Sunday, 2 June 2024
เศรษฐาทวีสิน

‘นายกฯ’ นำทีมต้อนรับ ‘นทท.จีน’ ตามมาตราการ ‘วีซ่าฟรี’ พร้อมแจก ‘กางเกงช้าง-พวงมาลัย’ เป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือ

(25 ก.ย. 66) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ภายใต้มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 - 29 กุมภาพันธ์ 2567

โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาวันแรก และนายกฯ เดินทางไปรับนั้นได้เดินทางมาโดยสายการบิน Thai Air Asia X เที่ยวบิน XJ 761 เส้นทางเซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 341 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน 306 คน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นจำนวน 35 คน

ทั้งนี้ในทันทีที่นักท่องเที่ยว เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 10.15 น. ที่บริเวณสะพานเทียบเครื่องบินที่ D4 นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับ พร้อมมอบของที่ระลึก ประกอบด้วย พวงมาลัยกล้วยไม้ และกางเกงช้าง กับนักท่องเที่ยวทุกคน โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้ถ่ายรูปร่วมกับนายกฯ อย่างคึกคัก

ด้านเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สวมชุดไทยร่วมให้การต้อนรับ พร้อมป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ที่เขียนเป็นภาษาจีน ว่า “จีนไทยครอบครัวเดียวกัน อะเมซิ่งไทยแลนด์ ยินดีต้อนรับคนจีนตลอดไปเสมือนครอบครัว เที่ยวเมืองไทยยิ่งเที่ยวยิ่งสนุก ประเทศไทยยินดีต้อนรับคุณ

ขณะเดียวกัน ยังมีการแสดงหุ่นละครเล็ก และรำกลองยาว เพื่อสร้างคึกคักและความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วย

สำหรับท่าอากาศยานอีก 3 แห่ง ททท. ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ดังนี้ ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่

เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง 
เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา 
เที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง 

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จำนวน 2 เที่ยวบิน สายการบิน China Eastern Airlines ได้แก่ 

เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ 
เที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง

ท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐคาซัคสถาน 1 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน KC 563 สายการบิน Air Astana จากอัลมาตี้ และจากจีน จำนวน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ 

เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China จากหางโจว 
เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines จากเซี่ยงไฮ้ 
เที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China จากปักกิ่ง

ทั้งนี้ ททท. ประเมินว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีน มีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มตลาดเป้าหมายหลักและเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งด้านรายได้และจำนวน

ปัจจุบันตลาดจีนยังคงเผชิญความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 17 กันยายน 2566 ประเทศไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 19,000,988 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 2,341,080 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวอันดับที่ 2 รองจากมาเลเซียที่เดินทางเข้าประเทศไทยมากที่สุด

ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการฟื้นตัวอยู่ที่ประมาณ 37% เมื่อเทียบกับปี 2562 สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 เกือบเท่าตัว จากประมาณ 56,529 คนในปี 2562 เป็น 109,865 คนที่เดินทางเข้าประเทศไทยระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 17 กันยายน 2566 โดยเป็นตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ที่มีแนวโน้มและศักยภาพในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

โดย ททท. คาดการณ์ว่า มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) จะสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ให้เดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 4.01 - 4.4 ล้านคนในปี 2566 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 257,500 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในช่วง 5 เดือนที่มีมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศประมาณ 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2562

ขณะที่คาดว่านักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 150,000 คนในปี 2566 และคาดว่าในช่วง 5 เดือนของการยกเว้นการตรวจลงตราจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานจำนวนประมาณ 129,485 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ประมาณ 7,930 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และจะช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากจะช่วยคลี่คลายข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน ทั้งเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มทัวร์ และกลุ่ม Incentive

ประกอบกับช่วงเวลาดำเนินมาตรการฯ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ครอบคลุมช่วง Golden week ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมออกเดินทางท่องเที่ยว ต่อเนื่องถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่จะยิ่งช่วยผลักดันสู่เป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ตั้งไว้ของปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ ให้กลับมาในอัตรา 80% ของปี 2562 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท พร้อมมุ่งสู่เป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท

‘นายกฯ เศรษฐา’ ชี้แจง ปมเครื่องยนต์เรือดำน้ำเยอรมัน บอกได้คุยผู้นำเยอรมันแล้ว แต่ยังไม่ชัดว่าจะใช้หรือไม่

