Saturday, 4 May 2024
ไต้หวัน

เปิดประวัติ 3 ผู้สมัคร ชิง 'ประธานาธิบดี' ไต้หวัน

‘ไต้หวัน’ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งสมาชิกสภาในวันที่ 13 ม.ค.นี้ และจะได้ผู้นำคนใหม่ต่อจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินที่ดำรงตำแหน่งมา 2 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 2559 จึงไม่สามารถลงเลือกตั้งได้อีกตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันโดยตรงครั้งที่ 8 ในวันเสาร์นี้ (13 ม.ค.) มีผู้สมัคร 3 คนจาก 3 พรรคการเมือง คนแรกคือนายไล่ ชิงเต๋อ วัย 64 ปี รองประธานาธิบดีไต้หวันและประธานพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพี (DPP) ที่เป็นพรรครัฐบาล เขาชูนโยบายคงสถานภาพปัจจุบันในช่องแคบไต้หวัน ไม่เปลี่ยนชื่อสาธารณรัฐจีน ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของไต้หวัน ไม่ยั่วยุหรือทำเรื่องเสี่ยง แต่ไม่ยอมรับการที่จีนอ้างอธิปไตยเหนือไต้หวัน และพร้อมเจรจากับจีน นายไล่มีประสบการณ์การทำงานราชการมานาน เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภา นายกเทศมนตรีเมืองไถหนาน และนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขาคือ นางเซียว เหม่ยฉิน วัย 52 ปี อดีตผู้แทนไต้หวันประจำสหรัฐปี 2563-2566

ผู้สมัครคนที่ 2 คือ นายโหว โหย่วอี๋ วัย 66 ปี จากพรรคก๊กมินตั๋งที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนิวไทเปคนที่ 2 มาตั้งแต่ปี 2561 และเคยเป็นอธิบดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติปี 2549-2551 เขาชูนโยบายฟื้นการเจรจากับจีน เริ่มด้วยการเจรจาในระดับล่าง เช่น การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม แต่ไม่ยอมรับรูปแบบการปกครอง 1 ประเทศ 2 ระบบของจีน และคัดค้านอย่างแข็งขันเรื่องการแยกไต้หวันเป็นเอกราช ขณะเดียวกันจะส่งเสริมการปกป้องไต้หวันและคงความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ ผู้สมัครคู่ของเขาคือ นายจ้าว เส้าคัง วัย 73 ปี อดีตผู้ดำเนินรายการวิทยุและโทรทัศน์ที่ตนเองเป็นเจ้าของ

ผู้สมัครคนที่ 3 คือ นายเคอ เหวินเจ๋อ วัย 64 ปี อดีตนายกเทศมนตรีกรุงไทเปปี 2557-2565 และประธานพรรคประชาชนไต้หวันหรือทีพีพี (TPP) ที่เขาตั้งขึ้นในปี 2562 เป็นศัลยแพทย์ที่ชูนโยบายเรื่องปากท้อง เช่น ราคาบ้านสูง จึงมีฐานเสียงเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาว เขาอ้างตัวว่าเป็นผู้สมัครคนเดียวที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง และจะเจรจากับจีนต่อเมื่อจีนเคารพประชาธิปไตยและวิถีชีวิตของชาวไต้หวัน ผู้สมัครคู่ของเขาคือ นางซินเธีย อู๋ หรืออู๋ซินหยิง วัย 45 ปี อยู่ในตระกูลที่เป็นเจ้าของซินกวงกรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจหลากหลายอย่างในไต้หวัน 

'กรณ์' มอง 'เลือกตั้ง ปธน.ไต้หวัน' ควรเลือกให้ผู้ชนะได้เกิน 50%  รอบแรกเลือกคนที่รัก รอบสองเลือกคนที่รับได้มากกว่า

(15 ม.ค.67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ระบุว่า...

