Sunday, 19 May 2024
อิสราเอล

'สส.หญิงอิสราเอล' เรียกร้องให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ถล่มฉนวน Gaza หวังให้กลายเป็น 'วันโลกาวินาศ' (Doomsday) ของชาวปาเลสไตน์

เฮลิคอปเตอร์ AH-64 Apache ของอิสราเอลโจมตีกลุ่ม Hamas ด้วยปืนใหญ่อัตโนมัติ และ ขีปนาวุธ Hellfire

Revital 'Tally' Gotliv ทนายความชาวอิสราเอลและสมาชิกสภา Knesset สังกัดพรรค Likud ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้เรียกร้องให้กองทัพอิสราเอลใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่ม Hamas โดยได้ตีพิมพ์โพสต์หลายโพสต์ที่สนับสนุนการตอบโต้อย่างแข็งขันภายหลังเหตุโจมตีฉนวน Gaza อย่างไม่คาดคิดเมื่อวันเสาร์ด้วยน้ำมือของกลุ่ม Hamas ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวปาเลสไตน์ที่สหรัฐอเมริการะบุว่า 'เป็นองค์กรก่อการร้าย'

มีรายงานว่าชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1,600 คนถูกสังหารนับตั้งแต่กลุ่ม Hamas เปิดการโจมตี ตามรายงานของ Associated Press และอีกหลายพันคนได้รับบาดเจ็บ มีรายงานว่ากลุ่ม Hamas ได้จับตัวประกันไปจำนวนหนึ่งแล้วในขณะที่ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

จรวด Jericho 3 (YA-4) ICBM ติดอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล

"จรวด Jericho! จรวด Jericho! การแจ้งเตือนเชิงยุทธศาสตร์ ก่อนที่จะพิจารณาการนำกองกำลังเข้าไป ใช้อาวุธแห่งวันโลกาวินาศ! นี่คือความคิดเห็นของฉัน ขอให้พระเจ้ารักษาความแข็งแกร่งทั้งหมดของเราไว้" Gotliv เขียนบน X ซึ่งเดิมคือ Twitter เมื่อวันจันทร์ (เชื่อกันว่า จรวด Jericho 3 (YA-4) เป็น ICBM ติดอาวุธนิวเคลียร์ที่เข้าประจำการในกองทัพอิสราเอลในปี 2011)

ภายหลังชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวน Gaza พากันอพยพออกจากบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2023 นั้นทาง Revital 'Tally' Gotliv สมาชิกสภานิติบัญญัติหญิงชาวอิสราเอลคนหนึ่งกลับเรียกร้องและสนับสนุนให้รัฐบาลของเธอใช้ 'อาวุธแห่งวันโลกาวินาศ' เพื่อระเบิดทำลายล้างกลุ่ม Hamas โดยปราศจากความเมตตา ซึ่งมีอีกโพสต์หนึ่งของเธอกล่าวไว้ด้วยว่า....

"ฉันขอให้คุณทำทุกอย่างและใช้อาวุธแห่งวันโลกาวินาศ (Doomsday) กับศัตรูของเราอย่างไม่กริ่งเกรงใดๆ" และเสริมว่ากองทัพอิสราเอล "ต้องใช้อาวุธทุกชนิดที่มีอยู่ในคลังแสง" และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เธอยังคงกล่าวคำเรียกร้องต่อไปให้กองทัพอิสราเอลเร่งใช้อาวุธทำลายล้างสูงอีกด้วย

"มีเพียงการระเบิดที่เขย่าตะวันออกกลางเท่านั้นที่จะฟื้นฟูศักดิ์ศรี ความแข็งแกร่ง และความมั่นคงของประเทศนี้!" สส. Gotliv โพสต์และเผยต่ออีกว่า "ถึงเวลาจุมพิตวันโลกาวินาศแล้ว ใช้ขีปนาวุธอันทรงพลังที่ไร้ขีดจำกัดไปทำให้ย่านนั้นราบเรียบ บดขยี้ฉนวน Gaza...อย่างไร้ความเมตตา! ไร้ความปราณี"

ทั้งนี้ในโพสต์ต่อเนื่องของเธอ ยังเน้นย้ำให้รัฐบาลอิสราเอลในการตอบโต้กลุ่ม Hamas อย่างรวดเร็วที่ปฏิบัติการ "เยาะเย้ยและหยามเหยียด" ประเทศนี้

ดร. Nikolai Sokov

ด้าน ดร. Nikolai Sokov นักวิเคราะห์อาวุโสของศูนย์การลดอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธแห่งกรุงเวียนนา บอกกับ Newsweek ทางอีเมลว่า "การพูดโดยไม่คิด" เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์กลายเป็นเรื่องที่แพร่หลายและเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากสงครามในยูเครน และตอนนี้จากความรุนแรงในฉนวน Gaza

เขากล่าวว่ามีส่วนหนึ่งที่เข้าใจได้ เนื่องจากวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคงที่ร้ายแรง การขาดความรู้เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ตำแหน่งทางการเมืองที่มองเห็นได้ และโดยทั่วไปผู้คนจำนวนมากขึ้นไตร่ตรองการใช้อาวุธดังกล่าวและผลกระทบในระดับโลก

"สำหรับอิสราเอล การพูดโดยไม่คิดเช่นนั้นอาจสร้างความเสียหายได้มากกว่า เนื่องจากอิสราเอลไม่ยอมรับว่า ตนเองมีอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นการพูดโดยไม่คิดเช่นนี้จึงเป็นการยืนยันทางอ้อมและไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของอิสราเอลเอง" ดร. Sokov กล่าว

บางส่วนของความเสียหายในฉนวน Gaza

ดร. Sokov กล่าวเสริมว่า การเรียกร้องของ สส. Gotliv สำหรับมาตรการยกระดับนั้น เป็นเรื่องที่ไร้วิสัยทัศน์ ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก เป้าหมายที่เป็นไปได้ใดๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นความเสียหายต่ออิสราเอลจึงมีความสำคัญมาก และประการที่สอง ประโยชน์ใช้สอยทางการทหารของอาวุธนิวเคลียร์มักถูกประเมินสูงเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์อย่างจำกัดหรือไม่มีเลย

"จริงๆ แล้ว ในสงครามหรือความขัดแย้งครั้งนี้ไม่มีเป้าหมายสำหรับอาวุธนิวเคลียร์เลย" เขากล่าว

