Saturday, 27 April 2024
Easthern

เมืองพัทยา ร่วมภาคเอกชน ปลุกกระแสท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ จัดงานเทศกาลว่าวริมชายหาด ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระหว่าง 9 - 19 เม.ย.นี้

ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยาเป็นประธานประชุมจัดงาน Pattaya Kite on the Beach 2021 พร้อมด้วย นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก นายขจรเดช อภิชาติตรากู ผอ.ททท.สำนักงานพัทยา ราชการ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการเตรียมความพร้อมและมอบหมายงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสถานที่ การจราจร การอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ที่เข้าร่วมงานตลอดการจัดงาน สำหรับจัดงาน Pattaya Kite on the Beach 2021 เป็นความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยาร่วมกับสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา  โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่บริเวณชายหาดด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยาบีชไปจนถึงบริเวณชายหาดแยกพัทยากลาง รวมระยะทางกว่า 300 เมตร ระหว่างวันที่ 9 - 19 เมษายน 2564

ทั้งนี้เพื่อสร้างกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวเมืองพัทยา อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีในภาพรวม

โดยภายในงานผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับว่าว Bowl Kite ขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้รับการรับรองจาก World Records ว่าว รูปปลาวาฬแม่ ขนาด 35 เมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศ มาพร้อมกับว่าว ปลาหมึก LED ครั้งแรกในประเทศกับว่าวสะท้อนแสงไฟ LED ว่าวรูปทุเรียน หมี มังกร และว่าวขนาดใหญ่อีกกว่า 30 ตัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การจำหน่ายว่าวที่สวยงามหลากหลายรูปแบบ พร้อมทั้งสอนเทคนิคการเล่น และประดิษฐ์ว่าวให้สวยงามตามใจชอบ ตลอด 9 วันของการจัดงาน

ภาพ/ข่าว  อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี)

ฮือฮาชาวเน็ทแห่แชร์ภาพสาหร่ายก้อน หรือมารีโมะ นำโชคยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นและไทย ถูกคลื่นซัดเกยชายหาดทะเลบางแสนจำนวนมาก ด้านผู้ประกอบการห่วงยางเผยหาดูยาก 1 ปีมีครั้งเดียว

จากกรณีที่มีเฟสบุ๊คชื่อว่า ชอบจัง บางแสน ได้โพสต์ข้อความว่า “สาหร่ายก้อนกลมเต็มหาดเลย ใช่ มารีโม๊ะ ไหมนะ ใครมาวันนี้จะเจอสาหร่ายกลม ๆ นุ่มนิ่มกลิ้งไปมา

แบบนี้ทั้งหาด มา ๆ มาถ่ายรูปกันได้นะ ” พร้อมรูปภาพของสาหร่ายที่เกยหากบางแสนเต็มพื้นเขียวอร่ามเป็นแนวยาวมีลักษณะกลมสวยเป็นที่แปลกตาจนมีชาวเน็ทแห่แชร์และคอมเม้นเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อ 25 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบริเวณริมชายหาดทะเลบางแสนก็ได้พบกับสาหร่ายที่กองเกยหาดจำนวนมากมีนักท่องเที่ยวต่างมาดูและมาถ่ายรูปโพสค์ลงโชเชียลถามถึงความแปลกและมีความคล้ายคลึงกับสาหร่าย มารีโมะ หรือ “ มาริโมะ (Marimo) まりも เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจากสาหร่ายน้ำจืดชนิดเดียวกันที่มีอยู่ในทะเลสาบแห่งอื่นของโลก ที่คนส่วนมากรุ้จักจากการเป็นของฝากขึ้นชื่อจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น “มาริ” นั้นมีความหมายว่า “บอล” ส่วน “โมะ”มีความหมายว่า “ พืชจำพวกสาหร่ายหรือมอสส์ ”  ส่วนชื่อในภาษอังกฤษ คือ “Moss ball ” ที่มีลักษณะกลมซึ่งทางกลุ่มคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นสาหร่ายนำโชค ด้านความรัก และสุขภาพนำมาเลี้ยงในโหลน้ำใสเพื่อให้มีการเจริญเติบโตอีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มวัยรุ่นในประเทศไทยที่ชื่นชอบและเลี้ยงเพาะขายอีกด้วย

