Wednesday, 8 May 2024
GoodVoice

เงินสะพัดกว่า 2 พันล้านบาท ในเทศกาล พลุนานาชาติพัทยา

เทศกาลพลุนานาชาติ ประสบความสำเร็จ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเกือบครึ่งล้าน ในขณะที่มีรายได้สะพัดมากกว่า 2 พันล้าน

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เทศกาลพลุนานาชาติครั้งนี้ ได้รับความสนใจเกินความคาดหมาย ได้รับผลตอบรับอย่างดีมาก โดยได้ตัวเลขของ ททท. ได้แจ้งว่าตลอดระยะเวลาในการจัดงาน 2 วัน มีประชาชนเข้ามาประมาณ 400,000 คน สร้างรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท ถือว่าครั้งนี้เป็นการจัดงานในรูปแบบที่สำคัญเพิ่มเติมก็คือการกระจายรายได้ให้กับคนพัทยา โดยทางเมืองพัทยา ได้มีการจัดสรรบูธโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกว่า 600 ร้านค้าถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เทศกาลพลุนานาชาติ มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดพัทยา ซึ่งมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาชมพลุใช้เวลาว่างในระหว่างรอชมพลุ หาอาหารรับประทานที่มีความหลากหลาย ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ส่วนหนึ่งในการจัดงานครั้งนี้ 

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 21 – 25 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 28 พ.ย. – 2 ธ.ค. 65

สรุปสถานการตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 21 – 25 พ.ย. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 28 พ.ย. – 2 ธ.ค. 65

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ล่าสุดยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีนยังรุนแรง กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ล่าสุดทางการจีนรายงานผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทั่วประเทศในวันที่ 26 พ.ย. 65 อยู่ที่ 39,791 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสถานการณ์บานปลาย โดยประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงมาตรการ Lockdown ซึ่งเข้มงวดและยาวนานเกินไป อาทิ ในเมือง Shanghai, Beijing, Chengdu, Wuhan, และ Guangzhou ในบางเมืองประชาชนไม่สามารถออกนอกบ้านมานานกว่า 100 วัน

วันที่ 26 พ.ย. 65 รัฐบาลสหรัฐฯ ออกใบอนุญาตให้แก่ Chevron Corp. ผลิตน้ำมันดิบในเวเนซุเอลา เป็นเวลา 6 เดือน โดยยังคงมาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานเวเนฯ แต่ผ่อนผันให้เฉพาะน้ำมันดิบที่ส่งออกมาสู่สหรัฐฯ ทั้งนี้เวเนฯ ผลิตน้ำมันอยู่ที่ระดับ 700,000 บาร์เรลต่อวัน และ Reuters รายงาน Chevron ผลิตน้ำมันดิบในเวเนฯ ก่อนมาตรการคว่ำบาตร ที่ระดับ 200,000 บาร์เรลต่อวัน

ให้จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) วันที่ 13-14 ธ.ค. 65 ซึ่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขา San Francisco นางสาว Mary Daly คาดการณ์ว่า FOMC จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate: FFR) ขึ้น 0.75% อยู่ที่ 4.5-4.75%

GC ภูมิใจใช้ ‘YOUเทิร์น’ บริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วจากเอเปคกลับสู่ระบบ

GC นำ 'YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม' บริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วจากการประชุม APEC 2022 รวม 360 กิโลกรัม ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 835.20 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่ 93 ต้น

พลาสติกใช้แล้วจากการประชุม APEC 2022 จำนวน 360 กิโลกรัม จากจุดรับขยะภายใต้โครงการ แยก แลก ยิ้ม ของ OR นำเข้าสู่ ENVICCO ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 835.20 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ใหญ่ 93 ต้น GC ภูมิใจที่ได้สนับสนุนให้การประชุม APEC 2022 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อโลก ดีอย่างยั่งยืน

https://www.facebook.com/watch/?v=1816303905401240

GWM แจงลูกค้าอย่าตกใจเปลี่ยนแบต 6 แสน ชี้ แค่ประเมินเบื้องต้น ยันจากนี้จะประสานประกันทุกเคส

