Saturday, 4 May 2024
ไต้หวัน

ชาวไต้หวัน ทึ่ง!! แก่นแท้ 'การไหว้' ใต้วัฒนธรรมไทย ความหมายลึกล้ำ 'เคารพผู้อื่น-ตื่นรู้ในผู้มีพระคุณ'

เพจ 'แม่บ้านเกาสง แม่บ้านขาเลาะ On My Bike Way by 章少玲' ได้โพสต์ข้อความประทับใจหลังวัฒนธรรมไทยอย่าง 'การไหว้' กลายเป็นอีก Soft Power ที่เข้าถึงใจคนไต้หวัน โดยระบุว่า...

#พี่นายกสอนน้อง | งานเผยแพร่วัฒนธรรมไทยใน campus ณ มหาวิทยาลัย เกาย่วน 高苑科技大學 KAO YUAN University #KYU

25.04.2022 (วันจันทร์ ที่ตื่นเช้ามากกก)

ขอขอบคุณ อ.ไช่ #蔡惠珍老師 ผู้เชื้อเชิญให้แม่บ้าน ในฐานะ “นายกสมาคมเผยแพร่วัฒนธรรมผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในเกาสง” 高雄市新住民多元文化推廣協會 - Kima協會

เข้าบรรยาย ในหัวข้อเรื่อง “วัฒนธรรมไทยและประเพณีสงกรานต์” #泰國文化與新年習俗 . มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี เกาย่วน #KYU วิทยาเขตลู่จู๋ #路竹

ความพิเศษของงานในวันนี้ คือ เป็นงานบรรยายที่เริ่มตั้งแต่คาบแรก “แปดโมงครึ่ง” แถมมีแต่หนุ่มๆ เทคโนทั้งน้านนนน สงสารจริงๆ ไม่รู้ว่าโดนบังคับมาฟังกันรึปล่าว

เพราะสมัยที่แม่บ้านเรียนมหาวิทยาลัย คาบแรกนี้ ส่วนใหญ่นักศึกษาจะยังไม่ค่อยตื่นกัน

อาจารย์ไช่กระซิบบอกแม่บ้านถึงจุดประสงค์ของการจัดงานว่า ในปีนี้ทางมหาวิทยาลัยเกาย่วน #高苑科技大學 จะมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากประเทศไทยมาเรียนที่นี่เป็นครั้งแรก

ทาง ม.ยังขาดความรู้เรื่องของประเทศไทย เพราะยังไม่เคยจัดกิจกรรมเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในแคมปัสมาก่อน

จึงขอเชิญแม่บ้าน มาทำการบรรยายให้นักศึกษาไต้หวัน รวมทั้งนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากชาติต่างๆ ได้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีไทยไว้เป็นพื้นฐาน เพื่อจะได้เข้าใจแบล็คกราวด์ของนักศึกษาไทยในแง่ของวัฒนธรรมให้มากขึ้น

ซึ่งความคิดนี้ สร้างความประทับใจให้แม่บ้านเป็นอย่างมาก

นอกเหนือไปจากนั้น แม่บ้านยังได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ไช่ อีกเรื่อง ที่จะมาเข้าสู่กันฟังในโอกาสหน้า

หลังจบการบรรยาย มีนักศึกษาชายชาวไต้หวัน ที่ดูเนิร์ดๆ ท่านหนึ่ง บอกกับแม่บ้านว่า เขาเคยเห็น #น้องเมย์ นักแบดมินตันของไทย ยกมือขึ้นไหว้คณะกรรมการและผู้ชม ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่า มันหมายความว่าอย่างไร

แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า...

