Friday, 3 May 2024
สงครามยูเครนรัสเซีย

ความหน้าด้านของตะวันตก เมื่อ 'ผู้นำอังกฤษ' กดดัน 'อินเดีย' ต้านรัสเซีย แต่เมื่อถูกทวงคำขอโทษสังหารหมู่ 'จลิยานวาลาบาค' กลับเพิกเฉย

'ครูแพท-พัฒนพงศ์ แสงธรรม' อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ (ภาควิชาภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ความหน้าด้านของตะวันตก ท้้งเยอรมนี, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่มนุษยชาติจะได้จดจำไปตลอดกาล เป็นการยืนยันความเห็นแก่ตัวและกักขฬะที่ไม่ได้ต่างจากสัตว์ที่ชัดเจนที่สุดในประวัติศาสตร์

อินเดียซึ่งนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก งดออกเสียงในการลงคะแนนเสียงของสหประชาชาติที่ประณามรัสเซียสำหรับการบุกรุกยูเครน และไม่ได้ร่วมมือกับชาติตะวันตกในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งแม้ว่าอินเดียจะใกล้ชิดกับตะวันตกมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังต้องพึ่งพาอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากจากรัสเซีย ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีนและปากีสถาน

บอริส จอห์ฺนสัน ไปเยือนอินเดีย เพื่อพูดคุยเรื่องการให้อินเดียงดซื้อพลังงานจากรัสเซีย และคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่สหรัฐฯ ได้พยายามมาแล้ว และยังกดดันอินเดียตลอดมา

อินเดียจึงทวงคำขอโทษจากอังกฤษสำหรับเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่จลิยานวาลาบาคเมื่อกว่า 100 ปีก่อนอีกครั้ง เพราะตลอดมาอังกฤษเพิกเฉย

ฟากตะวันตก รับ!! โอกาสรัสเซียชนะสงครามมีสูง ส่วนยูเครนยังเชื่อคว้าชัยชนะเหนือรัสเซียในไม่ช้า

ขณะที่รัสเซียหันไปโจมตีทางตะวันออกในภูมิภาคดอนบัส แต่เสียงจากฟากตะวันตกเริ่มหวั่นๆ ว่ารัสเซียมีโอกาสชนะสงครามมากกว่ายูเครน

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตะวันตกหลายคนและการประเมินด้านข่าวกรองของตะวันตกมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า รัสเซียมีโอกาสชนะสงครามในยูเครน ซึ่งอาจลากยาวไปจนถึงปลายปีนี้มากกว่า และอาจควบคุมภูมิภาคดอนบัสได้อย่างเบ็ดเสร็จ แม้ว่าจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายและต้องเผชิญอุปสรรคในช่วงแรกก็ตาม

นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า ยุทธวิธีของรัสเซียในการบุกฝั่งตะวันออกของยูเครนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นซึ่งอาจนำมาสู่การหวนกลับมาโจมตีเคียฟและโอเดสซาครั้งใหม่

ปูตินล้มเหลวอย่างชัดเจนในการบรรลุวัตถุประสงค์แรกของเขา แต่ยังอยู่ในตำแหน่งที่จะชนะ” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผย

เจ้าหน้าที่อีกรายหนึ่งเผยว่า “นั่นนำไปสู่การปรับปรุงการปฏิบัติการ แต่รัสเซียไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด พวกเขายังคงปฏิบัติการแบบเป็นขบวนยาวๆ บนถนนเส้นเดียวและทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง ดังนั้นแม้เราเห็นการปรับปรุงบางอย่าง แต่ก็ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบยกเครื่องทั้งหมด”

The National รายงานว่า เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยว่า ตะวันตกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่ยาวนานซึ่งอาจลากยาวไปถึงปีหน้า “ตอนนี้เรากำลังเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนยูเครนให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ อย่างน้อยก็เกือบจะทั้งช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้นเราต้องวางแผนเตรียมรับมือสิ่งที่อาจเกิดขึ้น”

The National รายงานต่อว่า เมื่อถูกถามให้อธิบายถึงโอกาสชนะของรัสเซีย เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยกับ The National ว่า หากรัสเซียใช้กำลังพลอย่างชาญฉลาดก็สามารถเอาชนะยูเครนได้ “พวกเขาอาจปิดล้อมหรือทำลายกองกำลังที่ดีที่สุดของยูเครนได้มากมาย และยึดพื้นที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะยากต่อการยึดกลับคืนในภายหลัง”

เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าวอีกว่า “ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจหันกลับมามองอีกครั้งว่าจะกลับไปโจมตีเคียฟหรือยึดเมืองโอเดสซาเพื่อไม่ให้ยูเครนเข้าออกทะเลหรือไม่ ผมคิดว่าเป็นไปได้หากรัสเซียประสบความสำเร็จในดอนบัส...เป็นไปได้มากๆ”

ในเวลาต่อมาประธานาธิบดี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษเผยถึงการประเมินชัยชนะของรัสเซียนี้ระหว่างเดินทางเยือนอินเดียว่า เห็นด้วยกับการประเมินดังกล่าว

ปูตินมีกองทัพใหญ่ เขาตกที่นั่งลำบากทางการมืองเพราะทำพลาดอย่างร้ายแรง ทางเลือกเดียวที่เขามีอยู่ในตอนนี้คือ พยายามโจมตีอย่างหนักด้วยปืนใหญ่ พยายามบดขยี้ยูเครน เขาเกือบจะเชื่อมสองแผ่นดินเข้ากันสำเร็จที่มารีอูปอล สถานการณ์ตอนนี้คาดเดาไม่ได้ แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริง”

UK ผุด 'นาโตโลก' สร้างหลักประกันความปลอดภัย เหล่าชาติประชาธิปไตย ให้ปกป้องตนเองได้

“ระเบียบโลกที่สร้างขึ้นมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็น ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ดังนั้นตะวันตกจึงต้องการ ‘นาโตโลก’ เพื่อเสาะหาภูมิรัฐศาสตร์ใหม่” คำแถลงด้านนโยบายต่างประเทศครั้งสำคัญของ ‘ลิซ ทรัสส์’ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรเมื่อวันพุธ (27 เม.ย.) ที่หวังเร่งเร้าให้ชาติพันธมิตร ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา ส่งมอบอาวุธหนัก, รถถัง และเครื่องบินรบให้ยูเครนเพิ่มเติม และเตือนว่าอาจต้องปฏิบัติกับจีนแบบเดียวกับรัสเซีย หากว่าปักกิ่งไม่ยอมเล่นตามกฎ

“วิสัยทัศน์ของฉันคือโลกใบหนึ่งๆ ที่ประเทศเสรีทั้งหลายมีความแน่วแน่และมีอำนาจ โลกที่เสรีภาพและประชาธิปไตยถูกเสริมความเข้มแข็งผ่านเครือข่ายความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและความมั่นคง” ทรัสส์ กล่าวในลอนดอน

ทรัสส์ ให้คำจำกัดความความตกลงนี้ว่า ‘เครือข่ายแห่งเสรีภาพ’ พร้อมอ้างว่า “มันมีความจำเป็น เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทั้งหลายที่จัดตั้งขึ้นหลังปี 1945 อาทิ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้น ปัจจุบันเริ่มคดงอและบิดเบี้ยวไปแล้ว” เธอกล่าว

เธอกล่าวต่อว่า “ตะวันตกและพันธมิตรจำเป็นต้องร่วมกัน จัดหาอาวุธหนัก รถถังและเครื่องบิน มอบแด่ยูเครน ขุดคุ้ยคลังสำรองของเรา ยกระดับกำลังผลิต เพราะว่าเป้าหมาย คือ ผลักดันรัสเซียออกจากทุกตารางนิ้วของยูเครน และสร้างประเทศแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ตามกรอบของแผนมาร์แชล (แผนงานฟื้นฟูยุโรป)”

นอกเหนือจากนั้น ทรัสส์ ได้กล่าวต่อว่า ‘นาโต’ ต้องหาทางรับประกันว่าบรรดาชาติบอลข่าน และประเทศต่างๆ อย่าง มอลโดวา และ จอร์เจีย จะมีความยืดหยุ่นและมีศักยภาพธำรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยและเสรีภาพ และยึดมั่นนโยบายเปิดกว้าง

ขณะเดียวกัน ทรัสส์ ยังแสดงออกถึงความทะเยอทะยานไกลออกนอกยุโรป อีกว่า “ในโลกสมัยใหม่ เราต้องการ ‘นาโตโลก’ และเราจำเป็นต้องรับประกันว่าบรรดาประชาธิปไตยทั้งหลาย อย่างเช่นไต้หวัน จะสามารถป้องกันตนเองได้”

รัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ ยังได้ระบุถึงความพยายามคว่ำบาตรรัสเซียหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของสหราชอาณาจักร โดยบอกว่า “มันคือการตัดขาดไม่ให้รัสเซียเข้าถึงทางเศรษฐกิจอีกต่อไป มันจำเป็นต้องมีสิ่งตอบแทน และประเทศต่างๆ ที่ปรารถนาได้รับสิ่งตอบแทน พวกเขาจำเป็นต้องเล่นตามกฎ และในนั้นรวมถึงจีน”

'ไบเดน' ชงสภาคองเกรซ รีดงบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หนุนยูเครน 'เสริมอาวุธ - กู้ศก. - เยียวยามนุษยธรรม'

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กำลังดันเรื่องเข้าสู่สภาคองเกรซเพื่อของบด้านการทหารเพิ่มอีก 3.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) เพื่อทุ่มลงในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ซึ่งงบประมาณที่ไบเดนจะขอเพิ่มในส่วนนี้จะถูกใช้จัดหาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ส่งให้กับรัฐบาลยูเครนใช้ต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย รวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับยูเครน คาดว่าจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในสงครามยูเครนได้ถึงเดือนกันยายนปีนี้

โจ ไบเดน กล่าวว่า "พวกเราต้องการผลักดันกฎหมายสนับสนุนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของยูเครน แม้ค่าใช้จ่ายในสงครามมันไม่ถูก แต่การยอมแพ้นั้นราคาแพงกว่ามาก" 

106 - 200 - 202 'วินาที' ที่แม้แต่จะสวดมนต์ให้จบบท...ก็ยังยาก!!

106 วินาที ถึงเบอร์ลิน💥

200 วินาที ถึงปารีส💥

202 วินาที ถึงลอนดอน💥

นี่คือระยะเวลาที่ระเบิดนิวเคลียร์จากคาลินินกราด (รัสเซีย) จะเดินทางถึงเมืองหลวงของประเทศเป้าหมาย หากมันถูกยิงออกไปจริงๆ...

เมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ทีวีช่อง Russia 1 ได้แสดงภาพกราฟฟิกให้ผู้ชมเห็นว่า หากรัสเซียตัดสินใจยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไปยังประเทศที่ถูกระบุว่าให้การสนับสนุนอาวุธแก่ยูเครนอย่างชัดเจนได้แก่ อังกฤษ, เยอรมัน และฝรั่งเศส ขีปนาวุธต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไรจึงจะถึงเป้าหมายทั้ง 3 ประเทศ

รายการดังกล่าวเป็นการสนทนาระหว่าง Olga Skabeeva พิธีกรหญิงชื่อดังชาวรัสเซียผู้ถูกระบุว่าเป็นกระบอกเสียงคนสำคัญของปูตินกับ Alexei Zhuravlev รองประธานสภาดูม่าของรัสเซีย และ Yevgeny Popov พิธีกรร่วมอีกคนของรายการ

ในบทสนทนามีช่วงหนึ่งที่พิธีกรสาวนำเอาภาพกราฟฟิกประกอบการสนทนาแสดงถึงระยะเวลาการเดินทางของขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์จากฐานยิงในเมืองคาลินินกราด ดินแดนในปกครองของรัสเซียที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ไปยังเมืองใหญ่สามเมืองคือ เบอร์ลิน, ปารีส และลอนดอน

โดยในภาพประกอบมีตัวเลขระยะเวลาการเดินทางของขีปนาวุธไปยังเป้าหมายว่าต้องใช้เวลากี่วินาที

Skabeeva พูดว่า ..

ขีปนาวุธ Sarmat (ซาร์มัต) จะออกจากคาลินินกราดไปถึงเบอร์ลินใน 106 วินาที ไปถึงปารีสใน 200 วินาทีและไปถึงอังกฤษ (ลอนดอน) ใน 202 วินาที 

"ฉันอยากให้พวกเขานำภาพนี้ไปเผยแพร่ แล้วจดเอาไว้...คุณควรนับเวลาทุกวินาที แล้วก็กล่าวสวัสดี ทุกอย่างเดินทางมาถึงแล้ว..."

ส่วน Zhuravlev กล่าวว่า...