(26 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเข้าพบผู้นำเยอรมัน เพื่อเจรจา เครื่องยนต์ใส่ในเรือดำน้ำ ระหว่างการเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา กล่าวย้อนถามว่า “เรื่องความชัดเจนใช่ไหม” ก่อนนายกฯ กล่าวว่า “ความชัดเจน คือยังไม่มีความชัดเจน”

เมื่อถามว่าการนัดพบไม่ได้ติดอุปสรรคอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ได้พูดคุยกันแล้วแต่ยังไม่มีความชัดเจน”

'นายกฯ เศรษฐา' ชมเปาะ 'ทักษิณ' วิสัยทัศน์กว้างไกล วางโครงสร้าง 'สุวรรณภูมิ' ไว้ดี 'ต่อเติมง่าย-เซฟงบเยอะ'

(29 ก.ย.66) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) แบบ Soft Opening ณ อาคาร SAT-1 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างเดินก่อนเป็นประธานพิธีเปิดอาคาร SAT-1 ว่า สนามบินสุวรรณภูมิหลาย 10 ปีที่แล้ว ในการก่อสร้างสนามบิน โชคดีที่เราสร้างอุโมงค์และสิ่งต่างๆ ไว้ก่อน ทำให้การต่อเติมเป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งงบประมาณสมัยก่อนในการดำเนินการสร้างอุโมงค์ก็มีราคาถูก ตอนนี้สามารถเชื่อมต่อกับ SAT-1 ได้ดี ทำได้เร็วและเป็นประโยชน์มาก ซึ่ง สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก่อน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทำให้ตอนนี้ประหยัดงบประมาณได้มาก

นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันถือว่าดีมาก และบังเอิญที่ประจวบเหมาะกับเวลาที่เราเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านการท่องเที่ยว ถือว่าการท่าฯ ทำไว้ดีมาก ส่วนรถไฟฟ้า (APM) เชื่อมต่อจากสนามบินแห่งที่ 1 มา SAT-1 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.5 นาที ซึ่งเมื่อวันที่ 28 กันยายน ได้เปิดวันแรกทดสอบนักท่องเที่ยวแล้ว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เริ่มต้น

‘นายกฯ เศรษฐา’ ขอบคุณกระแสชาวจีนตอบรับนโยบายวีซ่าฟรี แถมจีนมียอดจองทัวร์ตปท.เพิ่ม 20 เท่า ‘ไทย’ คือจุดหมายยอดนิยม

(30 ก.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอบคุณกระแสตอบรับวีซ่าฟรีชั่วคราว 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกรัฐมนตรีทวิตเตอร์กรณี รายงานของ CNN ล่าสุดเรื่องพี่น้องชาวจีนตอบรับนโยบายวีซ่าฟรีชั่วคราวของรัฐบาลไทย

นายกรัฐมนตรีรู้สึกดีใจแทนพี่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะชาวจีนตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ให้บริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน (CTrip) รายงานว่า ช่วงสัปดาห์วันหยุดยาวของจีนปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนได้จองทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมคือ ไทย และยอดจองโรงแรมในไทยมากขึ้นถึง 6,220% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ประเทศไทยยินดีมากที่ได้ต้อนรับพี่น้องชาวจีนทุกคนครับ ประเทศเรามีทะเลที่สวยงาม อาหารไทยที่หลายหลาก หวังว่าทุกท่านจะท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและประทับใจครับ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า นโยบายวีซ่าฟรีของรัฐบาล จะมีส่วนกระตุ้น เศรษฐกิจ เพิ่มความสามารถด้านการจัดการการท่องเที่ยวของไทยให้ดีขึ้น โดยความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต้องมาที่หนึ่ง เป็นการเพิ่มชื่อเสียงความเป็นเจ้าบ้านที่ดีของไทย และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อพี่น้องทุกคน

‘นายกฯ เศรษฐา’ เตรียมทุ่ม 5.6 แสนลบ. เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้น ศก.หมุนเวียนในชุมชน ย้ำ!! พร้อมใช้งานภายใน ก.พ. 67