ล่าสุดวันนี้ 26 มีนาคม เวลา 08.30 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหาดทะเลบางแสนก็พบว่ามีน้ำทะเลขึ้นสูงริมทรายหาดทำให้ไม่พบกับสาหร่ายเพราะน้ำได้พัดลงทะเลไปแล้ว จากการสอบถามนายปราโมทย์ ผิวขำ อายุ 38 ปีเจ้าของกิจการเรือกล้วยเล่าว่า จากปรากฎการดังกล่าวสำหรับตนถือว่าปกติที่สาหร่ายมาเกยที่หาดเพราะ 1 ปีจะมี1ครั้งและจะมีเดือน มีนาคม และเมษายน แค่นี้ หลังจากนี้จะไม่มีแล้วเพราะสาหร่ายจะมากับลมคลื่นที่พัดแรงพอน้ำลดจะเห็นสาหร่ายตามภาพแต่วันนี้น้ำขึ้นสูงทำให้พัดสาหร่ายลงทะเลถ้าจะเห็นอีกทีต้องหลังน้ำลด ส่วนสาหร่ายนี้ตนเห็นวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วเพราะถ้าหากฝนตกหนักทำให้น้ำจืดหนุนสูงแล้วไหลลงทะเลสาหร่ายก้อนจะเป็นสาหร่ายน้ำจืดแต่ก็หาได้ดูยากมากบางปีก็ไม่เป็นก้อนกลมสวยแบบนี้บ่อย ตนเห็นก็ดูว่าแปลกดีพอหยิบมากดูพบว่าเป็นใย ๆ เหมือนกำมะหยี่พอแกะดูบางก้อนจะมีปูเฉฉวนน่ารักมากที่อยู่ข้างในส่วนความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่าหากนำไปเลี้ยงจะทำให้ ความรักยั่งยืนและมีสุขภาพอแข็งเเรงหลังจากนี้ตนก็คงจะเก็บเอาไปเลี้ยงบ้าง

ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

ปราจีนบุรี “สาธิต” หนุน “แล็บชาวบ้าน” อภัยภูเบศรเสริมแกร่งเกษตรเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก

วันนี้ 29 มี.ค.64   ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรี  รายงานว่า  ดร.สาธิต ปิตุเตชะ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางมาที่รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรเบื้องต้นได้รับการต้อนรับและแสดงความขอบคุณจากพยาบาล-แพทย์แผนไทยในการได้รับบรรจุเป็นข้าราชการช่วงสถานการณ์โควิด -19 กว่า 130 คน ก่อนเดินทางรับฟังเรื่องรัฐวิสหกิจชุมชน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร  หนุนการสร้างแล็บชาวบ้าน   


ดร.สาธิต กล่าวถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันจากสินค้าเกษตร โดยในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 นั้น ประเทศไทยได้รับการยอมรับถึงศักยภาพด้านการแพทย์เป็นอย่างมากในส่วนของสมุนไพรนั้นก็มีการศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพโดยเฉพาะสมุนไพรนั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าในการพัฒนา เพราะจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศเป็นอย่างมาก   


ซึ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาการวิจัย สร้างความรู้จากประสบการณ์การใช้ของคนไทย และสร้างให้กลุ่มเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐาน ตั้งแต่การปลูก การผลิต การแปรรูปสมุนไพรขั้นต้นนั้น อันจะทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมีมาตรฐาน และมีโอกาสแข่งขันในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศเกิดการพัฒนาได้ 

โดยการมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านสมุนไพรของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้นำเสนอโครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ  โดยมีเป้าหมายในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตร ให้สามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าสมุนไพร และยังเป็นการช่วยส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจด้านตลาดสมุนไพรไทยเติบโตได้”พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “ โปรเจ็กต์สร้างโครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ให้เป็น แล็บชาวบ้าน นั้นอภัยภูเบศรมีความตั้งใจอยากให้เกิดขึ้นโดยจะใช้ พื้นที่หาดยาง จ.ปราจีนบุรี ที่ได้รับงบประมาณมาส่วนหนึ่งแล้วเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสมุนไพรครบวงจร   เพื่อให้ชาวบ้าน เกษตรกร ผู้ปลูกได้มาศึกษาพื้นฐานตั้งแต่ การปลูกสมุนไพรเบื้องต้น การจัดการ การผลิตและแปรรูปขั้นพื้นฐาน เป็นแนวทางในการช่วยเพิ่มมูลค่ากับสมุนไพร มากกว่าแค่ให้พวกเขาทำได้แค่การปลูกเท่านั้นแต่ยังต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้โครงการสมบูรณ์ ในอนาคตเราคิดว่าสมุนไพรจะเป็นคำตอบให้กับสังคม ทั้งในแง่ของการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ ยา อาหาร และบริการ จะสามารถช่วยสร้างเม็ดเงินและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ และการพัฒนาสมุนไพรให้ตอบโจทย์สังคมยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ยุคสูงวัยอย่างมีสุขภาวะ มีสุขภาพดี 
โดยตั้งเป้าการส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรที่คิดว่าเกษตรกรมีศักยภาพ และสามารถต่อยอดเองได้ใน 5 กลุ่มด้วยกัน คือ สมุนไพรเพื่อสมองดี ด้วย บัวบก ตำรับกลีบบัวแดง สมุนไพรปรับสมดุลอารมณ์ เช่น กัญชา กัญชง สมุนไพรดูแลหัวใจดี คือ บัวหลวง สมุนไพรที่ดูแลกลุ่มกระดูกและข้อ เช่น ขมิ้นชัน เพชรสังฆาต และสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันด้วยฟ้าทะลายโจร เป็นต้น โดยการพัฒนาสมุนไพรนี้เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ทางโรงพยาบาลได้ศึกษาวิจัยมาก่อนหน้าแล้วส่วนหนึ่ง ดังนั้นหากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ก็จะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 65”