GWM ชี้แจง ค่าเปลี่ยนแบต Ora Good Cat กว่า 6 แสนบาท ระบุ เป็นการประเมินเบื้องต้น จริงๆ เปลี่ยนแค่ฝาครอบพอ จัดตั้ง HOTLINE สายด่วนเพื่อรับปัญหาเกี่ยวกับแบตโดยเฉพาะ พร้อมส่งคนจาก สนง.ใหญ่คุยประกันทุกเคสเกี่ยวกับแบต

ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ ORA GOOD CAT ที่แผงครอบแบตเตอรี่ใต้ท้องรถได้รับความเสียหาย หลังจากที่บริษัทประกันภัยได้ประเมินมูลค่าการซ่อมแล้วพบว่ามูลค่าการซ่อมมากกว่า 70% ของทุนประกัน ทางบริษัทประกันภัยจึงเสนอคืนทุนประกันเต็มจำนวนให้กับลูกค้านั้น

ล่าสุดทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทุกท่านทราบดังนี้

ในกรณีอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถไฟฟ้าและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของลูกค้า เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญและมีการกำหนดขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบ โดยทีมผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคได้เข้าทำการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่โดยใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะทาง โดยการตรวจสอบนี้จะครอบคลุม 3 ด้าน การทดสอบระบบแรงดันไฟภายในแบตเตอรี่และการทำงานของแบตเตอรี่ การตรวจสอบการรั่วไหลของระบบหล่อเย็น (Coolant) ภายในแบตเตอรี่ การตรวจสอบการรั่วไหลของฝุ่นและอากาศเข้าในแบตเตอรี่

สำหรับเคสนี้ จากการทดสอบด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง เราพบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ส่งผลกับตัวแบตเตอรี่ภายในใดๆ ทั้งสิ้น จึงวิเคราะห์ให้ทำการเปลี่ยนเฉพาะฝาครอบแบตเตอรี่ที่ได้รับความเสียหายจากการกระแทกเท่านั้น ซึ่งค่าใช้จ่ายจะยังอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของบริษัทประกัน ซึ่งราคาที่มีการส่งให้บริษัทประกันเพื่อคำนวณความเสียหายในเบื้องต้นนั้น เป็นราคาของการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งลูก ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้นจากการสังเกตจากลักษณะภายนอกเท่านั้น

ซึ่งทางบริษัทฯ ต้องขออภัยกับการสื่อสารที่ไม่ถูกต้องและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ที่ก่อให้เกิดความกังวลกับทางลูกค้าและผู้ที่ได้รับข่าวสารมา ณ ที่นี้ด้วย

เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและลดความกังวลของลูกค้าของเรา บริษัทฯ ขอชี้แจงแนวทางในการดำเนินงานและเริ่มดำเนินการ 'ในทันที' ดังต่อไปนี้

ลูกค้าที่เกิดปัญหาอุบัติเหตุและแบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ สำนักงานใหญ่ จะเข้าไปร่วมพูดคุยและเจรจาแก้ปัญหากับบริษัทประกันให้กับลูกค้าใน 'ทุกเคส'

จัดตั้ง HOTLINE สายด่วนเพื่อรับปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่โดยเฉพาะ

‘อลงกรณ์’ เผย!! มีผู้อ้างชื่อทุเรียนไทย หลอกขายในจีน มอบทูตเกษตรในจีนตรวจสอบ - รักษาภาพลักษณ์ผลไม้ไทย

(29 พ.ย. 65) จากกรณีที่สื่อบางฉบับนำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีการเผยแพร่คลิปทุเรียนซึ่งวางจำหน่ายในประเทศจีน ที่ผู้ขายอ้างว่าเป็นทุเรียนจากไทย จนทำให้ลูกค้าในเซี่ยงไฮ้หลงเชื่อซื้อกลับไปรับประทานในราคากิโลกรัมละ 200 หยวน หรือประมาณ 1,000 บาท แต่กลับพบว่ารสชาติไม่ใช่ของไทย และคลิปดังกล่าวยังถูกส่งต่อในประเทศจีนเป็นวงกว้างจนเกรงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบต่อชื่อเสียงของทุเรียนไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (29 พ.ย.) ว่า ทันทีที่ทราบข่าวได้รายงานต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ดโดยสั่งการทันทีในวันที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว (28พ.ย) ให้ทูตเกษตรของไทยทั้ง 3 สำนักงาน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกวางโจว ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมกับเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยทันที 

