Sunday, 6 October 2024
Easthern

สระแก้ว – กองกำลังบูรพา ประกอบพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นสิริมงคล

วันนี้ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายวินัย โตเจริญนายอำเภออรัญประเทศ นายสุรศักดิ์ ชินนวรรณ์ สส.สระแก้วเขต3 นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว นำคณะผู้บริหารหน่วยงานทหาร องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวสระแก้ว ทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสังเวยบวงสรวงตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันรัฐพิธียุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ได้กระทำยุทธหัตถี ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จากพระราชดำรัสที่ทรงกล่าวโดยไม่สะทกสะท้านและมั่นพระทัยในไก่เหลืองหางขาวของพระองค์ ทำให้พระมหาอุปราชาทรงเกรงกลัว หาหนทางกลั่นแกล้งและกำจัด เป็นผลทำให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชจากพม่าได้ ไก่เหลืองหางขาวจึง มีชื่อเสียงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไก่เจ้าเลี้ยง” และ “ไก่พระนเรศวร”ซึ่งปัจจุบันชาวพิษณุโลกมีความภาคภูมิใจและหวงแหนในสมบัติล้ำค่าทางประวัติศาสตร์นี้มาก จึงมีการอนุรักษ์และพัฒนาไก่สายพันธุ์นี้มาโดยตลอด ในประเทศที่มีกีฬาชนไก่จะรู้จักไก่ไทยเหลืองหางขาวเป็นอย่างดี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ในขณะที่ตนเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังพล และครอบครัวตั้งพงษ์ทอง รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและประชาชนโดยทั่วไป ได้ร่วมกันจัดสร้างพระบรมราชนุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปางหลังทักษิโณทก ประทับนั่งบนอาคาร 2 ชั้น สูง 25 เมตร ชั้นบนออกแบบอาคาร 6 เหลี่ยม หลังคามุงรูปมาลาออกรบ ประดิษฐาน ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเชิดชูพระเกียรติยศพระมหากษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านการรบ การปกครอง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อปวงชนาวไทย เพื่อน้อมระลึกเหตุการณ์ครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและทรงทำสงครามกอบกู้เอกราช ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยและขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงพวกเราชาวไทยจวบจนปัจจุบัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชา และพระวิสุทธิกษัตริย์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชำนาญการรบอย่างยิ่ง ทรงฉลาดในการวางแผนยุทธวิธีและอุบายกระบวนศึกที่ไม่เหมือนผู้ใด ทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบที่มีพระปรีชาสามารถ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ประธานประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกองพิธี ณ บริเวณหน้าค่ายสุรสิงหนาท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับผู้มาร่วมพิธีของการแต่งกาย ข้าราชการทหารแต่งชุดพระราชฐาน ข้าราชทั่วไปแต่งเครื่องแบบปกติขาว หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พ่อค้าประชาชนใส่เสื้อเหลืองคอปกผู้ร่วมพิธีสวมหน้ากากอนามัยสีขาว หรือหน้ากากผ้าขาวตลอดการเข้าร่วมพิธีดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  วีระยุทธ สารการ / สมศักดิ์ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ระยอง - ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์เข็มที่ 2 พร้อมเร่งฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ลงทะเบียนไว้

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2564 ที่ รพ.ระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ อสม.เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า เดินทางมารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองตามกำหนดระยะเวลา หลังได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinovac ล็อตแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 5-9 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ได้รับการจัดสรรมา จำนวน 20,000 โดส

นายแพทย์ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ.รพ.ระยอง กล่าวว่า วันนี้เป็นการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ อสม.และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่สองของล็อตแรก ซึ่งจะมีการฉีด จำนวน 2 วัน ระหว่างวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ ที่ รพ.ระยอง และในวันที่ 28-30 เม.ย.จะฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ สำหรับบุลคากรทางการแพทย์ 6 คน ที่มีอาการอ่อนแรง ไม่ได้เกิดจากที่เป็นสโตรกแต่อย่างไร เกิดจากอาการข้างเคียง หรือ ISRR เกิดขึ้นได้ในระยะสั้นและหายเอง ซึ่งคนไข้หายเป็นปกติตั้งแต่ระยะแรกแล้ว ซึ่งการที่จะฉีดเข็มที่สองหรือไม่นั้นก็แล้วแต่คนไข้ หรือจะฉีดใหม่ และเปลี่ยนชนิดอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้อยู่ระยะเวลาการฉีดเข็มที่ 1 และ 2 ก็มารับการฉีดได้ภายใน 4 สัปดาห์


