Friday, 3 May 2024
สงครามยูเครนรัสเซีย

'ศาลโลก' ตัดสิน!! ให้รัสเซียหยุดโจมตียูเครนทันที แต่จะหยุดหรือไม่ 'ศาล' ก็ไม่มีอำนาจในการบังคับ

วานนี้ (16 มี.ค.65) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ซึ่งเป็นองค์กรด้านตุลาการของสหประชาชาติ หรือ UN ได้มีคำตัดสินให้รัสเซียหยุดการโจมตียูเครนโดยทันที

สำหรับคณะผู้พิพากษาชุดปัจจุบัน มีจำนวน 15 คน ประกอบด้วยผู้พิพากษาจากสหรัฐฯ รัสเซีย สโลวาเกีย ฝรั่งเศส โมร็อกโก บราซิล โซมาเลีย จีน ยูกันดา อินเดีย จาเมกา เลบานอน ญี่ปุ่น เยอรมนี และออสเตรเลีย โดย 2 เสียงที่โหวตไม่เห็นด้วยก็คือผู้พากษาจากรัสเซียและจีน

คำตัดสินดังกล่าว กำหนดให้มีมาตรการชั่วคราว คือ สั่งให้รัสเซียระงับปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ไม่ให้กองกำลังของรัสเซียดำเนินการทางทหารต่อไป และห้ามไม่ให้รัสเซียดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น

‘เซเลนสกี’ จะขอปราศรัยต่อรัฐสภาญี่ปุ่น คาดขอใช้ภาพถ่ายดาวเทียมช่วยต้านรัสเซีย

ยูเครนร้องขอใช้ภาพถ่ายดาวเทียมของญี่ปุ่นเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย และประธานาธิบดีจะขอกล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมใหญ่รัฐสภาญี่ปุ่น เพื่อเรียกร้องการสนับสนุน

รัฐบาลยูเครนได้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ขอให้นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ปราศรัยต่อรัฐสภาญี่ปุ่นผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เพื่อขอการสนับสนุนยูเครนจากนานาชาติ หลังจากเขาได้ปราศรัยต่อรัฐสภาของสหรัฐฯ และหลายชาติยุโรปมาแล้วรัฐบาลญี่ปุ่นมีท่าทีตอบรับข้อเสนอของยูเครน คณะกรรมาธิการกิจการรัฐสภาจากทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังดำเนินการเพื่อจัดเตรียมระบบออนไลน์ โดยแทบจะไม่เคยมีผู้นำต่างชาติที่ได้ปราศรัยต่อที่ประชุมใหญ่รัฐสภาญี่ปุ่น

คาดว่าเรื่องสำคัญที่ผู้นำยูเครนจะร้องขอต่อญี่ปุ่น คือ ขอใช้ภาพถ่ายความละเอียดสูงจากดาวเทียมญี่ปุ่น เพื่อจับตาความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย

ญี่ปุ่นมีดาวเทียมหลายดวงที่ใช้เทคโนโลยี synthetic aperture radar (SAR) สามารถจับภาพได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน ในทุกสภาพอากาศ และยังจับภาพได้แม้มีสิ่งบดบังในชั้นบรรยากาศ ดาวเทียมเหล่านี้มีทั้งที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐและเอกชนญี่ปุ่น หน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง คือ สำนักงานสำรวจอวกาศแห่งญี่ปุ่น หรือ จั๊กซา

Sberbank​ แบงก์ยักษ์รัสเซีย​ ออกสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง คาด!! เชื่อมโยงกับระบบการเงินจีนได้

Sberbank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียได้ประกาศอนุมัติการออกสินทรัพย์ดิจิทัลทางการเงิน (Digital Financial Assets) บน Blockchain เป็นของตัวเองภายใน 1 เดือนต่อจากนี้ โดยจะใช้เทคฯ แบบ Defi มาผสมผสานบางส่วน และคาดว่าระบบเหล่านี้จะมีการเชื่อมโยงกับจีน ซึ่งอาจจะได้เห็นอย่างรวดเร็วต่อจากนี้

กระแส "โหดจัดรัสเซีย" ยังคงมีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว !! หลังจากล่าสุด Sberbank ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ได้ประกาศอนุมัติการออกสินทรัพย์ดิจิทัลทางการเงินหรือ (Digital Financial Assets : DFAs) ที่รันผ่านระบบ Blockchain เป็นของตัวเองแล้ว !! ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่มาก ซึ่งทาง World Maker สรุปรายละเอียดสำคัญไว้ดังนี้... 