เห็นผลการเลือกตั้งไต้หวันแล้วทำให้คิดว่า ชอบระบบของฝรั่งเศสที่มีการเลือกสองรอบ คือรอบสองตัดคนที่สามออก 

คะแนน (ยังไม่ 100%) DPP 42% KMT 33% TPP 27%

ถ้าเป็นการเลือก สส. ยังไม่เท่าไร แต่การเลือกผู้นำประเทศ ควรเลือกให้ผู้ชนะได้เกิน 50% 

รอบแรกเลือกคนที่รัก รอบสองเลือกคนที่รับได้มากกว่า

‘สหรัฐฯ’ ยั่วยุ ‘จีน’ ประเด็นไต้หวันล้ำเส้นแดง หวังหยุดการเติบใหญ่ของจีน

(16 ม.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เผยไทม์ไลน์ท่าทีของสองมหาอำนาจ ‘สหรัฐฯ’ และ ‘จีน’ ภายหลังการเลือกตั้ง ปธน.ไต้หวันเสร็จสิ้น ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Aksornsri Phanishsarn’ ระบุเนื้อหา ดังนี้...

การยั่วยุจีน 🇨🇳 ในประเด็น #ไต้หวัน ตั้งใจ #ล้ำเส้นแดง ของจีน จนเกิดสงคราม คือ แผนสหรัฐฯ ที่คิดว่า เป็นหนทางเดียวที่จะใช้หยุดการเติบใหญ่ของจีน #อ่านเกมเมกา 🇺🇸 #ยั่วมังกรให้พ่นไฟ 🇨🇳
(https://www.facebook.com/1037140385/posts/10228816992263094/?)

หลังเลือกตั้งไต้หวันแค่วันเดียว!! สหรัฐฯ ส่งผู้แทนไปไต้หวัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะทำให้จีนไม่พอใจ 🇺🇸 #อ่านเกมเมกา

คณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ เดินทางเข้าพบทั้งสองผู้นำของไต้หวันหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งสำคัญเมื่อ 13 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่พอใจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

คณะผู้แทนอย่างไม่เป็นทางการของสหรัฐฯ ได้แก่ สตีเฟน แฮดลีย์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และ เจมส์ สไตน์เบิร์ก อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 14 ม.ค. หลังจากไล่ชิงเต๋อชนะเลือกตั้งแค่ 1 วัน และ เตรียมนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 8 ของไต้หวันนับตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 1947 (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=711912137734799&set=a.586524703606877&type=3)

ทางการจีนประณามสหรัฐฯ รวมถึงรัฐบาลนานาชาติที่แสดงความยินดีต่อไล่ชิงเต๋อและพรรค DPP ที่ชนะการเลือกตั้งไต้หวัน และเรียกร้องให้ทุกประเทศสนับสนุนหลักการจีนเดียว และเน้นย้ำว่า “ไม่ว่าผล #การเลือกตั้งท้องถิ่นในไต้หวัน จะเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนจะไม่เปลี่ยนแปลง” (อ้างอิง: https://www.aljazeera.com/news/2024/1/15/taiwans-tsai-and-lai-welcome-us-support-as-beijing-fumes-over-election
https://www.reuters.com/world/asia-pacific/former-us-officials-visit-taiwan-post-election-talks-2024-01-14/
)

‘จีน’ เตือน!! ‘สหรัฐฯ’ หยุดขายอาวุธให้ ‘ไต้หวัน’ ชี้!! เป็นการบ่อนทำลายอธิปไตย - ละเมิดหลัก ‘จีนเดียว’

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เหมาหนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กระตุ้นเตือนสหรัฐฯ หยุดจำหน่ายอาวุธและติดต่อสื่อสารทางทหารกับไต้หวัน

รายงานระบุว่าแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ อนุมัติการจำหน่ายระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีขั้นสูง (TDL) มูลค่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.68 พันล้านบาท) แก่ไต้หวัน

เหมาแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าวว่าการที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธแก่ภูมิภาคไต้หวันของจีนได้ละเมิดหลักการจีนเดียวและข้อกำหนดของแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะแถลงการณ์ร่วม 17 สิงหาคม 1982

“การจำหน่ายอาวุธดังกล่าวบ่อนทำลายอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีน และส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตลอดจนสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน” เหมากล่าว พร้อมชี้ว่าจีนคัดค้านเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เหมากล่าวว่าจีนกระตุ้นเตือนสหรัฐฯ ปฏิบัติตามหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับ หยุดจำหน่ายอาวุธและติดต่อสื่อสารทางทหารกับไต้หวัน รวมถึงหยุดสร้างปัจจัยอันอาจทบทวีความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน

“จีนจะดำเนินมาตรการคุ้มครองอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอย่างแน่วแน่และมั่นคง” เหมากล่าวเสริม