และในขณะนี้คือ  การผลิตน้ำมันกัญชาเพื่อการรักษาโรค , การส่งเสริมเศรษฐกิจด้านอาหาร  - เครื่องดื่ม  จากกัญชา ตลอดรวมถึงการเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ประชาชน...

ภาพ/ข่าว  ลักขณา สีนายกอง
 

สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จัดเวทีสัมมนา EV 100 แสดงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอังกฤษ พร้อมอบรมเมืองอัจฉริยะมุ่งสู่เวที COP ครั้งที่ 26

ที่ โรงแรมสยามเบย์ชอร์ พัทยา จ.ชลบุรี นายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายรณกิจ เอกสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นาย ริชาร์ด พอร์ทเตอร์ ที่ปรึกษาพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมเปิดงาน EV 100 Roadshow และการประชุมเชิงปฏิบัติการ UK-Thailand Smart City ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนเข้าร่วม

สำหรับงานงาน EV 100 Roadshow และการประชุมเชิงปฏิบัติการ UK-Thailand Smart City จัดขึ้นเพื่อขยายความร่วมมือและสร้างพันธมิตรเมืองอัจฉริยะระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศไทย ตลอดจนแนะนำหนังสือ "คู่มือเมืองอัจฉริยะ” ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอภาพรวมของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทย รวมถึงกรณีศึกษาและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของสหราชอาณาจักรที่อาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย

รวมทั้งผลักดันแคมเปญยานยนต์ไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ ร่วมกับการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องเกิดการพัฒนาเมืองแบบควบคู่กัน และนับเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวแคมเปญ EV100 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับเอกชนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในด้านยานยนต์และโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ทางสถานทูตฯยังได้ร่วมกับบริษัทชั้นนำ เพื่อนำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากสหราชอาณาจักร มาจัดแสดงให้กับผู้ร่วมงานได้ชมไม่ว่าจะเป็น รถยนต์จากัวร์ รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม จักรยาน ยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นเรียกรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มีเป้าหมายจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ในอนาคต รวมถึงรถแท็กซี่สีน้ำเงินสุดคลาสสิคจาก ทาง Asia CABB รถต้นแบบ “ลอนดอนแท็กซี่” และสุดท้ายคือการผสานเทคโนโลยีแผ่นโซลาร์ยืดหยุ่นที่มีน้ำหนักเบาสำหรับรถตุ๊กตุ๊ก จากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดาวน์โหลดหนังสือคู่มือได้ที่ https://eu.eventscloud.com/ehome / index.php?eventid=200216484&


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี)

จันทบุรี แถลงผลการจับกุมผู้กระทำผิดจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ และ ผู้ต้องหาลักทรัพย์ขโมยทุเรียนชาวสวนผลไม้ หลอกขายทุเรียนอ่อน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ

วันนี้ (31 มี.ค.2564) นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินคดีเกี่ยวกับทุเรียนอ่อนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตามที่ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด จ.จันทบุรีบูรณาการความร่วมมือออกสุ่มตรวจจับกุมผู้กระทำผิด รวมพื้นที่ 4 อำเภอ  ประกอบด้วย  1.พื้นที่ สภ.ท่าใหม่ วันที่ 17 มี.ค.64 นายมนตรี ล้วนปิยะกุล ได้ซื้อทุเรียนพันธุ์กระดุมจากล้งซูเหมย หรือแผงชูเหมย ตลาดรับซื้อผลไม้เนินสูง ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กับนายซูน เจงเจีย (Sun Gengjia) น้ำหนักทั้งหมด 181 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 185 บาท รวมเป็นเงิน 33,485 บาท ซึ่งทุเรียนดังกล่าวเป็นทุเรียนอ่อน  มีค่ามาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพียง 24 เปอร์เซ็นต์