โดยได้รับรายงานในตอนค่ำของวันวานจากกงสุลฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ว่า ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจุดจำหน่ายทุเรียนตามที่ปรากฏในข่าวแต่ไม่พบการขายทุเรียน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า กรณีที่เป็นข่าว เป็นรถขายทุเรียนริมทาง (รถกระบะ) ไม่ใช่การขายทุเรียนจากร้านค้าที่มีแหล่งที่ตั้งถาวร โดยปกติรถขายทุเรียนคันนี้จะจอดขายช่วงกลางคืนบนถนน Xinhua ของเมืองเซี่ยงไฮ้ ช่วงวันที่ขายก็ไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะมาขายวันเสาร์อาทิตย์ ที่ผ่านมารถดังกล่าวไม่ได้มาจอดขายทุเรียน ณ บริเวณนั้นนานกว่าสัปดาห์แล้ว ราคาขายจะเป็นราคาต่อจินหรือ 500 กรัม ปกติทุเรียนไทยที่จำหน่ายในช่วงนี้ราคาประมาณ 25-40 หยวน/500กรัม หรือ 50-80 หยวน/กก. (หรือประมาณ 250-400 บาท/กก.)

ทั้งนี้ รถขายทุเรียนข้างทาง ส่วนใหญ่จะพบเห็นตามชานเมือง จอดขายริมถนนเฉพาะช่วงกลางคืน เพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ และทุเรียนที่ขายก็เป็นทุเรียนตกเกรด คุณภาพต่ำ และส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าร้านค้าผลไม้ที่ได้มาตรฐาน

จากการสอบถามข้อมูลจากตลาดค้าส่งทราบว่า รถขายทุเรียนข้างทางในเซี่ยงไฮ้เป็นรถกระบะมาจากมณฑลอื่น โดยพ่อค้าจะไปซื้อทุเรียนตกเกรดราคาต่ำ ในปริมาณมากๆ มาเร่ขายริมถนน โดยบางคันจะเปลี่ยนที่ขายไปเรื่อยๆ จะแกะเนื้อทุเรียนขายเฉพาะเนื้อ ไม่ขายทั้งเปลือก นอกจากนี้ เครื่องชั่งก็ไม่ได้มาตรฐาน จากการสอบถามคนที่เคยซื้อทุเรียนจากรถกระบะ จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุเรียนคุณภาพต่ำ รสชาติไม่อร่อย 

นอกจากนี้จากการสำรวจร้านจำหน่ายผลไม้ในพื้นที่ 5 ร้าน ทุเรียนไทยราคาสูงกว่าทุเรียนเวียดนาม  พ่อค้าบอกว่าทุเรียนไทยอร่อยและเป็นที่รู้จัก คนที่รู้จักทุเรียน ก็จะมักเลือกซื้อทุเรียนไทย ในสายตาผู้บริโภค จะไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างทุเรียนไทยและทุเรียนประเทศอื่นจากรูปลักษณ์ได้ แต่จะสังเกตความแตกต่างจากสติกเกอร์ที่ขั้วผลที่ระบุว่าเป็นทุเรียนจากประเทศไทยหรือเวียดนาม

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สปษ.ปักกิ่ง ฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจวและเซี่ยงไฮ้ ได้มีการรายงานและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานทุเรียนที่ส่งออกมายังจีนอย่างต่อเนื่องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงควรให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพทุเรียนไทยก่อนการส่งออกเพื่อมิให้มีทุเรียนตกเกรด หรือทุเรียนคุณภาพต่ำมาจำหน่าย ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยในภาพรวม ตามนโยบายยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ไทยของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประธานฟรุ้ทบอร์ด 