สส. Gotliv เป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีเบนจามิน Netanyahu ของอิสราเอล ซึ่งร่วมกับ Yoav Gallant ลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกแถลงการณ์ในการป้องกันเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) และหน่วยงานด้านความมั่นคง ในเดือนกันยายน เธอกล่าวหา IDF และ Shin Bet (หน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอล) ว่าทำงานให้กับ 'ผู้ก่อการร้ายและนักโทษด้านความมั่นคง' ชาวปาเลสไตน์ ตามรายงานของ The Jerusalem Post หลังจากที่รัฐบาลอิสราเอลประณามคำกล่าวหาที่ 'สร้างความโมโห' เธอก็ลดความรุนแรงลงสองเท่าและให้ความชอบธรรมในการโจมตีฉนวน Gaza โดยกองทัพอิสราเอลในฐานะสมาชิกสภา Knesset

สำหรับ Netanyahu ได้ประกาศสงครามกับกลุ่ม Hamas และสัญญาว่าจะลดจำนวนผู้ก่อการร้ายให้กลายเป็นซากปรักหักพังที่พวกเขาจะจดจำ 'ไปอีกนานหลายทศวรรษ' อย่างไรก็ตาม เขาเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหม่เกี่ยวกับความล้มเหลวด้านความมั่นคงและข่าวกรองที่ถูกกล่าวหาซึ่งเกิดขึ้นก่อนการโจมตีดินแดนอิสราเอลที่อันตรายที่สุดในรอบกว่าห้าทศวรรษ หนึ่งวันหลังจากวิพากษ์วิจารณ์ Netanyahu ในวันอังคาร Haaretz หนังสือพิมพ์ฝ่ายซ้ายของอิสราเอลได้พาดหัวข่าวว่า 'Netanyahu : ลาออกเดี๋ยวนี้!' โดยกล่าวว่า เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อ "ความล้มเหลวที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้"

บทความนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า อิสราเอลกับปาเลสไตน์มีความโกรธเกลียดกันอย่างมากมหาศาล ชนิดที่สามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายหนึ่งได้โดยไม่มีความลังเลใจอะไรเลย แม้กระทั่งสส. ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องมีวุฒิภาวะ (Maturity) เป็นอย่างมาก ต้องมีทั้งสติและความยับยั้งชั่งใจ ยังแสดงออกถึงความกระหายเลือดมากมายถึงเพียงนี้ แล้วประชาชนคนธรรมดาทั่วไปจะมีความโกรธเกลียดและอาฆาตแค้นชิงชังกันมากเพียงใด?

แต่ที่น่าสงสัยก็คือ อิสราเอลที่บอกกับคนทั้งโลกว่า ตน (ชาวยิว) ตกเป็นเหยื่อ ถูกกระทำ ถูกสังหารหมู่ด้วยการรมแก๊ส โดยนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่กองทัพอิสราเอลกระทำย่ำยีต่อชาวปาเลสไตน์อย่างไม่ลังเลใจ ไม่รู้สึกเขินอายที่จะทำกับผู้อื่นอย่างที่พวกตนเคยถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย กองทัพอิสราเอลก็จึงไม่ต่างจากกองกำลัง SS และรัฐบาลอิสราเอลก็ไม่ต่างไปจากรัฐบาลนาซีเยอรมันแต่อย่างใดเลย

'ฮามาส' บุก 'อิสราเอล' ยุทธการของ 'เบี้ยสละทิ้ง' แบบหน่วยกล้าตาย  ภายใต้ 'สงครามใหญ่' ระหว่างค่ายตะวันตกกับค่ายตะวันออก

(12 ต.ค. 66) นายวรพจน์ ตั้งพันธุ์เพียร ได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ 'เมื่อฮามาสบุกอิสราเอล แบบ Suicide mission' (ภารกิจฆ่าตัวตาย) ระบุว่า...

เกือบทศวรรษที่ไม่มีข่าวกองกำลังฮามาสสู้รบกับอิสราเอลเต็มรูปแบบ จนโลกทั้งโลกแทบจะลืมปัญหา ปาเลสไตน์-อิสราเอล กันไปแล้ว แม้แต่โลกอิสลามเอง ก็ยังมีบางส่วนหันไปญาติดี เริ่มเปิดความสัมพันธ์กับอิสราเอล อย่างบาร์เรน สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ซาอุฯ

นั่นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่ฮามาส ในฐานะตัวแทนของปาเลสไตน์ จะรู้สึกว่าถูกโลกอิสลามทอดทิ้งให้ไร้อนาคต โดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์ 5 ล้านคนต้องอยู่กับการปิดล้อมในพื้นที่เล็กๆ อย่าง กาซา และเวสต์แบงค์ ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นผู้อยู่อาศัยมาก่อนที่อิสราเอลจะเข้ามาแทนที่ และทำการขับไล่ รวมทั้งตีกรอบ จนพวกเขาไม่มีความหวังที่จะได้ตั้งประเทศปาเลสไตน์อย่างที่เคยมีข้อตกลงกันไว้ที่ แคมป์เดวิด สหรัฐฯ (ในขณะที่ชาวอิสราเอลมีจำนวน 7 ล้านคน คุมพื้นที่กว่า 80% และยังมีท่าทีจะรุกคืบเพิ่มเรื่อยๆ)

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฮามาสก็ย่อมรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป และได้ดำเนินการบุกอิสราเอล ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ Al-Aqsa Flood โดยเลือกเอาวันสำคัญทางศาสนายิว ซิมหัต โทราห์ (Simchat Torah) ในการยิงขีปนาวุธกว่า 5,000 ลูกจากกาซาไปยังอิสราเอล ในวันเดียว และส่งนักรบข้ามแดนไปด้วยการขุดดิน บินข้ามกำแพง รวมทั้งทางน้ำ เพื่อทำการยิงสังหารแบบไม่เลือกเป้าหมาย และจับตัวประกันกลับเข้าไปในกาซา (ล่าสุดอิสราเอลตายเกือบพันคน และส่งเครื่องบินเข้ายิงถล่มกาซา จนประเมินว่ามีปาเลสไตน์เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 500 คน)

ปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้โลกตะลึง และทำให้อิสราเอลเสียศูนย์ เพราะหน่วยสืบราชการลับมอสสาด ที่ว่าข่าวกรองดีที่สุดในโลกไม่ได้ระแคะระคายมาก่อนเลย - อียิปต์ได้เตือนอิสราเอลแล้วว่าอาจมีเหตุรุนแรง แต่อิสราเอลไม่คิดว่าจะเกิดในช่วงวันสำคัญทางศาสนา เพราะฮามาสไม่เคยบุกในวันสำคัญเลย รวมทั้งที่ผ่านก็เชื่อมั่นว่า นโยบายให้ชาวปาเลสไตน์เข้ามาทำงานและได้รับค่าจ้างสูงกว่าในกาซาสิบเท่า น่าจะช่วยให้ชาวปาเลสไตน์เลิกคิดเรื่องการทำสงคราม