2.พื้นที่ สภ.เมืองจันทบุรี วันที่ 20 มี.ค.64 นายนิพนธ์ วิสุทธาภรณ์ ตำแหน่ง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดจันทบุรี ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนางสาวเชาวนี วิเสโส ตำแหน่ง นักวิชาการเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี ว่าได้เข้าตรวจสอบโรงคัดบรรจุทุเรียน แผงน้องเอ ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี พบทุเรียนพันธุ์กระดุมทองในโรงคัดบรรจุ จำนวน 3 ตัวอย่าง ตัวอย่างที่1 น้ำหนักเนื้อแห้ง 28 (ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน) ตัวอย่างที่ 2 น้ำหนักเนื้อแห้ง 19 % ตัวอย่างที่ 3 น้ำหนักเนื้อแห้ง 18% (ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน) ซึ่งคุณภาพผลผลิตแยกตามสายพันธุ์นั้น ทุเรียนพันธุ์กระดุมทอง น้ำหนักเนื้อแห้งขั้นต่ำต้องได้ 27% ซึ่งทุเรียนพันธุ์กระดุมทองไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด / ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ของวันเดียวกัน นายนิพนธ์ วิสุทธาภรณ์ กับพวก ได้เข้าไปในโรงคัดบรรจุทุเรียน แผงน้องเอ จากนั้นได้ตรวจยึดทุเรียนพันธุ์กระดุมทอง จำนวน 40 ลูก จาก น.ส.เนตรนภา แปงพัว  ผู้แสดงตนเป็นผู้ครอบครอง ขณะบรรจุในกล่องกระดาษเพื่อเตรียมส่งออกไปขายประเทศจีน และได้นำทุเรียนดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี ร้องทุกข์กล่าวโทษ พนักงานสอบสวนได้รับไว้เป็นคดีอาญาที่ 660/2564 พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา ให้มาพบในวันที่ 31 มี.ค.64 เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หากผิดจริง จะถูกดำเนินคดีจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ

3.พื้นที่ สภ.นายายอามเมื่อวันที่ 28 มี.ค.64  มีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง โดยนายนิพนธ์ วิสุทราภรณ์ ร่วมกับ เจ้าพนักงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายธัญสิทธิ์ ชาติวิริยะพงษ์กับพวกรวม 3 คน และ พ.ต.ต.ชนินท์วิชญ์ แสงสุวรรณ สวป.สภ.นายายอาม ได้ร่วมกันตรวจสอบโรงงานคัดแยกสินค้าเกษตร (ล้งมาโนช (ระยอง)) ต.วังโตนด อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ผลการตรวจสอบพบทุเรียนพันธุ์ชะนีด้อยคุณภาพ จำนวน 192 ลูก ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด คือ 20,28 เปอร์เซ็นต์ (มาตรฐานที่กำหนด 30 เปอร์เซ็นต์) พบนายสืบพงศ์ สำเร็จ ผู้จัดการล้งมาโนช (ระยอง) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองล้งมาโนช (ระยอง) และยินยอมให้ตรวจยึดอยู่ที่ล้งดังกล่าวต่อมาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.64 นายสืบพงษ์ สำเร็จ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหา “พยายามขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้น อันเป็นเท็จ” นายสืบพงษ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนการสอบสวนตามลำดับต่อไป

4.พื้นที่ สภ.มะขามเมื่อวันที่ 29 มี.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะขาม ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ดังนี้ 1.นายธวัชชัยร หรือแจ็ค เปรมปรีชา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/3 หมู่ 1 ต.มะขาม อ.มะขามจ.จันทบุรี 2.นายนนทวัฒน์หรือวัต รุประมาณ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/19 หมู่ 5 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี3.นายชยางกูรหรือแฟ้ม เปรมปรีชา อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/3 หมู่ 1 ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร และเสพยาเสพติดโทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย

1.ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จำนวน 45 ลูก

2.ทุเรียนพันธุ์นวลทองจันทร์ จำนวน 10 ลูก

3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีน้ำตาล เลขทะเบียน ขจพ 531 จันทบุรี จำนวน 1 คัน

4.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บม 5280 จันทบุรี จำนวน 1 คัน

