Monday, 29 April 2024
เลือกตั้ง

การเมืองท้องถิ่นโค้งสุดท้าย…ศึกหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.ร้อยเอ็ดใส่กันยับ ทั้งบนดิน ใต้ดิน

วิชามาร วิชาแพะงัดออกมาสู้กันเดือด ล่าสุดเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ลูกหม้อพรรคเพื่อไทย เบอร์2 โดนพิษใบปลิวว่อนสนามเลือกตั้งนั่งไม่ติดลุกชี้แจ้ง

วันนี้ (19 กันยายน 2565) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาภายหลังจากที่มีใบปลิวว่อนสนามเลือกตั้ง ซึ่งข้อความในใบปลิวนั้นระบุว่า”ศึกเลือกตั้ง อบจ.ร้อยเอ็ด 25 กันยายน 2565 เศกสิทธิ์เป็นหนี้อบจ.17 ล้าน แต่กลับมาสมัครเป็นนายกอบจ.? พรรคเพื่อไทยหาคนที่ดีที่สุดได้แค่นี้เหรอ??? คนร้อยเอ็ดต้องทำอย่างไร??? #กลุ่มพิทักษ์ประชาชน วันนี้เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาเจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ความว่า…

ตลอดชีวิตทางการเมืองผม​ 30 ​ปี​ ผมไม่เคยที่จะร้องเรียนใคร​ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่ง​ หรือคนที่ไปช่วยฝ่ายตรงข้ามหาเสียง​ และไม่เคยใช้วิธีสกปรก​ ในการทำลายคู่แข่งขัน​ เพราะคิดเสมอว่าถ้าใช้วิธีสกปรกแสดงว่าใจเราก็สกปรก​พร้อมไปทำในเรื่องสกปรก​ ผมจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด​ และเชื่อว่าพี่น้องประชาชนมีเหตุผล​ในการตัดสินใจเสมอ

ช่วงนี้มีคนไปโปรยใบปลิว​ คงหวังจะทำลายชื่อเสียงผม​ เรื่องนี้ผมได้อธิบาย​มาแล้ว​ ผมเชื่อว่าคนที่เคยฟังเข้าใจถึงเหตุผล​การรับสภาพหนี้ในการรักษาความรู้สึกของนักกีฬา​ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดและปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้ถูกฟ้องละเมิดจากการที่​ สตง.บอกว่าต้องมีคนรับผิดชอบ​ และ​ #ยังยืนยันว่าถ้าได้ตัดสินใจใหม่ก็ยังจะตัดสินใจรับสภาพหนี้นี้เหมือนเดิม​ แม้ #ถ้าไม่รับสภาพหนี้ก้อนนี้ผมก็ไม่มีความผิดอะไร และตอนนี้​ก็ได้ชำระไปแล้ว​ 5,100,000 บาท​ ส่วนที่เหลือก็จะชำระตามงวดที่​ สตง.กำหนด​ และหนี้ก่อนนี้ก็ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน​กับทางปปช.ไว้แล้ว​ และ​#ตั้งใจว่าถ้าได้รับเลือกตั้งอาจจะหาทางชำระทั้งหมดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาในการทำงาน

เรื่องนี้ผ่านการถูกตรวจสอบจาก​ #สตง.มาแล้วว่า​ ทุกอย่างดำเนินการตามโครงการที่ขอรับการอุดหนุน​ #ไม่มีการทุจริตแต่อย่างใด

เพื่อไทย ปาดเหงื่อ!! สนามใหญ่เลือกตั้งถิ่นปทุมธานีหนหน้า เมื่อ เกียรติศักดิ์ ตีจาก 'บิ๊กแจ๊ส' หนีไปซบอก 'ลุงป้อม'

แค่เห็นบริบทแรกของการเมืองแห่งเมืองปทุมธานี ก็ดูท่าจะสนุกแล้ว หลังจากเดิมสนามแห่งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าอยู่ แต่อาจจะมีพรรคโน้นพรรคนี้แซมเข้ามาบ้าง พรรคละคนอะไรประมาณนี้!!