‘อินฟลูฯ ดังสิงคโปร์’ โดน ‘ไต้หวัน’ ลงดาบ!! ห้ามเข้าประเทศ 5 ปี หลังจัดฉากสร้างคอนเทนต์ ‘ถูกปาไข่ใส่’ ทำภาพลักษณ์เสื่อมเสีย

(1 มี.ค.67) สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ไต้หวันประกาศห้ามอินฟลูเอนเซอร์สาวชาวสิงคโปร์เข้าไต้หวัน หลังกุเรื่องสร้างความปั่นป่วนเพียงเพื่อทำคอนเทนต์

รายงานระบุว่าเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา น.ส.เฉิง เหว่ง อี้ หรือชื่อในวงการอินฟลูเอนเซอร์บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า ‘เคียราคิตตี้’ (KiaraaKitty) กำลังไลฟ์วิดีโอผ่านแพลตฟอร์มทวิตช์ระหว่างเที่ยวเมืองเกาสง ทางตอนใต้ของไต้หวัน อยู่ๆ ก็มีคนปาไข่ใส่ โดยคนที่ลงมือทำร้าย น.ส.เฉิง สวมชุดกระโปรง และตะโกนเป็นภาษาจีนกลางด่าทอ น.ส.เฉิง ว่าอ่อยสามีของตน

น.ส.เฉิงกล่าวว่าถูกทำร้ายเพราะทำคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งต้องสมัครเป็นสมาชิกจึงจะเข้าชมภาพวาบหวิวในแพลตฟอร์ม ‘โอนลีแฟนส์’ ได้ อินฟลูเอนเซอร์สาวให้สัมภาษณ์สื่อไต้หวันด้วยว่าไม่รู้จักคนที่ปาไข่ใส่และจะแจ้งความกับตำรวจ แต่ตำรวจเมืองเกาสงยืนยันเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า น.ส.เฉิงไม่เคยเข้าแจ้งความ

ด้านหนังสือพิมพ์ไทเปไทมส์รายงานว่า ตำรวจสอบสวนพบว่าคนที่ปาไข่จริงๆ แล้วเป็นผู้ช่วยของ น.ส.เฉิง เป็นชายชาวสิงคโปร์วัย 32 ปี นามสกุลสเว่ ทั้งน.ส.เฉิงและนายสเว่ทำผิดกฎหมายรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมจากการแพร่กระจายข่าวปลอม และคดีนี้ส่งถึงศาลแขวงเกาสงแล้วนอกจากนี้ตำรวจยังขอให้น.ส.เฉิงขอโทษต่อสาธารณชนที่กุเรื่องขึ้นมาด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.พ. น.ส.เฉิงไลฟ์สดพร้อมกับร้องไห้น้ำตานองหน้าและยอมรับว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งหมด จากนั้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไต้หวันกล่าวว่า น.ส.เฉิงและนายสเว่ออกจากไต้หวันไปแล้ว

ก่อนศาลแขวงเกาสงตัดสินคดีและลงโทษห้ามเดินทางเข้าไต้หวัน 5 ปี พร้อมยืนยันว่าไต้หวันยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน แต่จะไม่ยอมรับการกระทำที่ผิดกฎหมาย บั่นทอนความสมานฉันท์ และความมั่นคงในสังคม

สำหรับน.ส.เฉิงนั้นเกิดในฮ่องกงเมื่อปี 2545 แต่ย้ายไปอยู่สิงคโปร์ และขึ้นชื่อเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่สร้างรายได้จากการขายสินค้าแปลกแหวกแนว เช่น น้ำที่ใช้อาบแล้วหรือชุดชั้นในใช้แล้วและโหลใส่ผายลมราคาหลายร้อยดอลลาร์สหรัฐ

‘หวังอี้’ ย้ำ!! จีนไม่ปล่อย ‘ไต้หวัน’ แยกตัวจากมาตุภูมิ ฮึ่ม!! ใครหนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ เท่ากับท้าทายอธิปไตยจีน

(7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยว่านโยบายของจีนต่อปัญหาไต้หวันนั้นชัดเจน นั่นคือยังคงพยายามรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจที่สุด

"บรรทัดฐานสำคัญที่สุดนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง นั่นคือจีนจะไม่มีทางปล่อยให้ไต้หวันแยกตัวจากมาตุภูมิ" หวังกล่าวที่การแถลงข่าวนอกรอบการประชุมประจำปีของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ

หวังตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ข้ามช่องแคบหลังมีการเลือกตั้งผู้นำและสมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวันว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นของจีน และผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจะไม่เปลี่ยนแปลงกระแสธารแห่งประวัติศาสตร์ที่ว่าไต้หวันจะกลับคืนสู่มาตุภูมิ

"เราจะมีภาพถ่ายรวมประชาคมระหว่างประเทศที่เหล่าสมาชิกล้วนยึดมั่นหลักการจีนเดียว นี่เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น"

หวังกล่าวว่าหลักการจีนเดียวเป็นฉันทมติของประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมเตือนว่าผู้ที่ยังคงสมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ กำลังท้าทายอำนาจอธิปไตยของจีน และประเทศที่ยืนกรานรักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันกำลังแทรกแซงกิจการภายในของจีน

กิจกรรมแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา ‘เอกราชไต้หวัน’ ยังคงเป็นปัจจัยบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวันมากที่สุด ดังนั้นยิ่งยึดมั่นหลักการจีนเดียวอย่างแน่วแน่มากเท่าไร ย่อมจะยิ่งช่วยรับประกันสันติภาพข้ามช่องแคบมากเท่านั้น

ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมใน ‘เอกราชไต้หวัน’ บนเกาะไต้หวันจะต้องรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ และใครก็ตามในโลกที่สมรู้ร่วมคิดและสนับสนุน ‘เอกราชไต้หวัน’ จะต้องถูกแผดเผาเพราะเล่นกับไฟ และลิ้มรสชาติอันขมขื่นจากการกระทำของตนเอง

ทั้งนี้ หวังเรียกร้องประชาชนชาวจีนทั้งผองยึดมั่นผลประโยชน์โดยรวมของชนชาติจีน ร่วมกันคัดค้าน ‘เอกราชไต้หวัน’ และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติ

อึ้ง!! ‘หนุ่มไต้หวัน’ ลงทุนแช่ขาในน้ำแข็ง จนต้อง ‘ตัดขา’ หวังเคลมเงินประกัน 8 กรมธรรม์ 47 ล้านบาท

(19 มี.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับหนุ่มไต้หวัน ที่ลงทุนตัดขา 2 ข้าง หวังเคลมประกัน 8 กรมธรรม์ประมาณ 47 ล้านบาท (41.26 ดอลลาร์ไต้หวัน) โดยมีเนื้อหาดังนี้…

นักศึกษาชายวัย 24 ปี ชื่อ จาง หนาน และ เหลียว หนาน เพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมัธยม ขาดการติดต่อตอนขึ้นมหาลัย และกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง โดย จาง หนาน มาทำงานในมหาวิทยาลัย ส่วน เหลียว หนาน ยังเรียนอยู่ ทั้งสองสมรู้ร่วมคิดจัดจากเคลมประกัน โดยแผนการได้เริ่มขึ้น
จาง หนาน ทำประกันชีวิตครั้งแรก หลายกรมธรรม์คุ้มครองสูงสุด 5 บริษัท 8 กรมธรรม์ เพื่อฉ้อโกง หวังเคลมเอาเงินประกัน

นักศึกษาชายอ้างว่าเขาขี่สกู๊ตเตอร์ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด ในเดือน ม.ค.66 และเกิดอุบัติเหตุ ต้องตัดขาทั้งสองข้างจากอาการบวมน้ำเหลือง หิมะกัด ติดเชื้อ

>> ตามหาหลักฐาน

วันที่ 26 ม.ค.66 จาง หนาน และ เหลียว หนาน ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อน้ำแข็งแห้งในเขตซานชง เมืองนิวไทเป ตอนกลางคืนและกลับไปบ้านของ เหลียว หนาน ในเขตจงซานเมืองไทเป จากนั้นได้ให้ จาง หนาน นั่งบนเก้าอี้ และใช้สายรัดมัดติดเก้าอี้ และจุ่มขาแช่ลงไปในถังที่มีน้ำแข็งแห้ง ตั้งแต่ตี 2 ถึง 12.20 น. ของอีกวัน และได้มีการบันทึกคลิปและถ่ายรูปเหตุการณ์ไว้ ต่อมา 28 ม.ค.66 จาง หนาน ถูกส่งไปโรงบาลแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแมคเคย์เมโมเรียล กรุงไทเป หลังจากรักษานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ขาทั้งสองข้างของจาง ถูกตัดออกตั้งแต่ใต้เข่า