5.มีดตัดทุเรียน จำนวน 1 เล่ม

ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาพฤติการณ์แห่งคดี ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนายไชยา ศรีบุษญ์ เจ้าของสวนทุเรียนว่ามีคนร้ายลักลอบตัดทุเรียนในสวนเป็นประจำในช่วงเวลากลางคืน ต่อมาตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปตรวจสอบบริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ต.ปัถวี อ.มะขาม จ.จันทบุรี พบผู้ต้องหาอยู่ในที่เกิดเหตุและมีลักษณะมั่วสุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และขอทำการตรวจปัสสาวะ เบื้องต้นผลเป็นบวก และสอบถามเรื่องการลักลอบตัดทุเรียน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพว่าได้แอบลักลอบตัดทุเรียนจากสวนของนายไชยาฯจริงและรับว่าได้ทำการลักทรัพย์ทุเรียน มาจำนวน 5 ครั้งแล้ว และพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดทุเรียนของกลางที่ตัดแล้วไปซุกซ่อนบริเวณใกล้เคียง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมายต่อไป

ชลบุรี – สง่างาม ผบ.กร.เปิดซุ้มประตูนักรบ "ซีล" นสร.กร. อย่างเป็นทางการ

วันที่ 1 เม.ย.64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มประตู หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) ณ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือฯ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก เส้นทางเข้า-ออกเดิมของ นสร.กร. ตัดผ่านสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว ที่มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง  และในบางครั้งมีการปิดเส้นทางเข้า-ออกส่งผลให้ข้าราชการของหน่วยต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านช่องแสมสารที่มีความแออัด และมีระยะทางไกลกว่าเดิม ตลอดจนหน่วยได้รับการขยายอัตราเพิ่มอีก 1 กรมรบพิเศษ ข้าราชการของหน่วยเพิ่มขึ้น การผ่านเข้า-ออกเส้นทางเดิมที่เป็นลักษณะทางลงเนินโค้ง ทำให้มีความไม่ปลอดภัย หน่วยจึงได้พิจารณาสร้างเส้นทางเข้า-ออกใหม่ ให้มีความปลอดภัย และสง่างาม

การออกแบบซุ้มประตูใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นลักษณะคล้ายเรือล่องหน ที่มีขีดความสามารถในการเล็ดลอดการตรวจพบ ตรวจจับจากข้าศึก และสามารถทำการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการ อันเป็นคุณลักษณะสำคัญในการปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ โดยด้านบนของซุ้มประกอบด้วย ชื่อหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เหนือชื่อประดับเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ด้านซ้ายมีธงเครื่องหมายยศ พลเรือตรี ซึ่งเป็นยศของผู้บัญชาการหน่วย และได้พิจารณาสร้างซุ้มประตูอยู่ในบริเวณที่มีเส้นทางเข้า-ออกหน่วยกว้างขวางกว่าเดิม เป็นไปตามแนวความคิดในการออกแบบของ พล.ร.อ.ลือชัย  รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ได้กรุณามอบให้แก่หน่วย

จากลักษณะซุ้มประตูที่โดดเด่น  สง่างาม และทันสมัย สะท้อนความเป็นหน่วยปฏิบัตการพิเศษของกองเรือยุทธการได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

จันทบุรี - พบเด็กป่วย ‘โรคเบอรี่ซินโดม’ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มูลนิธิพระพุทธบาทพลวงและคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรี เข้าช่วยเหลือเบื้องต้น

ที่บ้านพักของครอบครัวผู้ยากไร้ ที่อาศัยสวนผลไม้ของญาติในบ้านที่ไม่มั่นคง อาชีพรับจ้างทำสานผลไม้ และ รับจ้างทั่วไป ของครอบครัว ศรีบุรุษ ในหมู่บ้านพังตะแคง หมู่ที่ 7 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พระครูประดิษฐ์ ศาสนการ เจ้าอาวาสวัดทุ่งตาอินท์ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระพุทธบาทพลวง / พระครูพุทธบท บริบาล ประธานมูลนิธิพระพุทธบาทพลวง / พระครูปลัดน้ำ มันตะชาโต เลขามูลนิธิพระพุทธบาทพลวง พร้อมด้วย คณะกรรมการฯ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัว ของ นายสถาพร  ศรีบุรุษ ( น้องอ๋อ ) ที่ป่วยเป็นโรคเบอรี่ซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่รักษาหายยาก เคยเข้ารักษาแล้วแต่ไม่มียารักษาให้หายขาด ต้องใช้เวลา สภาพแวดล้อม และการเอาใจใส่ของคนในครอบครัว