1.) DFA ที่ออกบนแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล (digital assets platform) ของ Sberbank นั้นจะถูกบันทึกและเผยแพร่ผ่านระบบข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (distributed ledger technology) ซึ่งถือเป็นการรับรองความปลอดภัยของข้อมูลและทำให้ข้อมูลไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้

2.) โดยทาง Sberbank จะใช้ DFAs นี้ในการทำธุรกรรมใหม่ รวมถึงการระดมทุนเข้าประเทศ และแน่นอนว่าจะมีการขยายระบบไปสู่ภาคธนาคารของรัสเซียหลายแห่งในอนาคต

3.) แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ จะเป็นไปตามข้อกฎหมายที่รัฐบาลรัสเซียรองรับแบบ 100% หรือพูดง่ายๆ คือ​ รัฐบาลรัสเซียตั้งใจสร้างระบบการชำระเงินใหม่ขึ้นมานั่นเอง

ไทยเกือบเหมือน 'ยูเครน' หากไร้ 'ปราชญ์แห่งสยาม' พลิกเกม!! หลังพลาดตามก้นเมกา ปล่อยตั้งฐานทัพบินถลาถล่มเพื่อนบ้าน

เป็นที่รู้กันว่า เหตุที่ยูเครนถูกรัสเซียถล่มในตอนนี้ ก็เพราะหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในสมัยประธานาธิบดี มิคาอิล กอร์บาชอฟ แตกเป็นรัฐเล็กๆ ถึง ๑๕ รัฐ หลายรัฐได้หันเข้าไปหาชาติตะวันตก หวังจะให้ช่วยคุ้มกัน ยอมร่วมสนธิสัญญานาโต้ จึงค่อยๆ ขยายตัวโอบล้อมรัสเซียเข้ามา จนกระทั่งยูเครนที่รัสเซียหวังให้เป็นกันชน เมื่อประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่มาจากคนดังแต่ยังอ่อนประสบการณ์ทางด้านการเมือง ก็จะเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ด้วย รัสเซียจึงยอมไม่ได้ที่จะให้นาโต้ที่ตั้งขึ้นมาก็เพื่อจะเล่นงานรัสเซียโดยเฉพาะ เอาอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาตั้งจ่อคอ

ไทยเราก็เกือบเหมือนยูเครน เมื่อรัฐบาลยุคหนึ่งใช้นโยบาย “ตามก้นอเมริกา” ส่งทหารไปร่วมรบในเวียดนามแล้ว ยังยอมให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพที่อู่ตะเภา, อุดรธานี, นครพนม, อุบล, โคราช, ตาคลี รวมทั้งดอนเมือง ส่งเครื่องบินรบทรงอานุภาพที่สุดเท่าที่มี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามเหนือและลาว สัปดาห์ละ ๘๗๕-๑,๕๐๐ เที่ยว เครื่องบินทิ้งระเบิด B-๕๒ เที่ยวหนึ่งขนได้ ๓๒ ตัน รบกันถึง ๑๙ ปี ๖ เดือน ไม่รู้ว่าถล่มระเบิดไปกี่ล้านตัน แต่ก็แพ้ ต้องถอนทหารกลับไป

แต่เมื่อสหรัฐต้องถอนทหารออกจากเวียดนามใต้ในเดือนเมษายน ๒๕๑๘ ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๓ คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้เป็นปราชญ์ที่ลึกซึ้งทั้งประวัติศาสตร์และการเมือง ไม่ใช่มือใหม่หัดขับ อ่านสถานการณ์ได้ทะลุว่า ขืนล่มหัวจมท้ายกับอเมริกันต่อไปต้องถูกเวียดนามคิดบัญชีแน่

ในการแถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๘ นายกรัฐมนตรีจึงประกาศว่าปรารถนาจะสถาปนาการทูตระหว่างไทยจีนขึ้นใหม่ เป็นการส่งสัญญาณไปถึงจีนก่อน

ต่อจากนั้นในวันที่ ๓๐ มิถุนายน นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็บินเงียบฝ่ากฎหมายป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ไปพบผู้นำจีน ซึ่งทำให้โลกเสรีต้องตกตะลึง

