีกำลังผลิตติดตั้ง 7.5 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer – VSPP) เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อปี 2559 และ ปี 2556 ตามลำดับ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง มีผลการดำเนินงานที่ดี มีค่าความพร้อมจ่ายสูง เครื่องจักรได้รับการบำรุงรักษาอยู่ในสภาพที่ดี และยังตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและมีลมตลอดทั้งปี

‘ชัยวุฒิ’ นำทีมดีอีเอส ร่วมหารือ ก.ล.ต. เร่งจัดการมิจฉาชีพหลอกลงทุนออนไลน์

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผนึกกำลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ โดยเฉพาะลวงลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย 

วันนี้ (10 ต.ค. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแก้ไขปัญหาหลอกลวงการลงทุนออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการระดมทุนที่ผิดกฎหมาย เช่น การให้บริการชักชวนคนมาลงทุน ขายหลักทรัพย์  โดยทางกระทรวงดิจิทัลจะจัดตั้งคณะทํางานร่วมกับทางก.ล.ต ในการติดตาม Facebook account หรือ เว็บไซต์ต่างๆ เพื่อวางแนวทางป้องกันปราบปรามปิดกั้นเว็บไซต์ที่หลอกลวงการลงทุนในช่องทางต่างๆ ที่ไม่ได้รับการอนุญาติจาก ก.ล.ต. หากพบจะถูกดําเนินคดีปิดกั้น Account หรือเว็บไซต์โดยทันที เพื่อลดผลกระทบความเสียหายของประชาชน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. พร้อมให้ความร่วมมือกับดีอีเอส โดยหลังจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อความโฆษณาชวนเชื่อและชักชวนให้ประชาชนลงทุนในลักษณะหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชน ทาง ก.ล.ต. ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำรายชื่อขึ้นไว้ใน Investor Alert บนเว็บไซต์ ก.ล.ต. เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุนหรือทำธุรกรรมการเงิน รวมถึงการเก็บเอกสาร หลักฐานเพื่อนำส่งให้กับดีอีเอสได้ดำเนินการต่อไป

ในกรณีที่ ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีการกระทำอันเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เช่น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ และหากเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมายอื่น ก.ล.ต. มีกระบวนการในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่แนะนำการลงทุน ผู้ประกอบธุรกิจ หรือหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ที่แอปพลิเคชัน SEC Check First และเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec. or.th หัวข้อ SEC Check First หากมีข้อสอบถามหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับพฤติกรรมที่น่าสงสัย โปรดแจ้งที่ “ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร. 1207 หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.

‘กอบศักดิ์’ ชี้ ผลพวงปลด รมว.คลัง อังกฤษ สะท้อนนโยบายผิดทิศที่ขาดการกลั่นกรอง

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า..บทเรียนราคาแพงของอังกฤษ !!!

หลายคนอยากรู้ว่า เมื่ออังกฤษยอมเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง ประเภทปลดกลางอากาศ เพื่อสังเวยแนวนโยบาย ที่ตลาดนักเศรษฐศาสตร์ และแม้กระทั่ง IMF มองว่า เป็นนโยบายที่ "ผิดทิศผิดทาง" และเป็น Big Policy Mistakes แล้วเรื่องจะจบหรือไม่

ในประเด็นนี้ หลังจากท่านรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ประกาศนโยบายที่เรียกว่า เกือบจะเป็น Complete U-Turn หันหลังกลับจากรัฐมนตรีคลังคนก่อนหน้า 

ยอมหั่นการลดภาระภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากเดิมที่ตั้งใจไว้ประมาณ 4.5 หมื่นล้านปอนด์ ให้เหลือเพียง 1.3 หมื่นล้านปอนด์

ลดการช่วยเหลือภาระของประชาชนเรื่องพลังงาน ในช่วงปีหน้า

พร้อมเตือนว่า ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อังกฤษอาจจะมีนโยบายรัดเข็มขัดการใช้จ่ายบางส่วนประกาศออกมาเพิ่มเติม เพื่อเอา "การคลัง" ให้เข้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล

แม้ว่ารัฐบาลอังกฤษจะยอมซะขนาดนี้ บาดแผลและความเสียหาย จากการประกาศนโยบายที่ผิดพลาด ก็ยังปรากฏให้เราเห็น

ที่พอจะปรับตัวดีขึ้นบ้าง คงเป็นค่าเงินอังกฤษ ซึ่งกลับไประดับใกล้ ๆ ก่อนที่จะมีมาตรการ 1.13-1.14 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 30 ปี ซึ่งเคยขึ้นไปถึง 5% แม้จะลงมาบ้างที่ 4.4% แต่ก็ยังสูงกว่าก่อนที่จะออกมาตรการพลาดมา 1% !!!