หลังจาก “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้ ได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี 'การใหญ่ก็แว่บขึ้นมา'  เพราะลูกชายก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครรังสิตด้วยอีกคน 

การใหญ่ที่ว่าคือสนามเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยต้องยึดทั้งจังหวัด

บิ๊กแจ๊สขอจัดทีมเอง และเลือกคนของตนเองลงสมัครเป็นส่วนใหญ่ นั่นจึงทำให้ ส.ส.เก่าบางคนก็ไม่ได้รับการพิจารณาส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ทัพจึงเริ่มแตก โดยมี “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนแรกๆ ที่เดินออกมาจากทีมบิ๊กแจ๊ส

“ผมตัดสินใจแล้วครับ 
ยอมตายในดาบหน้า 
แพ้เท่ากับศูนย์ เสมอได้กำไร 
ชนะคือกำไรมหาศาล
ไม่มีอะไรจะต้องเสียไปมากกว่านี้แล้วครับ”

“ผมขอเดินทางไปกับพรรคที่ให้เกียรติผม ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้คิดถึงเขาเลย ผมขอขอบคุณ พรรคที่ให้เกียรติผม (พปชร.) แต่บางคนในพรรคที่ผมอยากไปอาศัยชายคาด้วย ไม่ให้ราคากันบ้างเลย

“ผมขอพิสูจน์ครับ ผมขอน้อมรับครับ ผมขอเกาะไปกับขบวนตู้ท้ายนี้แล้วครับ ถึงจะเปลี่ยนผู้โดยสารคนสุดท้ายให้ใหม่ ผมมิอาจรอได้จริงๆ”

กล่าวถึงเกียรติศักดิ์ ส่องแสง สมัยอยู่ประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็น ส.ส.ที่ขยันลงพื้นที่ต่อเนื่อง แม้จะเป็นคนต่างถิ่น แต่ก็แจ้งเกิดในสนามยากได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน เกียรติศักดิ์หันหัวเรือไปยังพรรคเพื่อไทยกับกระแสแลนด์สไลด์ แต่เมื่อเข้าไปแล้วเจอตอ ก็ต้องถอยออกมาดีกว่าให้เรืออับปาง หรือเดินออกมหาสมุทรแล้วเจอหินโสโครก ที่ไม่อาจรู้อนาคตได้ พายุใหญ่ก่อตัวอยู่กลางมหาสมุทรใหญ่ด้วย

พลันที่ เกียรติศักดิ์ เดินออกจากเพื่อไทย ฟาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับเข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่น ในสนามเลือกตั้ง “แพ้-ชนะ” ว่ากันในอีก 7 เดือนข้างหน้า

เลือกตั้งครั้งหน้าปทุมธานี จึงเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่น่าจะฟาดฟันกันดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น ทีมก้อย พรพิมล ธรรมสาร ที่ถีบตัวออกจากเพื่อไทยอีกคน และมีคนพร้อมจะลุยสู้ศึก เปิดหน้าลุยกันอยู่แล้ว ย่านลาดสวาย ลำลูกกา ก็มี “โอม-จิรชาติ” เจ้าของแนวคิดลาดสวายโมเดล ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ก็พร้อมขึ้นเวทีตะบันหน้ากับทุกพรรค แม้คราวที่แล้วโอมจะลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐและก้าวไม่ถึงฝัน แต่ประสบการณ์และความขยันลงพื้นที่คลุกคลีชุมชน ก็น่าจะเรียกคะแนนได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมในนามพรรคสร้างอนาคตไทย เรียกว่าเป็นอีกเขตพื้นที่สุดท้าทายเพื่อไทยไม่น้อยกับฝันยึดจังหวัดของบิ๊กแจ๊ส

ยังไม่พูดถึงเขตอื่นที่พรรคภูมิใจไทยก็จ่อจ้องเข้ามาเบียดแทรกอยู่เหมือนกัน อย่าลืมว่าสนามเล็กอย่างคลองหลวง เด็กบิ๊กแจ๊สก็แพ้ให้กับ “เอกพจน์ ปานแย้ม” นักร้องลูกทุ่งดังในอดีตมาแล้วกับตำแหน่งนายกเทศมนตรีคลองหลวง เพราะดีกรีอดีต ส.ส.ของเอกพจน์ก็ยังมีอยู่