การต้อนรับคณะนายกรัฐมนตรีไทยนั้น เป็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์อย่างที่จีนไม่เคยต้อนรับใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจหรือมุขบุรุษของประเทศใด นอกจากได้เข้าพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโจวเอนไล และรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิงแล้ว ประธานเหมาเจ๋อตุงในวัยชรา ยังเพิ่มรายการพิเศษแหวกคิวกะทันหันให้ไปพบขณะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และคุยกันอย่างเป็นกันเองเป็นเวลายาวนาน ซึ่ง สละ ลิขิตกุล นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ผู้ติดตามคึกฤทธิ์บันทึกไว้ว่า

"ถึงใจพระเดชพระคุณ" อย่างผู้ใหญ่พูดกับลูกกับหลาน ถาม พล.ต.ชาติชายว่า “ไอ้หนูนี่เคยมาเมืองจีนแล้วไม่ใช่หรือ” ส่วน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็เรียก “ไอ้หนู” เหมือนกัน เข้ามากอดและตบบ่า เป็นการทูตแบบตะวันออกที่ตะวันตกไม่มีทางเข้าใจ
ก่อนหน้าที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์จะพาทีมไปจีนนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญขึ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ไทยได้ประกาศเปลี่ยนนโยบาย

ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๘ หลังจากที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์แถลงนโยบายต่อสภาในวันที่ ๑๙ มีนาคม ก็เกิด “กรณีมายาเกซ” ขึ้น เมื่อเรือสินค้าของสหรัฐอเมริกาชื่อ มายาเกซ บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงจะมาท่าเรือสัตหีบ ขณะแล่นผ่านเข้าไปใกล้ชายฝั่งกัมพูชา ได้ถูกเรือปืนเขมรแดงยึดและจับลูกเรือเป็นประกัน สหรัฐจึงส่งนาวิกโยธินจำนวน ๑,๐๐๐ นายจากโอกินาวามายังฐานทัพอู่ตะเภา และเข้าไปชิงลูกเรือที่ถูกควบคุมอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งโดยมีเครื่องบินจากฐานทัพอุดรธานีและนครราชสีมาเข้าร่วม หลังจากรบกัน ๓ วันก็สามารถช่วยลูกเรือกลับมาได้ แต่ทหารสหรัฐเสียชีวิตไป ๔๐ คนและสูญหายไปอีกจำนวนหนึ่ง

เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วโลก รัฐบาลไทยเห็นว่าสหรัฐใช้ดินแดนไทยไปปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ จึงได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ ประท้วงอย่างเป็นทางการต่อการกระทำของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐถอนกำลังกลุ่มนี้ออกไปทันที

ต่อมาในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีต่างประเทศ ยังได้เชิญอุปทูตสหรัฐมาพบ เพื่อแจ้งอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลไทยจะทบทวนความร่วมมือและข้อผูกพันระหว่างไทยกับสหรัฐทั้งหมด และในวันเดียวกันก็มีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันเดินทางกลับกรุงเทพฯ แสดงความไม่พอใจในการกระทำในครั้งนี้

'ผู้นำยูเครน' แฉ!! 'นาโต' ไม่มีวันรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก แต่บอกกล่าวในที่สาธารณะว่า 'ประตูจะยังคงเปิดอยู่'

นาโต (NATO) ปฏิเสธที่จะยอมรับยูเครนเมื่อมีการพูดคุยกันในที่ส่วนตัว แต่ในที่สาธารณะยังคงแสดงท่าทีว่ามีโอกาสดังกล่าว ประธานาธิบดีของประเทศยูเครนให้สัมภาษณ์กับ CNN

มูลเหตุสำคัญที่ทำให้รัสเซียต้องรุกรานยูเครนก็เพื่อหยุดยั้งการแสวงหาสมาชิกขององค์การนาโตเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก หรือแนวทาง "มุ่งตะวันออก" ซึ่งในที่สุดนาโตก็ขยับมาถึงยูเครนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านประชิดพรมแดนรัสเซียและมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียอย่างมากในทางการเมืองและวัฒนธรรม

ขณะที่ผู้นำยูเครนก็แสดงท่าทีต้องการเป็นสมาชิกนาโต โดยมีคำเตือนจากรัสเซียไม่ให้ยูเครนและนาโตกระทำการดังกล่าว จนในที่สุดรัสเซียก็ส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนด้วยข้ออ้างว่า "เพื่อทำให้ยูเครนปลอดจากกองทัพ" ซึ่งเชื่อได้ว่าหมายถึงการทำให้ยูเครนไม่กลายเป็นฐานที่มั่นทางทหารเหมือนสมาชิกนาโตอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก เพราะเป็นการเผชิญหน้าและคุกคามรัสเซียโดยตรง

ส่องความพ่ายแพ้ราบคาบของ 'รัสเซีย' ในสงครามข่าวสาร ใต้ 'เสรีภาพ-ความเป็นกลางของสื่อ' ที่ไม่มีอยู่ในโลก

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า... 

สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ยังยืดเยื้อ ไม่จบลงง่ายๆ ซึ่งความจริงประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky แห่งยูเครน มีทางเลือกที่จะยุติสงครามได้ง่ายๆ หยุดการสูญเสีย หยุดความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่เขาเลือกที่จะให้สงครามดำเนินต่อไป ภายใต้การสนับสนุนทุกทางจากสหรัฐอเมริกา และชาติอื่นๆ ใน NATO ขาดอยู่อย่างเดียวคือ ยังไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครนเท่านั้น

สงครามครั้งนี้ทำให้เห็นสัจธรรมข้อหนึ่งคือ... 

“เสรีภาพของสื่อ และความเป็นกลางของสื่อ ไม่มีในโลก”

สำนักข่าวที่รายงานข่าวที่ทำให้ รัสเซียและประธานาธิบดี Vladimir Putin ไม่ดูเป็นผู้ร้าย ล้วนถูกแบนออกจาก Platforms ต่างๆ ที่เป็นของสหรัฐอเมริกา ทั้ง Facebook และ YouTube คลิปต่างๆ ที่เป็นการวิเคราะห์วิจารณ์สงครามครั้งนี้ หากเป็นคลิปที่เห็นอกเห็นใจรัสเซีย ก็จะถูกลบออกไปเป็นส่วนใหญ่

การทำสงครามข่าวสาร และสงครามจิตวิทยา ดูเหมือนว่าฝ่ายยูเครนจะชนะรัสเซีย อาจเป็นเพราะประธานาธิบดี Zelensky ถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว และฝ่าย Zelensky มีสำนักข่าวยักษ์ใหญ่จากตะวันตกสนับสนุน แต่บางครั้งฝ่ายตะวันตกก็เสียหน้าเมื่อนำข่าวที่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่าเป็นจริง หรือกระทั่งตั้งใจนำข่าวที่ไม่เป็นจริงมานำเสนอ

กรณีที่น่าสนใจมากคือกรณี Snake Island ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งของยูเครน อยู่ในทะเลดำ 

เรื่องมีอยู่ว่า BBC และ CNN และยังมีสำนักข่าวฝ่ายตะวันตกอื่นๆ รายงานว่า ที่ Snake Island นี้ มีทหารยูเครนอยู่ 13 นายในข่าวได้เปิดคลิปเสียงที่เป็นประกาศจากเรือรบของรัสเซีย ให้ทหารทั้ง 13 นายวางอาวุธ มิฉะนั้นเรือรบจะเริ่มโจมตี 

Petro Poroshenko อดีตประธานาธิบดียูเครน ต้นเหตุความขัดแย้งกับหมีขาว สู่ความพินาศของยูเครน 

ไม่นานมานี้ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกี้แห่งยูเครน หรือก็คือ นาย Alexey Arestovich ได้ออกมาเปิดเผยว่า... 

หนึ่งในต้นเหตุที่สร้างความฉิบหายให้ยูเครน และความขัดแย้งกับรัสเซีย คือนาย Petro Poroshenko (เปโดร โปโรเชนโก้) อดีตประธานาธิบดียูเครนที่ได้มีการกำหนดในรัฐธรรมนูญให้ยูเครนมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าเป็นสมาชิกของนาโตในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019

ทั้งนายโปโรเชนโก้ กับนายเซเลนสกี้ มีเชื้อสายยิวทั้งคู่ เป็นเด็กของสหรัฐฯ ที่ถูกวางตัวในอำนาจ เพื่อที่จะให้ดำเนินนโยบายนำพายูเครนออกจากอิทธิพลของรัสเซีย ไปเข้าพวกกับสหภาพยุโรป กับนาโตที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ

'ไบเดน' เชื่อ!! 'ผู้นำรัสเซีย' กำลังหลังชนฝา จนอาจอ้างใช้อาวุธชีวภาพกับยูเครน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า “แน่ชัดแล้ว” ว่ารัสเซียกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพกับยูเครน พร้อมเตือนว่า หากรัสเซียทำจริง จะเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ปราศรัยต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในกรุงวอชิงตัน ดีซี ว่า ตอนนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย “กำลังหลังชนกำแพง” พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียว่า สหรัฐฯ ครอบครองอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน

ไบเดนมองว่า ข้อกล่าวหาของปูติน แสดงให้เห็นว่า “ปูตินกำลังพิจารณาใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในยูเครน” ดังนั้น สหรัฐฯ ควรจับตาว่ารัสเซียจะใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้จริงหรือไม่ หรือจัดฉากเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธเหล่านี้ พร้อมเตือนว่า ถ้ารัสเซียกระทำจริง จะเผชิญกับการตอบโต้อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก
 

'อีลอน มัสก์'​ หน้าซีด!! สหรัฐฯ​ จ่อแบนยักษ์อะลูมิเนียมแห่งรัสเซีย อาจทำให้​ 'Tesla-SpaceX'​ ไม่มีวัตถุดิบในการผลิตครั้งใหญ่

แม้​ภาพเบื้องหน้าในตอนนี้ของ​ อีลอน มัสก์ จะดูสง่ายิ่งในสายตาชาวโลกผู้รักสงบ​ ด้วยการแสดงจุดยืนชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลยูเครน​ และเทไปทางด้านรัสเซีย พร้อมทั้งสนับสนุนให้ดาวเทียม Starlink แก่ยูเครนไว้ยืมใช้​ เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณสื่อสาร อีกทั้งยังถึงขั้นท้าต่อยกับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียตัวต่อตัว จนได้รับเสียงชื่นชมจากชาวยูเครนจำนวนมาก

แต่ทว่า หลังบ้านโรงงานรถยนต์ Tesla กลับกำลังเผชิญกับปัญหาหนัก เมื่อสื่อ CNBC ได้เปิดเผยหลักฐานข้อมูลใบสั่งซื้อวัตถุดิบป้อนโรงงาน Tesla ในเยอรมนีนั้น มีการสั่งซื้ออะลูมิเนียมจาก Rusal ซัพพลายเออร์อะลูมิเนียมเจ้าใหญ่ของรัสเซียในมูลค่าหลายล้านยูโร 

โดยอะลูมิเนียมจากรัสเซียนี้ ถูกนำมาหล่อเป็นชิ้นส่วนประกอบ และตัวถังรถยนต์ของ Tesla โดยเฉพาะ Tesla Model Y รุ่นล่าสุดที่ประกอบในโรงงานที่เมืองแบรนเดนเบิร์ก ในเยอรมนี 

Rusal ตัวแทนจำหน่ายอะลูมิเนียมยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ก่อตั้งโดย นาย Oleg Deripaska อภิมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลของรัสเซีย และเคยได้ชื่อว่าเป็นซัพพลายเออร์จัดส่งอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดของโลกมาแล้ว ก่อนที่จะถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตรในปี 2018 ด้วยข้อหาแทรกแซง และสอดแนมกิจการภายในของรัฐบาลสหรัฐฯ

ทั้งนี้​ นาย Oleg Deripaska ถูกปลดล็อกจากการคว่ำบาตรได้ในสมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2020 หรือปีเดียวกับที่อีลอน มัสก์ เปิดดีลสั่งซื้ออะลูมิเนียมจาก Rusal ของนาย Oleg Deripaska ซึ่งจริงๆ​ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด เพราะโรงงานผลิตรถยนต์ระดับโลกล้วนนำเข้าอะลูมิเนียมจากรัสเซียแทบทั้งสิ้น
 

'เฮคตอร์ เบเยริน' นักฟุตบอลชาวสเปน แสดงความเห็น 'สังคมให้ความสนใจสงครามไม่เท่าเทียม'

เสียงอีกด้านที่หลุดผ่านกระแสสังคมโลกในปัจจุบันจาก 'เฮคตอร์ เบเยริน' นักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน ซึ่งปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับสโมสรเรอัลเบติส ด้วยการยืมตัวมาจาก 'อาร์เซนอล' 

มันน่าแปลกที่เราสนใจสงครามในยูเครนมากกว่าที่อื่นๆ 

สงครามในปาเลสไตน์เงียบไปเลย ในเยเมนและอิรักก็ด้วย 

มันแสดงให้เห็นถึงการเห็นอกเห็นใจอย่างไม่เท่าเทียม ถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ที่เกิดจากความขัดแย้ง ซึ่งมีอยู่มากมายกระจายไปทั่วโลก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top