Tuesday, 14 May 2024
เลือกตั้ง

‘โบว์ ณัฏฐา’ โพสต์ฉะ ลูกเล่นการเมืองสกปรกขึ้นเรื่อยๆ เตือน!! ทุกคนตั้งสติ รู้ทันการเมือง อย่าอินเกินพอดี

(4 มี.ค. 66) คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

การเมืองก่อนเลือกตั้งคงสกปรกขึ้นเรื่อย ๆ ในวันที่ยังคุยกันรู้เรื่อง ก็อยากบอกทุกคนให้รักษาสติกับความเมตตาต่อกันไว้ และ 'อย่าอินเกิน'

อย่าลืมว่าดูการเมืองจากวงนอกก็เหมือนนั่งดูมวยปล้ำจากที่ไกล ๆ คุณไม่มีทางเห็นลูกเล่นจากการแสดงจริง ๆ

เรามีประสบการณ์จากการเห็นคนมีปัญหาทางจิตถึงขั้นเพี้ยนไปเพราะอินกับการเมืองมากไป บางคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตซ่อนอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นจนเขาอาการหนักขึ้นได้ ต้องรับการรักษา

อินกระแสเลือกตั้ง!! ‘บ่าวสาว’ ผุดไอเดีย! ทำป้ายแต่งงาน เหมือนป้ายหาเสียง พร้อมตั้งชื่อ ‘พรรคเมียเป็นใหญ่’ ทำคนเห็นอมยิ้ม 

บ่าวสาวปิ๊งไอเดีย! ทำป้ายบอกทางเข้างานแต่งงาน เลียนแบบป้ายหาเสียง จนแทบแยกกันไม่ออก พร้อมตั้งชื่อพรรคและสโลแกนสุดเก๋ ทำชาวบ้านฮือฮาไปทั้งตำบล ฝ่ายเจ้าบ่าวเผยอยากให้คนจดจำงานแต่งงานที่สวยงามตนไปตลอดกาล

ผู้สื่อข่าวรายงานมีชาวบ้านใน ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ต่างพากันฮือฮากับป้ายบอกทางเข้างานแต่งงานระหว่าง นายจิระโรจน์ ชัยเพชร หรือ โก้ อายุ 40 ปี เจ้าบ่าว กับ น.ส.ตรีวัน ง่วนสน หรือ กรอง อายุ 27 ปี ซึ่งจัดขึ้นที่บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ที่ 1 บ้านห้วยเจ ต.โพรงจระเข้ โดยฝ่ายเจ้าบ่าวผุดไอเดียทำป้ายบอกทางเข้างานแต่ง แบบเดียวและขนาดเดียวกับป้ายหาเสียงของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อให้แขกที่จะเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีได้เห็นอย่างชัดเจน ไม่หลงและต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้สวยงามสะดุดตาเพื่อให้ทุกคนจดจำวันที่สวยงามของคู่บ่าวสาวไปนานๆ

โดยมีการตั้งชื่อป้ายบอกทางไปงานแต่งว่า "พรรคเมียเป็นใหญ่" สโลแกน "ซื่อสัตย์ รักจริง ไม่ทิ้งกันแน่นอน" กาเบอร์ 2 มีนาคม 2566 เวลา 12.00 น. ณ บ้านห้วยเจ จ.ตรัง “กลับรถ แต่ไม่กลับใจ เมียนั้นยืน 1 คนเดียว” โดยมีทั้งหมดจำนวน 5-6 ป้าย ห่างกันป้ายละ 500 เมตร ซึ่งส่วนใหญ่ติดตั้งไว้บริเวณทางแยก เพื่อไม่ให้เลี้ยวผิดซอย แต่ปรากฎว่า ได้สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านได้ทั้งตำบล เนื่องจากเป็นงานแต่งงานงานแรกที่มีป้ายบอกทางเหมือนป้ายหาเสียงของนักการเมือง

เทใจให้ลุง!! คนสงขลา หนุน 'บิ๊กตู่' นั่งนายกฯต่อ แต่เชียร์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์