(2 ต.ค. 66) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า การฟื้นฟูรายได้ รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2567 ด้วยการอัดฉีดเงิน 560,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นระดับชุมชน กระตุ้นอุปสงค์ ก่อนขับเคลื่อนอุปทาน สิ่งที่รัฐได้กลับมา คือ ภาษี ในระยะเวลา 6 เดือน ให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

“ไม่ต้องห่วงครับใช้ได้แน่นอนภายในเดินก.พ.นี้” นายเศรษฐา กล่าวและว่า สำหรับค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะขยับค่าแรงไปถึง 400 บาทต่อวันให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งถือเป็นก้าวแรก

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมอัปเดตเศรษฐกิจ ‘ผู้ว่าแบงก์ชาติ’ ยัน!! ไม่มีความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันด้วยเหตุผล

(2 ต.ค. 66) ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาเข้ากระทรวงการคลัง หลังจากก่อนหน้านี้ ได้หารือ กับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำเนียบ เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การเข้ากระทรวงการคลังนั้น นายเศรษฐา ได้มีคำสั่งเรียกหน่วยในกระทรวงการคลังมาพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจ และนโยบายรัฐบาล รวมทั้ง เรียกพบหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน เข้าพบ เพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องอุทกภัย และน้ำแล้งที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (อีอีซี) ด้วย

โดยนายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีที่ได้หารือ กับนายเศรษฐพุฒิ ว่าเป็นการพบกันธรรมดาในฐานะผู้บริหารสูงสุด ในฐานะนายกก็ต้องรับฟังความเห็นผู้บริหารเป็นธรรมดา โดยเน้นเรื่อง เศรษฐกิจโดยรวม ส่วนเรื่องนโยบายก็รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ส่วนรายละเอียดนั้นขอไม่เปิดเผย

“ยืนยันว่าคุยกันด้วยดี และจะมีการนัดพบกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ไม่มีแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจร่วมกัน ได้คุยกันในทุกเรื่อง แน่นอนว่าหลังจากนี้ ต่างฝ่ายจะนำข้อมูลกลับไปทบทวน ไม่เช่นนั้นจะเรียกมาพบทำไม ไม่ได้เรียกมาจัดฉากเพื่อทะเลาะกัน แต่เรียกมาพูดคุยกันเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งผู้ว่า ธปท. ก็ดูแลสภาพการเงินการคลังของประเทศ ถ้าผมเชิญท่านมา ก็ต้องให้ความสำคัญกับท่าน ส่วนตัวผมกังวลมีข้อกังวลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอแนะของ นายเศรษฐพุฒิจากที่ได้รับฟัง ก็มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ จะให้เห็นด้วยกันทุกเรื่องไม่ได้ ต้องคุยกันด้วยเหตุและผล ส่วนการคุยมีผลให้ปรับนโยบายไหมนั้น ยังไม่มี แต่ก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน และต้องพูดคุยกันต่อเนื่อง

“เดี๋ยวเย็นนี้ จะมีการโทรศัพท์คุยกันอีก ส่วนนัดหารือครั้งต่อไปคืออีก 2-3 อาทิตย์ หรือ อาจจะเร็วกว่านี้ หากมีความต้องการ แต่ก็จะมีการคุยกันให้บ่อยขึ้น และผู้ว่า ธปท. ก็ฝากนโยบายหลายเรื่อง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดไว้เลย แต่ท่านก็ฝากมาว่า น่าจะทำส่วนนี้นะ และนโยบายอนาคตหลายเรื่อง ตนก็ได้เรียนถามท่านไปว่าผมคิดอย่างนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไร สรุปคือ ต่อไปนี้ ถ้าผมทำอะไรจะคุยกับท่านบ่อยขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

‘ชัยธวัช’ หนุน ‘นายกฯ’ ดันนโยบายเปิดผับบาร์ถึงตี 1 แนะ!! ควรจัดโซนนิ่งให้ชัดเจน สกัดการจ่ายส่วย

(5 ต.ค.66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุจะเปิดผับบาร์และสถานบันเทิงถึงตีหนึ่ง จากเดิมให้เปิดแค่เที่ยงคืนว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลเห็นด้วย เป็นข้อเสนอของพรรคอยู่แล้ว แต่มีความเห็นว่า ควรจัดโซนนิ่งได้ ไม่ควรจะเปิดแบบทั่วไป