"ก่อนนี้เราทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป Rs-28 Sarmat ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่สหรัฐกลับบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว"

ส.ส.สหรัฐฯ เสนอให้อำนาจเด็ดขาด 'ไบเดน' ส่งทหารมะกันร่วมรบ ไม่ต้องสนนานาชาติ

อดัม คินซินเกอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (1 ..) ว่า จะหาทางยื่นญัตติเรื่องการให้อำนาจการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวแก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการอนุมัติใช้กำลังทหารหากรัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ

คินซินเกอร์ พยายามมาตลอดสำหรับผลักดันให้สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น และก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนมาตรการต่างๆ ที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่ามันอาจนำมาซึ่ง "สงครามโลกครั้งที่ 3"

ข้อเสนอของ คินซินเกอร์ จะให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับใช้กองทัพอเมริกาเข้าช่วยเหลือปกป้องและกอบกู้บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน ตอบโต้กรณีที่รัสเซียใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธนิวเคลียร์ บนแผ่นดินของยูเครน

ญัตตินี้จะให้อำนาจเด็ดขาดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการลงความเห็นว่าการรุกรานลักษณะดังกล่าวของรัสเซียเกิดขึ้นจริงแล้วหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสืบสวนใดๆ จากนานาชาติ แต่สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย ระบุว่ามันอาจก่อแรงจูงใจให้กองกำลังยูเครนจัดฉากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีหรืออาวุธชีวภาพ ในความหวังว่าจะลากสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้ง

รายงานข่าวระบุว่า ญัตตินี้จะทำงานเหมือนกับกฎหมาย "การอนุญาตให้ใช้กำลังทหาร หรือ AUMF" ยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่ต่ออายุการใช้ทุกปีมาตั้งแต่ปี 2001 โดยการอนุญาตนี้เคยมอบไฟเขียวทางกฎหมายให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติโจมตีมาแล้วหลายสิบประเทศ โดยไม่ต้องประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ในนั้นรวมถึงอัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย โซมาเลีย และเยเมน

"อย่างที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ เคยพูดว่า ปูตินต้องหยุด" ถ้อยแถลงจากสำนักงานของคินซินเกอร์ระบุ "ดังนั้น ผู้บัญชาการโดยตำแหน่งของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของโลกควรมีอำนาจและหนทางที่จะดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นตามนั้น"

คินซินเกอร์ สมาชิกรีพับลิกันที่มีความเห็นสอดคล้องกับเดโมแครตในประเด็นต่างๆ เกือบทั้งหมด เคยเรียกร้องอย่างเปิดเผยให้สหรัฐฯ เข้าร่วมกับความขัดแย้งนี้ โดยไม่กี่วันหลังจากกองกำลังรัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาเรียกร้องให้นาโต้บังคับใช้เขตห้ามบินเหนือประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวที่จะเห็นพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ทำหน้าที่สอยเครื่องบินรบรัสเซียและโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย

แม้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องบังคับใช้เขตห้ามบินเช่นกัน แต่ทาง ไบเดน ปฏิเสธ โดยบอกว่ามันจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซีย นอกจากนี้ คินซินเกอร์ ยังกดดันรัฐบาลไบเดน ให้เป็นผู้ส่งมอบเครื่องบินรบที่บริจาคโดยโปแลนด์แก่ยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยอ้างถึงความเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัสเซีย

'รัสเซีย' สับขาหลอก ตีเมือง Lviv ชายแดนตะวันตกของยูเครน คาดขู่ 'ชาติตะวันตก' หยุดหนุนส่งอาวุธผ่านช่องทางโปแลนด์

ข่าวคืบหน้าการใช้กำลังทหารของรัสเซียในยูเครนล่าสุด มีรายงานว่า ขีปนาวุธรัสเซีย ได้ยิงเข้าไปในเมือง Lviv (ลวีฟ) ทางภาคตะวันตกของยูเครนติดกับชายแดนโปแลนด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม (2022) ที่ผ่านมา

การโจมตีของรัสเซียด้านตะวันตก เกิดขึ้นหลังจากที่โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนได้ออกมาเตือนว่า รัสเซียมีแผนการที่จะปิดเกมในภูมิภาคดอนบาส ทางด้านตะวันออกติดกับชายแดนรัสเซียให้ได้ในเร็ววันนี้ เพื่อต้องการผนวกดินแดนนี้ทั้งผืนไปเป็นของรัสเซีย 