ประเด็นก็คือ นายกฯ เนทันยาฮู ของอิสราเอลที่เป็นสายเหยี่ยวตกขอบ ได้ประกาศระดมกำลัง 3 แสนนายเพื่อจะเดินเท้าบุกเข้าเคลียร์กองกำลังฮามาสในกาซา โดยไม่เกรงใจบรรดาประเทศมุสลิมอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อโลกตะวันตกแถลงว่า อิสราเอลมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง และพร้อมสนับสนุนอาวุธ ในขณะที่ประเทศอิสลามสายกลาง พยายามขอให้มีการหยุดยิง และเจรจา โดยเริ่มที่การแลกตัวประกันชาวอิสราเอลกับ นักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกควบคุมตัวไว้นานแล้ว

ฮามาสเลือกที่จะบุกทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าจะโดนสวนกลับอย่างรุนแรง จนถึงขั้นล่มสลาย นั่นก็เพื่อส่งสัญญานไปยังโลกมุสลิมว่า การที่ UAE และซาอุในฐานะพี่ใหญ่โลกอิสลามไปจับมือกับอิสราเอล ถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ดังนั้น การบุกอิสราเอลเต็มรูปแบบ จะเป็นการวัดใจว่า ถ้ากาซาถูกอิสราเอลบุกกลับมาถล่มยับ บรรดาประเทศมุสลิมตะวันออกกลางจะยืนนิ่งเฉย ปล่อยให้ชาวปาเลสไตน์ในฐานะพี่น้องมุสลิมถูกกวาดล้างโดยอิสราเอลหรือไม่? หรือจะเข้ามาปกป้อง และกดดันอิสราเอล ให้มีการตั้งประเทศปาเลสไตน์อย่างจริงจังเสียที?

ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า ภารกิจฮามาสครั้งนี้ คือภารกิจฆ่าตัวตายโดยแท้

แม้การวัดใจโลกมุสลิมครั้งนี้ ถือเป็นการทุ่มสุดตัวของฮามาส แต่ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่า มุสลิมสายกลางจะตัดสินใจอย่างไร? เนื่องจาก ฮามาสถูกระบุว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่รัฐประเทศ รวมทั้งครั้งนี้มีพฤติกรรมบุกก่อน และสังหารแบบไม่เลือกเป้าหมาย แม้แต่อิหร่านที่เป็นแบ็คอัพใหญ่ให้ฮามาส ก็ยังอ้อมๆ แอ้มๆ ไม่ออกมาประกาศชัดเจน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าก็ส่งเสบียงให้กับฮามาสมาโดยตลอด

ในกรณี โลกอิสลามสายกลางตัดสินใจนิ่งเฉย ปล่อยให้อิสราเอลถล่มกาซาตามอำเภอใจ ฮามาสก็จะถูกกวาดล้างอย่างหนักจนอาจไม่มีความสามารถในการตอบโต้ไปอีกนาน และอิสราเอลคงบุกเข้าเวสแบงค์ด้วยอีกที่ ในการนี้จะส่งผลให้มีการสอดส่องครับคุมดูแลชาวปาเลสไตน์ที่เข้มงวดมากกว่าเดิม และสงครามจะไม่น่ายืดเยื้อนาน แม้จะมีประเทศอิสลามสายแข็งให้การสนับสนุนฮามาสก็ตาม

แต่หากโลกอิสลามสายกลางตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับอิสราเอล และส่งความช่วยเหลือให้ปาเลสไตน์ ความขัดแย้งก็มีท่าทีว่าจะขยายวงขึ้นทันที ขึ้นกับว่าจะมีประเทศมุสลิมใดช่วยเหลือปาเลสไตน์บ้าง หากหันมาช่วยกันหมดเหมือนสมัยสันนิบาตอาหรับ กับสงคราม 6 วัน อิสราเอลจะกลายเป็นแนวรบตะวันออกกลาง ลักษณะสงครามตัวแทน (Proxy War) ระหว่าง ตะวันตกที่ถือหางอิสราเอล กับ ตะวันออก (มุสลิม + จีน + รัสเซีย) ทันที

ซึ่งน่าจะยืดเยื้อไม่แพ้ สงครามยูเครน-รัสเซีย ที่เป็นสมรภูมิแนวรบในยุโรป ซึ่งจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกเข้าไปอีกขั้น เพราะรู้ๆ กันว่า ตะวันออกกลางคือแหล่งน้ำมันโลก ในขณะที่ยูเครนและรัสเซียเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารสัตว์ และปุ๋ยโลก

หากเกิดแบบกรณีหลัง คงได้เดือดร้อนทั้งโลกแน่นอน และถ้าเหตุการณ์บานปลาย ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ไม่ยาก

ทั้งหมดนี้ มีเพียงสิ่งเดียวจะช่วยให้อุณหภูมิการเมืองโลกไม่เดือด นั่นคือการเปลี่ยนใจนายกฯ เนทันยาฮู ให้เลิกล้มแผนบุกกาซา และหันมาปัดฝุ่นข้อตกลงแคมป์เดวิด ที่จะตั้งประเทศปาเลสไตน์ และกำหนดเขตแดนระหว่างกันอย่างชัดเจน รวมทั้งยอมให้กองกำลัง UN เข้าไปควบคุมสันติภาพในกาซา และเวสแบงค์ ซึ่งดูแล้วคงเป็นเรื่องระดับปาฏิหารย์หากจะเกิดขึ้นได้

ในฐานะชาวโลก ก็คงต้องพยายามทำใจ และอยู่กับความขัดแย้งทางการเมืองโลกให้ได้ และคงต้องนั่งลุ้นกันต่อไปว่า ฝ่ายตะวันตกจะเปิดแนวรบทะเลจีนใต้ ที่มีไต้หวันเป็นชนวน อีกแนวรบหรือไม่?

