Sunday, 5 May 2024
อเมริกา

‘สหรัฐฯ’ เผยความกังวลต่อสถานการณ์ระบบ กม.ไทย หลัง ‘พิธา-ก้าวไกล’ ส่อโดนเชือดจนอาจชวดเก้าอี้นายกฯ

(18 ก.ค. 66) สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในระบบกฎหมายของไทย จากความเห็นของนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังมีคำร้อง 2 คดีแยกกัน เล่นงานเอาผิดกับหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่คว้าเก้าอี้ได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐสภาของไทยกำลังเตรียมการสำหรับลงมติรอบ 2 ในวันพุธ (19 ก.ค.) ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวก้าวหน้า จะได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ในการโหวตรอบแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความพยายามของนายพิธา ซึ่งต้องการดึงทหารออกจากการเมืองและขุดรากถอนโคนธุรกิจผูกขาด เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ถูกตีตกโดยวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ ตามหลังรัฐประหารปี 2014

ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แทบไม่ส่งเสียงใดๆ เลย เกี่ยวกับสถานการณ์หลังการเลือกตั้งในไทย พันธมิตรทหารเก่าแก่ในภูมิภาคหนึ่งๆ ซึ่งวอชิงตันมีความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อถูกถามระหว่างแถลงสรุปประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย นายมิลเลอร์ ตอบว่า วอชิงตันไม่มีผลลัพธ์ที่ชอบในศึกเลือกตั้งของไทย แต่สนับสนุนกระบวนการหนึ่งที่สะท้อนเจตนารมณ์ของคนไทย

“เราจับตาสถานการณ์หลังการเลือกตั้งใกล้ชิดอย่างมาก ในนั้นรวมถึงพัฒนาการเมื่อเร็วๆ นี้ในระบบกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล” มิลเลอร์ กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยรับคำร้องวินิจฉัยนายพิธา และพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับแผนแก้กฎหมายที่ห้ามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันเบื้องสูง นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งยังยื่นคำร้องต่อศาลเดียวกัน ให้พิจารณาคุณสมบัติของนายพิธา เกี่ยวกับการถือครองหุ้นในบริษัทสื่อมวลชนแห่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้ง 2 คดี ก่อความกังวลว่าศาลอาจชี้ว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติสำหรับดำรงตำแหน่งหรือยุบพรรคก้าวไกล แบบเดียวกับครั้งที่พรรคอนาคตใหม่โดนในปี 2020

เมื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้เหล่านี้ นายมิลเลอร์ กล่าวว่า “ผมไม่ขอคาดเดาว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์เมื่อเร็วๆ นี้มีความน่ากังวล” 

‘แตงโม’ เผย ‘สหรัฐฯ' ไม่สวยหรู-ไม่ปลอดภัยอย่างที่หลายคนคิด ชี้!! ประเทศไทยน่าอยู่-เสรี-ปลอดภัย แนะเด็กไทย 'รักชาติดีกว่า'

(24 ก.ค.66) แตงโม 'จูเลียน' ชาวอเมริกันมาจากเมืองซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย หรือที่รู้จักกันในฉายา 'ฝรั่งพูดไทย' ได้เผยผ่าน TikTok ช่อง 'sigmamo007' เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง 'ไทย-สหรัฐฯ' ไว้ว่า…

“อันนี้สาระ อยากฝากไว้ให้กับทุกคน และ 14 ล้านเสียงนั้น สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่อายุเท่าผม คุณต้องหัดไปฝึกศึกษาเรื่อง ‘ความเคารพ’ ให้กับคนที่สร้างแผ่นดินให้คุณอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ทำให้อยู่อย่างสงบและสุขสบาย ซึ่งผมจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้ประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ บนโลกใบนี้ ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องความเสรี, ความปลอดภัย, เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่ไม่เดือดร้อน ถือว่าประเทศไทยยังขึ้นอันดับอยู่ ดังนั้น ‘รักชาติดีกว่า’ ต้องรู้จักการให้เกียรติและเคารพกับครอบครัว”