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

19 จังหวัด - 1 สัปดาห์แห่งการให้ “ครัวมาดาม” ส่งข้าวกล่องแทนใจ 19 รพ.สนามทั่วประเทศ

ครัวมาดาม มูลนิธิมาดามแป้ง ขอบคุณทีมอาสาส่งข้าวกล่อง รพ.สนาม, รพ.รัฐ 19 แห่ง ครบ 1 สัปดาห์ เตรียมขยายเวลาความช่วยเหลือต่ออีกเดือน และขยายพื้นที่ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมชวนคนไทยร่วมบริจาคส่งน้ำใจให้ไกลขึ้น

การให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง “ครัวมาดาม” กับแนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ภายใต้มูลนิธิมาดามแป้ง ที่ตั้งครัวชุมชนส่งข้าวกล่องแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ผ่านกลุ่มอาสากล้าใหม่ไปยัง 19 พื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ อยุธยา, นครราชสีมา, ภูเก็ต,  เชียงใหม่, นราธิวาส ฯลฯ หลังเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดระลอก 3 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายตั้งครัวถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่แย่ลงทำให้มีโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นมาก และบุคลากรทางแพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น มูลนิธิฯ จึงมีแผนขยายเวลาและปรับขยายพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤตให้มากที่สุด

ด้าน มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณน้ำใจของกลุ่มคนอาสาทุกคนทั้งจากทุกชุมชนในแต่ละพื้นที่ ที่แม้รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ก็เสียสละส่งต่อน้ำใจของมูลนิธิฯ นี้ไปยังคุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เราเชื่อว่าน้ำใจแห่งความตั้งใจนี้จะเป็นพลังให้คุณหมอที่ทำหน้าที่อย่างหนักในทุก ๆ วัน ซึ่งภารกิจของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะยังต้องทำต่อไปตามเป้าหมายคือ 28,500 กล่อง ในสิ้นเดือนเมษายนนี้”

“จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้น คณะกรรมการมูลนิธิฯ จึงกำลังวางแผนการขยายระยะเวลาทำครัวมาดามออกไปอีก เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอ อีกทั้ง ยังมีความเห็นว่าควรปรับและขยายพื้นที่ความช่วยเหลือออกไปอีก โดยขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมาช่วยกัน นอกจากการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยง อันจะเป็นการช่วยป้องกันบุคลากรทางแพทย์ และหากคนเราแข็งแรงและมีกำลัง ก็สามารถเอากำลังกายและใจนั้นออกมาแบ่งปันช่วยเหลือกันต่อไป” มาดามแป้ง กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางแพทย์ ผ่านกิจกรรมครัวมาดาม ด้วยการส่งข้าวกล่องเติมพลังให้ด่านหน้าผู้เสียสละในทุกวัน ด้วยการร่วมบริจาคสมทบทุน กล่องละ 50 บาท เลขบัญชี 092-2-61340-0 ธ.กสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้

 

 

ชลบุรี – สวนนงนุชพัทยา ผ่ามะพร้าวก้นสาว…หายากที่สุดในโลก มีมูลค่าเกือบแสน ให้นักท่องเที่ยวชิมฟรี

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำมะพร้าวก้นสาว ซึ่งเป็นมะพร้าวที่หายากที่สุดในโลก น้ำหนัก 3.9 กิโลกรัม ผ่าให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองชิมรสชาติของน้ำ และเนื้อมะพร้าว แบบฟรี ๆ โดยต้นมะพร้าวก้นสาวที่นำลูกมาผ่าในครั้งนี้มีอายุประมาณ 30 กว่าปี  และเป็นต้นที่มีลูกมะพร้าวสุกในทะลายเดียวมาแล้ว 1 ลูก  ซึ่งได้มีการนำไปขยายพันธุ์แล้วในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้มะพร้าวก้นสาว 1 ลูก จะมูลค่าที่ประมาณ เกือบ แสนบาท ส่วนที่เป็นต้นมะพร้าวก้นสาวราคาอยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000 บาท