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายเกษตรทั้ง 3 สำนักงานร่วมกับทีมไทยแลนด์ในจีนเฝ้าระวังติดตามข่าวสารในสื่อออนไลน์และสื่อต่าง ๆ หากปรากฏข่าวที่กระทบต่อผลไม้ไทยให้ตรวจสอบและชี้แจงต่อสาธารณชนทันที

'เพื่อไทย' ห่วง ส่งออกไทยเริ่มติดลบ ซ้ำเติม เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำเมื่อเทียบอาเซียน ชี้ หยุดขึ้นค่าไฟฟ้าและเก็บเงินจากโรงแยกก๊าซตามที่แนะนำ แนะ รับมือปัญหาเศรษฐกิจโลกปีหน้ากระทบไทย

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน และโฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่าการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคมเริ่มติดลบที่ -4.4% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าห่วงว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเริ่มแผ่ว มีแนวโน้มอาจจะไม่สู้ดีนักในปลายปีนี้ และจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้าด้วย ทั้งนี้ขอตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายได้ 4.5% นั้น แม้จะดูเหมือนดี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากเพราะในไตรมาส 3 มาเลเซียขยายได้ 14.2% เวียดนาม 13.7% ฟิลิปปินส์ 7.6% อินโดนีเซีย 5.7% แม้ประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นสิงคโปร์ยังขยายได้ 4.4% และถ้านับ 9 เดือนตั้งแต่ต้นปีไทยขยายได้เพียง 3.1% เท่านั้นซึ่งต่ำกว่าประเทศอาเซียนอื่นเช่นกันตามที่เสนอไว้แล้ว และต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นคืนที่เดิมจากการติดลบ 6.2% ในปี 2563 เพราะปี 2564 ขยายได้เพียง 1.5% ปีนี้ก็น่าจะได้เพียง 3% กว่า ซึ่งยังห่างจากที่เศรษฐกิจไทยที่ตกลงมาพอสมควร ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นในอาเซียนได้ขยายตัวเกินกว่าที่ตกลงมาไปมากแล้ว 

ดังนั้นในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นไม่ถึงที่เดิมที่ตกลงมา ซึ่งหมายถึงว่าคนไทยส่วนใหญ่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น แถมรายได้ยังลดลงด้วย ในขณะที่เงินเฟ้อสูงมากหมายถึงค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพพุ่งสูงมาก การที่รัฐบาลได้เลื่อนการขึ้นราคาค่าไฟฟ้าในงวด มกราคม-เมษายน ออกไปก่อน เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเรียกร้อง เพราะค่าไฟฟ้าได้ขึ้นมาจากหน่วยละ 3.70 บาท มาเป็น 4.72 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 28% แล้ว ถ้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นหน่วยละ 5.37 บาท,  5.70 บาท หรือ 6.03 บาท จะหนักมาก นอกจากนี้การสั่งเก็บเงินจากโรงแยกก๊าซเดือนละ 1,500 ล้านบาท จำนวน 4 เดือน รวม 6,000 ล้านบาท เพื่อมาลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ก็เป็นในแนวทางที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอเช่นกัน ซึ่งจะนำมาลดค่าไฟฟ้า หรือลดค่าก๊าซหุงต้ม ก็ทำได้ทั้งสองทาง และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้วในอดีต และน่าจะพิจารณาเก็บเงินในระยะยาวไม่ใช่เพียง 4 เดือน เพราะจะสามารถช่วยประชาชนได้มาก อีกทั้งก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้จากในอ่าวไทยเป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังกังวลว่าหลังจากเมษายนปีหน้าแล้ว ค่าไฟฟ้าก็ต้องขึ้นสูงอีกถ้าหากยังไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง จะเป็นแค่การถ่วงเวลาการขึ้นราคาเท่านั้น 

รมว.สุชาติ ส่ง ผู้ช่วยฯ เปิดประชุมวิชาการประกันสังคม เร่งขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงานทุกมิติ ฟื้นเศรษฐกิจ - ท่องเที่ยว ภาคเหนือ