การไหว้” นอกจากจะแสดงออกถึงความเคารพผู้อื่น ยังเป็นการรำลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ที่ได้ให้ความรัก ฟูมฟักดูแลและฝึกฝน จนมีเราในวันนี้

‘รัฐบาลไต้หวัน’ แตะเบรกซื้อ ‘เฮลิคอปเตอร์’ มะกัน เหตุแพงเกิน ส่วนสหรัฐฯ เอง ก็ยังไม่คิดจะขายให้

สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า รัฐบาลไต้หวันส่งสัญญาณล้มเลิกโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์สงครามต่อต้านเรือดำน้ำรุ่นใหม่จากสหรัฐฯ เหตุราคา “สูงเกินไป”

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทเปได้ประกาศแผนจัดหาฝูงเฮลิคอปเตอร์ MH-60R 'Seahawk' จำนวน 12 ลำ ที่ผลิตโดยบริษัท ไซกอร์สกี (Sikorsky) ในเครือล็อกฮีดมาร์ติน แต่มีรายงานจากสื่อไต้หวันว่า สหรัฐฯ “ปฏิเสธการขาย” เนื่องจากเห็นว่าไม่สอดคล้องกับความจำเป็นในการป้องกันประเทศของไต้หวัน

ขณะเดียวกัน ชิว กัวเฉิง (Chiu Kuo-cheng) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ได้กล่าวชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับแผนจัดซื้ออาวุธรุ่นใหม่จากสหรัฐฯ โดยระบุว่า ในกรณีของเฮลิคอปเตอร์ MH-60R นั้น “มีราคาสูงเกินไป เกินกว่าที่ประเทศของเราจะสามารถจัดหาได้”

ส่วนระบบอาวุธอีก 2 ชนิดที่ทำการจัดซื้อและต้องล่าช้าออกไป ได้แก่ ปืนใหญ่อัตตาจรฮาวฮิตเซอร์ M109A6 และขีปนาวุธสติงเกอร์ (Stinger) ซึ่งเป็นขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง

โดยขีปนาวุธสติงเกอร์ ซึ่งผลิตโดยเรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในยูเครน เนื่องจากมีส่วนช่วยให้กองกำลังเคียฟสามารถยิงสกัดกั้นเครื่องบินของรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขณะนี้กำลังการผลิตของสหรัฐฯ เริ่มไม่เพียงพอ

สหรัฐฯ ใช้โอกาสสถานการณ์ทหารในยูเครนเร่งยอดขายอาวุธตัวเองให้ไต้หวัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน 

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ กดดันให้ไต้หวันเพื่อสั่งซื้ออาวุธอเมริกันเพิ่มอีกล็อตใหญ่ อ้างอิงจากแหล่งข่าวอดีตและปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และไต้หวัน 9 คนที่รู้ในเรื่องนี้ โดยระบุว่า อาวุธล็อตใหม่มีเพื่อทำให้มั่นใจว่าไต้หวันจะสามารถมีศักยภาพขับไล่การรุกรานทางทะเลจากจีนได้

ในรายงานกล่าวว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน พยายามที่จะทำการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของตัวเองเพื่อให้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์สู้รบแบบอสมมาตร (asymmetrical warfare ) จากข้าศึกที่ใช้ในกรณีที่ขนาดกำลังและความสามารถของ 2 ฝ่ายแตกต่างกันมาก

ไช่ได้มองไปที่สหรัฐฯ เพื่อต้องการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความสามารถการทำลายล้างและเคลื่อนที่ได้เป็นจำนวนมาก

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด สหรัฐฯ ได้เพิ่มความพยายามในการปรับปรุงการป้องกันประเทศให้แก่ไทเปอย่างรีบด่วนเพราะสหรัฐฯ และไทเปถูกทำให้เชื่อว่าสงครามยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้อาจเกิดขึ้นกับไต้หวันโดยฝีมือปักกิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญ และเชื่อว่าสงครามที่เล็กกว่าพร้อมกับอาวุธที่เหมาะสมถูกใช้ในยุทธศาสตร์การทำสงครามแบบอสมมาตร ซึ่งตั้งเป้าไปที่ความสามารถในการเคลื่อนที่สูงและการโจมตีแบบแม่นยำนั้นจะมีความสามารถต้านกลับไปกองกำลังข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้สำเร็จ และในรายงานระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ ซีฮอว์ก MH-60R (MH-60R Seahawk) ของบริษัท ไชกอร์สกี แอร์คราฟ (Sikorsky Aircraft) ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินโดยที่ระบุว่าไม่มีความเหมาะสมในสถานการณ์รบกับการรุกรานจีน