นายกัมพล  กล่าวว่า  ปัจจุบันสวนนงนุชพัทยามีต้นมะพร้าวแฝด หรือมะพร้าวทะเลอยู่ในความดูแล จำนวน 36 ต้น เป็นต้นตัวผู้ 4 ต้น และต้นตัวเมีย 7 ต้น ต้นที่ยังไม่ทราบเพศอีก 25 ต้น  ซึ่งอนาคตมีแนวโน้มจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับมะพร้าวทะเล หรือมะพร้าวแฝด (LODOICEA MALDIVICA) จัดเป็นปาล์มชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ในประเทศซีเซลล์ ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นเมล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และหนักที่สุดในโลก มีความยาวมากถึง 12 นิ้ว และน้ำหนักประมาณ 40 ปอนด์ ลักษณะผลเหมือนมะพร้าว 2 ลูกติดกัน จนเป็นที่มาของชื่อ มะพร้าวแฝด หรือมะพร้าวก้นคน เป็นชื่อสามัญของปาล์มชนิดนี้ ใช้เวลา 6 ปีกว่า เมล็ดจะสุก และใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 ปี ในการงอก และอีก 1 ปี สำหรับให้ใบแรก ถือเป็นพืชหายากชนิดหนึ่ง ปาล์มชนิดนี้จากสถิติพบมีความสูงถึง 100 ฟุต ความยาวใบ 20 ฟุต และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 ฟุต แม้ชื่อสามัญจะมีชื่อว่า มะพร้าวแฝด แต่ก็ไม่ใช่มะพร้าว มีการเจริญเติบโตเหมือนปาล์มที่มีรูปพัด โดยมีเพศแยกออกไปคนละต้น ต้นเพศเมีย จะไม่ให้ผลจนกว่าจะมีอายุ 30 ปีขึ้นไป และบางต้นอาจมีระยะเวลาถึง 100 ปีในอดีตผู้คนนิยมเอากะลาของมะพร้าวทะเลไปทำเป็นลูกประคำ เช่น เป็นเครื่องรางของขลัง เป็นยารักษาสารพัดโรค คือเชื่อว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์และเป็นผลไม้แห่งความอมตะ

สระแก้ว - กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และด่านศุลกากรอรัญประเทศ ลุยเข้าตรวจ 6ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยกัมพูชา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

พันเอกเสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมด้วย พันตำรวจเอก รัชพงศ์ เตี้ยสุด รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาการผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสรแก้ว ,พันเอก เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผู้บังคับชุดควบคุมกรมทหารพราน 12 , เจ้าเหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ เดินทางเข้าตรวจสอบช่องทางธรรมชาติบริเวณตลาดหลังคาแดง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของ บิ๊กซีสาขาตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1205 จากนั้นได้เดินทางไปตรวจช่องทางธรรมชาติอีก 2ช่องทางซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงเรียนบ้านท่าข้าม ตำบลท่าข้าม ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1201

นอกจากนั้นได้เข้าตรวจช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านโคกสะแบงอีก 3 จุดซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1202 โดยช่องทางธรรมชาติที่เข้าทำการตรวจสอบทั้งหมดในครั้งนี้เป็นช่องทางธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนอำเภออรัญประเทศและอยู่ตรงข้ามกับบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปตประเทศกัมพูชา

ซึ่งจากการตรวจสอบช่องทางธรรมชาติทั้งหมดดังกล่าว พบว่าช่องทางธรรมชาติทั้งหมด มีลำคลองพรมโหดขนาดเล็กขวางกั้นอยู่ และมีแนวลวดหนามหีบเพลง 3 ชั้นวางขวางกั้นอยู่อย่างแข็งแรง ที่สำคัญมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานคอยดูแลอย่างเข้มงวด และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบร่องรอยการเดินทางข้ามชายแดนแต่อย่างใด ซึ่งไม่ได้เป็นช่องทางธรรมชาติที่มีการลักลอบข้ามชายแดนตามที่มีกระแสข่าวในข่าวโซเชียลแต่อย่างใด ทั้งนี้การตรวจสอบช่องทางธรรมชาติในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการป้องกันการลักลอบข้ามชายแดนของแรงงานผิดกฎหมายและนักเล่นพนันแล้ว ยังเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากฝั่งประเทศกัมพูชาอย่างเข้มงวดอีกด้วย


