Friday, 3 May 2024
สงครามยูเครนรัสเซีย

‘จีน’ ฟาด!! G7 ควรใส่ใจปัญหาของตน หยุดบังคับชาติอื่นคว่ำบาตรตามคำสั่ง

ไม่นานมานี้ กลุ่มมหาอำนาจ G7 ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี และญี่ปุ่น ได้ออกมากดดันให้ ‘รัฐบาลจีน’ ให้แสดงท่าทีกระตุ้นให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน และยุติความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการทหารกับรัสเซีย รวมทั้งเรียกร้องให้จีนต้องสนับสนุนเอกราชและอิสรภาพของยูเครนด้วย

ทันทีที่ G7 แสดงท่าทีดังกล่าว ฟากรัฐบาลจีน ก็ได้ออกมาตอบโต้ท่าทีดังกล่าวทันที โดย จ้าว ลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (16 พ.ค.65) ที่ผ่านมาว่า…

กลุ่ม G7 ควรจะหยุดความพยายามในการบีบบังคับให้ชาติอื่นคว่ำบาตรตามคำสั่งของตน และควรหันไปสนใจปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศของตนเอง มากกว่าที่จะเข้าไปแทรกแซงประเทศอื่นให้ทำตามคำสั่ง

‘ปูติน’ ลั่น!! พร้อมช่วยโลกฝ่าวิกฤตอาหาร หากตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

(27 พ.ค.65) ไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้บอกกล่าวกับนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี ว่า รัสเซียพร้อมที่จะให้การสนับสนุนที่สำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้น หากชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร 

หลังจากที่ชาติตะวันตกพร้อมใจกันใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งขัดขวางห่วงโซ่อุปทานอาหาร, ปุ๋ย และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ จากทั้งรัสเซียและยูเครน โดยเฉพาะข้าวสาลี ซึ่งทั้งสองประเทศ ผลิตข้าวสาลีได้ร้อยละ 30 ของอุปทานข้าวสาลีทั่วโลก 

รัฐบาลรัสเซียแถลงภายหลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำรัสเซียและอิตาลีว่า “ปูตินเน้นย้ำว่าสหพันธรัฐรัสเซียพร้อมที่จะมีส่วนสนับสนุนสำคัญในการเอาชนะวิกฤติอาหารด้วยการส่งออกธัญพืชและปุ๋ย ภายใต้การยกเลิกข้อจำกัดที่มีแรงจูงใจทางการเมืองโดยตะวันตก” 

‘รัสเซีย’ สั่งกองกำลังนิวเคลียร์ซ้อมรบ หลังสหรัฐฯ ประเคนจรวดล้ำสมัยให้ยูเครน

กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียกำลังซ้อมรบในเมืองอิวาโนโว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมอสโก ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ โดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันพุธ (1มิ.ย.65) ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่มีขึ้นแทบจะทันทีหลังจากสหรัฐฯ ระบุว่า จะมอบระบบจรวดล้ำสมัยแก่ยูเครน เพื่อช่วยบีบให้รัสเซียเข้าสู่การเจรจายุติสงคราม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯ จะมอบระบบจรวดที่ล้ำสมัยกว่าเดิมและกระสุนแก่ยูเครน เพื่อที่กองกำลังเคียฟจะสามารถโจมตีเป้าหมายสำคัญต่าง ๆ ในสมรภูมิรบได้แม่นยำกว่าเดิม

ไบเดน ระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียจะจบลงผ่านการเจรจา แต่สหรัฐฯ จำเป็นต้องมอบอาวุธและกระสุนแก่ยูเครน เพื่อคานอำนาจการต่อรองสูงสุดบนโต๊ะเจรจา

"เราได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่งอาวุธและกระสุนแก่ยูเครนจำนวนมาก เพื่อที่พวกเขาสามารถสู้รบในสนามรบและอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้บนโต๊ะเจรจา" ไบเดน เขียนในบทความที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า อาวุธที่ส่งมอบนั้น จะรวมไปถึง M142 ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง (HIMARS) ซึ่งกองทัพยูเครนบอกเมื่อ 1 เดือนก่อน ว่า "มีความสำคัญยิ่ง" สำหรับตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย

แม้จะมีความกังวลว่าอาวุธดังกล่าวอาจลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย แต่ในเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกาบอกว่า ทางยูเครนให้คำรับประกันว่าระบบจรวดนี้จะไม่ถูกใช้ในการโจมตีภายในรัสเซีย

ทว่า ไม่นานหลังจากสหรัฐฯ แถลงเกี่ยวกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า กองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซีย กำลังซ้อมรบในเมืองอิวาโนโว ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมอสโก ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์

'ปธ.สภาฯ รัสเซีย' แฉ!! สหรัฐฯ แบนน้ำมันรัสเซีย แต่กลับเดินหน้าซื้อน้ำมันเพิ่มเกือบเท่าตัว

สหรัฐฯ เผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ตลบตะแลง ด้วยการประกาศแบนน้ำมันรัสเซีย แต่ความจริงคือยังคงเดินหน้าซื้อเชื้อเพลิงของมอสโกในปริมาณมาก จากการเปิดเผยของ ยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย (สภาดูมา) เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

วอชิงตัน อ้างว่า ได้เคลื่อนไหวห้ามนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมบางส่วน ก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหิน ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโก ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน

"น้ำมันรัสเซียจะไม่เป็นที่ต้อนรับตามท่าเรือต่างๆ ของสหรัฐฯ อีกต่อไป" โจ ไบเดน ประธานาธิบดีอเมริกา ประกาศ ณ เวลานั้น แต่คำพูดไม่ได้มาพร้อมกับการกระทำ โวโลดิน เหน็บแนมผ่านข้อความที่โพสต์บนเทเลแกรมในวันพุธ (8 มิ.ย.)

ประธานรัฐสภารัสเซียเขียนต่อว่า "ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ามีการส่งมอบน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเดือนมีนาคม เปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ จาก 2,325 ล้านบาร์เรล เป็น 4,218 ล้านบาร์เรลตามลำดับ"

"แม้ประกาศแบน แต่ประเทศของเราขยับขึ้นจากที่ 9 สู่ลำดับ 6 ในอันดับประเทศที่ส่งน้ำมันป้อนแก่สหรัฐฯ มากที่สุด" เขากล่าว

โวโลดิน เน้นย้ำข้อเท็จจริงที่ว่าในเดือนดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่วอชิงตันกำลังกดดันให้อียูละทิ้งน้ำมันรัสเซีย และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ "ชัดเจนว่ามันเป็นสัญญาณของ 2 มาตรฐาน" เขาระบุ "ตอนนี้ ปล่อยให้พวกนักการเมืองและข้าราชการในยุโรปอธิบายประชาชนของพวกเขาเองว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องอดทนกับการขึ้นราคาของไบเดน"

ความเห็นดังกล่าวเป็นการพาดพิงถึงประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่พยายามเชื่อมโยงภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ราคาก๊าซและอาหารที่พุ่งทะยาน กับปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยให้คำจำกัดความมันว่า "การขึ้นราคาของปูติน"

'ไบเดน' จ่ออัดฉีดงบทหารให้ยูเครน 1 พันล้านยูเอส หวังต้านรัสเซียเผด็จศึกยูเครนตะวันออกเต็มที่

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ทุ่มสุดตัว เตรียมจัดงบประมาณด้านการทหารเพิ่มให้กับยูเครนอีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อฟาดกับกองทัพรัสเซียที่บุกหนักในแคว้นดอนบาสทางฝั่งตะวันออกของยูเครน และเป็นงบอัดฉีดก้อนใหญ่ที่สุดที่เท่าสหรัฐฯ เคยส่งให้ยูเครนในคราวเดียวนับตั้งแต่วันที่รัสเซียยกพลบุกยูเครนเป็นต้นมา

สำหรับงบประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐนี้ จะถูกนำมาจัดเตรียมอาวุธล้ำสมัยชุดใหญ่ ทั้ง ขีปนาวุธต้านเรือรบ, ปืนใหญ่วิถีโค้ง, ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง (HIMARS) ที่ทาง โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนได้ร้องขอมา โดยกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งคนเข้าไปทำการฝึกการใช้อาวุธเหล่านี้ให้กับฝ่ายกองกำลังยูเครนเรียบร้อยแล้ว 