ซึ่งการศึกระหว่างจีนและไต้หวันนั้นคาดว่าจะแตกต่างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และเชื่อว่าจะเป็นสงครามที่มีความยากลำบากมากกว่า ซึ่งคำสั่งซื้อจากไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้นั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การรบแบบอสมมาตร แต่ทว่ามีผู้เชื่ยวชาญทางการทหารในไต้หวันบางส่วนไม่เห็นด้วยและต้องการให้ไทเปเตรียมพร้อมทางการทหารสำหรับการรบแบบปกติมากกว่าซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่ใช้กับ "จีน" เช่นกัน

จีนเริ่มฉุน!! เตือนสหรัฐฯ หยุดใช้ไต้หวันเป็นไพ่บีบจีน หลังไบเดนประกาศพร้อมใช้กำลังปกป้องไต้หวัน

สำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกมาเตือนเมื่อวันจันทร์(23พ.ค.)ว่า สหรัฐฯ "กำลังเล่นกับไฟ" หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกา ประกาศพร้อมที่จะใช้กำลังปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่ปักกิ่งพยายามเข้ายึดครอง ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ

"อเมริกากำลังใช้ไพ่ไต้หวันในการสกัดกั้นจีน และพวกเขาเองจะถูกไฟแผดเผา" จู เฟิ่งเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีนกล่าว

คำพูดของ ไบเดน ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ถือเป็นถ้อยคำที่แข็งกร้าวที่สุดเท่าที่เคยใช้มาของเขา ในประเด็นไต้หวัน และมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการเติบโตของจีนทั้งในด้านเศรษฐกิจและแสนยานุภาพด้านการทหาร

สำนักข่าวซินหัว สื่อมวลชนแห่งรัฐของจีน รายงานอ้างคำกล่าวของ จู "เรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดใช้คำพูดหรือการกระทำใดๆที่ละเมิดหลักการต่างๆที่สถาปนาขึ้นก่อนหน้านี้ระหว่าง 2 ชาติ"

เมื่อวันจันทร์(23พ.ค.) เมื่อถูกถามว่า วอชิงตันมีความตั้งใจเข้าพัวพันด้านการทหารหรือไม่ เพื่อปกป้องไต้หวัน ไบเดน ตอบว่า "ใช่ มันเป็นคำสัญญาที่เราเคยให้ไว้"

คำกล่าวนี้เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ที่ไบเดนพบปะกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำระดับภูมิภาคที่จะเริ่มขึ้นในวันอังคาร(24พ.ค.)

วอชิงตันและบรรดาพันธมิตร ในนั้นรวมถึงญี่ปุ่น วางกรอบมาตรการตอบโต้หนักหน่วงที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย จากกรณีที่รุกรานยูเครน ในฐานะเป็นคำเตือนถึงประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจีน ต่อความเคลื่อนไหวทางทหารฝ่ายเดียวใด ๆ

ความเห็นของไบเดน ว่าเขามีความตั้งใจใช้กำลังปกป้องไต้หวันจากการไต้หวัน ดูเหมือนเป็นการทำให้นโยบายของสหรัฐฯที่มีต่อเกาะปกครองตนเองแห่งนี้มีความกำกวมมากขึ้น

'กลาโหมจีน' กร้าว!! 'ไม่ลังเลที่จะเริ่มสงคราม' หากไต้หวันกล้าประกาศเอกราชแยกตัวจากจีน

รัฐมนตรีกลาโหมของจีน ประกาศต่อรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ว่า จีนไม่ลังเลที่จะเริ่มสงคราม หากไต้หวันประกาศเอกราช

โดยคำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมด้านความมั่นคง ‘แชงกรี-ลา ไดอะลอก’ ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้ 10 มิถุนายน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่ระดับสูง และเหล่าผู้นำภาคธุรกิจจากทั้งภูมิภาคเอเชีย และกลุ่มประเทศตะวันตกเข้าร่วม

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีกลาโหมจีน 'เว่ย เฟิ่งเหอ' เผชิญหน้ากับ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แบบต่อหน้าเป็นครั้งแรก โดยเฟิ่งเหอเตือนออสตินว่า “หากใครกล้าแยกไต้หวันออกจากจีน กองทัพจีนจะไม่ลังเลที่จะเริ่มสงคราม ไม่ว่าจะต้องสูญเสียเท่าไหร่ก็ตาม” 

ไม่เพียงเท่านั้น เฟิ่งเหอ ยังให้คำมั่นว่าจีนจะ “ทำลายแผนการประกาศเอกราชของไต้หวันให้ป่นไม่มีชิ้นดี และจะธำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพของมาตุภูมิ” ตามแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมจีน

เขายังย้ำว่า “ไต้หวันคือของจีน...การใช้ไต้หวันเพื่อกดดันจีน จะไม่มีวันสำเร็จ”

ด้านออสตินระบุว่า สหรัฐฯ “ยืนกรานถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน และต่อต้านความพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบัน และร้องขอให้จีนยับยั้งช่างใจต่อการกระทำที่จะบั่นทอนเสถียรภาพต่อไต้หวัน”

'จีน' สั่งแบน!! ปลาเก๋านำเข้าจากไต้หวัน ฟากรัฐบาลไทเปสู้กลับ ขู่ฟ้อง WTO

ความตึงเครียดระหว่างจีน และไต้หวัน ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง และเมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย. 65) ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจีนแถลงว่า ตรวจพบสาร Oxytetracycline ในปลาเก๋าที่นำเข้าจากไต้หวัน ซึ่งเป็นสารเคมีต้องห้าม ทำให้ทางการจีนออกคำสั่งแบนการนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันทันที มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในไต้หวัน เนื่องจากพอทางการไต้หวันได้นำปลาเก๋ามาตรวจเอง ก็ไม่พบสารเคมีอันตราย หรือต้องห้ามแต่อย่างใด และเชื่อว่าคำสั่งห้ามนำเข้าปลาเก๋าจากไต้หวันของจีน จึงน่าจะเป็นการกดดันทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนก็เคยแบนผลผลิตทางการเกษตรของไต้หวันมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่สับปะรด และแอปเปิ้ล ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อจากไต้หวัน ที่จีนสั่งห้ามนำเข้าและตีกลับทั้งล็อต จนรัฐบาลไทเปต้องเร่งออกแคมเปญขนานใหญ่ ทำการตลาดหาผู้ซื้อรายใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และมาคราวนี้เป็นปลาเก๋า ที่เพาะเลี้ยงจากบ่อในไต้หวันอีก

แม้ว่าปลาเก๋าไต้หวันกว่า 90% จะบริโภคกันเองในประเทศเป็นหลัก และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ส่งออก ทำให้ผลกระทบกับตลาดปลาเก๋าไต้หวันค่อนข้างน้อย แต่ทว่าจำนวนปลาเก๋าที่ส่งออกทั้งหมดนั้น ถูกส่งเข้าตลาดจีนถึง 90% หรือคิดเป็นปริมาณถึง 6 พันตันต่อปี

นั่นจึงสร้างปัญหาให้แก่ผู้ส่งออกชาวไต้หวันไม่น้อย ที่ต้องเร่งหาตลาดแหล่งใหม่ระบายปลาเก๋าในส่วนของตลาดจีนโดยทันที 