“หลายพื้นที่ สถานบันเทิงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญ ดังนั้น ควรทำให้ถูกกฎหมายและถูกควบคุมกำกับภายใต้กรอบที่ควรจะเป็นให้ได้ ไม่ใช่ในทางปฏิบัติบอกว่ากฎหมายห้าม แต่เปิดถึงเช้าในหลายที่ โดยใช้กระบวนการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และไม่สามารถควบคุมกำกับตามที่เหมาะที่ควร ผมคิดว่าเรื่องนี้เห็นด้วย แต่ไม่ควรจะเปิดเป็นการทั่วไป” นายชัยธวัช กล่าว 

เจาะ 'ระเบิด 3 ลูก' อันตราย!! บนตักรัฐบาลเศรษฐา 'แจกเงินดิจิทัล - ประชามติ รธน. - นิรโทษกรรม'

แม้จะขยันขันแข็ง ทำงานเหนื่อยหนัก พักผ่อนนอนน้อยแค่ไหน แต่บางครั้งถ้ากระบวนท่าการรุกรบไม่สอดรับกับสถานการณ์และสวนทางกับความเป็นจริง พลังงานที่ทุ่มลงไปอาจไม่คุ้มค่ากับผลลัพธ์

สดับตรับฟังมาหลายวงสภากาแฟ 'เล็ก เลียบด่วน' ก็เลยนำมาเปิดหัวเรื่อง ส่งถึง ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ด้วยรักและห่วงใยจร้า...

กลับมาว่ากันที่สถานการณ์บ้านเมือง วันนี้ขอสรุปสั้นฟันธงเปรี้ยงเกี่ยวกับระเบิด 3 ลูกใหญ่ที่รัฐบาลเศรษฐาจะต้องถอดสลัก รับมือให้ดี...

>> ระเบิดลูกแรก ก็คือ นโยบายเติมเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ประชุมกันไปแล้ว ตั้งอนุกรรมการกันแล้ว กะว่าอีก 2 สัปดาห์ จะแถลงเสียงดังฟังชัด ว่าเอาเงินมาจากไหน แจกจ่ายเติมเงิน 5.6 แสนล้านกันอย่างไร ขณะที่กระแสภายนอกรุมค้านกันอย่างทรงพลัง โดยเฉพาะนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ 99 คน นำโดยอดีต 2 ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ดร.วิรไท สันติประภพ และ ดร.ธาริษา วัฒนเกษ ร่ายเหตุผล 7 ประการเสนอให้ยกเลิกนโยบายที่จะทำลายการคลังระยะยาว ถ้าจะช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยก็ควรทำแบบเฉพาะเจาะจง...

ฟังสุ้มเสียงทางรัฐบาลแล้ว ฟันธงว่า...คำว่า 'ยกเลิก' คงสะกดไม่เป็น เพราะจะเสียหายทางการเมืองหลายแสน แต่คงจะทบทวนเรื่องวิธีการ หรือลดขนาดลงเล็กน้อย...ซึ่งดูแล้วก็ยังน่าเสียวไส้อยู่ดีว่าจะไปไหวหรือเปล่า...

ดีไม่ดีระเบิดลูกนี้ถ้าถอดสลักไม่เนียน...อาจระเบิดใส่ตักคนชื่อเศรษฐาถึงขั้นลาโรงก็ได้นะ อย่าทำเป็นเล่น...

>> ระเบิดลูกที่สอง กรณีรัฐธรรมนูญว่าด้วยการทำประชามติ มีการปรับชื่อคณะกรรมการบางส่วน  ตอนนี้เหลือ 34 อรหันต์...ฟันธงว่าผลศึกษาที่พอจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างก็ปีหน้า...สุดท้ายก็จะตั้งคำถามเพื่อลงประชามติรอบแรก จากนั้นก็น่าจะเกิดสสร.ลูกผสมไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 แล้วลงประชามติกันเป็นครั้งที่สอง เมื่อแก้มาตรา 256 เสร็จแล้วก็มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันต่อ แล้วนำไปลงประชามติอีกรอบ...เป็นหนที่สาม

เบ็ดเสร็จได้หย่อนบัตรกัน 3 ครั้งๆ ละประมาณ 4 พันล้านบาท...เวลาที่ใช้ทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 3 ปี...ปัญหามีอยู่ว่ารัฐบาลเศรษฐาจะอยู่ถึงวันนั้นหรือไม่ ถ้ากลายเป็นรัฐบาลอุ๊งอิ๊งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้ากลายเป็นรัฐบาลอื่น...ท่าจะยุ่ง...

