Saturday, 4 May 2024
ไต้หวัน

'อ.ปิติ' ดึงสติคนไทย ต้องไม่เป็นแฟนกีฬาบ้าคลั่ง ชี้ 'การเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ' ไม่ใช่เชียร์มวย

รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก 'Piti Srisangnam' ระบุว่า...

ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

Status quo ที่สหรัฐคิดแบบ Strategic Ambiguity และจีนคิดแบบ Strategic Patience จนเราได้เห็นสันติภาพแบบมีกระทบกระทั่งกันบ้างตลอดมา แต่ก็สามารถทำการค้าการลงทุนระหว่างกันได้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 กำลังจะเปลี่ยนไป

"การเดินทางเยือนไต้หวันของนาง Pelosi คือการ ทำลายล้างรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน และเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดต่อกองกำลังแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน"

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ประนาม โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ + รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม + คณะกรรมการกลางสภาประชาชนจีน + คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าด้วยกิจการไต้หวัน + คณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาที่ปรึกษาทางการเมือง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน Xie Feng เรียก เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง Nicholas Burns เข้าพบ เพื่อ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเยือนไต้หวันของ Pelosi และกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งเลวร้ายมากและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก ฝ่ายจีนจะไม่นั่งเฉย ๆ

‘ดร.สุวินัย’ เตือน สถานการณ์เฉียด 'สงครามโลก' หากสหรัฐฯ ยังไม่เชื่อความน่าเกรงขามของจีน

'ดร.สุวินัย' ยก สถานการณ์เฉียด 'สงครามโลก' หากสหรัฐอเมริกายังไม่ตระหนักถึงความน่าเกรงขามของจีนที่มีมากกว่ารัสเซีย จนอาจจะทำให้โลกนี้พังกันทุกฝ่าย

(3 ส.ค. 65) ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ หัวข้อ ภารกิจเหนือมนุษย์ มีเนื้อหาดังนี้

สำหรับคนที่มีจิตสำนึกทางประวัติศาสตร์ รับรู้เรื่องราวในอดีตที่ชาติของตัวเองเคยถูกมหาอำนาจจากชาติตะวันตก 9 ชาติ รุมกัดทึ้งขย้ำกอบโกยดุจฝูงหมาป่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมที่ถูกปล้นไปนานถึงกว่าหนึ่งศตวรรษ ย่อมเป็นหนึ่งใน ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ ของ ผู้นำชาตินั้น

>> ถ้าคณะผู้นำประเทศนั้น ไม่คิดแบบ 'ยอดคน'
>> ถ้าคณะผู้นำประเทศนั้นไม่เดินหมากแบบ 'ยอดคน'
>> ก็คงยากที่จะทำ ‘ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมทางประวัติศาสตร์’ ได้สำเร็จ

สำหรับคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำชาตินั้น นี่คือ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ และแทบเป็นภารกิจเดียวที่ให้ความหมาย ให้ความท้าทายแก่ชีวิตของผู้นำคนนั้น ... หรือท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

เราจะไม่มีทางเข้าใจความมุ่งมั่นของจีนในเรื่องไต้หวันเลย ถ้าหากเราไม่ทำความเข้าใจใน ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ ที่ผู้นำประเทศของจีนทุกคนจะต้องแบกรับ จนกว่า ... ภารกิจทวงคืนความเป็นธรรมทางประวัติศาสตร์ = ภารกิจฟื้นฟูความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ทางอารยธรรมเหมือนในยุคราชวงศ์ถังกลับคืนมา ... จะประสบความสำเร็จ

เพราะมีแต่ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ แบบนี้เท่านั้น ที่ทำให้สามารถระดมพลังของประชาชาติ ของคนทั้งชาติ ให้มุ่งมั่นสู่เป้าหมายเดียวกัน จนทำให้ ‘ความฝันร่วมของคนจีนทั้งประเทศ’ ปรากฏเป็นจริงได้

ไม่ว่าภารกิจนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว มันมิใช่ประเด็นสำคัญเลย ที่สำคัญกว่านั้นคือการที่คนในชาติได้ลงมือกระทำ ‘ภารกิจเหนือมนุษย์’ นี้ร่วมกัน อย่างทุ่มเทสุดชีวิตต่างหาก