วันที่ 1 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดงานประชุมวิชาการประกันสังคม 5 ภาค ประจำปี 2565 (ภาคเหนือ) Modernizing SSO 2022 : ก้าวสู่ระบบประกันสังคมที่ทันสมัย พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายการพัฒนา และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงาน” โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ ณ โรงแรม คุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่
          
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานช่วยดูแลพี่น้องแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 รวมทั้งนายจ้าง ผู้ประกอบการให้เหมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือนายจ้าง และผู้ประกันตน ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการ โครงการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โครงการ Factory Sandbox โครงการ ม.33 เรารักกัน โครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด 29 จังหวัด

'อลงกรณ์' ชี้แม้ไทยส่งออกยางธรรมชาติทะลุ 2 แสนล้านเพิ่มขึ้นกว่า 20%แต่ราคายังผันผวนจากผลกระทบของโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน มอบ 'กยท.' เร่งเดินหน้าขยายมาตรการชะลอขายยางเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายาง เปิดเผยวันนี้(1 ธ.ค)ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 5/2565ว่าที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดยางพารา ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญจากทูตเกษตร ประจำสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศในแต่ละภูมิภาคทั่วโลก โดยทูตเกษตรจากสหภาพยุโรป (สำนักงานบรัสเซลส์) อิตาลี (สำนักงานกรุงโรม) สหรัฐอเมริกาและอเมริกาใต้ (สำนักงานกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และลอสแองเจลิส) ออสเตรเลีย รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น อาเซียน (สำนักงานกรุงจาการ์ต้า) ซึ่งจากรายงานสถานการณ์การผลิต การค้า และการแข่งขันของตลาดยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางทั่วโลก ทั้งจากรายงานสถานการณ์ปัญหาสงครามรัสเซียยูเครน ยังคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางไทย

โดยสถานการณ์การส่งออกยางและผลิตภัณฑ์ยางไทยไปยังรัสเซียยังคงหดตัว อีกทั้งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหนักอยู่ในระยะ wait and see mode และสต๊อคยางในรัสเซียยังล้นตลาดถึง 43 % ในสหรัฐอเมริกา เกิดภาวะเงินเฟ้อสูง และสถานการณ์โควิดในประเทศจีนรุนแรง หลายพื้นที่ล็อคดาวน์ยังพบผู้ติดเชื้อสูงโดยในเดือนพฤศจิกายน จีนพบผู้ติดเชื้อกว่า 49,479 ราย ไม่แสดงอาการ 448,350 ราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าในจีน ซึ่งจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อราคาและการส่งออกยางพาราของไทย

ที่ประชุมยังรับทราบรายงานสถานการณ์ยางพารา เดือนพฤศจิกายน 2565 และคาดการณ์เดือนธันวาคม 2565 โดยฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย ได้รายงานคาดการณ์ปริมาณผลผลิตยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.754 ล้านตัน ในช่วงไตรมาส 4/65 มีปริมาณผลผลิตยางพาราสูงกว่าทุกไตรมาส มีปริมาณ 1.432 ล้านตัน การส่งออกในไตรมาสที่ 3/65 ไทยส่งออกรวม 1.150 ล้านตัน ยังอยู่ในระดับเดียวกับปีก่อน สำหรับช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.2565 คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกอาจจะชะลอตัวเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ปริมาณสูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าการส่งออกยางธรรมชาติของไทย ปี 2565 (ม.ค.-ก.ย. 2565) มีมูลค่า 216,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.99 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งออกไปยังประเทศจีน มากที่สุด มีมูลค่า 107,352 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ มาเลเชีย มูลค่า 19,153 ล้านบาท สหรัฐอเมริกามูลค่า 15,414 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 11,905 ล้านบาท เกาหลีใต้ มูลค่า 9,891 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ มูลค่า 52,813 ล้านบาท 

นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบรายงานเรื่องแพลตฟอร์มเพื่อการบูรณาการองค์ความรู้และนวัตกรรม (Field for Knowledge Integration and Innovation (FKII)) และรายงานความก้าวหน้าโครงการจัดตั้งพื้นที่บริหารจัดการยางพารา (Rubber Valley) 