ดัชนีตลาดหุ้นของอังกฤษ FTSE100 ยังติดลบอยู่ -4.4%

สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในฝีมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา

สะท้อนความเสียหายในเชิง Policy Credibility ที่หมดไป 

และสะท้อนความเสี่ยงของการที่ท่านนายกจะมีนโยบาย "แปลก ๆ" ออกมาอีกที่ตลาด Price-in เผื่อเอาไว้

'ศิริกัญญา' ยกเคส 'ฟิลิปปินส์-เม็กซิโก' ควบรวมมือถือเหลือ 2 ไม่มีการแข่งขัน-ค่าบริการสูง-ขาดแคลนเทคโนโลยีใหม่

'ศิริกัญญา-ก้าวไกล' เรียกร้อง กสทช. หยุดฟ้องปิดปากภาคประชาชน ขอเรียกร้องให้เปิดเผยรายงานผลการศึกษาต่างประเทศ 10 ล้าน และรายงานการศึกษาอื่นกรณีการควบรวมทรู-ดีแทคต่อสาธารณะ

จากกรณีที่มีทนายความภาคประชาชนขู่ฟ้อง นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์ผู้บริโภค ที่ได้เผยแพร่รายงานผลการศึกษาเรื่องการควบรวมทรู-ดีแทค ของบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศ อ้างว่าเป็นความลับของทางราชการ 

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้ความเห็นว่า นี่นับว่าเป็นการใช้กฎหมายเพื่อฟ้องเพื่อปิดปากภาคประชาชน เพราะข้อมูลที่เผยแพร่ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นข้อมูลที่กสทช.ต้องเผยแพร่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นทนายความภาคประชาชนก็ไม่ควรฟ้องปิดปากภาคประชาชนด้วยกันเอง 

"ตามพรบ.กสทช. มาตรา 59 ได้กำหนดให้ กสทช.ต้องเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ต่อสาธารณะ ซึ่งรวมถึงผลการศึกษา และวิจัย และผลงานอื่น ๆ ที่ว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการ (วงเล็บ 5)" ศิริกัญญา กล่าว

รายงานฉบับนี้ นับเป็นข้อมูลที่สำคัญที่ทำให้บอร์ด กสทช. ต้องเลื่อนการพิจารณาลงมติการควบรวมทรู-ดีแทคอีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้ประชาชนเกิดความสนใจว่าเนื้อหาที่แท้จริงเป็นอย่างไร การที่มีผู้นำมาเผยแพร่จึงเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด กสทช. จึงไม่เป็นผู้เผยแพร่เอง 

ส่วนหนึ่งจากรายงานฉบับนี้ที่มาการเผยแพร่โดยสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า "ผลจากสภาพตลาดที่ไม่แข่งขันภายหลังการรวมธุรกิจนั้น การทำให้สภาพตลาดกลับคืนมาด้วยวิธีการเพิ่มการแข่งขันผ่านมาตรการต่างๆ ทำได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม MNO (ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีโครงข่ายของตัวเอง) รายใหม่, การเพิ่มผู้เล่น MVNO (ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่มีโครงข่ายของตัวเอง) รวมถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแข่งขันหรือทางราคา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจไทยในภาพรวมได้ผลกระทบรุนแรงได้ ซึ่งจะมีการศึกษาในรายงานงวดต่อไป

"ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย หากไม่มีการแข่งขันที่ดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งช่วยผลักดันอุตสาหกรรมในด้านอื่น ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบในภาพกว้างได้ เช่น การลดลงของเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment-FDI)

"ในทางตรงข้าม ตลาดในประเทศไทยอาจจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อหลายปีก่อนที่มีจำนวนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหลักเหลือเพียง 2 ราย หรือในประเทศเม็กซิโกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้รับผลกระทบจากการไม่มีการแข่งขัน ทำให้อัตราค่าบริการอยู่ในราคาที่สูง และการใช้งานอยู่ในระดับต่ำ และขาดแคลนเทคโนโลยีใหม่"