“อย่างตอนนี้ผมเดินบนถนน ถ้าเป็นที่อเมริกาล่ะจะเป็นยังไง? แน่นอนโอกาสที่จะโดนปล้นหรือมีเรื่องก็สูงอยู่ หากไม่เชื่อสามารถไปดูในยูทูบได้ หรือไม่คุณก็ลองไปเดินที่อเมริกาเอาเอง ซึ่งคนที่ยังไม่เคยไปก็เอาแต่พูดว่าอเมริกามันดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แต่ตัวผมที่เกิดที่นู่นและเคยอาศัยมาแล้ว และยังเคยไปมาหลายประเทศ รวมถึงคนไทยหลายคนที่เคยไปมาแล้วได้รู้จักกับผม เขายังบอกว่าไม่น่าอยู่ สุดท้ายก็กลับมาคิดถึงประเทศไทย”

“ผมอยู่นี่ และถ้าเมื่อไหร่ที่ผมได้มีโอกาสได้ถือสัญชาติประเทศไทย ผมก็อยากจะขอบพระคุณ เพราะว่าผมแคร์ และก็ได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย ผมเห็นภาพอนาคตของชาติไทยและประเพณีไทย ซึ่งควรรักษาไว้ หากคุณจะให้ประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นของอเมริกา คุณควรไปดูสภาพของอเมริกา อยากให้คิดเอาไว้ให้ดี ๆ แต่ละอย่างที่เราฟังมาจากพระเอกนายกโซเชียล ดารา พูดจาดี วางตัวได้ดี เอาเป็นว่าผมขอไม่พูดหรอกว่ามันถูกหรือผิด? ดีหรือไม่ดี? สำหรับแต่ละอย่างที่สื่อออกจากปากเขา คุณลองไปวิเคราะห์วิจารณ์ไปหาข้อมูลเอาเองและคุณจะได้พบเจอคําตอบที่แท้จริง” 

“สุดท้ายผมอยากบอกว่า…ธรรมะแท้ไม่มีคําปลอบใจ ถ้าคุณรับมือกับความจริงให้ได้ ชีวิตคุณจะดีขึ้น ดังนั้นผู้ใหญ่แต่ละคนที่กำลังเตือนสติเรา ฟังคําพูดไว้ให้ดี ๆ เชื่อผมเถอะ ผมยังเป็นวัยรุ่น และผมเข้าใจพวกคุณ” 

‘ETIAS’ กระบวนการยื่นขอวีซ่าเข้ายุโรป ที่นักเดินทางสหรัฐฯ ต้องรู้ ก่อนเดินทางเข้าประเทศสมาชิกยุโรป 30 ประเทศ เตรียมเริ่มปีหน้า

ปีหน้า (ค.ศ. 2024) ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ
จะต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 30 ประเทศ

ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐฯ ซึ่งประสงค์ที่จะเดินทางไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จะต้องยื่นขออนุญาตผ่าน ‘ระบบข้อมูลและการอนุญาตการเดินทางของยุโรป’ (the European Travel Information and Authorization System : ETIAS) และต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าก่อนเดินทาง

ในขณะที่ปัจจุบัน บุคคลที่ถือสัญชาติสหรัฐฯ ยังสามารถเดินทางเข้าสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าจากประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ความสะดวกนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ เช่นเดียวกับกระบวนการระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอนุญาตการเดินทาง (The U.S. Electronic System for Travel Authorization : ESTA) ของสหรัฐฯ ซึ่ง ETIAS มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเข้าประเทศ ที่จะช่วยให้นักเดินทางชาวอเมริกันได้รับความสะดวกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น

ปัจจุบัน นักเดินทางชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงจุดหมายปลายทางทั่วโลก 185 แห่ง โดยไม่ต้องใช้วีซ่า อ้างอิงจาก Henley Passport Index ด้วยในขณะที่ปัจจุบันนี้หนังสือเดินทางของสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหนังสือเดินทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อสหภาพยุโรปเพิ่มข้อกำหนดด้านเอกสารใหม่สำหรับชาวอเมริกัน