ซึ่งโอกาสเกิดโรคนี้ในประเทศไทย น้อยมากถือว่าเป็น 1 ในล้าน สถิติที่ผ่านมาส่วนใหญ่ที่พบเจอ จะเป็นโรค ดาวน์ซินโดม แต่ผู้ป่วย โรคเบอรี่ซินโดม จะมีอาการหนักกว่า สาเหตุอาจเป็นไปได้หลายทาง ทั้ง พันธุ์กรรมที่มีโครโมโซนเกินจากเด็กปกติทั่วไป หรือ ช่วงตั้งครรภ์ได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีพัฒนาการล่าช้า มีใบหน้าเป็นลักษณะเฉพาะที่เห็นชัดถึงความแตกต่างจากเด็กปกติทั่วไป  อาการ จะลักษณะคล้ายเด็กที่ป่วยเป็นดาวซินโดม แต่ จะหนักกว่าตรงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย และ จะนิ่งเฉย ขณะเดียวกัน บิดา – มารดา เป็นครอบครัวที่ยากไร้ อาศัยญาติ พี่ น้อง ปลูกสร้างบ้านที่ไม่มั่นคง ต้องรับจ้างทั่วไปรายวันเพื่อเลี้ยงครอบครัว ที่มีน้องชายอีก 1 คน เวลาออกไปทำงาน พ่อ แม่ ต้องนำน้องอ๋อ นั่งรถซาเล้งออกไปดูแลอยู่ใกล้ ๆ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจเกิดอันตรายเพราะเด็กไม่รู้สึกตัวเองเลย และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กที่ป่วยเป็นดาวน์ซินโดม

ซึ่งหากปล่อยให้เด็กเสียชีวิตไปโดยไม่เหลียวแลก็ดูเหมือนจะผิดนิสัยมนุษย์เมื่อลูกเกิดมาแล้ว สภาพร่างกายแบบไหน พ่อ แม่ ก็ต้องพร้อมเลี้ยงดูจนถึงที่สุด ถึงแม้ชีวิตจะยากลำบาก ยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว แต่ก็ต้องทนรับสภาพ ในการที่ มูลนิธิพระพุทธบาทพลวงและคณะสงฆ์จังหวัดจันทบุรีเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการต่อเติมที่อยู่อาศัยให้มั่นคง หลบแดด ลม ฝนได้ และ อาหารเครื่องอุปโภคบริโภคที่นำมาให้สามารถแบ่งเบาภาระได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากผู้มีจิตศรัทธาประสงค์จะทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ ลำบาก สามารถร่วมบริจาคสมทบได้ที่มูลนิธิพระพุทธบาทพลวง หรือที่วัดพลวง และ วัดทุ่งอินท์ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา  (ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี)

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ (รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก)

ชลบุรี - เปาอุ๋ย แห่งตลาดจีนชากแง้ว แต่งตัวจีนโบราณขายบ๊ะจ่าง นักท่องเที่ยวแห่ซื้อและถ่ายรูปเก็บความประทับใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ เมืองพัทยา ยังมีตลาดโบราณบรรยากาศน่ารัก น่าแวะเที่ยว ชื่อว่า ตลาดจีนโบราณชากแง้ว ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเสน่ห์ของชุมชนโบราณแห่งนี้ คือได้ชมบ้านเรือนเก่าแก่ ร้านค้าตกแต่งให้กลิ่นอายแบบจีน เรียนรู้วิถีชุมชนและวัฒนธรรมจีนโบราณ แถมมีสินค้าหลากหลายให้ชม ชิม ช้อป ทั้ง อาหารไทย อาหารจีน ของกินพื้นบ้าน ขนมหวาน ของฝากต่าง ๆ ให้เลือกซื้อเลือกหาในราคาไม่แพงอีกด้วย พ่อค้าแม่ค้าเป็นคนในชุมชมที่เปิดบ้านเรือนนำของมาขายนั่นเอง

ซึ่งท่ามบรรดาพ่อค้า แม่ค้า มากมายนั้น ยังมี 1 ร้าน ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างถูกใจร้านนี้มากเป็น ร้านขายบ๊ะจ่าง เสียงคุณพี่เจ้าของร้านเรียกมาแต่ไกล “ อาตี๋ อาหมวย ล้ายเหลี่ยว ล้ายเหลี่ยว ฮ่อเจี๊ยะ ฮ่อเจี๊ยะ แวะชิมบ๊ะจ่างก่อนมั้ยครับ กินแล้วรวย กินแล้วรวย ” แถมเชื้อเชิญให้เข้ามายืนถ่ายภาพพร้อมคิดท่าให้เสร็จสรรพ บรรยากาศสุดเป็นกันเอง