กระทรวงดิจิทัลฯ - ดีป้า ประกาศผลรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 ชูไอเดียรัฐ - เอกชนประยุกต์ใช้ดิจิทัลพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทย

1 ธันวาคม 2565, กรุงเทพมหานคร - กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า จัดพิธีมอบรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 แก่ผลงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลตามแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และยกระดับ การให้บริการประชาชนใน 7 ด้าน รวม 20 รางวัล

นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 แก่ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เจ้าของผลงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการเมือง และให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุดตามลักษณะของเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) การขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) รวม 20 รางวัล

นายเนวินธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนคิดค้นและนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ ควบคู่ไปกับการบูรณาการการทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปีนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จัดให้มีกิจกรรมประกวดเพื่อชิงรางวัลในโครงการ Smart City Solutions Awards 2022 เพื่อเฟ้นหาผลงานที่มีความโดดเด่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ตามลักษณะของเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้านด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยผลงานต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลเป็นระบบบริการที่ดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะเป็นต้นแบบองค์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในการสร้างสรรค์โซลูชันเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะต่อไป

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ Smart City Solutions Awards 2022 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้มีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดรวม 57 ผลงาน และมีผลงานที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และได้รับรางวัลในแต่ละด้านรวม 20 ผลงาน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลล้วนเป็นโซลูชันที่มุ่งแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่อย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล อีกทั้งมีแนวทางการประเมินผล รวมถึงการนำไปใช้อย่างชัดเจน ตลอดจนสร้างความมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่
ได้อย่างเป็นรูปธรรม

“โครงการ Thailand Smart City Solutions Awards 2022 ถือเป็นการสร้างความตระหนักและกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล อีกทั้งก่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างไปยังหน่วยงานที่เป็นผู้ให้บริการระบบบริการเมืองอัจฉริยะ รวมถึงประชาชนหรือผู้รับบริการที่จะได้รับรู้และเข้าใจในระบบบริการเมืองอัจฉริยะ และแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการเมือง ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 ใน 7 ด้าน ประกอบด้วย
1. ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ หลาดยะลา (Yala Market) “ระบบบริการด้านตลาดออนไลน์กระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น” โดย เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
รางวัลชมเชย
- โครงการ ส่งเสริมตลาดเกษตรออนไลน์ 'สดจากฟาร์ม เสิร์ฟจากเว็บ' 
โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม

2. ด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ Smart Grid in Samyan Smart City 'ระบบจัดการพลังงานในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ' 
โดย สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
รางวัลชมเชย
- โครงการ Smart IoT Street Lighting (โคมไฟถนนอัจฉริยะ) โดย บริษัท จัมโบ้ อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดระยอง

3. ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment)
รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ Chula Zero Waste 'ความยั่งยืนในการจัดการขยะอย่างครบวงจร' 
โดย สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
รางวัลชมเชย
- โครงการระบบแสดงข้อมูลการตรวจสอบอาหารทะเลปลอดฟอร์มาลิน 
โดย เทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี

4. ด้านการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance)
รางวัลชนะเลิศ (2 ผลงาน)
- โครงการระบบรับและบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ออนไลน์ 'เพื่อการบริการภาครัฐที่ทันสมัยและคล่องตัว' โดย เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
- โครงการบ้านกลาง One Stop Service 'ระบบที่ส่งต่อบริการอย่างครบถ้วนและรวดเร็ว'
โดย เทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน
รางวัลชมเชย (2 ผลงาน)
- โครงการโครงข่ายนครสวรรค์เมืองอัจฉริยะ (Super Node) โดย เทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
- โครงการ บวกค้าง อี เซอร์วิส  (Buakkhang E-Service) ภายใต้โครงการไตยอง Smart City โดย เทศบาลตำบลบวกค้าง จังหวัดเชียงใหม่