แบบฟอร์มใบสมัครซึ่งจะมีอยู่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันบนมือถือ มีค่าธรรมเนียม 7 ยูโรหรือ 7.79 ดอลลาร์สหรัฐฯ การสื่อสารทั้งหมดทำได้ทางอีเมล เมื่อได้รับการอนุมัติให้เดินทางแล้ว การอนุญาตดังกล่าวจะให้สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่จะพำนักในประเทศในยุโรป ที่ต้องใช้ ETIAS เป็นเวลาสูงสุด 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน วันใดก็ได้ และผู้เดินทางจะต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องในครอบครองตลอดการเข้าพัก

ETIAS เป็นการอนุญาตการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อมโยงกับหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง ซึ่งอนุญาตให้เข้าประเทศในยุโรประยะสั้นได้สูงสุดนาน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน อย่างไรก็ตาม ETIAS ไม่สามารถรับประกันการเข้าประเทศในยุโรปของนักเดินทางผู้ที่ได้ลงทะเบียนในระบบ ETIAS โดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อมาถึงเมืองแรกในยุโรปเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ จะมีการตรวจสอบว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทาง มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศหรือไม่

หากต้องการสมัคร ETIAS สามารถกรอกแบบฟอร์มการสมัครบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ETIAS หรือสามารถใช้แอปพลิเคชันผ่านโทรศัพท์มือถือได้ โดยมีค่าใช้จ่ายในการสมัครอยู่ที่ $7.79 แต่ผู้เดินทางบางรายอาจได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้ (ต้องอ่านข้อกำหนดการสมัคร และข้อยกเว้นการชำระเงินก่อนดำเนินการ)

ใบสมัคร ETIAS ส่วนใหญ่จะดำเนินการภายในไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีแอปพลิเคชันอาจใช้เวลานานกว่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ผู้ยื่นจะได้รับคำอนุมัติภายใน 4 วัน ในกรณีพิเศษ และระยะเวลานี้อาจขยายได้ถึง 14 วัน ในกรณีที่ต้องการข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติม หรืออาจนานถึง 30 วัน หากจำเป็นต้องมีการสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในนาทีสุดท้าย จึงควรสมัครล่วงหน้าก่อนการเดินทางตามแผน

เมื่อส่งใบสมัครแล้ว จะได้รับการยืนยันทางอีเมลพร้อมหมายเลขใบสมัคร ETIAS ที่ไม่ซ้ำกัน ให้เก็บหมายเลขนี้ไว้ใช้อ้างอิงในขณะเดินทางในยุโรป หลังจากดำเนินการแล้ว จะได้รับอีเมลแจ้งผลอีกครั้ง ผู้เดินทางต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมด เช่น ชื่อและหมายเลขหนังสือเดินทางของผู้ยื่นมีความถูกต้องบน ETIAS เนื่องจากข้อผิดพลาดใด ๆ อาจทำให้ผู้ยื่นไม่สามารถเข้าประเทศยุโรปได้ และหากใบสมัครถูกปฏิเสธ อีเมลจะระบุเหตุผลในการตัดสินใจ พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีอุทธรณ์

ใบอนุญาตเดินทาง ETIAS มีอายุไม่เกิน 3 ปี หรือจนกว่าหนังสือเดินทางของผู้ยื่นจะหมดอายุ แล้วแต่ว่าจะถึงอย่างใดก่อน โปรดจำไว้ว่า ผู้เดินทางต้องมี ETIAS ที่ถูกต้องตลอดการเข้าพักในโรงแรม ซื้อตั๋วเดินทางในยุโรป และการอนุญาตให้ออกและกลับเข้ามาใหม่ได้ ตราบเท่าที่ผู้เดินทางปฏิบัติตามข้อจำกัดการเข้าพัก 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน

ETIAS ของผู้เดินทางจะเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารการเดินทางของผู้เดินทาง ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เอกสารเดียวกันกับที่ผู้เดินทางใช้ในใบสมัคร ETIAS เมื่อเดินทาง การไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้ผู้เดินทางไม่สามารถขึ้นเครื่องบิน รถประจำทาง เรือ หรือเข้าประเทศในยุโรปใด ๆ ที่ต้องใช้ ETIAS ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ผู้เดินทางต้องรับทราบว่า การมี ETIAS ไม่ได้เป็นการรับประกันสิทธิ์ในการเข้าประเทศยุโรปของผู้นั้นได้โดยอัตโนมัติ ด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะทำการตรวจสอบว่า ผู้เดินทางตรงตามเงื่อนไขการเข้าประเทศ และผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ นั่นหมายถึงการถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางโดยทันที

‘ทรัมป์’ ยืนกรานในศาล ปฏิเสธข้อหา ‘ล้มผลเลือกตั้ง ปี 2020’ ยัน ตนไม่มีความผิด ชี้!! นี่คือแผนกลั่นแกล้งทางการเมือง

(4 ก.ค. 66) อดีตประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ แห่งสหรัฐฯ ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาล้มผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 ระหว่างเดินทางไปขึ้นศาลที่วอชิงตันเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) พร้อมอ้างว่าทั้งหมดเป็นแผนกลั่นแกล้งทางการเมือง

‘อัยการสหรัฐฯ’ ชี้ว่า คดีนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจาก ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสหรัฐฯ ในขณะนั้นกลับกระทำการอันบั่นทอนเสาหลักของระบอบประชาธิปไตยอเมริกันเสียเอง

การไต่สวนซึ่งกินเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงมีขึ้นที่ศาลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 1 กิโลเมตรจากอาคารรัฐสภา ซึ่ง ทรัมป์ เคยปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนบุกเข้าไปก่อความวุ่นวายขัดขวางการรับรองชัยชนะของ ‘โจ ไบเดน’ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021

อดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ถูกยื่นฟ้องคดีอาญาเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน และมรสุมทางกฎหมายเหล่านี้ก็คาดว่าจะเป็นทั้งปัจจัยฉุดรั้งและตัวเรียกคะแนนสงสารให้ ทรัมป์ ซึ่งเป็นตัวเต็งชิงประธานาธิบดีที่ยังคงได้รับคะแนนนิยมสูงสุดในสายรีพับลิกัน

ทรัมป์ วัย 77 ปี ถูกตั้งข้อหารวมทั้งสิ้น 4 กระทง ได้แก่ สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงสหรัฐฯ สมรู้ร่วมคิดขัดขวางกระบวนการของรัฐ กระทำการขัดขวางกระบวนการของรัฐ และกระทำการขัดขวางสิทธิในการโหวตของพลเมืองอเมริกัน ซึ่งความผิดที่ร้ายแรงที่สุดนั้นมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี

ทรัมป์ ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อหา โดยกล่าวต่อผู้พิพากษาศาลแขวง โมซิลา อุปัทยายา (Moxila A. Upadhyaya) ว่าตนเอง “ไม่มีความผิด” (not guilty)

ในเอกสารคำฟ้องความยาว 45 หน้ากระดาษ อัยการพิเศษ แจ็ค สมิธ กล่าวหา ทรัมป์ และพวกพ้องว่าจงใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จใส่ร้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ว่าไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม กดดันเจ้าหน้าที่ทั้งระดับท้องถิ่นและรัฐบาลกลางให้เปลี่ยนแปลงผลการนับคะแนน และยังสร้างคณะผู้เลือกตั้ง (electors) ปลอมขึ้นมาเพื่อหวังชิงคะแนนเสียงไปจากโจ ไบเดน

ศาลได้อนุญาตปล่อยตัว ทรัมป์ และให้อิสระในการเดินทางตามปกติ โดยตั้งเงื่อนไขเพียง 1 ข้อก็คือห้ามไม่ให้ติดต่อพูดคุยกับพยานโดยไม่มีทนายความอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการในศาล อดีตผู้นำสหรัฐฯ ก็ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับไปยังสนามกอล์ฟที่เมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทันที

ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า การฟ้องร้องเอาผิดเขาฐานล้มผลเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘ล่าแม่มด’ ที่หวังสกัดไม่ให้เขากลับไปครองเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวได้อีกครั้งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024

“มันเป็นวันที่น่าเศร้าอย่างยิ่งสำหรับอเมริกา” ทรัมป์ กล่าว พร้อมระบุว่า “นี่คือการเล่นงานศัตรูทางการเมือง”

