"สุชาติ ชมกลิ่น" เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ปรากฏตัวหน้าสื่อค่อนข้างบ่อย ทั้งในบทบาทหนึ่งในการเป็นคีย์แมนของพรรคพลังประชารัฐ และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด - 19 นอกจากกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องทำงานหนักเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสแล้ว ในส่วนของปัญหาปากท้อง และผลกระทบที่เกิดกับแรงงานในและนอกระบบ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ก็เป็นโจทย์ใหญ่ให้กระทรวงแรงงานต้องเร่งแก้ไข เยียวยาผลกระทบไม่แพ้กัน
สุชาติ ชมกลิ่น หรือ "เสี่ยเฮ้ง" เริ่มผันตัวจากนักธุรกิจ เข้าสู่วงการเมืองท้องถิ่นด้วยการเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เขตอำเภอเมืองชลบุรี ก่อนเข้าสู่การเมืองสนามใหญ่ ด้วยการเป็น ส.ส.สมัยแรกกับพรรคบ้านใหญ่ชลบุรีอย่าง "พลังชล" ในปี 2554 และได้รับเลือกเป็นส.ส.เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันในปี 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งคล้อยหลังเลือกตั้งหนึ่งปี เดือนสิงหาคม 2563 "สุชาติ" จึงมีโอกาสเข้ามารับตำแหน่ง "จับกัง 1" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ด้วยบุคลิกที่เป็น "คนตรง - ขาลุย" เป็นนักปฏิบัติ โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ เปรียบตัวเองเป็น "ปลาเป็น" จึงต้องว่ายทวนน้ำ ไม่ปล่อยตัวไหลไปตามน้ำเหมือนปลาที่ตายแล้ว ประกอบกับตัวเองมีความผูกพันกับผู้ใช้แรงงานในฐานะที่เคยเป็นผู้ใช้แรงงานมาก่อน จึงทำให้เข้าใจหัวอกคนใช้แรงงาน ซึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายของ "สุชาติ" คือการทำให้แรงงานมีหลักประกัน มีกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ที่สามารถปกป้อง คุ้มครองให้ได้รับความเป็นธรรม
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีแรงงานคนนี้ ยังเข้ามาบูรณาการข้อมูล และระบบการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การกำกับของกระทรวง ตั้งเป็นศูนย์อำนวยการแรงงานแห่งชาติ ขับเคลื่อนทุกเรื่อง ในทุกมิติของกระทรวงแรงงาน ทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงาน การจัดหางาน การจัดสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน และแก้ปัญหาต่างๆ ได้ถูกจุดและรวดเร็ว
ยกตัวอย่างช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังมีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารคนไทย ให้ตรวจสอบคนต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจไม่ถูกกฎหมาย ใช้นอมินีคนไทยจดทะเบียนตั้งบริษัทแย่งอาชีพคนไทย และจ้างลูกจ้างชาวต่างชาติเป็นพนักงาน