5 มี.ค. 2566 -ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนสงขลาเลือกพรรคไหน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดสงขลา กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,100 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนจังหวัดสงขลาเลือกพรรคไหน การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 95.0
.
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนสงขลาจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 26.00 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 2 ร้อยละ 18.46 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรได้ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร อันดับ 3 ร้อยละ 11.36 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 10.36 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 5 ร้อยละ 7.18 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และชื่นชอบนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า
.
อันดับ 6 ร้อยละ 6.73 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นคนใต้เหมือนกัน อันดับ 7 ร้อยละ 4.64 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีผลงานชัดเจน มีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศ และชื่นชอบนโยบายพรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 4.18 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนพูดจริงทำจริง ตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 9 ร้อยละ 3.18 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย อันดับ 10 ร้อยละ 1.91 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 11 ร้อยละ 1.27 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะ มีประสบการณ์ในการทำงาน และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง อันดับ 12 ร้อยละ 1.09 ระบุว่าเป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต และตรงไปตรงมา และร้อยละ 3.64 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์(พรรคสร้างอนาคตไทย) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคพลังประชารัฐ) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) และดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
 

พรรคส้มมาแรง!! ‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน กระแสดี เตรียมลงใต้ ลั่น!! กทม.แลนด์สไลด์ จ่อเปิดตัวผู้สมัครครบ 12 มี.ค.นี้

‘ก้าวไกล’ ปลื้ม หาเสียงอีสาน ประชาชนตอบรับดีมาก เผย ‘พิธา’ เดินสายลงใต้สุดสัปดาห์นี้ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร กทม. ครบ 33 เขต 12 มีนาคม แนะนำ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ชิงชัยเขตจตุจักร มั่นใจกรุงเทพฯ ‘ก้าวไกลแลนด์สไลด์’

(6 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตจตุจักร คือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

นายพิจารณ์กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใด อาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีความหนักใจ ยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในสภาฯ หรือนอกสภาฯ จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี

ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ โดยวันนี้ ขอแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. คนใหม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตในกรุงเทพฯ นั่นคือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ ‘แบงค์’

ด้านนายศุภณัฐ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เห็นความเหลื่อมล้ำและความล้าหลังของประเทศ จากการบริหารที่ย่ำแย่ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะอยู่กับการเมืองแบบอดีต อยู่กับ 3ป. หรือจะสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับตนแล้ว พรรคก้าวไกลคือคำตอบของประเทศ จึงอาสาเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อประชาชนทุกคน

“เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกทำงานกับพรรคก้าวไกล เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์บทบาทในสภาฯ ได้อย่างเด่นชัดที่สุด ว่ากำลังต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ ทุนผูกขาด” นายศุภณัฐ กล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แกนนำสำคัญของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน คือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมาจากประชาชน พี่น้องชาวอีสาน เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม
 

'วาทกรรมอำพราง' สูตรสำเร็จคำพูดมัดใจประชาชนของนักการเมือง | THE STATES TIMES Y WORLD EP.67

ไม่ว่าจะเลือกตั้งปีไหนๆ ประชาชนอย่างเราก็มักจะตกเป็นเหยื่อทางการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา เรื่องราวเหล่านี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ไปรับชมและหาคำตอบกันได้เลย....

 

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World

และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PLvNTQ_fOAFugvfiWfiUXJ8JJYho1ADnG8

นายหัวออกโรง ‘ชวน’ ลั่น!! หลังยุบสภาจะช่วยหาเสียงเต็มที่ งง ‘จุรินทร์’ เป็นคนเก่ง แต่ไฉนรั้งท้ายโพลตลอด

(8 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อดีตสมาชิกพรรค ปชป. ที่ออกไปอยู่พรรคการเมืองอื่นระบุว่า มีการซื้อเสียงกรรมการบริหารพรรค 200 ล้าน ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ ว่า กระทบแน่นอน เรื่องที่เป็นด้านลบก็กระทบ แต่ในระบบพรรค ปชป. สมาชิกต้องมีความรู้สึกระลึกถึงบุญคุณพรรค การแต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ ในพรรคไม่เคยใช้เงิน

ทั้งนี้ ตนยืนยันได้ว่าการเป็นรัฐมนตรีไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท เช่น นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคนในพรรคจะต้องมีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่พรรคให้ เช่น การให้เกียรติ

“ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ระบบพรรค ปชป. ที่ยอมรับเสียงข้างมากว่าคนไหนเหมาะสม ผมก็ใช้เวลาพิสูจน์ 22 ปี ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหัวหน้าพรรคได้ เมื่อชนะเลือกตั้ง ผมก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้จ่ายเงินสักบาท บุญคุณเหล่านี้ ในชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด การที่มาจากเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงิน บุญคุณที่มีกับชาวบ้านในชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด ผมจึงคิดว่าในช่วงปลายของชีวิตผม จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อขอบคุณคนที่เคยช่วยเหลือผมที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนผ่านการทำงานอย่างซื่อสัตย์ และสุจริต ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คนในพรรค ปชป. ต้องระลึกว่า คุณได้อะไรไปจากพรรคบ้าง” นายชวน กล่าว

ความตั้งใจแน่วแน่!! ‘เศรษฐา’ แจ้ง ‘ลางาน’ แสนสิริชั่วคราว ขอมุ่งลุยงานที่ปรึกษาฯ ให้เพื่อไทยเต็มที่

จากกรณี ครอบครัวเพื่อไทย ได้เปิดตัว ‘กุนซือ’ ประจำพรรค แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็น ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย

(9 มี.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนพนักงานในเครือแสนสิริ ลงวันที่ 8 มีนาคม 2566 ระบุว่า…

“เพื่อแสดงความตั้งใจจริง วันนี้ผมได้ลางานชั่วคราวโดยไม่รับค่าตอบแทน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้เต็มที่”

ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าว มีเนื้อหาระบุว่า…
“ในฐานะพนักงานแสนสิริคนหนึ่ง ผมได้แสดงจุดยืนในประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารประเทศมาโดยตลอดผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า ‘แสนสิริ’ ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคม ทั้งในบทบาทของภาคเอกชน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จุดยืนดังกล่าว ได้หล่อหลอมความตั้งใจที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างแน่วแน่ และก่อให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะลงมือขยายผลให้ขอบเขตกว้างยิ่งขึ้นไปอีก

ในวันนี้ ผมได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่ผมจะได้ช่วยผลักดันประเทศไทยให้ดีขึ้นในเชิงโครงสร้างและนโยบาย ผมมีความตั้งใจที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้มุ่งไปข้างหน้า เร่งพัฒนาให้ประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในสายตาประชาคมโลก และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และโอกาส ซึ่งปรากฎมากขึ้นเหลือเกินในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา

''สุชาติ ชมกลิ่น'' รมต.กระทรวงแรงงาน ผู้แก้ปัญหาแรงงานไทยใน วิกฤติโควิด-19 พร้อมเปิดตลาดแรงงานสู่ ซาอุดิอาระเบีย ในรอบหลายสิบปี

"สุชาติ ชมกลิ่น" เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ปรากฏตัวหน้าสื่อค่อนข้างบ่อย  ทั้งในบทบาทหนึ่งในการเป็นคีย์แมนของพรรคพลังประชารัฐ และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน  โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด - 19 นอกจากกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องทำงานหนักเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสแล้ว ในส่วนของปัญหาปากท้อง และผลกระทบที่เกิดกับแรงงานในและนอกระบบ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ก็เป็นโจทย์ใหญ่ให้กระทรวงแรงงานต้องเร่งแก้ไข เยียวยาผลกระทบไม่แพ้กัน

สุชาติ  ชมกลิ่น หรือ "เสี่ยเฮ้ง" เริ่มผันตัวจากนักธุรกิจ เข้าสู่วงการเมืองท้องถิ่นด้วยการเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอเมืองชลบุรี ก่อนเข้าสู่การเมืองสนามใหญ่ ด้วยการเป็น ส.ส.สมัยแรกกับพรรคบ้านใหญ่ชลบุรีอย่าง "พลังชล" ในปี 2554  และได้รับเลือกเป็นส.ส.เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันในปี 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งคล้อยหลังเลือกตั้งหนึ่งปี  เดือนสิงหาคม 2563  "สุชาติ" จึงมีโอกาสเข้ามารับตำแหน่ง "จับกัง 1" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ด้วยบุคลิกที่เป็น "คนตรง - ขาลุย" เป็นนักปฏิบัติ โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ เปรียบตัวเองเป็น "ปลาเป็น" จึงต้องว่ายทวนน้ำ ไม่ปล่อยตัวไหลไปตามน้ำเหมือนปลาที่ตายแล้ว  ประกอบกับตัวเองมีความผูกพันกับผู้ใช้แรงงานในฐานะที่เคยเป็นผู้ใช้แรงงานมาก่อน จึงทำให้เข้าใจหัวอกคนใช้แรงงาน ซึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายของ "สุชาติ"  คือการทำให้แรงงานมีหลักประกัน มีกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ที่สามารถปกป้อง คุ้มครองให้ได้รับความเป็นธรรม