และนอกเหนือจากแพ็คเกจอาวุธยุทโธปกรณ์พันล้านแล้ว โจ ไบเดน ยังเบิกงบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับยูเครนอีก 225 ล้านเหรียญเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม ยา ที่พักพิง และกองทุนชดเชยให้กับชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบครั้งนี้ ซึ่ง โจ ไบเดน ก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐฯ จะอยู่เคียงข้างชาวยูเครนที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าสงสารจากสงครามในบ้านของพวกเขา 

ในขณะที่ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังได้กำชับในที่ประชุม ชาติพันธมิตรในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าให้ชาติพันธมิตรตะวันตกกว่า 45 ชาติต้องช่วยกันส่งอาวุธไปสนับสนุนกองทัพยูเครน และต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยกันต้านกองกำลังรัสเซียอย่างเต็มที่ โดยรัฐมนตรี ออสติน กล่าวย้ำว่า ศึกครั้งนี้เดิมพันสูงมาก และฝ่ายเราจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด

‘ผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนี-อิตาลี’ ดอดพบเซเลนสกี้ กล่อม ‘ยูเครน’ ให้อ่อนข้อต่อ ‘รัสเชีย’ จริงหรือ?

เฟซบุ๊กเพจ ‘Pat Sangtum’ โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘OVERNIGHT TRAIN TO KIEV’ ระบุว่า…

เมื่อผู้นำอิตาลี เยอรมนี และฝรั่งเศส นั่งรถไฟจากโปแลนด์ขบวนข้ามคืนเข้ายูเครน เพื่อไปเยี่ยม เซเลนสกี้ ที่กรุงคีฟ

เดากันว่า ผู้นำ 3 ท่านนี้ ไปเกลี้ยกล่อมให้เซเลนสกี้ เจรจากับปูติน 

อย่าเชื่อมาก!! 

เพราะข่าวต่าง ๆ จากการประชุม อ้างถึงคำพูดโอ้อวดและป้ายความเลวให้รัสเชียทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฆ่าหมูชาวยูเครน หรือยุทธการของรัสเชียที่อ่อนแอ หรือกองทัพรัสเชียสูญเสียทหารและอาวุธจำนวนมาก

แต่บทสรุปจะออกมาเป็นเช่นไร ก็ยังไม่ทราบได้ หากอ้างถึงคำถามจาก ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ผู้นำอิตาลี ว่า “ชัยขนะของยูเครน” มีนิยามว่าอย่างไร ชัยชนะทางทหารที่เซเลนสกี้ต้องการ คือ ชนะระดับไหน

อย่างไรเสีย ชาวยุโรปในประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินเฟ้อ และความขาดแคลนทั้งน้ำมัน และสินค้าอุปโภคบริโภค เริ่มออกมาบอก EU และผู้นำยูเครนว่า รัสเชียต้องการอะไร ให้สนองตอบให้เร็วที่สุด

แบรนด์แทนที่ ‘แมคโดนัลด์’ ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์วันเดียวทะลุ 1.2 แสนชิ้น

Vkusno & Tochka อดีตร้าน ‘แมคโดนัลด์’ ซึ่งเป็นชื่อใหม่และโลโก้ใหม่ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์ได้มากกว่า 120,000 ชิ้นในวันเปิดตัวในกรุงมอสโก ทุบทุกสถิติที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้าที่เครือข่ายฟาสต์ฟู้ดดังสัญชาติสหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากประเทศแห่งนี้ ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน

แม้ ‘บิ๊กแมค’ และ ‘แมคเฟลอร์รี’ ถูกถอดออกจากเมนูของสาขาต่าง ๆ ของ Vkusno & Tochka แต่ด้วยยอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าตื่นตะลึงในวันเปิดทำการ ทำให้กลุ่มผู้บริหารของบริษัทต้องวางเป้าหมายการเติบโตที่สูงต่อในทันที

“ปัจจุบันประชาชนแห่เข้าไปยังร้าน Vkusno & Tochka ที่ต้อนรับลูกค้าด้วยโลโก้ใหม่ เฉดสีใหม่และกระดาษห่อใหม่ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์แมคโดนัลด์ โดยวันแรก เราสามารถขายเบอร์เกอร์ได้เกือบ 120,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นจากยอดขายรายวัน ตลอดช่วงเวลาที่แมคโดนัลด์เปิดบริการในรัสเซีย” โอเลค ปาโรเยฟ ผู้จัดการใหญ่ของกิจการใหม่แห่งนี้เปิดเผย