จากการสอบถามพ่อค้าบ๊ะจ่างแต่งตัวจีนโบราณคนนี้คือ " เปาอุ๋ย แห่งตลาดจีนชากแง้ว " หรือ นายภูษิต เกตุมณี อายุ 60 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเปิดร้านขายสินค้าที่ตลาดจีนแห่งมากว่า 6 ปีแล้ว โดยสินค้ามีหลายอย่าง บ้ะจ่าง หมั่นโถว หมี่กรอบ แต่ที่ขึ้นชื่อและที่นักท่องเที่ยวกลับมาซื้อบ่อยครั้ง คือ บ๊ะจ่าง สูตรโบราณ อร่อยราคาถูก ซึ่งตนเองไม่ได้เน้นขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังเน้นการตกแต่งร้านด้วยของเก่าต่าง ๆ มากมาย สไตล์วินเทจโบราณ การแต่งตัวแบบคนจีนโบราณ เพื่อให้ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยว ได้ถ่ายรูปเก็บความประทับใจอีกด้วย โดยคำพูดติดปากของตนเองที่ไม่เหมือนใคร คือ " ล้ายเหลี่ยว " แปลว่า " มานี่ " และ "ฮ่อเจี๊ยะ " แปลว่า " อร่อย " ซึ่งลูกค้าที่ได้ยินคำนี้จะรู้ได้ทันทีว่าเป็น " เปาอุ๋ย "

โดยในวันนี้ ได้มีการเชิญชวนลูกค้าที่ผ่านไปมาแข่งขันกินบ๊ะจ่าง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้เก็บบรรยากาศการกินอย่างเอร็ดอร่อยและสนุกสนานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ตลาดจีนบ้านชากแง้ว แห่งนี้ เปิดบริการทุกวันเสาร์วันเดียวเท่านั้น


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี)

ชลบุรี - ควาญและช้าง โอด พิษโควิดทำพิษตกงาน ไร้อาชีพไร้เงิน

ช้างยังตกงาน โควิดทำสะเทือนหนักภาคท่องเที่ยวพัทยา ควาญช้างขนครอบครัวพร้อมช้าง 5 เชือกเดินทางกลับสุรินทร์ โอดอยู่ไม่ไหวไร้นักท่องเที่ยว ทำไร้อาชีพ ไร้เงินอยู่กินนานนับปี หวังตายดาบหน้าบ้านเกิด

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีครอบครัวควาญช้างจำนวนนับสิบชีวิต พากันขนข้าวของขึ้นรถ ยนต์ส่วนตัว พร้อมนำพาช้างจำนวน 5 เชือกเดินทางออกจากที่ทำงานเป็นฟาร์มช้างขนาดใหญ่ ในพื้นที่ตำบลห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ โดยอาศัยการเดินเท้าเพื่อหาหญ้าให้ช้างกินใน ช่วงระหว่างการเดินทางประทังชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบ กระทั่งพบกลุ่มควาญช้างกำลังนำพาช้างพัง และช้างพลายขนาดใหญ่จำนวน 5 เชือก พร้อมญาติๆที่โดยสารโดยรถยนต์กระบะ 2 คันประกบหน้า-หลังเพื่อความปลอดภัย เดินทางมาตามเส้นทางริมขอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จากการสอบถาม น.ส.นภาลัย หมายงาม อายุ 26 ปี เล่าว่าได้พาครอบครัวและญาติจำนวน 5 ครอบ ครัวเดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ เพื่อมาทำงานที่ฟาร์มช้างในเขต ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง ได้นานกว่า 5 ปีแล้ว โดยได้นำช้างมาด้วย 5 เชือกเป็นช้างพลาย 4 เชือกและช้างพัง 1 เชือก เพื่อมารับจ้างพานักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งในอดีตได้รับเงินค่าจ้างของช้างพร้อมควาญจากทางฟาร์มในอัตราเชือกละ 15,000 บาท/เดือน รวมกับค่าทิปในแต่ละเที่ยวก็สามารถมีเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี แต่ปรากฏว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปทั้งหมดหรือ 0 % ทำให้ทางฟาร์มขาดรายได้ ประสพภาวะขาดทุนอย่างหนัก ส่งผลมาถึงควาญและช้างที่ต้องถูกงดจ่ายเงินเดือนทั้งหมดไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2563 หรือประมาณปีเศษ จึงทำได้แต่รอความหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนปกติในไม่ช้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทำให้ครอบครัวไม่สามารถอยู่ต่อไปได้เพราะไม่มีเงินมาประทังชีวิต จึงหารือกันและตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สุรินทร์ ด้วยคงจะไปหาทำอาชีพเกษตรทำไร่ ทำนา เพื่อเลี้ยงชีวิต โดยยังไม่ทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