ก่อนหน้านี้ เมื่อเกียรติศักดิ์ เข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทยใหม่ ๆ ก็เจอแรงต้านจากเจ้าของพื้นที่เดิมตั้งแต่ก้าวแรกแล้ว

ด้าน นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีตส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ ขนทีมงานร่วม 80 ชีวิต มาสมัครเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกมองว่าอาจจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า เรื่องนี้ทำให้พี่น้องประชาชนจังหวัดปทุมธานี สับสน เดิมทีนายเกียรติศักดิ์ เคยเป็นส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เคยเคลื่อนไหวสมัยการชุมนุมกลุ่มกปปส. เคยขึ้นเวทีด่า นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเสียหาย ทำให้ต่อมาเกิดการรัฐประหารจากพล.อ.ประยุทธ์ และชาวบ้านเองก็ไม่ยอมรับ คนที่สนับสนุนให้เกิดการรัฐประหาร ไม่รู้ว่าทาง ผู้ใหญ่ในพรรคได้ทราบประเด็นตรงนี้หรือไม่ ในเวลาต่อมานายเกียรติศักดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน ทราบมาว่า การเดินทางมาสมัครของนายเกียรติศักดิ์ ได้รับการทาบทามจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายอบจ.ปทุมธานี

นายชัยยันต์ กล่าวว่า กรณีนี้เหมือนเป็นการบีบตน พยายามทำให้เห็นว่า มีความขัดแย้งกับพรรค เป็นพวกงูเห่า สุดท้ายทนไม่ได้จึงต้องหนีไป ทั้งที่ยังไม่มีความคิดจะย้ายพรรค ยังรักอุดมการณ์พรรคเพื่อไทย ยังยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ไม่เอาลุงตู่ อยากให้ทางพรรคเข้ามาจัดการ แก้ปัญหา เพราะชาวบ้านเองคงไม่ยอมรับแน่ ในการนำคนที่เคยสนับสนุนรัฐประหาร ขึ้นเวทีโจมตีนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาอยู่กับพรรค รวมทั้งอาจเป็นช่องทางให้พรรคการเมืองอื่นเข้ามาแทรกแซงได้อีกด้วย

สุรนันทน์ ขอให้กกต.เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแข่งขันกันอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ ร่วมกับนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค ได้ลงพื้นที่ชุมชนวัดดุสิดารามและตลาดบางขุนนนท์ เขตบางพลัด โดยมีนายพัลลภ ปิยะตระกูล เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่ 

นายสุรนันทน์ กล่าวถึงกรณีหลักเกณฑ์ 180 วันก่อนเลือกตั้ง ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนนี้ว่า เรื่องนี้ควรมีการตีความในข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ชัดเจน ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสแข่งขันกันอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม  ไม่อย่างนั้นแล้วทุกอย่างก็จะกลับไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองแบบเดิมอีก  
    
ถ้าคิดตามหลักประชาธิปไตยแล้ว เราควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้ว่า จะมีการเลือกตั้ง แต่ละพรรคจะส่งใครเป็นผู้สมัครเพื่อมาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน โดยผ่านการเสนอแนวคิด ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือผ่านสื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้กกต.ก็สามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

นายสุรนันทน์ ยังกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าพรรคใหม่ๆ หรือพรรคการเมืองที่ไม่ได้มีบทบาทในรัฐบาลหรือในสภาฯ จะเสียเปรียบกับเรื่องนี้มาก ยกตัวอย่าง ที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำท่วม เรายังมีโอกาสช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนได้ แต่ขณะนี้ทำอะไรไม่ได้เลย  แต่รัฐบาลยังทำได้ทุกอย่าง ถึงแม้จะมีการอ้างว่าเป็นการทำในฐานะภาครัฐ ไม่ใช่พรรคการเมืองก็ตาม แต่ กกต.จะตีความอย่างไร ว่าการลงปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ  นั้นจะเป็นฐานะรัฐมนตรี, หัวหน้าพรรคการเมือง หรือ ส.ส. โดยไม่มีนัยยะใดๆ แอบแฝง

'สร้างอนาคตไทย' เรียกร้อง กกต.รีบแบ่งเขตเลือกตั้ง เพื่อความเท่าเทียมและพร้อมจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง

วันพุธที่ 28 กันยายน 2565 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ และนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค เปิดศูนย์ประสานงานพรรค เขตยานนาวา บางคอแหลม ซึ่งมีนายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่

นายสุรนันทน์ ได้กล่าวว่า ศูนย์ประสานงานพรรค ไม่ใช่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ศูนย์ฯ จะต้องทำงานต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง เพราะเราตั้งใจเปิดศูนย์ฯ ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ พรรคสร้างอนาคตไทยได้มีชุดความคิดใหม่ ๆ เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำทางการเมืองและสังคม และระหว่างพบปะประชาชน ก็ได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ที่นับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงปัญหาชุมชนที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พรรคฯ จะนำปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ เข้าที่ประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาหาทางแก้ไขต่อไป โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เรายืนยันว่า จะต่อต้านยาเสพติดทุกประเภท  และจะร่วมกันขจัดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทยทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 

นายสุรนันทน์ ยังได้เรียกร้องไปยัง กกต. อีกด้วยว่า ถึงแม้จะออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ มามากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือควรรีบแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้งทั้ง 400 เขตให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ผู้ที่ลงสมัครหน้าใหม่ก็จะเสียเปรียบเจ้าของพื้นที่เดิม เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่าพื้นที่ของตัวเองมีขอบเขตแค่ไหน เพราะฉะนั้น กกต. จะต้องเร่งในเรื่องนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้มีโอกาสในการแนะนำตัวให้ประชาชนรู้จักอย่างเท่าเทียมกัน

'เพื่อไทย' เรียกร้อง กกต. ทำหน้าที่ให้ชัดเจน ชี้!! อย่าทำให้การเมืองมีแต่ความคลุมเครือ - สิ้นหวัง

(3 ต.ค. 65) สุธรรม แสงประทุม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่มีบรรยากาศอยู่ภายใต้ความคลุมเครือ ความสิ้นหวัง ทั้งที่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ที่ควรทำหน้าที่ตัวเองให้โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเห็นความหวัง เชื่อมั่นในความยุติธรรม และเดินหน้าประเทศนี้ต่อไปได้อย่างโปร่งใส โดยมี 3 ข้อที่กังวลใจคือ

1.) ความคลุมเครือ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่แล้ว มีหลายเรื่องที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ตั้งแต่เรื่องการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ถึงการตัดสินใจตามอำนาจหน้าที่ ปรากฎว่า พรรคเพื่อไทย ได้ที่นั่งมากที่สุด ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่มีบัตรเขย่งทำให้มีพรรคเล็กได้สนับสนุนรัฐบาลที่มีที่มาจากสมาชิกวุฒิสภา 

นอกจากนี้ การประกาศผลการเลือกตั้งบางเขตมีปัญหา ในที่สุด คดีให้ใบแดงผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ศาลตัดสินให้ กกต. ต้องใช้หนี้เลือกตั้ง จากความผิดพลาด ดังกล่าว

2.) ความยุติธรรม หลังจากการประกาศระเบียบของ กกต. ในเรื่อง 180 วัน ในการห้ามผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำเรื่องใด ปรากฏว่า ข้อจำกัดต่างๆ ที่แจ้งมา ไม่มีความชัดเจน คนของรัฐบาลทำได้ แต่ฝ่ายค้านทำไม่ได้ สิ่งที่ควรทำ กลับไม่ได้ทำ เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต ควรทำทันทีที่ประกาศจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมี และเมื่อมีระเบียบระยะ 180 วันแล้ว ควรให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเตรียมตัว กลับเก็บเรื่องเขตเลือกตั้งไว้ให้เป็นปัญหาเหมือนในปี พ.ศ. 2562 ที่มีข้อครหาว่า ใครสนับสนุนพรรคของคณะผู้ยึดอำนาจ มีโอกาสเลือกเขตเลือกตั้งที่ต้องการ 

‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยื้อ หาก ‘บิ๊กตู่’ ย้ายซบพรรคอื่น ส่วนถ้าส.ส. อยากย้ายตาม บอก “ใครอยากจะไปไหนก็ไป”