ครึ่งปีแรก แรงงานไทย ไปทำงานประเทศไหนมากที่สุด

ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศที่จำนวนคนไทยไปทำงานด้วยมากที่สุด ได้แก่ ไต้หวัน จำนวน 12,238 คน โดยไต้หวันมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 25,250 เหรียญไต้หวัน/เดือน หรือประมาณ 30,497 บาท 

แต่เนื่องจากค่าเงินและค่าครองชีพของไต้หวันกับไทยไม่แตกต่างกันนัก และส่วนใหญ่เป็นงานใช้แรงงาน อาทิ คนทำงานทั่วไป ช่างทั่วไป ช่างฝีมือ โดยภาพรวมแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แรงงานไทยบางกลุ่มเลือกไปประเทศนี้มากสุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565

วัดพลัง!! จีน VS ไต้หวัน ‘ใครอยู่-ใครไป’ หากเกิดสงครามเต็มขั้น

ภายหลังการเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ดูจะทำให้ข้อพิพาทเรื้อรังระหว่างจีนกับไต้หวัน กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าที่ทั่วโลกจับตามองในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้น อาจกระตุ้นให้ปักกิ่งเพิ่มแรงบีบต่อไต้หวัน หรืออาจตัดสินใจบุกยึดในอีกไม่ช้า

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า โอกาสรอดของไต้หวันนั้นก็คงจะมีน้อยมาก หากว่าจีนตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบเข้ายึดเกาะแห่งนี้ 

จากข้อมูลจาก Global Fire Power 2022 ให้ตัวเลขเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางทหารระหว่างจีนกับไต้หวันเอาไว้ว่า...

- จีนมีทหารประจำการพร้อมรบราว 2 ล้านนาย และมีกองกำลังสำรอง 510,000 นาย ขณะที่ไต้หวันมีทหารประจำการราว 170,000 นาย แต่มีกองกำลังสำรองมากถึง 1.5 ล้านนาย

- กองทัพจีนมีเครื่องบินทั้งหมด 3,285 ลำ ขณะที่ไต้หวันมี 741 ลำ

- จีนมีฝูงบินขับไล่มากถึง 1,200 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 286 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเครื่องบินขับไล่ 288 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 19 ลำ

- จีนมีเฮลิคอปเตอร์ 912 ลำ เฮลิคอปเตอร์โจมตี 281 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเฮลิคอปเตอร์ 208 ลำ และเฮลิคอปเตอร์โจมตี 91 ลำ

- จีนมีเรือรบทุกชนิดรวมกัน 777 ลำ ในขณะที่ไต้หวันมีอยู่ 117 ลำ

ชาวเน็ตจีนฉุน!! รุมจวกผู้ผลิตช็อกโกแลต Snickers หลังผลิตโฆษณาเรียกไต้หวันเป็นประเทศ

บริษัท มาร์ส ริกลีย์ (Mars Wrigley) ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดังยี่ห้อ Snickers ออกคำแถลงขออภัยต่อรัฐบาลจีนเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) หลังโฆษณาเปิดตัวสินค้าใหม่มีการอ้างถึงไต้หวันว่าเป็น “ประเทศ”

เว็บไซต์ Snickers มีการปล่อยคลิปวิดีโอและภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตแท่งแบบ limited edition ที่ระบุว่าวางจำหน่ายเฉพาะใน “บางประเทศ” เท่านั้น ได้แก่ เกาหลีใต้, มาเลเซีย และไต้หวัน ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้แพร่ออกไปก็ทำให้ Snickers ถูกบรรดาชาวเน็ตจีนรุมถล่มอย่างหนักบนแพลตฟอร์มเวยปั๋ว (weibo)

ท้ายที่สุด มาร์ส ริกลีย์ ต้องออกมาแถลง “ขออภัย” ผ่านบัญชี Snickers ในเวยปั๋ว และยืนยันว่าบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขสื่อโฆษณาดังกล่าวให้ถูกต้องแล้ว

“มาร์ส ริกลีย์ เคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจีน และเราได้ดำเนินธุรกิจโดยปฏิบัติตามระเบียบและข้อกฎหมายท้องถิ่นของจีนอย่างเข้มงวด” คำแถลงระบุ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าดราม่านี้จะยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะชาวเน็ตจีนบางคนยังคงไม่พอใจที่ผู้ผลิตขนมสัญชาติอเมริกันไม่แถลงยอมรับว่า “ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน”