อาจจะเพราะหลังการล่มสลายของโซเวียต โลกเราสงบสุขมานานเกินไป จนทำให้ชาวโลกลืมไปว่าก่อนหน้านั้น เราก็มีความขัดแย้งระหว่างประเทศอยู่บ่อยๆ มีสงครามกันเนืองๆ ในภูมิภาคต่างๆ ไม่หยุดหย่อน

เพียงแต่ยุคนั้น แต่ละฝ่าย ยังไม่มีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในมือกันมากมายขนาดทุกวันนี้เท่านั้นเอง

โลกนี้แม้จะใหญ่พอที่จะแบ่งปันให้มนุษยชาติทุกคน

แต่กลับใหญ่ไม่พอให้กับมนุษย์ที่โลภและบ้าอำนาจเพียงคนเดียว

ขณะที่ ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เสริมมุมมองบทความดังกล่าวด้วย ว่า...

แนวโน้มคงเกิดเป็นกรณีหลัง และจะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ค่อนข้างแน่ ... เพราะมันเป็นบทที่เขียนไว้แล้ว

ถ้าเราอ่านสถานการณ์สงครามฮามาส-อิสราเอลครั้งนี้ จากมุมมองของนักยุทธศาสตร์ เราจะรู้ทันทีว่าฝ่ายฮามาสจะต้องมี 'หมากตามหลัง' มาแน่นอน 

เพราะฮามาสเป็นแค่ 'เบี้ยสละทิ้ง' แบบหน่วยกล้าตาย ใน 'สงครามใหญ่' ระหว่างค่ายตะวันตก กับค่ายตะวันออกเท่านั้น

'ดร.ปิติ' ชี้!! ไม่ใช่แค่ 'อิสราเอล-ปาเลสไตน์' แต่ทั่วโลกยังมีจุดขัดแย้งอีกมากมายที่รอปะทุ

(12 ต.ค.66) รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงปมขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่อีกหลายจุดทั่วโลก ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

นอกจาก อิสราเอล-ปาเลสไตน์ แล้ว ทั่วโลกยังมีจุดปะทุความขัดแย้งครั้งทางภูมิรัฐศาสตร์อีกมากมาย

สุดสัปดาห์ที่แล้ว ในเมียนมา ค่ายผู้อพยพในรัฐคะฉิ่นติดพรมแดนจีนก็พึ่งถูกทำลาย 

ในหนังสือเล่มใหม่ของผม ปิติ ศรีแสงนาม และ จักรี ไชยพินิจ ยังคาดการณ์จุดปะทุทั่วโลกที่ไทยต้องจับตาไว้อีกหลายแห่งอาทิ

1. NATO vs รัสเซีย: สงครามเย็นที่ไม่สิ้นสุด
2. เอเชียใต้: ดินแดนแห่งตัวแปรของภูมิรัฐศาสตร์
3. แอฟริกา: กาฬทวีปที่ถูกมองข้าม
4. ตะวันออกกลาง: ทางแยกของแผนที่โลก
5. คาบสมุทรเกาหลี: ภูมิรัฐศาสตร์เก่าในบริบทใหม่ (บทความพิเศษโดย เสกสรร อานันทศิริเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมไทยคดีศึกษาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Association of Thai Studies : KATS))
6. ช่องแคบไต้หวัน: การช่วงชิงพื้นที่ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา
7. ทะเลจีนใต้: เขตอิทธิพลของจีนกับประเด็นพิพาทของอาเซียน, และ
8. Zomia: จากดินแดนแห่งเทือกเขาสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์การเมืองในเมียนมา

สั่งซื้อได้แล้วนะครับ หนังสือเล่มใหม่ของผม

Amidst the Geo-Political Conflicts #สมรภูมิพลิกอำนาจโลก

ผู้เขียน : ปิติ ศรีแสงนาม, จักรี ไชยพินิจ Chakkri Chaipinit

ทดลองอ่าน https://bit.ly/3PWGEfm

>> นอกจากนี้ ท่ามกลางสมรภูมิความขัดแย้งทั่วโลก ท่ามกลางการปะทะของสามขั้วอำนาจที่จะเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่ ไทยของเราควรอยู่ตรงไหน และอยู่อย่างไร?

Amidst the Geo-Political Conflicts สมรภูมิพลิกอำนาจโลก ว่าด้วยสถานการณ์ในจุดปะทุทางการเมืองโลก ณ ปัจจุบัน ได้แก่ รัสเซีย-ยูเครน ตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ คาบสมุทรเกาหลี ช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และดินแดนเทือกเขาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Zomia) โดยจะวิเคราะห์ให้เห็นว่า สามขั้วอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา จีน และโลกมุสลิม เข้าไปมีบทบาทกับการเมืองภายในอย่างไร และเพราะเหตุใดทั้งสามถึงต้องการช่วงชิงการมีอิทธิพลเหนือพื้นที่เหล่านี้

ร่วมทำความเข้าใจความขัดแย้งที่คุกรุ่นอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ผ่านเลนส์ภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ และร่วมขบคิดถึงการวางนโยบายต่างประเทศของไทยในอนาคต เพื่อรู้เท่าทันในวันที่ระเบียบโลกจะพลิกผันไปจากเดิม

สั่งซื้อได้ที่ https://www.matichonbook.com/p/4664/amidst-the-geo-political-conflicts-สมรภูมิพลิกอำนาจโลก.html

รวมทั้งภาคแรกของ Series "Amidst" อย่าง 

Amidst the New World Order #ไทยในระเบียบโลกใหม่

ผู้เขียน : รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม

ทดลองอ่าน: https://bit.ly/3UQqpRn

อ่านมหาอำนาจ วางยุทธศาสตร์เพื่อ “ปรับ” เมื่อโลก “เปลี่ยน” ภายใต้โลกใหม่ที่ไม่มีวันเหมือนเดิม

>> ขณะที่ดุลอำนาจของสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในภาวะถดถอย จีนทะยานขึ้นเป็นผู้กุมอนาคตทางการค้าและเทคโนโลยี ผู้เล่นอื่นๆ ในสนามภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลกก็พร้อมขยับเพื่อก้าวกระโดด

Amidst the New World Order ไทยในระเบียบโลกใหม่ โดยรองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม ชวนสำรวจและทำความเข้าใจโลกที่พลิกผันจากการกระชากเปลี่ยนครั้งใหญ่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง 

ร่วมกำหนดตำแหน่งแห่งที่ บทบาท ท่าทีและ “อนาคต” ของชาติที่คาดหมายและคาดหวังให้เป็นจริง

สั่งซื้อได้ที่ https://www.matichonbook.com/p/4034/amidst-the-new-world-order-ไทยในระเบียบโลกใหม่.html

หรือไปซื้อที่ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28 วันที่ 12-23 ตุลาคม 2566 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูธ J47 Matichon Book - สำนักพิมพ์มติชน

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ วิเคราะห์!! ‘อิสราเอล-ฮามาส’ เนื้อเรื่องต่อจากนี้เข้มข้น ต่างฝ่ายต่างมีแรงหนุน

(12 ต.ค.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Nantiwat Samart’ ระบุว่า... 