‘ประวิตร’ ไม่ยื้อหาก ‘ประยุทธ์’ จะไปอยู่พรรคอื่น ไม่สน ส.ส.พปชร.จะตามไป ลั่นอยากไปก็ไป ปัด 3ป.แตกแยก ชี้หาก ‘ธรรมนัส’ จะหวนซบพปชร. เป็นเรื่องที่พรรคต้องตัดสินร่วมกัน ยันจับมือเพื่อไทย รอคุยหลังเลือกตั้ง ปัดดีล ‘คุณหญิงอ้อ’

วันนี้ (7 พ.ย. 65) เวลา 12.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีความชัดเจนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพรรคพลังประชารัฐว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของท่าน เมื่อถามว่ามีข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าเป็นเรื่องของพลเอกประยุทธ์ ต้องไปถามเจ้าตัว 

เมื่อถามย้ำว่ายังไม่ได้คุยกันอีกใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่ได้พูดคุยเช่นกัน เพราะยังไม่ได้เรียกประชุม ต้องไปนัดสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคประชุมก่อน 

เมื่อถามว่า ความเป็นพี่น้องระหว่างกัน เหตุใดจึงไม่คุยกันให้ชัดเจนถึงแนวทางที่ดี พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็มาเป็นผมสิ พร้อมกับยิ้ม

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส.ส.ก็ต้องการความชัดเจน นานเกินไปหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร การเมืองก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า ตัวพลเอกประวิตรกับพลเอกประยุทธ์ จะไม่แยกทางเดินกันใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร ตอบว่า ผมไม่รู้ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่เป็นไรแต่ไม่พูดเรื่องนี้ 

เมื่อถามย้ำว่า 3 ป. จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ พลเอกประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แยกหรอก จะไปแยกได้อย่างไร สนิทกันมาตั้ง 40-50 ปี

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนจะมีการแยกพรรคการเมือง พลเอกประวิตรกล่าวว่า จะแยกก็แยกไป ไม่เป็นไร 

เมื่อถามว่า เป็นไปได้ว่าจะแยกกันเดิน รวมกันตี ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ผมไม่รู้ 

เมื่อถามต่อว่า สมาชิกพรรคพลังประชารัฐออกมาพูดเองว่า พลเอกประยุทธ์ ขายต่อไม่ได้แล้ว คะแนนนิยมไม่ดีแล้ว พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของลูกพรรคเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่นโยบายพรรค 

เมื่อถามว่า ก่อนจะเสนอแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคจำเป็นต้องประเมินคะแนนนิยมก่อนหรือไม่ พลเอกประวิตร ย้ำว่า เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคไม่ใช่เรื่องของผม 

เมื่อถามว่าการออกมาแสดงความเห็นแบบนี้จำเป็นปราบลูกพรรคหรือไม่ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยก พลเอกประวิตรกล่าวว่า จะต้องไปปรามทำไม เป็นความเห็นของใครของมันและไม่จำเป็นต้องเตือนให้ระวัง เพราะเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัว แต่ละคนก็มีความคิดเห็นของตัวเอง จะให้ไปนั่งตามทุกคนก็ไม่ได้ แต่เวลาไปประชุมพรรคทุกคนก็ต้องลงคะแนนก็เท่านั้น ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย 

‘ทักษิณ’ แฉ!! นายทุนการเมือง ซื้อตัวส.ส.หัวละ 80 ล้าน แนะ!! ประชาชนเอาตังค์ แต่อย่าไปเลือก

(9 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย โพสต์ข้อความของ โทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนาในประเด็น 'ที่ดิน สุรา กัญชา…มั่วเต็มคาราเบล : ทำนโยบายสาธารณะไม่เป็น หรือเห็นแก่เงินของใคร' มีเนื้อหาช่วงหนึ่งว่า...