“พูดออกมา : ไต้หวันคือดินแดนส่วนหนึ่งของจีนอันไม่อาจแบ่งแยกได้” ชาวเน็ตรายหนึ่งคอมเมนต์ลงบนเพจเวยปั๋วของ Snickers และมีคนแห่เข้าไปกดไลค์มากกว่า 8,000 ครั้ง

สถานะของไต้หวันถือเป็นปัญหาละเอียดอ่อนที่คาราคาซังมาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองจีนที่สิ้นสุดลงในปี 1949 โดยตอนนั้นฝ่ายพรรคชาตินิยมหรือ 'ก๊กมินตั๋ง' ที่พ่ายแพ้ได้หลบหนีข้ามไปยังเกาะไต้หวัน ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์เข้าปกครองจีนแผ่นดินใหญ่

ปักกิ่งถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน และไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารนำเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครอง หากว่ามีความจำเป็น

'แนนซี เพโลซี' ปล่อยไก่!! เผลอหลุดปาก บอก 'จีน' เป็นสังคมที่เสรีที่สุดในโลก

แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เผลอหลุดปากเรียก 'ไต้หวัน' ว่า 'จีน' แถมยังกล่าวย้ำอีกว่า 'จีน' เป็นชาติที่มีสังคมที่เสรีที่สุดในโลก

วาทะปล่อยไก่ของ แนนซี เพโลซี มาจากการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ NBC Today Show ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการออกสื่อครั้งแรกหลังจากการเดินทางเยี่ยมเยียนประเทศในย่านอาเซียน และ เอเชียตะวันออก โดยได้แวะลงที่ไต้หวัน จนสร้างความไม่พอใจแก่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมากจนถึงวันนี้

นอกจากการสับสนชื่อประเทศแล้ว แนนซี เพโลซี ยังกล่าวสนับสนุน 'นโยบายจีนเดียว' ออกสื่ออย่างชัดเจน โดยบางส่วนของบทสัมภาษณ์ของเธอได้กล่าวว่า...

"We still support the 'one China policy', we go there to acknowledge the status quo is what our policy is, there is nothing disruptive about that. It was only about saying, China is one of the freest societies in the world, don't take it from me, that 's from Freedom House, it's a strong democracy, courageous people"

"เรายังคงสนับสนุน 'นโยบายจีนเดียว' เราไปที่นั่นเพื่อรับรู้ถึงสถานะที่เป็นอยู่นั้นตามนโยบายของเรา เราไม่ได้ต้องการไปก่อกวน แค่ต้องการบอกว่าจีนเป็นหนึ่งในสังคมที่เสรีที่สุดในโลก ซึ่งเรื่องนี้ฉันไม่ได้พูดเอง แต่มาจากองค์กร Freedom House (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐในการทำวิจัย และสนับสนุนด้านประชาธิปไตย เสรีภาพทางการเมือง และสิทธิมนุษยชน) ที่นั่นมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และประชาชนที่กล้าหาญ”

ส.ว.หญิงมะกัน เรียก 'ประเทศไต้หวัน' ขณะเข้าพบ 'ไช่ อิงเหวิน' ด้านสถานทูตจีนในสหรัฐฯ ลั่น!! จะตอบโต้อย่างสาสม

กลุ่มสื่อต่างประเทศ - วุฒิสมาชิกหญิงของสหรัฐฯ ประกาศให้การสนับสนุนไต้หวันปกป้องอิสรภาพ และดินแดน พร้อมกับเรียกไต้หวันว่า ประเทศ

มาร์ชา แบล็กเบิร์น วุฒิสมาชิกรัฐเทนเนสซีจากพรรครีพับลิกัน ของสหรัฐฯ เข้าพบกับประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันที่กรุงไทเป เมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) นับเป็นการมาเยือนไต้หวันครั้งที่ 4 ของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในเดือนนี้ (ส.ค.) โดยมีนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเดโมแครต ประเดิมเป็นรายแรกเมื่อต้นเดือน ซึ่งทำให้เสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันสั่นคลอนหนัก เมื่อจีนตอบโต้ด้วยการซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวัน

การมาเยือนของ ส.ว.หญิงมะกันคนล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างหนักแน่นจากปักกิ่ง เช่นเดียวกับคราวนางเพโลซี อย่างไรก็ตาม ในวิดีโอ ซึ่งทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก แบล็กเบิร์นได้กล่าวกับประธานาธิบดีไช่ ว่า เธอรอคอยการมาเยือนที่ยอดเยี่ยม และยังจดจำการมาเยือนไต้หวัน อันน่าประทับใจเมื่อปี 2551 ได้ดี นอกจากนั้น เธอถึงขั้นเรียกไต้หวันว่า เป็นประเทศหนึ่งเลยทีเดียว พร้อมกับระบุด้วยว่า การสนับสนุนให้ไต้หวันรักษาอิสรภาพของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ

'ไต้หวัน' กร้าว!! จะโจมตีตอบโต้ 'ทางทะเล-อากาศ' หากกองกำลังจีนบุกเข้ามาในดินแดนแห่ง ปชต.

เมื่อวันพุธ (31 ส.ค. 65) ที่ผ่านมา ไต้หวัน ระบุจะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองและโจมตีตอบโต้ หากว่ากองกำลังจีนบุกเข้ามาในดินแดน โดยคำประกาศกร้าวดังกล่าวเกิดขึ้น ในขณะที่ปักกิ่งยกระดับความเคลื่อนไหวทางทหารเข้าใกล้เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้

ปักกิ่ง ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ทำการซ้อมรบหลายรอบบริเวณใกล้เคียงหมู่เกาะแห่งนี้ มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ตอบโต้การเดินทางเยือนกรุงไทเปของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่กลาโหมไต้หวันรายหนึ่งระบุว่า "จีนยังคงเดินหน้าลาดตระเวนทางทหารใกล้ไต้หวันอย่างเข้มข้น และเจตนาของปักกิ่ง คือ ทำให้ช่องแคบไต้หวันที่กั้นกลางระหว่าง 2 ฝ่าย กลายเป็นบ่อเกิดหลักของความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค"

"สำหรับเครื่องบินและเรือรบที่เข้าสู่อาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของเรา ทั้งทางทะเลและทางอากาศ ทางกองทัพแห่งชาติจะใช้สิทธิป้องกันตนเองและโจมตีตอบโต้โดยปราศจากข้อยกเว้นใด ๆ" Lin Wen-Huang รองประธานเสนาธิการทหารของไต้หวัน ฝ่ายปฏิบัติการและวางแผน กล่าวและว่า

"กองทัพไต้หวันจะใช้สิทธิ์แบบเดียวกันนี้ในการโจมตีตอบโต้โดรนของจีน หากว่าไม่ยอมทำตามคำเตือนให้ออกจากดินแดนของไต้หวัน หลังจากมีท่าทีเป็นภัยคุกคาม"

ก่อนหน้านี้ไต้หวันยิงเตือนโดรนของจีนเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคาร (30 ส.ค.) ไม่นานหลังจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ออกคำสั่งให้กองทัพ "ใช้มาตรการหนักหน่วง" กับสิ่งที่เธอให้คำนิยามว่า "เป็นการยั่วยุของจีน"

ต่อมาในวันพุธ (31 ส.ค.) กองทัพไต้หวันเผยว่ากำลังพลของพวกเขายิงกระสุนและพลุแฟร์เตือนอีกรอบ คราวนี้เป็นการยิงเตือนโดรนที่บินเฉียดใกล้เกาะต่าง ๆ ในจินเหมิน ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งไม่ห่างจากเมืองเซี่ยเหมินและเมืองเฉวียนโจวของจีน จากนั้นโดรนเหล่านั้นก็บินกลับไปยังเซี่ยหมิน

ด้าน หม่า เฉิงคุน ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยป้องกันสถาบันทหารไต้หวัน กล่าวว่า จีนอาจเคลื่อนไหวมากขึ้น เพื่อปฏิเสธการเดินทางผ่านช่องแคบไต้หวันของเรือรบต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

CIA ชี้!! จีนหวังกองทัพพร้อมลุย หากต้องบุกยึดไต้หวัน แม้ปักกิ่งจะต้องการรวมชาติกับเกาะแห่งนี้ด้วยสันติวิธี