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ถูกอัยการพิเศษยื่นฟ้องรวมทั้งสิ้น 37 กระทง ฐานจัดการเอกสารชั้นความลับสุดยอดอย่างผิดกฎหมาย โดยขนเอาเอกสารเหล่านั้นไปเก็บไว้ที่คฤหาสน์ส่วนตัวในรัฐฟลอริดาหลังพ้นตำแหน่ง และพยายามขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งติดตามทวงคืนเอกสารเหล่านั้น

อดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ยังถูกอัยการแมนฮัตตันยื่นฟ้องดำเนินคดีฐานจ่ายเงินปิดปาก “สตอร์มมี แดเนียลส์” ดาราหนังโป๊ ไม่ให้ออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ในช่วงก่อนศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2016

ทรัมป์ ยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาในทั้ง 2 คดี และเร็วๆ นี้ก็คาดว่าจะโดนข้อหาเพิ่มอีก เนื่องจากอัยการของรัฐจอร์เจียอยู่ระหว่างสอบสวนความพยายามของ ทรัมป์ ที่จะล้มผลเลือกตั้งที่นั่น และคาดว่าจะมีคำสั่งฟ้องออกมาภายในกลางเดือน ส.ค.

แจ็กพอต ‘เมกะ มิลเลียนส์’ แตก!! กว่า 5.52 หมื่นล้านบาท ผู้ซื้อรางวัลจากรัฐฟลอริดาดวงเฮง รับทรัพย์ก้อนโตไปครอง

(9 ส.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพี รายงานว่า รางวัลแจ็กพอตใหญ่ ของ ‘เมกะ มิลเลียนส์’ มูลค่า 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.52 หมื่นล้านบาท มีผู้ถูกรางวัลดังกล่าวแล้ว เป็นผู้ที่ซื้อลอตเตอรี่ดังกล่าวที่รัฐฟลอริดา ตัวเลขที่ออกคือ 13, 19, 20, 32, 33 และเลขเมก้า คือ 14 ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยผู้ถูกรางวัล หลังจากออกรางวัลยืดเยื้อมานานเกือบ 4 เดือนโดยไม่มีผู้ถูกรางวัลเลย

สำหรับผู้ถูกรางวัล สามารถเลือกรับเงินเป็นรายปี รวมมูลค่า 1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี หรือจะเลือกรับเงินก้อนทีเดียว เป็นเงิน 783.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.7 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ รางวัลแจ็กพอตครั้งนี้ ถือเป็นรางวัลแจ็กพอตที่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา โดยรางวัลแจ็กพอตของเมกะ มิลเลียนส์ครั้งล่าสุด แตกไปเมื่อเดือนเมษายน ที่นิวยอร์ก มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

‘ไบเดน’ สั่งคุมเข้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีมะกันในแดนมังกร หวังสกัดขีดความสามารถจีน หวั่น!! กระทบความมั่นคงสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ออกคำสั่งของฝ่ายผู้บริหารมุ่งจำกัดการลงทุนของชาวอเมริกันในเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีความละเอียดอ่อนในจีน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าอาจทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกต้องเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น

การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นที่คาดการณ์กันมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยพุ่งเป้าไปที่เซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีหลัก

ไบเดนระบุในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำสภาคองเกรสในคำสั่งของฝ่ายบริหารว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการเปิดการลงทุนเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจของเรา และมันมอบผลประโยชน์มากมายให้กับสหรัฐฯ

“อย่างไรก็ตาม การลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ อาจเร่งและเพิ่มความสำเร็จของการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความละเอียดอ่อน และการผลิตในประเทศที่พัฒนามันขึ้นมา เพื่อต่อต้านขีดความสามารถของสหรัฐและพันธมิตร” ไบเดนระบุ