จบยังไง 

การโจมตีอิสราเอลของฮามาสจบ ?
ฮามาสหมดของเล่นแล้วหรือยัง
จรวดยังมีเหลืออีกหรือไม่
จะมีประเทศใดร่วมมือกับฮามาสไหม
มีแต่คำถาม มีแต่ความสงสัย

ความเคลื่อนไหวสำคัญของอิสราเอล
คือ การจัดตั้งรัฐบาลในภาวะฉุกเฉิน

ร่วมกับฝ่ายค้านตั้งคณะรัฐมนตรีสงคราม
ไม่มีฝ่ายค้าน ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว
ใช้มติ ครม.ในการทำงาน เพื่อความฉับไว
รับมือกับสงครามการก่อการร้าย
ไม่ต้องออกกฎหมาย
อิสราเอลเรียกระดมพลทหารกองหนุน
เพิ่มเป็นสามแสนคนจากเดิมเพียงหนึ่งแสน
เตรียมรับมือกับสงครามใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้น
สั่งขายเงินตราต่างประเทศสามหมื่นล้านเหรียญ
และสำรองไว้อีกหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
เพื่อเตรียมความพร้อมทำสงคราม

อเมริกาและตะวันตกประกาศเข้าข้างอิสราเอล
ส่วนประเทศอิสลามประกาศสนับสนุนฮามาส

จะมีใครช่วยรบตีขนาบอิสราเอลหรือไม่
มีการยิงปืนใหญ่ออกมาจากซีเรีย เลบานอน
นี่คือการสะกิดสะเกา ไม่ได้สร้างความบอบช้ำ
อิสราเอลตีโต้กลับรุนแรงมากกว่าหลายเท่า

การชุมนุมของมุสลิมทั่วโลกออกมาสนับสนุนฮามาส
สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลเข้าร่วมกับฮามาสหรือไม่
หรือเพียงสะท้อนความไม่พอใจ

ที่น่าสนใจคือการพบกันของปูตินกับสีจื้นผิง
และผู้นำอาหรับกับปูติน
จะมีอะไรมากกว่าคุยประเมินสถานการณ์เฉยๆ
หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น ?

ตอนนี้ก็มีแต่ข่าวลือ
กลุ่มฮิสบอเราะห์และกองกำลังวากเนอร์
เตรียมเข้าร่วมรบกับฮามาส

ที่สำคัญคือชีวิตของตัวประกันที่ถูกจับไป มีคนไทยรวมอยู่ด้วยสิบกว่าคน
ต้องปลอดภัยและได้รับการปล่อยตัว
ฮามาสขู่ว่า หากอิสราเอลโจมตีทางอากาศ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
ทุกการโจมตีจะสังหารตัวประกันหนึ่งคน

อิสราเอลขอให้อียิปต์เป็นตัวกลาง
ในการเจรจาให้ปล่อยตัวประกัน
ในอดีตชีวิตตัวประกันชาวยิวหนึ่งคน
ต้องแลกด้วยนักโทษฮามาสถึงพันคน
ครั้งนี้ การปล่อยตัวต้องแลกด้วยอะไร
ยังไม่มีคำตอบ

จบเถอะ อย่าให้ยืดเยื้อ
เซเลนสกีเรียกร้อง อย่าลืมยูเครน 

‘X’ สั่งลบบัญชี ‘เครือข่ายฮามาส’ นับร้อย หลังก่อเหตุโจมตีอิสราเอล ตอบรับข้อเรียกร้อง EU ขอให้จัดการเนื้อหาเท็จออกจากแพลตฟอร์ม

(12 ต.ค.66) นางลินดา ยัคคารีโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ ระบุในวันนี้ว่า เอ็กซ์ได้ทำการลบบัญชีเครือข่ายกลุ่มฮามาสชาวปาเลสไตน์หลายร้อยบัญชี และได้ดำเนินการเพื่อลบหรือติดตราคอนเทนต์หลายหมื่นชิ้นนับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเธียร์รี เบรตง คณะกรรมาธิการยุโรปด้านตลาดภายในภูมิภาค ได้ส่งจดหมายถึงนายอีลอน มัสก์ ประธานบริษัทเอ็กซ์เพื่อเรียกร้องให้ลบข้อมูลที่บิดเบือนต่าง ๆ ออกจากแพลตฟอร์มในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส 

สงครามอิสราเอล สถานการณ์วัดใจ ‘นายกฯ-รมว.ต่างประเทศ’ มือใหม่ ต้องผนึกพลังร่วมกันทำงาน ประสานทุกฝ่ายเร่งดูแลคนไทยให้ปลอดภัย

(13 ต.ค. 66) ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวงการแรงงานไทยได้บอกว่า การอพยพแรงไทยกลับออกจากอิสราเอลนั้น ทั้งวิธีคิดและวิธีปฏิบัติไม่ถูกต้อง เพราะทันทีที่แรงไทยออกจากอิสราเอลนั้น เท่ากับแรงงานไทยรายนั้น ๆ ต้องจากประเทศอิสราเอลแล้วทันที กระบวนการกลับไปทำงานต้องเริ่มต้นโดยการนับหนึ่งใหม่ แรงงานไทยรายไหนที่สัญญาจ้างเปิดกว้างและเอื้อประโยชน์ต่อแรงงานไทยรายนั้น ถือว่าโชคดีไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่เป็นเช่นนั้น

สิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรทำ คือให้รัฐมนตรีต่างประเทศสั่งการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทอาวิฟ อิสราเอล ประสานกับทางการอิสราเอลให้หาพื้นที่หลบภัยให้กับแรงงานไทยในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ แล้วอพยพแรงงานไทยดังกล่าวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งแรงงานไทยดังกล่าวก็จะสามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เสียสิทธิในการจ้างงานตามสัญญาจ้าง

สิ่งที่รัฐบาลไทยควรดูแลใส่ใจ นอกจากการจัดตั้งศูนย์อพยพแรงงานไทยในพื้นที่ปลอดภัยแล้วคือ อาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานไทยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยจัดทีมดูแลเฉพาะทางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ไปดำเนินการจนกว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