'อลงกรณ์' ชี้ 2565 จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ยุคใหม่ ลดก๊าซเรือนกระจกต้นเหตุภาวะโลกร้อน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานมูลนิธิ Worldview Climate Foundation (WCF) บรรยายพิเศษ หัวข้อ 'ศักยภาพของโครงการบลู คาร์บอนในประเทศไทย' (Potential for blue carbon projects in Thailand) ในการประชุมนานาชาติจัดโดยมูลนิธิ Worldview International ที่กรุงเทพมหานครวันนี้ โดยแสดงวิสัยทัศน์อนาคตประเทศไทยในการเดินหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Nation) เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gases:GHGs) อย่างจริงจังตามพันธกรณีที่นายกรัฐมนตรีของไทยประกาศเป้าหมายในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์

'กอบศักดิ์' ชี้ ญี่ปุ่นเลือกกดดอกเบี้ย-ค่าเงิน หวังทำสงครามกับนักเก็งกำไร ปลายทางมักจบไม่สวย

(25 ต.ค. 65) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์ข้อความ ผ่านเฟสบุ๊ก Kobsak Pootrakool ระบุว่า

หนทางสู่วิกฤตของญี่ปุ่น !!!!

ถ้าทางการญี่ปุ่นยังเลือกที่จะเดินตามแนวทางปัจจุบัน

กดดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไว้ให้ต่ำ เพื่อช่วยรัฐบาลที่มีหนี้มาก

กดค่าเงินไว้ไม่ให้อ่อนไปกว่านี้

ทั้งหมด คงจบลงด้วยการเกิดวิกฤต

ที่จะเป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า ในเชิงเศรษฐศาสตร์ 3 สิ่งที่อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นเรื่อง ก็คือ ค่าเงินที่คงที่ ดอกเบี้ยที่เลือกกำหนดตามใจฉัน และเงินทุนที่ไหลอย่างอิสระ (Free Flow of Capital)

ทฤษฎีนี้เรียกว่า Impossible Trinity หรือ “สามเป็นไปไม่ได้” ซึ่งถูกคิดค้นโดย Robert Mundell นักเศษฐศาสตร์รางวัลโนเบล และ John Fleming เมื่อช่วงปี 1960-1963

ประเทศไหนก็ตามที่พยายามจะทำใน 3 สิ่งนี้พร้อม ๆ กัน ปัญหาก็จะตามมา

โดยประเทศที่มีค่าเงินคงที่ แต่อยากจะกดดอกเบี้ยให้ต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เงินจะไหลออกจากประเทศ จากดอกเบี้ยต่ำ ไปหาประเทศที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า นำมาซึ่งเงินสำรองที่จะร่อยหรอลงจนสุดท้าย ก็เกิดวิกฤตค่าเงิน

หรือประเทศที่กดดอกเบี้ยไว้ต่ำกว่าคนอื่น แต่อยากตรึงค่าเงินไว้ ณจุดใดจุดหนึ่ง สุดท้ายก็จะประสบปัญหาเดียวกัน คือเงินไหลออก นำไปสู่แรงกดดันต่อค่าเงินที่ตรึงไว้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สุดท้ายเงินสำรองก็ร่อยหรอ และสุดท้ายก็ไม่สามารถคงค่าเงินไว้ได้ กลายเป็นวิกฤตเช่นกัน

สิ่งที่ทางการญี่ปุ่นทำขณะนี้ ก็คือเรื่องนี้

1. โลกที่ญี่ปุ่นอยู่ คือโลกของเงินที่ไหลเวียนอย่างอิสระ

2. อีกด้าน การที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีหนี้ภาครัฐเยอะมาก สูงถึง 264% ของ GDP ซึ่งหนี้ส่วนใหญ่ เป็นหนี้ในประเทศ ทำให้ทางการญี่ปุ่นซึ่งขาดดุลการคลังอยู่แล้วถึง 8% ของ GDP และมีภาระดูแลสังคมผู้สูงวัย อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศอย่างยิ่ง

ไม่น่าแปลกใจ ที่แบงก์ชาติญี่ปุ่นจึงมีหน้าที่พิเศษอีกอย่าง ก็คือ ต้องพยายามช่วยกดดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นเอาไว้ โดยดูแลดอกเบี้ยใน Yield Curve ของญี่ปุ่นที่อายุช่วง 7-10 ปีลงมา ให้ปรับตัวขึ้นไม่มาก เพียงแค่ 0.25% เท่านั้น ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แบงก์ชาติญี่ปุ่น ได้ประกาศโครงการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ต้องประกาศ Emergency Bond Buying Program อีก 2.5 แสนล้านเยน