สำหรับ แมคโดนัลด์ส คอร์ป ได้ถอนตัวออกจากรัสเซียโดยสมบูรณ์ พร้อมขายสาขาทั้งหมดที่พวกเขาเป็นเจ้าของแก่ผู้ถือใบอนุญาตท้องถิ่นอย่าง นายอเล็กซานเดอร์ โกเวอร์ (Alexander Gover) นักธุรกิจชาวรัสเซีย ในเดือนพฤษภาคม และเจ้าของกิจการใหม่ได้กลับมาเปิดร้านราว ๆ 50 สาขา ในวันที่ (12 มิ.ย. และ 13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อภาษารัสเซียว่า Vkusno & Tochka (มีความหมายรวมๆ อร่อยและถูกใจ) ภายใต้สโลแกน ‘ชื่อเปลี่ยนไปแต่หัวใจเหมือนเดิม’ (The name changes, love stays)

ทั้งนี้ โกเวอร์ ยังตั้งเป้าขายสาขาให้ถึงระดับ 1,000 สาขาภายใน 4 ถึง 5 ปีข้างหน้า โดยครั้งอยู่ภายใต้แบรนด์เก่า แมคโดนัลด์มีสาขาอยู่ในรัสเซียราวๆ 850 สาขาเท่านั้น

ส.ส.หัวเสรีนิยมจากพรรคเดโมแครตโดนถล่มเละ หลังเรียกร้องยุติสงครามยูเครนด้วยการเจรจา

รอยเตอร์ส - เมื่อ (25 ต.ค.) ที่ผ่านมากลุ่มส.ส.หัวเสรีนิยมจากพรรคเดโมแครต ตัดสินใจถอนหนังสือฉบับหนึ่งที่ส่งถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้หาทางคลี่คลายวิกฤตสงครามในยูเครนด้วยการเจรจา หลังจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนในพรรคของพวกเขาเอง

พรามิลา จายาปาล ส.ส.จากพรรคเดโมเครต ประธานกลุ่ม ส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ (Congressional Progressive Caucus) กล่าวว่า "ทางกลุ่มได้ถอนหนังสือในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน ที่ส่งถึงทำเนียบขาวเมื่อเร็ว ๆ นี้" พร้อมระบุว่า "หนังสือฉบับนี้ร่างไว้ตั้งแต่หลายเดือนก่อน เคราะห์ร้ายที่มันถูกเผยแพร่โดยเจ้าหน้าที่โดยไม่ผ่านการตรวจสอบ"

หนังสือฉบับนี้ที่ลงนามโดยสมาชิกหัวก้าวหน้า 30 คน ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) และทำให้ส.ส.ของพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนถูกเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว ราว 2 สัปดาห์ ก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาคองเกสไว้ได้หรือไม่

ขณะเดียวกันหนังสือฉบับนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ในช่วงเวลาที่สมาชิกรีพับลิกันก็มีเรื่องให้กังวลเช่นกัน หลังมีข่าวว่าทางพรรคอาจปรับลดเงินช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรม ที่มอบให้แก่ยูเครนนับตั้งแต่ถูกรัสเซียเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมันก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

หลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก สมาชิกของกลุ่มส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสหลายคน เผยแพร่ถ้อยแถลงแสดงจุดยืนสนุบสนุนยูเครน เน้นย้ำว่าที่ผ่านมา พวกเขาก็ให้ความร่วมมือกับสมาชิกเดโมแครตคนอื่นๆ ในการลงมติเห็นชอบมอบเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ยูเครน

บางส่วนในนั้นอ้างว่าพวกเขาลงนามในหนังสือดังกล่าวตั้งแต่หลายเดือนก่อน และตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว 

"จังหวะเวลาของการเจรจาคือทุก ๆ อย่าง ฉันลงนามในหนังสือนี้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน แต่หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่นั้น ถ้าเป็นวันนี้ ฉันจะไม่ลงนามมัน" ส.ส.ซารา จาค็อบส เขียนบนทวิเตอร์

ส.ส.เจมี ราสคิน ซึ่งลงนามในหนังสือดังกล่าวเช่นกัน ระบุในถ้อยแถลงว่า เขารู้สึกยินดีที่ได้ทราบว่ามันถูกถอนออกมาแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top