ก่อนอื่นเลย ต้องขอให้พี่น้องคนไทย เอาความทุกข์ความโศกลอยไปกับกระทง แต่คิดว่าลอยกระทงปีนี้ คนไทยคงลอยทุกข์ลอบโศกไปได้ไม่หมด เพราะรัฐบาลสร้างทุกข์สร้างโศกเพิ่มให้คนไทยตลอด แต่ยังไงซะ ก็ขอให้คนไทยมีความสุขในวันลอยกระทงปีนี้ครับ

จากนั้นได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า วันนี้พวกธนกิจการเมืองพังแน่ คนมีเงินเยอะเขากว้านซื้อ ส.ส.แล้ว ตอนนี้ราคาพุ่งถึงหัวละ 80 ล้านแล้ว ซึ่งค่าหัว 80 ล้านบาทเนี่ย เหมาะมากสำหรับพวกอยากเกษียณอายุทางการเมือง เพราะอะไร รับเงินมา 80 ล้าน เอาไปใช้ขึ้นป้ายซัก 5 ล้าน อีก 75 ล้านเก็บเข้ากระเป๋ากลับบ้านรอเลี้ยงหลาน นักการเมืองรู้ตัวว่า ตัวเองเหมือนไก่ชน ถ้าตีชนะสอบได้ราคาจะขึ้นตัวละ 3 แสน แต่ถ้าแพ้ก็ขายชิ้นละ 30 บาท

‘บิ๊กป้อม’ ร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ฝาก ‘ส.ส. - ว่าที่ผู้สมัครฯ’ จับมือกันสู้ศึกเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ (11 พ.ย. 65) ที่รร.รามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดกิจกรรมสัมมนาส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภายใต้ชื่องาน พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ ‘เพราะมีคุณ จึงมีพรรค’ โดยมีแกนนำ ส.ส. 80 คน และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ร่วมงาน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นางนฤมลภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาล ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแกนนำระดับรัฐมนตรีพรรค ร่วมงานบางตา ขณะที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสังเกตการณ์

โดยกิจกรรมช่วงเช้า ได้บรรยายเรื่องการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาบุคลิกภาพ และฝึกพัฒนาบุคลิกภาพ จากวิทยากรด้านการสื่อสารที่มีประสบการณ์ 

จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง หัวข้อ ‘ได้ใจชาวบ้านโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง’ และ ‘หาเสียงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย’ โดยสำนักงานคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทำแบบทดสอบ และกิจกรรมระดมความคิดเห็น และกิจกรรม TikTok ในการสื่อสารประเด็นข่าวในสังคมออนไลน์ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย และปิดท้ายด้วยกิจกรรมสันทนาการจับกลุ่ม สานสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.ขณะที่วันที่ 12 พ.ย. 65 จะมีการบรรยายการใช้สื่อสังคมออนไลน์และสรุปการสัมมนาปิดท้ายกิจกรรม

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางมาพบปะกับส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นโดยพล.อ.ประวิตร กล่าวแนะนำนายสัญญา สถิรบุตร ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ให้สมาชิกพรรครับทราบ โดยระบุว่าเป็นบุคคลสำคัญ ที่จะมาช่วยเหลือพรรค โดยไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร จากนั้นพล.อ.ประวิตร กล่าวกับส.ส.ว่า ก่อนที่จะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดขอเวลาพูดกับสมาชิกทุกคนทั้งใหม่และเก่าที่มาเยอะแยะ ที่จะเสวนาเรื่องต่าง ๆ ของพรรค และรับฟังกกต. 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เห็นมาร่วมงานอย่างนี้แล้วดีใจที่พรรคจะเข้มแข็งต่อไปในอนาคต การที่พรรคจะเข้มแข็งเพราะเราทุกคนช่วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะนำพาพรรคไปได้คนเดียวเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้ามความขัดแย้งทั้งหมด และขอต้อนรับสมาชิกพรรคที่อยู่กับเราเพื่อจะรับการเลือกตั้งในต้นปีหน้า ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่งคง มั่งคั่ง สร้างประโยชน์ให้ประชาชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคพปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผ่านวิกฤตและอุปสรรคไปได้ด้วยดี ด้วยความสามารถของรัฐมนตรี และพรรคการเมืองทั้ง 3-4 พรรคที่ช่วยจัดตั้งรัฐบาล ก็ผ่านไปได้ และจะสร้างพรรคพปชร.ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไป โดยตนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จากสมาชิก ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ตาม มาถึงช่วงนี้สมาชิกพากันปรบมือชอบใจ ทำให้พล.อ.ประวิตร เอ่ยแซวว่า ปรบมือนี่อาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ตนได้รับเลือกและตระหนักอยู่เสมอว่าเมื่อส.ส.วางใจ ตนก็วางใจส.ส.ว่าจะไปด้วยกันด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของพรรค จึงตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้พรรคเต็มที่เท่าที่ทำได้ ย้ำว่าทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะพรรคไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว แต่เราร่วมกันและข้ามความขัดแย้งทั้งหมด