ตามรายละเอียดที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังสหรัฐ คำสั่งผู้บริหารดังกล่าวจะห้ามไม่ให้เอกชนรายใหม่ เงินร่วมทุน และการลงทุนร่วมในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัมบางประเภทในจีน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า โครงการลงทุนนอกประเทศจะต้องเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญในชุดเครื่องมือด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือแนวทางที่แคบแต่รอบคอบ ในขณะที่เรากำลังพยายามป้องกันไม่ให้จีนดั๊บและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุด เพื่อส่งเสริมความทันสมัยทางทหารและบ่อนทำลายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาในรายละเอียดของข้อกำหนดเพื่อการแจ้งเตือนสำหรับการลงทุนของสหรัฐในบริษัทของจีนที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ทีมีขั้นไม่สูงนัก รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับเอไอบางประเภท แต่คาดว่าจะมีข้อยกเว้นสำหรับการลงทุนในสหรัฐบางอย่าง ในหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสาธารณะและการโอนจากบริษัทแม่ในสหรัฐไปยังบริษัทย่อย

‘อียิปต์’ แฉ!! ถูก ‘สหรัฐฯ’ กดดันจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อใช้ตอบโต้กลับการโจมตีจากกองกำลังรัสเซีย

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 66) มีรายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน เพิกเฉยต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ร้องขอซ้ำๆ ให้ผลิตกระสุนปืนใหญ่และอาวุธอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับกองกำลังรัสเซียของทางยูเครน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อวันศุกร์ (11 ส.ค.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่าวอชิงตันยังได้ร้องขออียิปต์ จัดหาขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ระบบป้องกันภัยทางอากาศและอาวุธขนาดเล็กแก่ยูเครนโดยคำขอดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายวาระ ในนั้นรวมถึงระหว่างการพบปะกันระหว่าง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ในกรุงไคโร เมื่อเดือนมีนาคม

“ในการสนทนากับพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อียิปต์ไม่ได้ปฏิเสธคำขออย่างสิ้นเชิง แต่พวกเจ้าหน้าที่อียิปต์บอกเป็นการส่วนตัว ว่าอียิปต์ไม่มีแผนส่งมอบอาวุธ” วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงาน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อความนี้จะไม่เข้าหูวอชิงตัน ด้วยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมองในแง่บวกว่าอียิปต์จะยอมช่วยเหลือยูเครน โดยบอกกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า “การพูดคุยหารือระหว่างเรากับคู่หูอียิปต์ ในแง่ผลประโยชน์ร่วมของเราในการยุติสงครามของรัสเซีย ออกดอกออกผล และกำลังเดินหน้าต่อไป”

ก่อนหน้านี้ในปีนี้ มีข่าวว่าอียิปต์ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ต่อคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีแผนขายจรวดให้รัสเซีย ทั้งนี้ อัล-ซิซี พยายามธำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับทั้งวอชิงตันและมอสโก ท่ามกลางวิกฤตยูเครน ปฏิเสธเข้าร่วมโครงการที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับจัดหาอาวุธแก่ยูเครนและลงโทษรัสเซีย

วอลล์สตรีท เจอร์นัล เน้นว่าความล้มเหลวในความพยายามขอแรงสนับสนุนจากอียิปต์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งของความขัดแย้ง ซึ่งกองกำลังยูเครนกำลังพยายามบุกทะลวงแนวป้องกันที่น่าเกรงขามของรัสเซีย ในขณะที่สหรัฐฯพยายามรอแรงหนุนหลักทั้งด้านการทหารและการทูตสำหรับเคียฟ

นอกจากนี้ การตัดสินใจของอัล-ซิซี ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระงับเงินช่วยเหลือด้านการทหารของสหรัฐฯ ที่มอบแก่อียิปต์ ก้อนหนึ่งมูลค่า 320 ล้านดอลลาร์ จากงบช่วยเหลือรายปี 1,300 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างอิงเกี่ยวกับประวัติด้านมนุษยชนในประเทศแห่งนี้

‘เด็กชายวัย 13 ปี’ พลัดตก ‘แกรนด์แคนยอน’ สูงกว่า 30 เมตร!! หลังหลบทางให้ นนท.ถ่ายรูป กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ รอดตายปาฏิหาริย์

(15 ส.ค. 66) เดอะซัน รายงานการรอดชีวิตสุดปาฏิหาริย์ของเด็กชายวัย 13 ปี หลังประสบเหตุตกจาก แกรนด์แคนยอน ที่ระดับความสูงกว่า 30 เมตร โชคดีที่ดวงชะตายังไม่ถึงฆาต และหน่วยกู้ภัยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงช่วยเหลือนำตัวเด็กชายขึ้นมาได้ ก่อนรับส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล

ด.ช.ไวแอตต์ คอฟฟ์แมน เดินทางไปเที่ยวกับแม่ที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน และกำลังชื่นชมกับทิวทัศน์สวยงามบริเวณจุดชมวิวไบรต์แองเจิ้ล ระหว่างนั้นมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคนแห่ถ่ายรูปที่จุดชมวิว หนุ่มน้อยเลยเขยิบตัวออกมาเพื่อไม่ให้บังกล้องของคนอื่น แต่ดันลื่นไถลและตกลงไป

ไวแอตต์ให้สัมภาษณ์เคพีเอ็นเอ็กซ์ สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ว่า “ผมขึ้นไปบนขอบผา และกำลังเขยิบตัวออกไปเพื่อให้คนอื่นสามารถถ่ายรูปได้ ผมย่อตัวลงและจับก้อนหิน ผมมีเพียงมือเดียวที่จับมันไว้” ไวแอตต์บอกว่าตอนนั้นจับหินได้ไม่ถนัดนักและต่อมาก็หงายหลังลงไป “ผมฉันจำได้อีกทีคือตื่นขึ้นบนรถพยาบาล มีเฮลิคอปเตอร์ และขึ้นเครื่องบินมาที่นี่”

รายงานระบุว่าหน่วยกู้ภัยใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการไต่ลงไปยังหุบเขาที่มีร่างของไวแอตต์นอนแน่นิ่ง จากนั้นหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศส่งตัวหนุ่มน้อยไปยังโรงพยาบาลในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ซึ่งมีชายแดนติดต่อกัน

แม้ไวแอตต์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งกระดูกสันหลังหัก 9 ซี่ ปอดยุบ ม้ามแตก สมองกระทบกระเทือน และมือหักข้างหนึ่ง แต่เด็กชายตอบสนองต่อการรักษาและมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายไบรอัน คอฟฟ์แมน พ่อของไวแอตต์ กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย แพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลต่อการทำงานอย่างทุ่มเท “พวกเราโชคดีมากๆ ที่ได้พาลูกกลับบ้านโดยมีเขานั่งอยู่ที่เบาะหน้ารถแทนที่จะเป็นในกล่อง” นายคอฟฟ์แมนพุดเปรียบเปรยถึงความดีใจที่ไม่ต้องรับร่างลูกชายในโลงศพกลับบ้าน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมามีเหตุสลดที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน หลังจากชายคนหนึ่งพลัดตกจากทางเดินลอยฟ้าที่ความสูงเกือบ 1,220 เมตร และตกกระแทกพื้นด้านล่างจนบาดเจ็บสาหัส แม้หน่วยกู้ภัยจะรีบรุดเข้าช่วยเหลือ แต่อาการหนักมากและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

‘นิวยอร์ก’ สั่งแบน ‘ติ๊กต๊อก’ บนอุปกรณ์ของรัฐฯ อ้าง ห่วงความปลอดภัยต่อเครือข่ายของเมือง

(17 ส.ค. 66) นครนิวยอร์กสั่งห้ามการใช้งาน ‘ติ๊กต๊อก’ แอปพลิเคชันดังของจีนบนอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยอ้างข้อห่วงกังวลด้านความปลอดภัย ทำให้นิวยอร์กกลายเป็นเมืองล่าสุดในสหรัฐฯ ที่มีคำสั่งห้ามดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีหลายรัฐในสหรัฐฯ ที่มีคำสั่งห้ามดังกล่าวไปก่อนหน้านี้

‘ติ๊กต๊อก’ เป็นแอปที่มีการใช้งานในหมู่ชาวอเมริกันมากกว่า 150 ล้านคน เป็นของบริษัทไบท์แดนซ์ ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของจีน ต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐที่ต้องการให้มีการสั่งห้ามการใช้งานทั่วประเทศ เนื่องจากกังวลต่ออิทธิพลของจีนที่อาจเกิดขึ้นตามมา