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีแรงงานคนนี้ ยังเข้ามาบูรณาการข้อมูล และระบบการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การกำกับของกระทรวง ตั้งเป็นศูนย์อำนวยการแรงงานแห่งชาติ ขับเคลื่อนทุกเรื่อง ในทุกมิติของกระทรวงแรงงาน ทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงาน การจัดหางาน การจัดสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน และแก้ปัญหาต่างๆ ได้ถูกจุดและรวดเร็ว

ยกตัวอย่างช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังมีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารคนไทย ให้ตรวจสอบคนต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจไม่ถูกกฎหมาย ใช้นอมินีคนไทยจดทะเบียนตั้งบริษัทแย่งอาชีพคนไทย และจ้างลูกจ้างชาวต่างชาติเป็นพนักงาน

คิดการใหญ่!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ ตั้งเป้าจัดตั้ง รบ.พรรคเดียว มุ่งแก้ปัญหาปากท้อง ปชช. บอก ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศจับมือทางการเมืองกับพรรคอื่น

(9 มี.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ของเป้าหมายแลนด์สไลด์ 310 เสียงของพรรค พท.ว่า เป็นการตั้งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่เราต้องมุ่งมั่น เพราะ 310 เสียงจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง แข็งแรง สามารถที่จะกำจัดระบอบประยุทธ์ให้ออกไปได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่วางไว้และต้องไปถึงเป้าหมายให้ได้

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค พท.และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศเป็นรัฐบาลพรรคเดียวของพรรค พท.ว่า จริง ๆ อยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วย ส.ว. ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกฯ ได้ด้วย ส.ว. เราอยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกฯ ได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที

“จริง ๆ เราต้องช่วยกัน ที่หัวหน้าพรรค พท.ประกาศเรื่อง 310 เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องมีทุกคน ทั้งหัวหน้า เลขาพรรค นายเศรษฐาและทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เพราะนี่คือการใหญ่มาก ๆ เราต้องเดินหน้าเต็มที่” น.ส.แพทองธาร กล่าว

‘กกต.’ ออกประกาศหลักเกณฑ์ติดแผ่นป้ายหาเสียง ใส่รูปผู้สมัคร ส.ส. คู่ ‘แคนดิเดตนายกฯ - หน.พรรค’ ได้

(10 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ลงนามในประกาศ กกต. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำสถานที่ปิดประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้งและสถานที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยในส่วนของการจัดทำประกาศ การกำหนดสถานที่และการจัดสถานที่ปิดประกาศ กำหนดให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง จัดทำประกาศมีขนาดกว้างไม่เกิน 30 เซนติเมตร และขนาดความสูงไม่เกิน 42 เซนติเมตร พร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่เห็นได้ชัดของประกาศ

โดยผู้สมัครและพรรคการเมือง จัดทำประกาศได้ไม่เกินสองเท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น การจัดทำประกาศสามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำของตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง คติพจน์ คำขวัญหรือข้อมูลประวัติ เฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือคิวอาร์โค้ด นอกจากภาพของผู้สมัครแล้วสามารถใส่ภาพของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมือง และสมาชิกพรรคการเมืองใดเท่านั้น

ส่วนวิธีปิดประกาศให้เป็นไปตามที่หัวหน้าหน่วยงานกำหนด โดยให้นายอำเภอกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ว่าการอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่นกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเขต แขวง หมู่บ้าน หรือชุมชน และหัวหน้าหน่วยงานกำหนดสถานที่ปิดประกาศ ณ ที่ตั้ง ของหน่วยงาน ทั้งนี้หากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองปิดประกาศไม่ถูกต้อง ให้หัวหน้าหน่วยงานมีอำนาจสั่งผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแก้ไขภายใน 5 วัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top