น.ส.นภาลัย กล่าวต่อไปว่าหลังตกลงปลงใจจะพากันกลับบ้านก็ขนข้าวของและพาช้างเดินออกจากปางตั้งแต่ช่วงเช้าเพราะอากาศไม่ร้อนจัดซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ช้าง ส่วนที่เลือกการพาช้างเดินเท้ากลับไม่ไม่มีเงินจ้างรถบรรทุกและอีกอย่างตลอดทางช้างก็ยังแวะหาหญ้ากินประทังชีวิตไปได้ โดยคาดว่าตลอดระยะทางกว่า 500 กม.ที่จะถึงบ้านที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ คงใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งครอบครัวทั้งหมดก็จะหาจุดแวะพักค้างแรมตามริมถนนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้าน อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางพบว่ามีชาวบ้านและประ ชาชนที่เห็นก็พากันเอาผลไม้ น้ำดื่ม และอาหารมาให้เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งรู้สึกซึ้งในน้ำใจของคนไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญหลายรายพยายามมาขอเลขบัญชีธนาคารด้วยจะโอนเงินช่วยเหลือให้ แต่ส่วนตัวคิดว่าอาจจะมีดราม่าหาว่าเอาช้างมาเร่ร่อนมาหากิน เลยไม่ได้ให้ใครไปเพียงแต่กล่าวขอบคุณในน้ำใจเท่านั้น ส่วนคนที่อยากจะเอาอาหารหรือผลไม้มาให้ช้างตามเส้นทางที่เดินทางกลับบ้านก็พร้อมน้อมรับและต้องขอบคุณล่วงหน้า สำหรับเส้นทางกลับนั้นก็จะเดินตามถนนสาย 331 มุ่งหน้ากลับสู่ภาคอีสานแต่จะเดินถึงช่วงไหนหรือแวะพักจุดใดเพื่อนำอาหารมาช่วยเหลือก็สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 093-3357062


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

ชลบุรี - เกาะล้านยังปลอดภัยไร้คนติดเชื้อโควิด เมืองพัทยาเข้มมาตรการคัดกรองคนเที่ยวเกาะล้าน

วันนี้ 7 เม.ย.64 นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่มีนักท่องเที่ยวชาวจังหวัด นนทบุรี ติดเชื้อโควิด-19 ได้เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะล้าน ซึ่งทางเมืองพัทยาก็ได้ทราบจากสาธารณะสุขจังหวัดนนทบุรี โดยนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อได้เดินทางมาเที่ยวเกาล้านในวันที่ 3 เมษายน 2564 โดยท่องเที่ยวบนเกาะล้าน และเดินทางกลับในวันที่ 4 เมษายน 2564 หลังจากที่ทราบข่าวทางเมืองพัทยาก็ได้ลงพื้นที่ไปดูแลผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวนนทบุรี โดยให้ผู้ที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เฝ้าระวังตัวเอง  ไม่ว่าเรือโดยสารที่ข้ามไปยังเกาะล้าน ร้านสะดวกซื้อที่นักท่องเที่ยวชาวนนทบุรีได้เดินทางเข้าไป ซึ่งวันนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ไปยังเกาะล้านก็ยังไม่พบผู้ใกล้ชิดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ติดเชื้อแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนที่อยู่บนเกาะล้านยังไม่มีการติดเชื้อโควิด 19

อย่างที่ทราบกันดีเกาะล้านมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งการระบาดรอบ 1 และรอบ 2 ทางเมืองพัทยามีมาตาการให้เกาะล้านมีการปิดเกาะ ซึ่งตอนนี้ทางเมืองพัทยาก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวทั้งจากท่าเรือแหลมบาลีฮาย และท่าเรือบนเกาะล้านทุกท่าเรือจะมีจุดคัดกรอง ถ้าเกิดกรณีนักท่องเที่ยวมีไข้ขึ้นสูง ทางเมืองพัทยามีเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขอยู่บนเกาะล้านคอยดูแล  แต่ถ้าพัก 1-2 ชั่วโมงอาการไข้ยังสูง ทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็จะทำการส่งตัวให้กับโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top