Monday, 29 April 2024
เลือกตั้ง

‘ก้าวไกล’ ขายนโยบายด้วยแผงหวย!! | THE STATES TIMES Y WORLD EP.60

พรรคก้าวไกล นำโดย คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 
และสมาชิกพรรค งัดกลยุทธ์ โชว์ลูกเล่นหาเสียงแบบใหม่ 
เปลี่ยนแผงหวย เป็นแผงขายนโยบาย 
การันตี!! เลือกแผงนี้ เหมือนเลือกรางวัลที่ 1 
หน้าแผงนโยบายนี้จะเป็นอย่างไรไปชมกันได้เลย!

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World x ELECTION TIME
และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PLvNTQ_fOAFugvfiWfiUXJ8JJYho1ADnG8

#THESTATESTIMES
#THESTATESTIMESYWORLDxELECTIONTIME
#เลือกตั้ง
#เลือกตั้ง66
#ก้าวไกล
#ทิมพิธา

'ชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ' ยกระดับสินค้า จัดตั้งกองทุนหนุนธุรกิจ จ้างงานผู้สูงวัย สร้างคุณค่าชีวิต

(3 ก.พ. 66) นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงนโยบายด้านการเกษตรของพรรคชาติพัฒนากล้าว่า โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ได้เอื้อให้ผู้ประกอบการรายย่อย และเกษตรกร ให้ลืมตาอ้าปากได้มากนัก พรรคชาติพัฒนากล้า ขอนำเสนอนโยบาย 'เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี – อุตสาหกรรม' โดยยก 4 ข้อหลักเพื่อไปสู่เป้าหมายได้ คือ

1.) พัฒนาสินค้าเกษตรเป็นเกษตรพรีเมี่ยม เพิ่มคุณภาพการผลิต จำหน่ายในราคาสูงได้ ปัญหาของเกษตรกรเวลานี้คือ เน้นปริมาณ ไม่ได้เน้นคุณภาพมากนัก ทำให้สินค้าผลิตออกมาขายไม่ได้มาตรฐาน หรือขายได้ในราคาถูก ไม่คุ้มต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สินค้าภาคการเกษตรเกี่ยวเนื่องกับหลายกระทรวง ที่มีนโยบายไม่สอดคล้องกัน ทำให้สินค้าภาคการเกษตรไม่สามารถแก้ปัญหาได้มาอย่างยาวนาน

2.) ใช้เทคโนโลยีช่วยเกษตรแปรรูป โดยเสนอระบบ cloud factory ซึ่งเป็นระบบที่รัฐใช้เงินสนับสนุน มีโครงสร้างพื้นฐาน ให้ชาวบ้านมาใช้ มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ที่อุทยานหลวงปู่ทวด ต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้นำท้องถิ่นได้รวบรวมสินค้าชุมชน นำมาแปรรูป และตั้ง อย.กลางเพื่อสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตตามออเดอร์ หมดปัญหาผลิตมาไม่รู้จะขายใคร

3.) สอนเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต ด้วยการค้าขายออนไลน์ ซึ่งมีตลาดแบบไร้พรมแดน หากทำได้ก็จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนมหาศาล ลืมตาอ้าปากได้

นายกฯ ปทุมธานี แนะ!! ปชช. ให้เลือก ส.ส. ที่ผลงาน ความสามารถ

เมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้แนะนำประชาชนเลือก ส.ส. ที่ผลงาน ผ่านช่อง SCTVCHANNEL โดยระบุว่า...

เปิดตัวเลข 'การเลือกตั้งประเทศไทย' ตลอด 90 ปี ที่ผ่านมา

ยุบ? ไม่ยุบ? ยุบ? ไม่ยุบ? นาทีนี้ เกจิแวดวงการเมืองไทย หลายคนคงกำลังวิเคราะห์ห้วงเวลาการ 'ยุบสภา' หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ กฎหมายลูก 2 ฉบับ ทั้ง 'พ.ร.ป.เลือกตั้ง - พ.ร.ป.พรรคการเมือง' เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ประหนึ่งเป็นสัญญาณ 'ลั่นระฆัง' ว่า การเลือกตั้งทั่วไป 2566 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเร็ววันนี้

ไม่ว่ารัฐบาล โดยการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภาก่อนสภาผู้แทนหมดวาระ หรือการทำงานของรัฐบาลจะดำเนินไปจนถึงวาระหมดอายุของสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทั้งหมดทั้งมวล ปักธงได้เลยว่า เลือกตั้งใหญ่มาแน่ราวเดือนพฤษภาคม 2566 นี้!