หลังจากนั้นได้เริ่มเคลมประกันจากเหตุผล ‘ทุพพลภาพ’ ได้เงิน 261,000 บาท จากบริษัทแรก
แต่บริษัทที่เหลือ 4 บริษัทหลอกได้ยาก ทำให้การเคลมไม่สำเร็จ บ.ประกันสังเกต จาง หนาน ซื้อกรมธรรม์ใกล้วันที่เกิดเหตุไม่นาน นำมาสู่การแจ้งความ

ศาลไต้หวันได้มีการตัดสินคดี วันที่ 14 มี.ค.67 จากข้อมูล สำนักงานสืบสวนกลางไต้หวัน พบความผิดปกติหลายอย่าง จาง หนาน ซื้อประกันวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่นาน และอ้างว่าหิมะกัดรุนแรงขณะเดินทาง ซึ่งไม่สมเหตุสมผล และในไต้หวันไม่เคยมีเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้ ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวันในวันเกิดเหตุ 26 ม.ค.66 อุณหภูมิ 6-17 องศาฯ ไม่หนาวพอที่จะเกิดหิมะกัด ร่องรอยขาของจางต้องอุณหภูมิติดลบหนัก

รวมทั้งภาพถ่ายแผลจากโรงพยาบาล ผิดปกติ ขาทั้ง 2 ข้างมีจุดร่องรอยเท่ากันในจุดที่เกิดแผล 
นอกจากนี้ ผลจากการค้นห้องพัก 15 มี.ค.66 พบถังและอุปกรณ์ในการจัดฉาก สรุปได้ว่าน่าจะเป็นอาการบาดเจ็บที่มนุษย์สร้างขึ้น สุดท้ายทั้งสองตกเป็นผู้ต้องหา ฉ้อโกงเงินประกัน และพยายามฉ้อโกงเงินประกัน ต้องขึ้นศาลรับโทษ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนยังพบแรงจูงใจการฉ้อโกง พบว่า เหลียว หนาน กำลังประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากการสูญเสียเงินสกุลเงินดิจิทัล จึงหลอกให้ จาง หนาน ลงนามตกลงกันว่าจะจ่ายเงิน 28 ล้านบาท ให้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินประกัน

‘ไต้หวัน’ เผชิญ 'แผ่นดินไหว' รุนแรง 7.3 แมกนิจูด ด้าน ‘จีน’ ออกประกาศเฝ้าระวัง 'สึนามิ' ระดับสูงสุด

(3 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน รายงานเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณน่านน้ำใกล้กับเมืองฮวาเหลียนบนเกาะไต้หวัน ตอน 07.58 น. วันนี้ตามเวลาของปักกิ่ง

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า จุดศูนย์กลางการสั่นไหวอยู่ที่ละติจูด 23.81 องศาเหนือ และลองจิจูด 121.74 องศาตะวันออก ณ ความลึก 12 กิโลเมตร

กลุ่มผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวในเมืองไทเปเผชิญการสั่นสะเทือนรุนแรง โดยอาคารสั่นไหวอย่างต่อเนื่องนานมากกว่าหนึ่งนาที และลิฟต์ของอะพาร์ตเมนต์ของกลุ่มผู้สื่อข่าวถูกระงับการใช้งาน

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า หลายพื้นที่ของไต้หวันสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว ด้านระบบรถไฟใต้ดินของไต้หวันระงับการเดินรถนาน 40-60 นาที

ด้านหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของไต้หวัน ระบุว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ตามมาตราแมกนิจูด ตอน 07.58 น. ของวันนี้ (3 เม.ย.) ณ ความลึก 15.5 กิโลเมตร โดยจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากตอนใต้-ตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐบาลอำเภอฮวาเหลียนราว 25 กิโลเมตร และความรุนแรงสูงสุดอยู่ที่ 6 ตามมาตราแมกนิจูดในอำเภอฮวาเหลียน