3. ค่าเงิน จากเดิมที่ญี่ปุ่นเคยปล่อยให้ค่าเงินเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด แต่เนื่องจากช่วงนี้ค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง อ่อนสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 30 กว่าปี ทางการญี่ปุ่นจึงเริ่มกังวลใจ และเริ่มเข้าแทรกแซงค่าเงินไม่ให้อ่อนไปกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ พยายามขีดเส้นไว้ที่ประมาณ 150 เยน/ดอลลาร์

ซึ่งในเรื่องนี้ หากทางการญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการตรึงค่าเงินไว้ที่ 150 เยน/ดอลลาร์ ตามที่ตั้งใจได้ ระบบค่าเงินเยนก็จะทำตัวเหมือนอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือใกล้เคียงกับระบบดังกล่าว

ทั้งหมดจะทำให้ญี่ปุ่นเข้าเงื่อนไขของทฤษฎี “สามเป็นไปไม่ได้” หรือ Impossible Trinity

และหมายความต่อไปว่า ถ้ายังคงเดินไปตามทางนี้ เงินดอกเบี้ยต่ำในญี่ปุ่น ก็จะไหลออกไปหาเงินดอกเบี้ยสูงในสหรัฐ โดยมีทางการญี่ปุ่นช่วยดูแลความเสี่ยงเรื่องค่าเงินให้

'วราวุธ' ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในงาน GCNT Forum 2022 รวมพลังภาคธุรกิจนำพาประเทศไทย ก้าวสู่สังคม Carbon Neutrality 

วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2565) เวลา 11.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เข้าร่วมการประชุมผู้นำความยั่งยืนประจำปี GCNT Forum 2022 ภายใต้แนวคิด Accelerating Business Solutions to Tackle Climate & Biodiversity Challenges ที่สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย หรือ GCNT (Global Compact Network Thailand) ร่วมกับ สหประชาชาติ ประเทศไทย และองค์กรสมาชิกกว่า 110 องค์กร ทั้งไทยและต่างประเทศรวมพลังจัดขึ้น เพื่อเพิ่มมาตรการรับมือกับวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ 

ในการประชุมฯ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'เร่งหาทางออกของภาคธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนและวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ' โดยมองว่า ภาคเอกชนและสหประชาชาติเป็นภาคีที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของไทย ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือในภูมิภาคที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งผลักดันให้ใช้แนวคิด BCG มาส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ อาทิ การฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การจัดการป่าไม้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่เพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้ประชาชนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ การขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีขีดความสามารถในการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้ประเทศไทยมีโครงข่ายรากฐานที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งร่วมประกาศเจตนารมณ์ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปกป้องธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรม วัดผล และขยายผลได้

ราคาเหรียญ KUB วิ่งแรง เพิ่มขึ้นกว่า 40% ทั้งที่ ก.ล.ต.ให้แก้ไขคุณสมบัติเหรียญต่ำกว่ามาตรฐาน

ราคาเหรียญ KUB วิ่งแรงทะลุ 70 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 40% ไม่สนคำสั่งก.ล.ต.ให้แก้ไขคุณสมบัติเหรียญต่ำกว่ามาตรฐาน ขาดคุณสมบัติเทรดในกระดาน พร้อมลาก 'JFIN-SIX' พุ่งพรวด บวก 10%

เมื่อวานนี้ (6 พ.ย. 65) ราคาเหรียญสัญชาติไทย 3 เหรียญ ประกอบด้วย KUB , JFIN และ SIX ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรง โดยไม่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการเข้ามาสร้างราคาของ Market Maker หรือไม่ โดยเฉพาะ KUB มีเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา

โดย KUB แตะระดับสูงสุด 75.95 บาท ต่ำสุด 50.25 บาท ก่อนจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 70.85 บาท (ณ เวลา 23.40 น.) เพิ่มขึ้น 39.17% ขณะที่อยู่ที่ 20.91 บาท เพิ่มขึ้น 10.3% และ SIX อยู่ที่ 1.98 บาท เพิ่มขึ้น 10.08%


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top