‘เพื่อไทย’ เปิดตัว ‘อ๋อม สกาวใจ’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสะพานสูง-ประเวศ

(6 ก.พ. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ กลุ่มงานบริหารพื้นที่ กทม. ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ยันต์เจริญ กลุ่มงานบริหารพื้นที่ กทม. ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมแถลงข่าวเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคตะวันออก และ กทม.พรรคเพื่อไทย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความภาคภูมิใจเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง มีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ท่องเที่ยวและประมง เป็นพื้นที่หมุดหมายของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมศักยภาพให้กลายเป็นเมืองแห่งผลไม้และอัญมณี จึงขอเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรีในวันนี้ และเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง กทม.อีก 3 คน ทำให้ กทม.เปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครบทั้ง 33 เขตแล้ว

สำหรับยุทธศาสตร์และเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ต้องได้ ส.ส.มากกว่า 251 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อปิดกั้นอำนาจเก่า กลไกที่บิดเบี้ยวในรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มายื้อแย่งประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้พวกเขาต้องการ ส.ส.เพียง 25 ที่นั่งเท่านั้นก็สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่พรรคเพื่อไทยต้องการชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย จาก 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1.) บุคลากรของพรรคเพื่อไทย และผู้แทนราษฎร ที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 
2.) นโยบายที่เป็นประชาธิปไตยที่จับต้องได้ ทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เป็นสินค้าทางการเมืองที่พี่น้องประชาชนให้ความมั่นใจว่า เพื่อไทยประกาศแล้วทำได้จริง และเตรียมประกาศเพิ่มอีก 7 นโยบายหลังยุบสภา 
3.) แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่จะได้รับความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนและนานาอารยประเทศให้การยอมรับ ซึ่งมีครบตามกฎหมายจำนวน 3 คน เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจเพื่อนำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตได้ ที่จะเป็นผู้นำพาการเลือกตั้งให้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมประกาศทั้ง 3 รายชื่อในเวลาอันใกล้นี้

“กทม.เป็นหัวใจของประเทศไทย เป็นศูนย์การการเมืองการปกครอง เป็นศูนย์กลางทางมิติสังคม สะท้อนทุกอย่างภายในประเทศ เป็นพื้นที่ที่เพื่อไทยให้ความสำคัญมาก เรามั่นใจว่า ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร และ ส.ส.ในอนาคต จะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนทุกมิติ ฝากชาว กทม.ช่วยกันพิจารณาสร้างโอกาสร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่ออนาคตของ กทม.และประเทศชาติ เพื่อไทยยึดมั่นถือประชาชนเป็นหัวใจ ร่วมชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ให้ถล่มทลาย” นายแพทย์ชลน่านกล่าว 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทำงานต่อเนื่องเพื่อประชาชน โดยวานนี้ที่ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตและพังงา ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และในฐานะของ ส.ส.นครราชสีมาผู้แทนของคนโคราช ขอขอบคุณชาวโคราชที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส.ส.แบ่งแขตและบัญชีรายชื่อ จากโพลนิด้าล่าสุด ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยขอเปิดตัว ผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ภาคตะวันออก 2 คน และ กทม. อีก 3 คน ได้แก่ 

ภาคตะวันออก 2 คน ได้แก่ 
>> จ.จันทบุรี
1.) นายวันทิตย์ ตั้งรักษาสัตย์ 
2.) นายนิติรุจน์ ศิระวิเชษฐ์กุล

>> กทม. 3 คน ได้แก่
1.) นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ กทม. เขตสะพานสูง ประเวศ 
2.) นายเอกภาพ หงสกุล กทม. เขตสายไหม 
3.) นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ กทม. เขตบางขุนเทียน

ย้อนตำนาน 'รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ' กับ 'รูปแบบการเลือกตั้ง' ที่เปลี่ยนไป

30 ปี นับตั้งแต่ปี 2535 จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์การเมือง ที่นำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ คือ 2540 2550 และ 2560  โดยมีรูปแบบการเลือกตั้งที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจึงขอย้อนรอยเรื่องราวการเลือกตั้งที่สะท้อนจากรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งนอกจากจะแตกต่างกันแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าประวัติศาสตร์การเมืองอีกด้วย