สิ่งหนึ่งที่สังคมไทยไม่รู้ คือ ความเห็นแก่ตัวของนายจ้างชาวอิสราเอลที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจต่อสวัสดิภาพของแรงงานไทยผู้เป็นลูกจ้าง เช่น การสั่งให้ลูกจ้างทำงานทั้งที่มีการยิงจรวดจากกลุ่ม Hamas สิ่งแรกที่นายจ้างชาวอิสราเอลควรจะสนใจและใส่ใจ ต่อสวัสดิภาพของแรงงานไทยผู้เป็นลูกจ้าง คือให้เข้าที่หลบภัย เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย เช่นกรณีนี้ ‘หัวใจสลาย แม่-พี่สาวร่ำไห้ หนุ่มอุดรฯ ถูกบังคับทำงานในไร่ซูกินี โดนระเบิดดับพร้อมเพื่อน หลังวิดีโอคอลวางสายไม่ถึง 10 นาที’ https://mgronline.com/local/detail/9660000091973

เพราะระบบป้องกัน Iron dome มีการคำนวณเพื่อเลือกเป้าหมายที่จะทำการสกัดกั้น ในกรณีที่จรวดที่กลุ่ม Hamas ยิงมาแล้วตกในเขตชุมชน Iron dome จะยิงสกัดกั้น เมื่อแรงงานไทยถูกสั่งให้ออกไปเก็บผักในไร่ซึ่งไม่ใช่เขตชุมชน ระบบป้องกัน Iron dome จึงไม่ทำการสกัดกั้น และทำให้จรวดตกใส่แรงงานไทยผู้เคราะห์ร้ายไป เหตุที่ Iron dome ไม่สกัดกั้นนั้น เพราะราคา Tamir ขีปนาวุธที่ใช้ในการสกัดกั้นจรวด ราคาสูงถึงลูกละ US $40,000 หรือราว 1,500,000 บาท

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร ผู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวปาเลสไตน์ และการต่อสู้กับอคติของสื่อตะวันตก

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร
ตอบโต้คำถามและการสัมภาษณ์ที่มีอคติของ BBC สื่อตะวันตกอย่างดุเดือด

‘Dr. Husam Zomlot’ หัวหน้าคณะผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหราชอาณาจักร ต้องเผชิญหน้ากับคำถามและการสัมภาษณ์อย่างมีอคติจากสื่อตะวันตก โดยเฉพาะ BBC โดยพยายามให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความโหดร้ายที่บีบคั้นหัวใจ ซึ่งเกิดขึ้นโดยกองทัพอิสราเอลต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์

Dr. Zomlot ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของชาวปาเลสไตน์ในการยุติการยึดครองอันโหดร้ายที่คุกคามชีวิตของพวกเขามายาวนานเกินไป อิสราเอลซึ่งแต่เดิมตั้งใจที่จะยุติการขยายถิ่นฐานและการยึดครอง แต่กลับวนเวียนอยู่ในวงจรแห่งความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์

เขาท้าทายความพยายามของผู้สัมภาษณ์ที่จะถือข้างผู้ครอบครอง โดยเน้นว่านี่ไม่ใช่สงครามระหว่างความเท่าเทียมกัน หลักการทางการทหารที่มีมายาวนานของอิสราเอลมุ่งเป้าไปที่พลเรือน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายอย่างนับไม่ถ้วน Dr. Zomlot เรียกร้องอย่างกระตือรือร้นให้ยุติวงจรแห่งความตายนี้ การเผชิญหน้ากับความหน้าซื่อใจคดของผู้สัมภาษณ์ โดยเน้นย้ำถึงการขาดความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามของอิสราเอลในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาตั้งคำถามว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่อิสราเอลจึงไม่ถูกกดดันให้ประณามตนเอง โดยเน้นย้ำถึงอคติที่มักสร้างความเสียหายให้ปาเลสไตน์จากการรายงานข่าวของสื่อตะวันตก

Dr. Zomlot ปฏิเสธที่จะเล่าเรื่องที่บิดเบือน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการที่ต้นตอของความขัดแย้ง แทนที่จะคาดหวังให้ชาวปาเลสไตน์ประณามตนเองอย่างต่อเนื่อง เขาตั้งคำถามกับการรายงานแบบเลือกข้างของสื่อ โดยถามว่าพวกเขาเคยเชิญให้ Dr. Zomlot ออกมาพูดเมื่อชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารหรือเมื่อมีการยั่วยุจากฝั่งอิสราเอลหรือไม่? เนื่องจากประชากรในฉนวนกาซาถูกจับเป็นตัวประกันโดยอิสราเอล Dr. Zomlot จึงเรียกร้องให้เปลี่ยนจากการใช้วาทกรรมและให้ยอมรับความจริงอันน่ารังเกียจนี้

เมื่อถามถึงแนวทางแก้ไข เขาเน้นย้ำถึงการใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน กฎของสันนิบาตแห่งชาติ และมติของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหลักการที่ขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงการกระทำของอิสราเอลในฐานะกองกำลังผู้ยึดครอง

Dr. Zomlot เปิดเผยความจริงอันโหดร้ายที่พลเรือนปาเลสไตน์ต้องเผชิญอย่างเด็ดเดี่ยว และเรียกร้องความยุติธรรม และความรับผิดชอบต่อความอยุติธรรมนับครั้งไม่ถ้วนที่ชาวปาเลสไตน์ต้องเผชิญ Dr. Zomlot ได้โต้ตอบผู้สื่อข่าวของ BBC อย่างไม่เกรงใจ เนื่องจากความมีอคติของผู้สัมภาษณ์ที่ชัดเจนต่อชาวปาเลสไตน์อิสราเอล โดยเปิดเผยถึงความโหดร้ายอันน่าสยดสยองที่กองทัพอิสราเอลกระทำต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสไม่ใช่รัฐบาลหรือกองทัพอย่างเป็นทางการของชาวปาเลสไตน์ จึงไม่สามารถถือเอากลุ่มฮามาสเป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ได้ Dr. Zomlot เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นแน่วแน่ของชาวปาเลสไตน์ที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งการยึดครองที่ยืดเยื้อยาวนาน เขาเน้นย้ำว่า จุดประสงค์เดิมของอิสราเอล คือการยุติการขยายตัวของการตั้งถิ่นฐานและการยึดครอง แต่อิสราเอลได้หลงไปไกลจากเส้นทางนี้ และทิ้งร่องรอยแห่งความทุกข์ทรมานไว้