เดวิด โคเฮน รองผู้อำนวยสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เผยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต้องการให้กองทัพของเขามีแสนยานุภาพพร้อมสำหรับบุกยึดไต้หวันภายในปี 2027 จากคำกล่าวอ้างของผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อย่างไรก็ตาม โคเฮน เชื่อว่าปักกิ่งยังคงต้องการรวมชาติกับเกาะแห่งนี้ด้วยสันติวิธี

เคที โบ ลิลิส ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นเป็นผู้รายงานความคิดเห็นดังกล่าวของ โคเฮน ในขณะที่เธอระบุด้วยว่า สี ไม่ได้กำลังเตรียมการสำหรับรุกรานไต้หวันเร็วๆ นี้ แต่เขาอยากให้กองทัพมีแสนยานุภาพเพียงพอสำหรับการเข้าควบคุมไต้หวันโดยการใช้กำลัง

"เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นนั้น แต่ขอให้กองทัพวางสถานะของเขาอยู่ในจุดๆ หนึ่ง ซึ่งหากว่าเขาต้องการทำเช่นนั้น เขาจะสามารถดำเนินการได้" ลิลิส อ้างคำพูดของโคเฮน "จากการประเมินของประชาคมข่าวกรองทั้งหมด ยังคงเชื่อว่า สี ให้ความสนใจเข้าควบคุมไต้หวันผ่านหนทางที่ไม่ใช่วิถีทางด้านการทหาร"

ปักกิ่งเน้นย้ำอย่างเปิดเผยว่ามีความตั้งใจผนวกไต้หวันเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยสันติวิธี และในสมุดปกขาวที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคม รัฐบาลจีนเน้นย้ำความตั้งใจไม่ใช้หนทางด้านการทหาร แต่ขอสงวนไว้ซึ่ง 'ทางเลือกของการใช้ทุกมาตรการที่มีความจำเป็น'

ไต้หวันปฏิเสธสูตร '1 ประเทศ 2 ระบบ' ที่ระบุอยู่ในสมุดปกขาวดังกล่าว โดยไทเปยืนกรานว่ามีเพียงประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตของตนเอง

'ไบเดน' ประกาศชัดจะส่งกองทัพปกป้อง 'ไต้หวัน' หาก 'จีน' เปิดฉากรุกรานเกาะแห่งนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ประกาศกร้าวกองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่จีนเปิดฉากรุกราน ถ้อยแถลงชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาของผู้นำรายนี้ในประเด็นดังกล่าว

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ไบเดนถูกถามว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องเกาะปกครองตนเองที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนหรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่ ถ้าในความเป็นจริง มีการโจมตีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"

พอถูกถามเพิ่มเติมขอความกระจ่างชัด หมายความว่าสิ่งนี้ต่างจากยูเครน โดยกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งชายและหญิงจะปกป้องไต้หวันในกรณีที่ถูกจีนรุกราน ใช่หรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่"

คำสัมภาษณ์นี้ถือเป็นหนล่าสุดที่เหมือนว่า ไบเดน จะพูดเกินเลยขอบเขตนโยบายที่สหรัฐฯ ยึดถือมาช้านานเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ขณะเดียวกัน คำพูดนี้ถือเป็นถ้อยแถลงที่ชัดเจนกว่าครั้งก่อน ๆ เกี่ยวกับพันธสัญญาของทหารสหรัฐฯ ในการปกป้องเกาะแห่งนี้

เมื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องนี้ไปยังทำเนียบขาว ทางโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งเน้นย้ำว่า นโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "ก็อย่างที่ท่านประธานาธิบดีเคยพูดในเรื่องนี้มาก่อน ในกรุงโตเกียวเมื่อช่วงกลางปี ท่านอธิบายอย่างชัดเจนในตอนนั้นว่า นโยบายไต้หวันของเราไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นยังคงเป็นความจริง"

บทสัมภาษณ์กับซีบีเอสครั้งนี้เป็นการบันทึกเทปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเวลานี้ประธานาธิบดีไบเดน อยู่ในสหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันจันทร์ (19 ก.ย.)

สหรัฐฯ ยึดถือนโยบายหนึ่งมาช้านาน ด้วยการทำให้เป็นเรื่องคลุมเครือว่าพวกเขาจะตอบโต้ทางทหารต่อกรณีมีเหตุโจมตีไต้หวันหรือไม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top