พนักงานขายแบรนด์หรูโพสต์เหยียดลูกค้า ใครพลิกดูป้ายราคา เท่ากับ ‘จน’ อย่าเสียเวลาคุย

กลายเป็นดราม่าใหญ่โตในโลกโซเชียล เมื่อเพจ ‘TEEPR 亮新聞’ ในไต้หวันได้แชร์ข้อความของหญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าตัวเองเป็นพนักงานขายสินค้าแบรนด์เนม (Sales associate หรือ SA) โดยเธอได้ออกมาแชร์มุมมองที่ทำเอานักช้อปส่วนใหญ่ ‘หัวร้อน’ กันเลยทีเดียว

หญิงนิรนามคนนี้บอกว่า เธอทำงานเป็น SA ให้แบรนด์สินค้าหรูมา 7-8 ปี และเธอสังเกตว่าลูกค้าที่ดูป้ายราคาส่วนใหญ่มักจะไม่ซื้อ

“ถ้าคุณดูป้ายราคา หรือแม้กระทั่งพลิกป้าย นั่นแปลว่าคุณจน ฉันจะไม่เสียเวลากับลูกค้าแบบนั้น” เธอบอก

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันกำลังให้บริการลูกค้ารายหนึ่งอยู่ ผู้จัดการร้านตะโกนผ่านหูฟังมาเลยว่า ไม่ต้องไปเสียเวลากับคนนี้มาก แล้วสุดท้ายลูกค้าคนนั้นก็แค่จับของดูนิดหน่อย แล้วก็เดินออกไป”

ชาวเน็ตไต้หวันส่วนใหญ่บอกว่ารู้สึก ‘ตะลึง’ กับความคิดของพนักงานรายนี้ที่ดูถูกลูกค้าเพราะพวกเขาต้องการรู้ราคาของก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งมันก็เป็นสิทธิที่ลูกค้าทุกคนสามารถทำได้

และนี่คือความเห็นบางส่วนที่ชาวเน็ตอยากฝากไปถึง SA คนนี้…

“ฉันว่าที่เธอพูดแบบนี้ เพราะเธอยังเป็นแค่พนักงานขายไง ถ้าผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วก็จะคิดเป็น” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว

'สี จิ้นผิง' ออกเตือน 'ไบเดน' กำลังเล่นกับไฟ หลังข่าว 'ประธานรัฐสภาฯ' เยือนไต้หวันสะพัด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตือนประธานาธิบดีไจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ว่า 'กำลังเล่นกับไฟ' ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยทางโทรศัพท์กันในรอบที่ 5 ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยหนึ่งในนั้นประเด็นที่โหมกระพือความตึงเครียดคือ ความเป็นไปได้ที่ประธานรัฐสภาของอเมริกาจะเดินทางเยือนไต้หวัน

สื่อมวลชนแห่งรัฐของจีนรายงานว่า สี ได้บอกกับ ไบเดน ไปว่าสหรัฐฯ ยึดมั่นต่อ 'หลักการจีนเดียว' และเน้นย้ำอย่างหนักแน่นต่อจุดยืนของจีนที่คัดค้านความเป็นเอกราชของไต้หวันและการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก 'ใครที่เล่นกับไฟ รังแต่จะถูกไฟแผดเผา' สีบอกกับไบเดน "เราหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะสามารถเล็งเห็นเรื่องนี้อย่างชัดเจน"

ส่วนทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง เผยว่าไบเดนได้บอกกับสี ไปว่านโนยายของสหรัฐฯ นั้นไม่เปลี่ยนแปลง และวอชิงตัน "คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันหรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน" อ้างถึงน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างเกาะไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่

การพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) และกินเวลาราวๆ 2 ชั่วโมง มีขึ้นในขณะที่ ไบเดน กำลังเล็งหาหนทางใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกับจีน ท่ามกลางการแข่งขันระดับนานาชาติระหว่าง 2 ฝ่ายที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติเกี่ยวกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน สาธารณสุขโลกและนโยบายเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ

ล่าสุด จีนประกาศเตือนด้วยถ้อยคำแข็งกร้าว เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่นางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาอาจเดินทางเยือนไต้หวัน โดยระบุพวกเขาจะมองการเดินทางดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุ

เกาะปกครองตนเองแห่งนี้ได้รับแรงสนับสนุนด้านป้องกันตนเองอย่างไม่เป็นทางการจากสหรัฐฯ แต่ จีน มองเกาะแห่งนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของดินแดน

"ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานจะเดินหน้าในแนวทางนี้และท้าทายเส้นใต้ที่จีนขีดไว้ มั่นใจได้เลยว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างเต็มกำลัง" จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ "รับประกันได้เลยว่าสหรัฐฯ ต้องแบกรับผลลัพธ์ที่ตามมาทั้งหมดทั้งมวล"

เพโลซี จะเป็นสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ระดับสูงสุดคนที่ 2 ที่เดินทางเยือนไต้หวัน พันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกา ต่อจากประธานรัฐสภา นิวต์ กิงริช เมื่อ 25 ปีก่อน แต่ทางประธานาธิบดีไบเดน แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า กองทัพคิดว่าโปรแกรมเยือนไต้หวันของเธอในเวลานี้ "ไม่ใช่ความคิดที่ดี"

จีน จัดหนัก ซ้อมยิงขีปนาวุธจริง หลังไม่พอใจประธานสภาคองเกรส บินเยือนไต้หวัน

จากกรณีสหรัฐอเมริกา ส่งนางแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ (คองเกรส) ฉายา 'เจ้าแม่ป่วนจีน' เหตุเพราะเธอป่วนจีนมานานถึง 31 ปีแล้ว และเคยถูกรัฐบาลจีนจับกุมตัวขณะไปยืนชูป้ายเชิดชูกบฏที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน กว่าสหรัฐฯ จะช่วยออกมาได้ต้องเจรจาจนวุ่นวายอายขายหน้ามาแล้ว 

โดยคราวนี้เธอมุ่งมั่นขอโอกาสป่วนจีนอีกสักครั้ง ซึ่งแผนนี้จะเป็นการย่องบินมาลงไต้หวัน เพื่อยุแยงไต้หวันให้สู้ต่อไป ชนะแบบยูเครนแน่นอน สหรัฐฯ จะมายืนเคียงข้าง รับออเดอร์อาวุธเสมอ ไม่ต้องกลัวหายไปไหน!!

ในขณะที่สหรัฐฯ ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือคุ้มกันมาจากฐานทัพในสิงคโปร์ มุ่งสู่ไต้หวัน และเครื่องบิน Boeing 737 กองทัพอากาศสหรัฐฯ พร้อมพานางเพโลซี เหินฟ้ามาจากทางตะวันออกสหรัฐฯ ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก และแวะเติมน้ำมันที่รัฐฮาวาย อยู่นั้น กองทัพจีนก็ได้ให้เกียรติแสดงการต้อนรับ โดยระดมยิงขีปนาวุธ PHL-16 MRLS เฉี่ยวเกาะไต้หวันไปมา เสียงกัมปนาทดังปานฟ้าถล่มตลอดเวลา ขีปนาวุธพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นทางยาว และระเบิดสนั่นจนท้องฟ้าไต้หวันสว่างไสวแบบไม่ต้องเปิดไฟฟ้ายามค่ำคืน เป็นภาพตื่นตาตื่นใจมาก

สถานทูตจีนในไทย จวกสหรัฐฯ ใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน บิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ

ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่แบ่งแยกไม่ได้ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแต่รัฐบาลเดียวที่สามารถเป็นตัวแทนของทั่วประเทศจีน มติ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1971 ได้มีการรับรองในเรื่องนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 181 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนบนพื้นฐานหลักการประเทศจีนเดียว ซึ่งเป็นฉันทามติทั่วไปของประชาคมโลกและหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top