>> ระเบิดลูกที่สาม กรณีนิรโทษกรรมคดีอันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง เรื่องนี้พรรคก้าวไกลมีแนวร่วมที่ติดคดีพวกนี้อยู่เยอะมากโดยเฉพาะความผิด มาตรา 112 ต้องการที่จะปลดปล่อยคนพวกนี้ แต่มากกว่านั้นพรรคก้าวไกลรู้ดีว่าวันนี้ทุกสีเสื้อทางการเมืองก็อยากออกจากพันธนาการนี้...ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มนปช.เสื้อแดง กลุ่มกปปส. ก้าวไกล จึงช่วงชิงเสนอร่างกฎหมายนี้เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา...'เล็ก เลียบด่วน' ยังไม่ขอลงรายละเอียดในวันนี้...

งานนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะอึดอัดใจไม่น้อย จะเมินเฉยไม่นำพาก็ดูไร้น้ำใจเหมือนละทิ้งมวลชน ถูกอัดยับแน่ว่า 'ทักษิณ' รอดตายอยู่คนเดียวจึงไม่สนใจคนอื่น แต่ครั้นจะเสนอร่างประกบโดยไม่ครอบคลุมนิรโทษความผิดมาตรา 112 ด้อมส้มก็ถล่มเละ...ก็คงต้องดูกระบวนท่าว่านายกฯเศรษฐาและเพื่อไทยจะเอาไง...

จะเอาไงไม่เอาไงก็ว่ากันไป...แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ส่งเสียงมานานแล้วว่า...ถ้ารัฐบาลชุดนี้ทำให้เกิดบรรยากาศปรองดอง สมานฉันท์ไม่ได้ เพราะภาพหลอนคำว่า 'นิรโทษกรรม' ก็จะน่าเสียดายเป็นที่ยิ่ง...

สรุปก็คือ อย่าหลอน...รัฐบาลเพื่อไทยต้องทำ...แต่จะทำแบบไหน ไม่ยากถ้าสุมหัวพรรคร่วมช่วยกันคิด...ถ้าไม่ทำ...บางคนบอกว่าเลือกตั้งรอบหน้าพรรคก้าวไกลอาจแลนด์สไลด์ของจริง...

สวัสดี!!

‘นายกฯ’ ลุยน้ำท่วมยโสธร มอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้าน ยันรัฐบาลพร้อมดูแล พร้อมให้คำมั่นสัญญาเงินดิจิทัลทำแน่

(7 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้แม้จะไม่ถูกน้ำท่วมแต่ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเข้าหมู่บ้านประมาณ 30-60 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน  

โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งรถยกสูงของ ปภ. หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานครเข้าพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหมู่บ้าน

เมื่อเดินทางมาถึงมีประชาชนรอต้อนรับผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ โดยมีชาวบ้านบางคนบอกกับนายกฯ ว่าหล่อมาก 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการ พระครูเมธีธรรมบัณฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมถวายผ้าไตร และจตุปัจจัยไทยธรรม

โดยพระครูฯ ได้มอบพระพุทธบุษยรัตน์จำลอง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ยโสธร พร้อมเหล็กไหลของทางวัด รวมทั้งผูกข้อมือให้พรกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ

โดยช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกฯ และฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ขอให้นายกฯ ทำสำเร็จ

ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวยืนยันว่า “ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำเพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอ ซึ่งได้นั่งลงพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ว่าอยู่อย่างไรในช่วงน้ำท่วม พร้อมแสดงความเป็นห่วง โดยระบุจะหาแนวทางช่วยเหลือด้วยการยกระดับความสูงของถนนที่เข้าหมู่บ้าน เพื่อให้เดือดร้อนน้อยลงในช่วงที่น้ำท่วมสูง นอกจากนี้จะมีการสร้างสะพานเพิ่มในบางจุด ทำให้ชาวบ้านยกมือไหว้  ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกับชาวบ้านว่าไม่ต้องขอบคุณตนเองเพราะสิ่งที่ทำเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

และมีคุณยายวัย 70 ปี บอกกับนายกฯ ว่า ดีใจที่จะได้ใช้เงิน ไม่มีโทรศัพท์ ใช้ไม่เป็นทำไวท่านนายกฯนายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรบัตรประชาชนใบเดียวก็พอแล้ว”