ด้วยการท้าทายความพยายามของผู้สัมภาษณ์ที่จะเปรียบเทียบผู้กดขี่กับผู้ถูกกดขี่ Dr. Zomlot โต้แย้งอย่างกระตือรือร้นว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างความเท่าเทียมกัน เขากล่าวหาอิสราเอลว่าปฏิบัติตามหลักคำการทางทหารที่น่ากังวลซึ่งมุ่งเป้าไปที่พลเรือน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดแก่ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่สามารถประเมินได้ Dr. Zomlot เรียกร้องให้ยุติวงจรความรุนแรงซึ่งมีแต่การทำลายล้างนี้

Dr. Zomlot ขอให้ผู้สัมภาษณ์ตอบข้อกล่าวหาว่ามีอคติ โดยตั้งคำถามตรง ๆ ไปว่า ทำไมเจ้าหน้าที่อิสราเอลจึงไม่รับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขาในรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เขาท้าทายความล้มเหลวของสื่อในการเรียกร้องให้อิสราเอลประณามตัวเอง โดยแสดงให้เห็นถึงการมีสองมาตรฐานโดยสิ้นเชิง

Dr. Zomlot ยืนกรานที่จะต้องจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้ง เขาตั้งคำถามที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรายงานข่าวของสื่อ โดยถามว่าพวกเขาส่งคำเชิญถึงตัวเขาเมื่อชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารหรือเมื่อมีการยั่วยุของอิสราเอล เพราะว่ามีชาวปาเลสไตน์กว่าสองล้านคนถูกอิสราเอลจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซา

Dr. Zomlot จึงเรียกร้องให้ละทิ้งวาทกรรมที่ปั้นแต่งขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงของสถานการณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อถามถึงแนวทางแก้ไข เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎของสันนิบาตแห่งชาติและมติของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นหลักการที่อิสราเอลดูเหมือนได้เคยยอมรับและนำมาปฏิบัติมานานหลายทศวรรษ

'ทูตอิสราเอล' รับปาก 'นายกฯ' เร่งอพยพ 6 พันคนไทย ยัน!! ถ้ามีเครื่องบินพอ ก็สามารถออกมาได้หมด

เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับ น.ส.ออร์นา ซากิฟ เอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในการดูแลคนไทยในสถานการณ์สู่รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

ภายหลังการหารือ นายเศรษฐา แถลงว่า ในส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิต ได้ขอร้องผ่านเอกอัครราชทูตไปว่า ขอให้นำกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเป็นพันศพ จำเป็นต้องมีการชันสูตรและพิสูจน์ทราบ แต่การยืนยันว่าจะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ สำหรับคนไทยจำนวนหนึ่งที่แสดงเจตจำนงกลับประเทศไทยกว่า 6 พันคน ซึ่งทางเอกอัครราชทูตยืนยันว่า มีเครื่องบินมารับเท่าไร ก็พร้อมจะนำส่งกลับออกมาทันที จุดใหญ่วันนี้คือเครื่องบินที่จะต้องไปรับกลับมาให้ได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องสุดท้ายคือเรื่องของตัวประกัน ขอให้ดูแลและขอร้องให้เร่งเจรจาเพื่อนำตัวออกมาให้ได้ และตัวประกันไม่ได้ของชาติไทยเพียงชาติเดียว คนเหล่านี้ต้องถูกปล่อยออกมาโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการนำคนไทยไปพักไว้ในประเทศที่ 3 นายเศรษฐา กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังหารืออยู่ ซึ่งน่าจะมีประเทศอียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองจิดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย หากเข้าไม่ได้ก็จะพักคอยไว้ เมื่อมีสายการบินสามารถบินเข้าออกได้ก็ให้รับมาเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

“จากการพบกับทูตอิสราเอล ผมมีความสบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะท่านทูตยืนยันว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้พร้อมหมด ถ้ามีเครื่องบินพอก็สามารถออกมาได้หมด ขณะนี้สามารถขนย้ายคนมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว “นายกฯ กล่าว

‘ชาวปาเลสไตน์’ หลายหมื่นคนในฉนวนกาซาแห่อพยพลงใต้ หลัง ‘อิสราเอล’ ขีดเส้น 24 ชม.ให้หนี ก่อนบุกโจมตีฮามาส

(14 ต.ค.66) ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนแห่อพยพลงไปยังพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาในวันนี้ หลังกำหนดเส้นตายที่อิสราเอลเตือนให้อพยพภายใน 24 ชั่วโมงเริ่มใกล้เข้ามา ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลเพื่อแก้แค้นต่อกลุ่มฮามาสน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเตือนว่า การทิ้งบอมบ์ถล่มทางอากาศต่อฉนวนกาซาตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘เป็นแค่จุดเริ่มต้น’ ของปฏิบัติการเช็กบิลกวาดล้างกลุ่มฮามาส ซึ่งบุกจู่โจมพื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และคร่าชีวิตพลเมืองอิสราเอลไปแล้วกว่า 1,300 คน

ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้มีการส่งทหารราบบุกเข้าไปตรวจค้นพื้นที่บางจุดของฉนวนกาซาในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ‘เพื่อกำจัดพวกผู้ก่อการร้ายและคลังอาวุธ’ รวมถึงติดตามหาตัวประกันที่ยังคงสูญหายด้วย

ผู้ที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการบุกแบบสายฟ้าแลบของกลุ่มฮามาสส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่บางคนเปรียบเทียบเหตุโจมตีอิสราเอลครั้งนี้ว่าเลวร้ายและน่าตกตะลึงพอๆ กับเหตุวินาศกรรม 9/11

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังมีการปรึกษาหารือกับรัฐบาลในภูมิภาคเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เนื่องจากมีชาวปาเลสไตน์นับล้านๆ คน ที่ต้องติดอยู่ในพื้นที่ในสภาพถูกตัดน้ำไฟ และขาดแคลนอาหาร หลังจากที่อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ

ชาวปาเลสไตน์กว่า 1.1 ล้านคนทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้รับคำเตือนเมื่อวันศุกร์ (13) ให้รีบอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นดิน ขณะที่กลุ่มฮามาสประกาศกร้าวว่าจะขอสู้ ‘จนเลือดหยดสุดท้าย’ และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน

พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ทหารราบซึ่งมีหน่วยรถถังให้การสนับสนุนได้บุกเข้าไปในบางพื้นที่ของฉนวนกาซาเพื่อโจมตีกองกำลังจรวดของฝ่ายปาเลสไตน์ และหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันที่ถูกจับไป ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลออกมายืนยันว่ามีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซา นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการณ์ขึ้น