#รัฐธรรมนูญ2540…จุดเริ่มต้นบัตร 2 ใบ "เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ"
ปี 2538 ยุค นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง (คปก.) ขึ้น และนำมาสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ’ ที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.  99 คน  ประกอบด้วย สสร. 76 คนที่มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน กับตัวแทนนักวิชาการและผู้เชี่ยวขาญในสาขาต่างๆ ที่มาจากการคัดเลือกกันเองของสภาสถาบันอุดมศึกษาให้สภาพิจารณา อีก 23 คน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภา จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ได้ชื่อว่าเป็นฉบับประชาชน และเกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมากที่สุด 

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2540 พลิกโฉมการเมืองไทยไปจากเดิม ด้วยระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดย ส.ส.  500 คน มาจากแบบเลือกตั้งเขตเดียวคนเดียว 400 คน และมาจากแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ใชับัตรเลือกตั้งสองใบ คือ ใบแรก 'เลือกคน' คือ ส.ส.เขต แบบเขตเดียวเบอร์เดียว และ ใบที่สองเลือก ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ 'ปาร์ตี้ลิสต์' เป็นครั้งแรกเพื่อเพิ่มบทบาทของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรค รวมถึง 'นายกรัฐมนตรี' ก็ต้องมาจาก ส.ส. เท่านั้น ขณะที่ ส.ว. 200 คน ที่เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรองกฎหมาย รวมถึงมีอำนาจในการ 'ถอดถอน' ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด 

รัฐธรรมนูญ ปี 40 ยังเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรอิสระ อย่าง  กกต.  ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมืองมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ กลไกระบบเลือกตั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ยังส่งผลให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และมีน้อยพรรค ทำให้การบริหารบ้านเมืองมีความต่อเนื่องมากขึ้น ปิดข่องรัฐบาลผสมที่มีหลายพรรคการเมือง 

แต่ระบบนี้ใช้ในการเลือกตั้งได้เพียงแค่ 2 ครั้ง คือในปี 2544 และ 2548 ก็เกิดปัญหาใหม่ เมื่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส ในการบริหารประเทศ และเกิดปัญหาเกี่ยวกับกลไกตรวจสอบ ถ่วงดุล ที่ทำได้ยาก จนถูกขนานนามว่าเป็น 'เผด็จการรัฐสภา' กระทั่ง 19 กันยายน 2549 เกิดการรัฐประหาร นำมาสู่การกำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ ฉบับปี 2550

#รัฐธรรมนูญ2550 ปรับระบบ 'ปาร์ตี้ลิสต์' จากหนึ่งเขตประเทศ เป็น 8 กลุ่มจังหวัด
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ และจัดให้มีการลงประชามติจากประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ผ่านการเห็นชอบ ร้อยละ 57.81 ทั้งนี้มีการปรับระบบเลือกตั้ง กำหนดให้ ส.ส. มีจำนวน 480 คน มาจากแบบเลือกตั้งแบ่งเขตเรียงเบอร์ 400 คน และมาจากแบบบัญชีรายชื่อ จากเขตเลือกตั้งเดียวทั้งประเทศ มาเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน รวม 80 คน

ส่วน ส.ว. มีจำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้งใน 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และที่เหลือมาจากการสรรหา ส่วนการเลือกตั้ง ในช่วงของการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 เกิดขึ้น 2 ครั้ง โดยในครั้งแรก พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ได้ 'สมัคร สุนทรเวช' เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ในยุค 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' สภามีมติแก้ไขระบบการเลือกตั้ง ส.ส. กลับไปใช้บัญชีรายชื่อบัญชีเดียวทั่วประเทศ 125 คน ก่อนมีการเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ต่อมา ประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรมสุดซอย รวมถึงปัญหาทุจริตจำนำข้าว นำมาสู่ความขัดแย้งทางการเมืองระลอกใหม่ แนวโน้มเดินไปสู่ทางตันและความรุนแรง จึงนำมาซึ่งการยึดอำนาจอีกครั้งโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และนำมาซึ่งการจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2560

'บิ๊กแจ๊ส' เตือน!! ชาวปทุมธานี ขอให้ดูที่ตัวบุคคลสำคัญ หากไม่มีคุณภาพ ก็ถือว่าเหยียบย่ำหัวใจคนปทุมฯ

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี (วัดธรรมสุขใจ) โดยมี นายสุรพงษ์ อึ๊งอัมพรวิไล, นายศุภชัย นพขำ, นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยุทธศักดิ์ (จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม 

โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ดร.ร.ต.อ.ตรีลูฟล์ ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต 

ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง ได้กล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอบเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน 

"สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ๊งอิ๊งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ"

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา 

"จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top