หลังจากนั้นเกิดอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวตาม โดยศูนย์ฯ รายงานว่าแผ่นดินไหวอีก 2 ครั้ง ขนาด 6.0 และ 5.9 ตามมาตราแมกนิจูด เกิดขึ้นภายในราว 40 นาที และจุดศูนย์กลางการสั่นไหวอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของจีนประกาศเตือนภัยสึนามิ ระดับสีแดง หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวข้างต้น ระบุว่าน่านน้ำโดยรอบจุดศูนย์กลางการสั่นไหวอาจเผชิญสึนามิ ซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อพื้นที่ชายฝั่งที่ครอบคลุมทางตะวันออกของไทเปและฮวาเหลียน

สำหรับระบบเตือนภัยสึนามิของจีนแบ่งเป็น 4 ระดับ 4 สี โดยสีแดงหมายถึงความรุนแรงสูงสุด

‘จีน’ ยินดีช่วยเหลือ ‘ไต้หวัน’ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว พร้อมเห็นใจเพื่อนร่วมชาติที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

(3 เม.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จูเฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่าแผ่นดินใหญ่กำลังติดตามเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ตามมาตราแมกนิจูด และสถานการณ์ภัยพิบัติในไต้หวันอย่างใกล้ชิด และยินดีจัดสรรความช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ

จูเฟิ่งเหลียน กล่าวว่า แผ่นดินใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในไต้หวันเป็นอย่างมาก และขอแสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมชาติชาวไต้หวันที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้อย่างจริงใจ

อนึ่ง ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีนรายงานการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณน่านน้ำใกล้กับเมืองฮวาเหลียนบนเกาะไต้หวัน ตอน 07.58 น. ของวันพุธ (3 เม.ย.) ตามเวลาปักกิ่ง ซึ่งเกิดอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวตามอีกหลายครั้งด้วย

ชาวเน็ตชื่นชม!! ผู้ดูแลไต้หวันใช้ร่างกายปกป้องผู้สูงอายุพิการ ไม่หวั่น!! แม้ของจะหล่นใส่ตัวเอง หลังเกิดแผ่นดินไหว

(4 เม.ย.67) จากกรณีไต้หวันเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ณ เวลาประมาณ 07.58 น. เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีความลึก 15.5 กิโลเมตร สร้างความสั่นสะเทือนทั่วทั้งไต้หวัน มีรายงานภัยพิบัติจากสถานที่ต่าง ๆ จนหลายคนตื่นจากการหลับใหล

รวมไปถึงชาวเน็ตจากเมืองนิวไทเปก็สามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้เช่นกัน พร้อมออกมาเล่านาทีประทับใจขณะเกิดแผ่นดินไหว โดยไม่คาดคิดหลังจากที่ผู้ดูแลตื่นขึ้น เธอไม่ได้รีบออกจากประตู แต่กลับปกป้องร่างกายผู้พิการวัย 71 ปีบนเตียงทันทีแทน

ด้าน ชายแซ่หวัง เผยว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวบ้านสั่นสะเทือนทั้งหลังอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถวิ่งไปหาแม่ได้ทันที ทว่าเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบว่า ผู้ดูแลที่บ้านรู้สึกตัวสั่นขณะนอนหลับจึงเงยหน้าขึ้นสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ต่อมาเธอรีบกอดแม่ของเขาที่ป่วยเป็นโรคเลือดออกในสมองบนเตียงทันทีและพยายามปกป้องเขาด้วยร่างกายของเขาจนความสั่นไหวของสิ่งต่าง ๆ ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งหมอน ผ้าห่ม แม้แต่โทรทัศน์และเศษซากอื่น ๆ ที่กองไว้ก็ล้มลงกับพื้น โชคดีที่ทั้งสองคนปลอดภัยซึ่งทำให้นายหวังโล่งใจเช่นกัน

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ลงโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ประทับใจในการดูแลคนป่วยของผู้ดูแลคนนี้ เช่น “ใจดีกว่าพี่เลี้ยงเด็กคนนั้น” , “ผู้สูงอายุหลายคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับผู้ดูแล” , “พยาบาลประจําครอบครัวของเราที่ดูแลคุณยายทําวันนี้ กอดปุ๊บ ปลอบปั๊บ ไม่ต้องกลัว”, “คนดีหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย” , “มันไม่มากเกินไปสําหรับการขึ้นเงินเดือน” , “มีความรับผิดชอบมาก ปลอดภัยในการจ่ายเงินให้กับผู้ดูแลคนนี้”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top