ภาพ/ข่าว เพลิน พิมพ์อรัญ / วีระยุทธ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ชลบุรี - ทหารเรือพื้นที่สัตหีบ ร่วมฝ่ายปกครอง ตำรวจ สาธารณสุข ออกตรวจพื้นที่ตลาดกลางวันและกลางคืน เน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันมาตรการโควิด-19

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ฐานทัพเรือสัตหีบ มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ พัน สห.ทร.ที่ 2ฯ ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ สาธารณสุขอำเภอสัตหีบ ร่วมกันออกตรวจตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จว.ชลบุรี ที่ 18/2564

โดยในวันนี้ลงพื้นที่ตลาดสดและร้านอาหาร สถานบริการในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 16.00 น. ตรวจบริเวณตลาดไนท์พลาซ่า ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 21.00 น. ตรวจร้านอาหารและสถานบริการ กำชับให้ปฏิบัติตามเวลาที่กำหนด เพื่อเน้นยำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ COVID-19 ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและประชาชนเป็นอย่างดี


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

ชลบุรี - กองเรือยุทธการ จัดอบรมศาสตร์พระราชาให้แก่พลทหารก่อนปลดประจำการในวาระเมษายนนี้ เพื่อเป็นแนวทางสู่การปฏิบัติตามเกษตรทฤษฎีใหม่แบบประยุกต์

วันที่ 27 เมษายน 64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ น.อ.กฤษดา จิระไตรพร ผู้บังคับการกองสนับสนุน กองเรือยุทธการ จัดการอบรมพลทหารที่กำลังจะปลดประจำการในวาระเมษายน 2564 เพื่อปลูกฝังเกษตรทฤษฏีใหม่แบบประยุกต์ (โคก หนอง นา) ณ พุทธสถานกองเรือยุทธการ และทำการอบรมในภาคปฏิบัติ ณ สวนผักรัษ์สุข กองเรือยุทธการ โดยมีหัวข้อการสอน ประกอบด้วย การเตรียมดิน , เพาะกล้าดิน , ปลูกเพอร์มาคัลเจอร์ (permaculture) , การเพาะต้นกล้าผัก , การทำน้ำหมัก/จุลินทรีย์ สำหรับบำรุงพืชผักและดิน , การจัดการแมลงศัตรูพืช

เพื่อส่งเสริมให้พลทหารที่ปลดไป ให้มีความรู้ในการปลูกผักปลอดภัย มีคุณภาพได้มาตรฐานเพื่อบริโภค อันเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน หากเหลือจากการบริโภคแล้ว สามารถจำหน่ายเป็นรายได้เสริมอีกด้วย น้อมนำแนวทางที่ได้ต่อยอดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ซึ่งในช่วงโควิดระบาดแบบนี้ เสบียงอาหารเป็นเรื่องสำคัญ เราทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาที่มีการปรับสูงขึ้น การปิดตัวหรืองดการจำหน่ายของแหล่งขายอาหารในภาวะต่าง ๆ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก การมีวัตถุดิบที่หลากหลายเก็บไว้ในบ้าน หรือหน่วยงาน เพื่อทำอาหารกินเองนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

โดยนอกจากเนื้อสัตว์ และเครื่องเทศแล้ว สิ่งที่เราควรมีติดบ้านไว้ก็คือ “ผักสวนครัวที่ปลูกเอง” เพราะถ้าเราปลูกไว้ได้มากพอ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารการกินได้แล้ว เรายังได้งานอดิเรกใหม่เพิ่มขึ้นด้วย การปลูกผักกินเองนั้น คือ ความมั่นคงทางอาหารที่เราสร้างได้ แม้จะเป็นการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อย เช่น การปลูกพริก ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง แต่เมื่อยิ่งปลูกก็จะยิ่งงอกงาม ช่วยประหยัดค่าอาหารได้ตลอดทั้งปี เมล็ดที่ได้มาจากพืชที่ปลูกก็สามารถหมุนเวียนปลูกต่อหรือแบ่งปันต่อได้ เศษผักบางชนิดอย่างเช่น หอม กระเทียม  แครอท สัปปะรด ก้านผักกาด ผักสลัด ก็สามารถปักลงดินและเติบโตต่อได้เช่นกัน โดยไม่มีสิ่งเหลือทิ้ง เศษอาหารก็กลับมานำเป็นปุ๋ยใช้ต่อได้ เป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร

ในการนี้ คุณสุนันท์ สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้นำคณะภริยาสมาชิกในชมรม ร่วมศึกษาดูงานในการเรียนการสอน การเตรียมดินเพาะกล้า และการทำน้ำหมัก/จุลินทรีย์ ณ สวนผักรักษ์สุข กองเรือยุทธการ เพื่อจะได้นำมาเผยแพร่ให้กำลังพลในกองเรือยุทธการนำมาประยุกต์ใช้ในครอบครัวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

สระแก้ว – พบระเบิดสังหารบุคคล หน่วยกู้ระเบิดสามารถเก็บกู้และทำลายเรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

เรียนผู้บังคับบัญชาเมื่อเวลา 12.30 น.หน่วยกู้ระเบิด EOD จากสืบจังหวัดสระแก้วนำโดย ร้อยตำรวจเอกบุญเลิศ เรืองหิรัญ ดาบตำรวจโกวิทย์ บัวขาว รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดสระแก้ว รับแจ้งว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดบริเวณบ้านคลองปูนหมู่ 8 ตำบลสระขวัญอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสระแก้ว เข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดขว้างสังหารบุคคล แบบ M 67 ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา นำมาดัดแปลงใช้ ใหม่ สภาพเก่า มีสนิมจับเต็มลำตัว สามารถเก็บกู้และทำลายเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ปลอดภัย เสร็จสิ้นภารกิจ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 เม.ย. นายราเยส ราย รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองสระแก้ว และนายบุรินทร์ ล่วงเขต ปลัดอำเภอเมืองสระแก้วฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว เข้าตรวจสอบวัตถุคล้ายระเบิด ที่กลางสวนยูคา บ้านคลองปูน ม.8 ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว ตรวจสอบพบเป็นระเบิดชนิดขว้างสังหารบุคคล แบบ M จุด 67 ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา นำมาดัดแปลงใช้ใหม่ มีสภาพเก่า แต่ยังใช้งานได้ จึงต้องกั้นบุคคลไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณ ซึ่ง จนท.EOD ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าที่บริเวณคอชนวนขาดแล้วไม่สามารถทำการเก็บกู้ได้และถ้ามีอะไรกระทบกระเทือนก็สามารถทำงานได้ทันที จึงจำเป็นต้องทำลายวัตถุระเบิดทิ้งในที่เกิดเหตุทันที

ร้อยตำรวจเอกบุญเลิศ เรืองหิรัญ หัวหน้าหน่วยกู้ระเบิด EOD จากสืบจังหวัดสระแก้วทั้งนี้คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่กลัวมีความผิด จึงนำระเบิดมาทิ้งไว้ที่กลางสวนเพื่อหลบหลีกการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ดี ที่มีชาวบ้านมาพบเห็นก่อนไม่งั้นอาจจะต้องมีเหตุบาดเจ็บหรือสูญเสียขึ้น ทั้งนี้ ภายหลังเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบว่าจุดที่พบระเบิด พร้อมกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากพื้นที่เสี่ยงด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ฯ นำอุปกรณ์พร้อมเครื่องมือเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดที่ใช้ในสงครามแบบชนิดขว้างสังหารบุคคล แบบ M 67 ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวเรือนไม่มีชนวน ถ้ามีการเผาไฟหรือกระทบกระเทือนรุนแรงอาจเกิดระเบิดได้ จึงได้ทำลายในบริเวณใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อย


ภาพ/ข่าว ตำรวจภูธรสระแก้ว / อรอุมา อร่ามศรี / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