‘อีริค อดัมส์’ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ระบุในแถลงการณ์ว่า ติ๊กต๊อกเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยต่อเครือข่ายทางเทคนิคของเมือง แม้ว่าติ๊กต๊อกจะยืนยันว่า ไม่ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กับรัฐบาลจีน และยังมีการกำหนดมาตรการสำคัญเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งานติ๊กต๊อกอีกด้วย

ภายใต้คำสั่งล่าสุดนี้ หน่วยงานในนครนิวยอร์กจะต้องลบแอปติ๊กต๊อกออกภายใน 30 นาที และพนักงานจะไม่สามารถเข้าถึงแอปและเว็บไซต์บนอุปกรณ์และเครือข่ายใดๆ ของเมืองได้อีกต่อไป

‘เจ้าของเพจท่องเที่ยวดัง’ แชร์ประสบการณ์นั่ง Subway นิวยอร์ก ไร้สัญญาณมือถือ-รถไฟเสียบ่อย-ไม่สะอาด-ความปลอดภัยต่ำ

เมื่อไม่นานนี้ ‘คุณแม็กซ์’ เจ้าของเพจเฟสบุ๊ก ‘เพื่อนพาเที่ยว นิวยอร์ก’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘แชร์ 5 เรื่องล้าหลังของ ‘Subway’ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ควรมาดูงานที่ประเทศไทย’ โดยระบุว่า…

ตอนนี้แม็กซ์อยู่ที่นิวยอร์ก จะพาไปเปิดโลก 5 เรื่อง Culture Shock ที่ Subway ของนครนิวยอร์กกัน!!

เรื่องที่ 1 ไม่มีสัญญาโทรศัพท์มือถือ ที่ประเทศไทย เราสามารถเล่นโทรศัพท์มือถือได้ตลอดเวลา แต่ที่นิวยอร์ก หากเราจะใช้บริการรถไฟใต้ดิน เราจะสามารถใช้โทรศัพท์ได้แค่ตอนที่อยู่ในสถานีเท่านั้น แต่เวลาที่ขบวนรถไฟกำลังวิ่งระหว่างสถานี สัญญาณโทรศัพท์จะไม่มีเลย เราจะไม่สามารถติดต่อสื่อสาร หรือเล่นอะไรได้เลย

เรื่องที่ 2 Subway ที่นิวยอร์ก ซ่อมบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงดึกๆ หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้โดยสารต้องคอยอ่านป้ายประกาศที่ติดเตือนไว้ล่วงหน้า ตรงข้างหน้าสถานี เพื่อคอยเช็กการเดินรถอยู่ตลอด

เรื่องที่ 3 ไม่มีประตูกั้นระหว่างรถไฟกับชานชาลา มีเพียงคำแนะนำให้ผู้โดยสารยืนหลังเส้นสีเหลืองเท่านั้น ซึ่งตรงนี้เราต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะโดนคนดันจนตกลงไปที่รางรถไฟ จึงแนะนำให้ยืนพิงกำแพง เพื่อความปลอดภัย และอุ่นใจในขณะที่กำลังรอรถไฟ

เรื่องที่ 4 ความสะอาด รวมถึงเรื่องกลิ่นภายในสถานีรถไฟใต้ดินจะค่อนข้างแรงมาก โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ แต่สถานีรถไฟที่เพิ่งสร้างใหม่ และสะอาดๆ เขาก็มีเหมือนเช่นกัน

เรื่องที่ 5 ภายใน Subway มีเจ้าหน้าที่และตำรวจค่อนข้างน้อยมาก หลายคนจึงมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และกลัวคนไร้บ้าน (Homeless) ที่มาใช้บริการ แต่เราก็ไม่สามารถไปกีดกันใครไม่ให้ใช้บริการได้ เพราะด้วยความที่ราคาค่าโดยสารของ Subway นั้นไม่ได้แพงมาก ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ ดังนั้น คนไร้บ้านเขาก็อาจจะเสียเงินซื้อตั๋วโดยสารเหมือนกับพวกเรานี่แหละ หากรู้สึกไม่ไว้วางใจ เราก็ต้องมีความช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top