ขณะที่บรรดาชาวบ้านโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่านายกฯตัวจริงหล่อ และได้บอกนายกว่า ดีใจหลายๆ นายกฯ ลงมาหา หล่อตัวสูง ก่อนที่จะพูดกระเซ้ากันหลังจับมือนายกฯ ว่า “จับมือได้แต่อย่าบายหรรม” เรียกเสียงฮากระจาย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มสอบถามเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะที่นายเกรียงซึ่งอยู่ด้วยกับนายกรัฐมนตรี จึงได้สอบถามผู้สูงอายุว่ายังอยากใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ไหม คุณยายจึงตอบว่า อยากได้ ขณะที่นายกฯย้ำว่าเรื่อง 30 บาทเราจะดูแลให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องดูแลทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลประชาชน ตนไม่อยากให้ลำบาก ตนมาเพราะต้องการลงพื้นที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริงตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาหาเสียงอยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พร้อมสอบถามเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งต้องขอให้ผู้ใหญ่พ่อแม่ดูแลบุตรหลานให้ดีๆ

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนว่าสวัสดีพี่น้องชาวจังหวัดยโสธรที่รัก เป็นขวัญและกำลังใจ อย่างล้นหลามให้เราทำงาน การเดินทางเข้ามาตรงนี้ ลำบาก ขนาดมาหนเดียวยังลำบาก เพราะเจอแต่ภาวะน้ำท่วม และได้รับการรายงานว่า ท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมตลอดเป็นเดือน ตนมีความไม่สบายใจ และเห็นใจทุกท่าน การสัญจรไปมาก็ลำบาก จะไปหาหมอก็ลำบาก พืชผลเสียหาย วันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ร่วมมาด้วย เป็นที่บ่งบอกแล้วว่าเราให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ทั้งนี้เรื่องการป้องกันน้ำท่วมทำได้หลายมิติ ในระยะยาวต้องมีการบริหารจัดการน้ำตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เสนอขุดคูคลองเพิ่ม ตรงนี้ถือเป็นแผนระยะยาว แต่ระยะสั้นเรื่องการปล่อยน้ำทางกรมชลประทานรับปากว่าจะไปทบทวนดูแลวิธีกักน้ำปล่อยน้ำ ซึ่งต้องบริหารจัดการกันไป หากเกิดภาวะอุทกภัยหรือน้ำท่วมเกิดขึ้นหน่วยงานทุกหน่วยงานพร้อมไม่ว่าจะเป็นของนายเกรียง  รมช.มหาดไทยที่ดูแลด้านป้องกันสาธารณภัยนายสุทิน กระทรวงกลาโหม

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารราบพัฒนาก็มาดูแลช่วยเหลือบำบัดทุกข์ให้พี่น้องประชาชน แต่เราไม่อยากให้ถึงจุดนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมดูแลสร้างถนนหนทางเข้ามาด้วย โดยสัญญาว่า จะทำถนนและสะพานอีก 2 สะพานที่น้ำท่วม ซึ่งจะต้องจัดการโดยเร็ว และระหว่างที่ตนนั่งรถเข้ามาได้คุยกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายท่านบอกว่าที่นี่อำเภอนี้หมู่บ้านนี้มีความผูกพันมาก มีโครงสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง พี่น้องไม่ได้ออกไปทำงานนอกเขตอยากอยู่ในเขตพื้นที่ช่วยเหลือจุนเจือด้วยกัน ดูแลผู้แก่ผู้เฒ่าด้วยกัน ผลดีตรงนี้ไม่มีใครทราบ ตนมาที่นี่ไม่มีใครบ่นเรื่องปัญหายาเสพติด เพราะสถาบันครอบครัวแข็งแรงพี่น้องคนแก่คนเฒ่าดูแลลูกหลานดีมีเวลาพูดคุยกันมีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสังคมตัวอย่างที่หลายๆ อำเภอหลายๆ จังหวัด ควรที่จะนำไปพัฒนาต่อ วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพูดคุย แม้มาในสภาพที่น้ำท่วมไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากมาในบริบทที่มีรอยยิ้มอย่างจริงจังและวันนี้ก็ยิ้มสุดๆ หน่อย เพราะมาถึงก็เห็นน้ำท่วม ตนมาเพียงวันเดียวยังเศร้าใจ เข้าใจถึงความลำบาก วันนี้ที่มาที่นี่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ซึ่งทุกคนเข้าใจและสัญญาจะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จำนวน 300 ชุม และยังได้มอบถุงยังชีพของเกษตรอำเภอให้กับเกษตรกรจำนวน 300 ชุดรวมถึงมะปรางซึ่งเป็นอาหารของปศุสัตว์ในช่วงที่น้ำท่วมรวมถึงต้นกล้าพันธุ์พืชเช่นมะละกอพริกและมะเขือให้กับประชาชนด้วย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเดินทางกลับตามเส้นทางซึ่งมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ นายกรัฐมนตรีได้ลงลุยน้ำและนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนตามรายทาง พร้อมให้กำลังใจว่า ขอให้สู้อดทนอีกหน่อยรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ

‘เศรษฐา’ นั่งหัวโต๊ะ เล็งแก้ปัญหายาเสพติดเอง ลั่น!! เน้นบำบัดคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ ดีกว่าจับแล้วล้นคุก

(7 ต.ค.66) ที่สถานีตำรวจภูธรหัวโทน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และคณะ ให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมโครงการบำบัดยาเสพติด ที่มีแนวคิดจะให้หัวโทนโมเดลเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหายาเสพติด ว่า ใช่ เจ้าหน้าที่รัฐนำโดยสถานีตำรวจภูธรหัวโทนโมเดลเป็นแบบอย่างที่ดี อยากให้หลายท้องที่นำไปคิดว่าควรจะทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า แต่ไม่ใช่อยู่ดีๆ นำไปใส่ท้องที่อื่น ต้องดูความพร้อมและความแข็งแกร่งของชุมชนว่าพร้อมด้วยหรือไม่ ตรงนี้เป็นโมเดลที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทำสำเร็จ มีตัวเลขที่ลดลงอย่างมีนัยและผู้เสพเป็นผู้ป่วยหายคืนสู่อ้อมกอดพ่อแม่พี่น้องได้ และมีอาชีพที่เป็นหลักแหล่งอันนี้น่าชื่นชม

ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวโทนโมเดลไม่ใช่จุดสุดท้ายที่แก้ได้ เพราะบางครั้งเมื่อจับแล้วก็มีการปล่อยออกไปอีก นายเศรษฐา กล่าวว่า หัวโทนโมเดลสรุปไม่ใช่ทางแก้ที่เบ็ดเสร็จอันนี้จริง แต่เป็นส่วนสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหา ถ้าหากบอกว่าผู้เสพต้องจับไปขังคุก ท่านรู้หรือไม่ว่าคุกไทยกี่เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้เสพยาเสพติด 85% หากเจอนิดเดียวแล้วจะไปเป็นผู้ผิดแล้วติดคุก พวกเราจะเต็มไปด้วยผู้เสพ ซึ่งมันควรจะต้องมีวิธีอื่นเพื่อเปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วยดูแลรักษาเขาให้ดีให้มีอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ส่งคืนสู่อ้อมกอดของพ่อแม่ได้ เรื่องการเผาทำลายยาเสพติดระยะเวลาจะต้องให้น้อยลงเพื่อสังคมจะได้ไม่มีข้อกังขาระหว่างการโอนก่อนจะปฏิบัติการเผามันมีรั่วไหลหรือไม่ การจ่ายเงินสินบนนำจับให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบางทีบอกว่าช้าไปบางทีนาน 1 - 3 ปี มันช้าเกินไปต้องให้มีวิธีการที่กระชับขึ้น และเรื่องการยึดทรัพย์ก็ยังช้าอยู่ ดังนั้นหัวโทนโมเดลไม่ใช่วิธีเดียวที่สำเร็จแต่เป็นส่วนสำคัญ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนได้บอกไว้แล้วว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตนจะนั่งหัวโต๊ะเองเพราะมีหลายหน่วยงานทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาธารณสุข มหาดไทย ทุกๆ หน่วยงานต้องได้รับการสั่งการที่ชัดเจน มีผู้บริหารสูงสุดของประเทศนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเอง

“ยืนยันว่ายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญและยืนยันปัญหายาเสพติดจะต้องน้อยลงไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top