ปราจีนบุรี - บชภ.2 ร่วม ปปส.ภ.2 ยึดทรัพย์กว่า 30 ล้านบาท เครือข่ายยาเสพติด

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 เม.ย.64 ที่หน้ากองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2  พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.2 นายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภ.2 และ นายวินิจฉัย กาญจนางกูรพันธุ์ ผอ.ตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภ.2 ร่วมแถลงข่าว ตรวจค้นยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ภ.2 แถลงว่า ตามคำสั่งโดย พล.ต.อ.เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป.) และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(รรท.ผบช.ภ.2) ให้สืบสวนเครือข่ายยาเสพติดของ นางบัวจันทร์ ขาวอินทร์ หรือนางจิตตะ คำปิว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จึงได้ร่วมกับ ปปส.ภ.2 ตำรวจสืบสวนภาค 2 รวมกว่า 170 นาย ออกตรวจค้นเป้าหมาย 20 เป้าหมาย มี จ.ชลบุรี , ระยอง , จันทบุรี ,ฉะเชิงเทรา และ จ.สระแก้ว ส่วนอีก 3 เป้าหมาย อยู่ในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ ,นนทบุรี และ กรุงเทพฯ ยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีของกลางเป็นเงินสด จำนวน 8,579,306  บาท เป็นธนบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 7,030,000 บาท และธนบัตรสกุลดอลล่าร์สหรัฐ จำนวน 50,000 ดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทย มูลค่าประมาณ 1,567,306 บาท และได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 17 บัญชี มูลค่าประมาณ 9,801,461 บาท ตรวจยึดบ้านพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง มูลค่า 10 ล้านบาท ยึดรถยนต์ยี่ห้อ เมอสิเดซเบ็นช์ รุ่น GLE 20 D จำนวน 1 คัน 2.7 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง

จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 31,098,768 บาท นำส่ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 2 ( ป.ป.ส.ภาค 2 ) เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

ชลบุรี - ผบ.กร.เยี่ยมบำรุงขวัญหน่วยเรือ และเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้พร้อมรับวิกฤติ COVID-19

พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เยี่ยมบำรุงขวัญ และติดตามการดำเนินการตามมาตรการในการป้องกัน COVID-19 ของหน่วยเรือ ณ ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ที่ผ่านมา

โดยมี พล.ร.ต.ไพศาล  วงค์เมฆ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ พร้อมด้วยผู้บังคับการเรือในท่าเรือแหลมเทียนรายงานความพร้อมในการดำเนินการป้องกัน COVID-19 ของเรือ

เรือทุกลำในกองเรือยุทธการได้ดำเนินการตามมาตรการในการรับมือ COVID-19 รอบใหม่ ของผู้บัญชาการทหารเรือทั้ง 18 ข้อ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้กองเรือยุทธการได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติม เนื่องจากสภาพภายในเรือส่วนใหญ่มีความคับแคบ รวมทั้งระบบการระบายอากาศภายในเรือเป็นระบบปิด มีความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรือหลายลำมีแนวทางเฉพาะในการป้องกัน เช่น ร.ล.นเรศวร นำระบบฆ่าเชื้อในอากาศด้วยหลอดแสง UV มาติดตั้งตามห้องต่าง ๆ ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มอบแนวทางในการดูแลกำลังพลให้มีความรัดกุมมากขึ้น เพื่อให้เรือทุกลำในกองเรือยุทธการคงความพร้อมในการปฎิบัติต่อทุกภารกิจที่ได้รับ

ในการนี้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้ติดตามการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยมีหน่วยในกองเรือยุทธการ ที่มีความพร้อมในการจัดเตรียม ดังนี้

- กองการบินทหารเรือ สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 150 เตียง

- กองการฝึก กองเรือยุทธการ (พื้นที่สำรอง) สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 200 เตียง

         

ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้มอบนโยบายในการเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หากมีการสั่งการจากกองทัพเรือ ภายใต้กรอบการพึ่งพาตนเอง ด้วยขีดความสามารถที่มี เพื่อรองรับกำลังพล และครอบครัวของกองเรือยุทธการที่ติดเชื้อ หรือเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตามขีดความสามารถที่กองเรือยุทธการ จะสามารถทำได้ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อ หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ประสบปัญหาโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐบาล อีกด้วย


ภาพ/ข่าว กองกิจการพลเรือน กองเรือยุทธการ

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top