‘จาตุรนต์’ เตือน!! อย่าประเมิน ‘ประยุทธ์’ ต่ำเกินไป ชี้!! 3 ป. ผ่านเรื่องราวด้วยกันเยอะ แตกกันไม่ง่าย

(24 พ.ย. 65) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ใครที่คิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ประยุทธ์ให้ไปเตรียมการไว้จะได้ 20-30 ที่นั่ง แล้วทำให้ประยุทธ์ด้อยค่าทางการเมือง อาจจะต้องคิดใหม่หรือต้องเรียกว่า ‘คิดเก่า’ เพราะต้องไม่ลืมว่าประยุทธ์มีสว. 250 คนอยู่ในมือซึ่งมากกว่าส.ส.ที่พรรคของเขาจะได้ส.ส.ถึงสิบเท่าหรือมากกว่าถึงสองร้อยกว่าเสียง และอำนาจต่อรองของประยุทธ์ก็อยู่ตรงนี้

จริงอยู่ที่ส.ว. 250 คนนี้ประวิตรก็มีส่วนตั้งมาด้วย ซึ่งก็คงต้องแบ่งกัน และไม่มีใครรู้ว่าถ้าต้องแบ่งกันใครจะได้เสียงส.ว.มากน้อยเท่าใด แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกว่า 3 ป.เขาร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ปราบประชาชนมาด้วยกันและทำรัฐประหารมาด้วยกัน แถมยังมีผลประโยชน์ร่วมกันมหาศาล จะไปคิดว่าเขาจะแตกกันขาดกันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถึงทีคับขันเขาก็จับมือกันได้และหมายถึงเขามีแต้มต่อถึง 250 เสียงอยู่ในมือ

‘อนุสรณ์’ จี้ กกต.จับตาดู ‘ประยุทธ์’ ลงพื้นที่ หวั่นฝ่าฝืนกฎเหล็กกกต. - หาเสียงล่วงหน้าคนอื่น

(25 พ.ย. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยอมรับว่ากำลังพิจารณาที่จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ไปต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในขณะที่ทั้งสองฝ่าย ต่างคนต่างแย่งกันลงพื้นที่เข้าหาประชาชนว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์จะยังไม่ชี้ชัดว่าอนาคตทางการเมืองของตัวเองจะจบลงตรงไหน แต่การลงพื้นที่เร่งหาเสียงล่วงหน้าหนักและชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์จะทำพิธีกดปุ่มโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปาดหน้าพรรคร่วมรัฐบาล พอพรรคร่วมรัฐบาลรู้ข่าวก็ชิงแถลงข่าวปาดหน้าพล.อ.ประยุทธ์กลับ โดยการนำตัวแทนสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน มาร่วมแถลงข่าวคิกออฟจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาที่กระทรวงพาณิชย์ ปาดมาปาดกลับไม่โกง 

ประชาชนตั้งคำถามว่ากฎเหล็ก 180 วันของ กกต.ยังมีอยู่หรือไม่ ได้บังคับใช้อย่างเท่าเทียมเป็นธรรมหรือเลือกปฏิบัติ หรือเป็นธรรมเฉพาะกับฝ่ายรัฐบาล ก่อนหน้านี้ กกต.บอกว่ารัฐบาลสามารถลงพื้นที่ได้เฉพาะนอกเวลาราชการ กิจกรรมที่ทำอย่างหนักในช่วงนี้ ทุกฝ่ายก็เห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทำกิจกรรมลงพื้นที่ในเวลาราชการ ไม่ใช่นอกเวลาราชการ แบบนี้ กกต.จะตีความอย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top