“เราได้โจมตีพวกศัตรูด้วยพลังที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน” เนทันยาฮู แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์วานนี้ (13 ต.ค.) “ผมขอย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”

ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนตัดสินใจอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัยหลังได้รับคำเตือนจากอิสราเอล ขณะที่อีกหลายคนประกาศว่าจะไม่ไปไหน

“ตายเสียยังดีกว่าทิ้งที่นี่ไป” โมฮัมหมัด วัย 20 ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ด้านนอกอาคารหลังหนึ่งที่ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มจนพังราบ

มัสยิดหลายแห่งในกาซาได้ออกประกาศเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ “รักษาบ้านเรือน รักษาดินแดนของพวกท่านไว้”

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และอีกหลายหน่วยงานออกมาเตือนความเสี่ยงเกิด ‘หายนะ’ ครั้งใหญ่ หากพลเรือนนับล้านๆ ถูกบังคับให้ต้องอพยพหนีตายภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการปิดล้อมกาซาเพื่อเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไป

“เราจำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปให้ถึงทุกพื้นที่ในกาซาทันที เพื่อให้ประชาชนที่นั่นได้มีเชื้อเพลิง น้ำ และอาหาร แม้แต่สงครามก็ต้องมีกฎเกณฑ์ด้วย” อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แถลงวานนี้ (13 ต.ค.)

ประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับอิสราเอล อียิปต์ จอร์แดน รัฐบาลอาหรับชาติอื่นๆ รวมถึงยูเอ็น เพื่อแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา พร้อมย้ำว่า “ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกฮามาสและการโจมตีอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อน พวกเขาเองก็ทุกข์ทรมานจากผลของสงครามเช่นกัน”

สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกยูเอ็น เตือนว่า “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะให้ชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซาอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมงตามคำสั่งของอิสราเอล โดยที่ไม่เกิด “ผลลัพธ์ร้ายแรงด้านมนุษยธรรม” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้รัฐบาลเทลอาวีฟออกมาแสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้ยูเอ็นหันมาประณามฮามาส และสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลจะดีกว่า

ประธานาธิบดี มะห์มูด อับบาส ผู้นำองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) บอกกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่จอร์แดนว่า การบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพครั้งนี้ไม่ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1948 ที่คนปาเลสไตน์หลายแสนต้องหนีตายหรือถูกขับไล่ออกจากดินแดนที่เรียกว่า ‘อิสราเอล’ ในปัจจุบัน และพลเรือนกาซาส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานของผู้ที่ต้องลี้ภัยในวันนั้น

ฉนวนกาซาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างแออัดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และถูกปิดล้อมเอาไว้ทุกด้าน ซึ่งนอกจากมาตรการปิดล้อมของอิสราเอลแล้ว รัฐบาลอียิปต์ก็ไม่เต็มใจที่จะทำตามเสียงเรียกร้องให้เปิดพรมแดนฝั่งกาซาเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ด้วย

ในเขตเวสต์แบงก์ กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนกาซาได้ยิงปะทะกับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอลจนเสียชีวิตไป 16 คน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งครั้งนี้อาจลุกลามขยายวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณพรมแดนตอนเหนือของอิสราเอลฝั่งที่ติดกับเลบานอนซึ่งเกิดการปะทะอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าขีปนาวุธที่อิสราเอลยิงข้ามเข้าไปยังตอนใต้ของเลบานอนเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ส่งผลให้ อิสซาม อับดัลลาห์ (Issam Abdallah) ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ เสียชีวิต และยังมีนักข่าวคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน

ทัวร์ลง ‘อธิการบดี ม.ฮาร์วาร์ด’ ประเด็น ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’ ด้านบอร์ดบริหารลาออก เหตุรับไม่ได้ต่อความนิ่งเฉยของสถาบัน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 66 อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ‘คลอดีน เกย์’ ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของสถาบันอันเก่าแก่นี้เมื่อเดือนกรกฎาคม กำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการที่ฮาร์วาร์ดมีปฏิกิริยาออกมา หลังจากการโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาส

เศรษฐีพันล้านชาวอิสราเอล ‘ไอดาน โอเฟอร์’ และภรรยา ‘บาเทีย โอเฟอร์’ ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารของคณะบดีแห่ง Harvard Kennedy School

ทั้งคู่กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ก็เพราะการไร้ความชัดเจนของผู้บริหารมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนชาวอิสราเอล

“ความศรัทธาของเราต่อคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้เเตกสลายลงเเล้ว” คู่สามีภรรยาโอเฟอร์กล่าวในแถลงการณ์

ขณะเดียวกันอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเเห่งนี้ ‘ลาร์รี ซัมเมอร์ส’ กล่าวว่าเขารู้สึก ‘สะอิดสะเอียน’ กับการที่ฮาร์วาร์ดนิ่งเงียบในตอนเเรกหลังจากที่กลุ่มนักศึกษากว่า 30 กลุ่ม ออกเเถลงการณ์กล่าวโทษอิสราเอลเพียงฝ่ายเดียว ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนเเรง

มหาเศรษฐีอีกรายหนึ่งที่มีปฏิกิริยาต่อท่าทีของฮาร์วาร์ด คือ ‘บิลล์ อะเคอร์แมน’ นักลงทุนรายใหญ่และศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้

ต่อมา ‘คลอดีน เกย์’ อธิการคนปัจจุบัน เมื่อเธอมีถ้อยเเถลงที่ชัดเจนถึงการโจมตีในอิสราเอล และซัมเมอร์ลดความร้อนเเรงในคำวิจารณ์ต่อเธอ

เกย์ต้องออกแถลงการณ์หลายฉบับ ในความพยายามลดความตึงเครียด โดยในฉบับที่สามเมื่อวันพฤหัสบดี เธอประณาม “ความโหดร้ายอันป่าเถื่อนที่กระทำโดยฮามาส” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกระบุโดยสหรัฐฯ และยุโรป ว่าเป็น ‘ขบวนการก่อการร้าย’ ขณะเดียวกัน เกย์ยืนยันที่จะปกป้องเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็น

ในถ้อยเเถลงผ่านคลิปวิดีโอ เกย์กล่าวว่า เธอปฏิเสธ “การคุกคาม หรือการข่มขู่บุคคล บนพื้นฐานความเชื่อของพวกเขา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top