'อลงกรณ์' ชงฟรุ้ทบอร์ดเห็นชอบโครงการจัดตั้ง มหานครผลไม้ (Fruit Metropolis) และ กองทุนผลไม้แห่งชาติ เพื่อยกระดับจันทบุรีและภาคตะวันออกเป็นฮับผลไม้โลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาโครงการมหานครผลไม้ และการขนส่งผลไม้ผ่านสนามบินจันทบุรี เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะทำงานศึกษาโครงการมหานครผลไม้ และการขนส่งผลไม้ผ่านสนามบินจันทบุรี ว่า คณะทำงานฯ.จะเสนอฟรุ้ทบอร์ด (Fruit Board) พิจารณาเห็นชอบพิมพ์เขียวแนวทางการพัฒนาโครงการจัดตั้งมหานครผลไม้ (Fruit Metropolis Blueprint) และหลักการแห่งร่างกฎหมายกองทุนผลไม้แห่งชาติ (National Fruit Fund)รวมทั้งแนวทางการพัฒนาสนามบินจันทบุรีในการประชุมฟรุ้ทบอร์ดครั้งต่อไปคาดว่าเป็นปลายเดือนหน้าหรือต้นเดือนมกราคมเพื่อยกระดับจันทบุรี ภาคตะวันออกเป็นฮับผลไม้โลกในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของโลกโดยปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท 

โครงการมหานครผลไม้มุ่งต่อยอดการพัฒนาจากฐานศักยภาพปัจจุบันของจังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราดและจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันออกเชื่อมโยงกับศักยภาพของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก(Eastern Economic Corridor)โดยจะจัดตั้งบนพื้นที่ของรัฐในอำเภอนายายอามและอำเภอท่าใหม่ของจังหวัดจันทบุรีพร้อมกับการพัฒนาสนามบินจันทบุรีเป็นสนามบินพาณิชย์
โดยโครงการมหานครผลไม้ประกอบไปด้วยการแบ่งโซนพื้นที่และองค์ประกอบสำคัญเช่น
1.ศูนย์บริหารจัดการผลไม้ครบวงจร 
2.ศูนย์ธุรกิจ แสดงสินค้าและการประชุม
3. ศูนย์การค้าอีคอมเมิร์ซและการประมูลออนไลน์
4.ศูนย์แปรรูปผลไม้
5.ศูนย์โลจิสติกส์ การขนส่งและคลังสินค้า
6.ศูนย์รวบรวมคัดแยกและบรรจุผลไม้สด
7. ศูนย์ห้องเย็น(Cold Chain Center)
8.ศูนย์ปฎิบัติการแล็ปกลาง
9.ศูนย์ตรวจรับรองคุณภาพผลไม้
10.ศูนย์วิจัยและพัฒนาโดยสถาบันผลไม้(Fruit Academy)จัดตั้งภายใต้ระบบAIC(ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม-Agritech and Innovation Center)

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า การบริหารจัดการจะใช้รูปแบบPPPและการลงทุนของภาคเอกชนเป็นหลักเน้นการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เกษตรมูลค่าสูงโดย ต่อยอดและเชื่อมโยงเสริมศักยภาพปัจจุบันของตลาดผลไม้และระบบการค้าการส่งออกที่มีอยู่เดิมเพิ่มในส่วนที่ขาดมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางผลไม้ของโลก รวมทั้งการสร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรชาวสวนผลไม้ภายในประเทศและต่างประเทศที่เป็นตลาดสำคัญเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฮ่องกง อาเซียน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ดูไบ ซาอุดีอาระเบีย เนเธอร์แลนด์และอียู ฯลฯ ในรูปแบบคล้ายคลึง FKIIของญี่ปุ่นและโมเดลFood Valleyของเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ในฐานะประธานกรกอ.จะนำโครงการมหานครผลไม้เข้าสู่การพิจารณาของการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.)ครั้งหน้าเพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการโรงงานกลุ่มคลัสเตอร์แปรรูปผลไม้และเวชสำอางค์ที่สนใจมาลงทุน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าในการพัฒนาและปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และเห็นว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์เพื่อการขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดนอกเขตอีอีซี.โดยช่วงแรกจะใช้สนามบินอู่ตะเภา สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและสนามบินจังหวัดตราดไปพลางก่อนโดยจะมีหนังสือขอการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคมรวมทั้งการขยายระบบรางมายังโครงการมหานครผลไม้ด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top