ในขณะเดียวกัน กองทัพรัสเซียก็ยังกดดันอย่างหนักที่โรงงานถลุงเหล็ก Azovstal Steel Plant ที่มั่นจุดสุดท้ายของกองกำลังยูเครนในเมืองมาริอูโปล ท่าเรือทางตอนใต้ของยูเครน 

แต่ขณะที่หลายคนกำลังจับตาการโจมตีของรัสเซียทางฝั่งตะวันออก และ ตอนใต้ของยูเครน กองทัพรัสเซียก็สร้างความประหลาดใจด้วยการโจมตีเมือง Lviv ทางด้านตะวันตกสุดของยูเครนในวันนี้ โดยสร้างความเสียหายให้แก่โรงงานผลิตไฟฟ้า 3 แห่ง และสถานีจ่ายน้ำประปาอีก 2 แห่ง ทำให้บางพื้นที่ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วถึง 7 ราย

ซึ่งเป้าหมายของการโจมตีเมือง Lviv นอกจากจะเป็นการโจมตีแบบสับขาหลอกแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงชาติตะวันตก ให้หยุดส่งอาวุธให้กับยูเครนผ่านช่องทางโปแลนด์ เนื่องจากจุดที่มีการยิงขีปนาวุธอยู่ห่างจากพรมแดนโปแลนด์เพียง 70 กิโลเมตรเท่านั้น

‘เซเลนสกี’ ชี้!! วิกฤติไม่เกิดหากได้ซบนาโต ยันยังพร้อมเจรจาหมี แต่ส่งซิกให้เบียร์แบนเพิ่ม

เซเลนสกี วีดีโอลิงก์แถลงต่อนักศึกษามหาวิทยาลัยดังในฝรั่งเศส เผย วิกฤตความขัดแย้งกับรัสเซียจะไม่เกิดขึ้น หากยูเครนเป็นสมาชิกของนาโตมาก่อนแล้ว แต่ยังพร้อมเจรจากับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี กดดันให้เยอรมนีเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย 

เมื่อ 11 พ.ค. 65 ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้แถลงต่อมหาวิทยาลัยของฝรั่งเศส University Sciences Po ว่า วิกฤตความขัดแย้งกับรัสเซียจะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ หากยูเครนเป็นสมาชิกของนาโตก่อน โดยเซเลนสกี กล่าวต่อนักศึกษาผ่านวิดีโอลิงก์ ว่า หากยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของนาโตมาก่อน จะไม่เกิดสงครามในครั้งนี้ แม้ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย จะกล่าวย้ำว่า ความเสี่ยงที่จะเห็นยูเครนเป็นสมาชิกของนาโต เป็นชนวนเหตุให้รัสเซียบุกยูเครน เมื่อกว่า 2 เดือนก่อนก็ตาม

เซเลนสกี กล่าวในแถลงอีกว่า เขาต้องการฟื้นฟูดินแดนของประเทศก่อนสิ้นสุดสงครามกับรัสเซีย พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เขายังคงเต็มใจที่จะเปิดการเจรจากับทางรัสเซีย

‘นายกฯ ผู้ดี’ โชว์พาว!! เซ็นข้อตกลง พร้อมส่งทหาร ปกป้องสวีเดน ฟินแลนด์ หากถูกรัสเซียรุกราน

หลังจาก ‘สวีเดน’ และ ‘ฟินแลนด์’ จ่อเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ ‘นาโต’ (NATO) ด้าน บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ได้เดินทางไปพบนาง แม็กดาเลนา แอนเดอร์สัน ผู้นำหญิงคนล่าสุดของสวีเดน เมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อเซ็นข้อตกลงด้านความมั่นคงร่วมกัน โดยสาระสำคัญอยู่ที่ ความพร้อมในการยกกองทัพมาช่วยสวีเดนทันที หากโดนรัสเซียรุกราน

บอริส จอห์นสัน กล่าวว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นการเสริมกำลังให้กับชาติในยุโรปเหนือจากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรายังคงอยู่ตลอดไป

ผู้นำอังกฤษ ยังกล่าวย้ำอีกว่า นี่ไม่ใช่ข้อตกลงแค่ชั่วคราว แต่จะเป็นความผูกพันด้านการทหารที่ยาวนาน และเมื่อใดก็ตามที่พันธมิตรของเราประสบภัยพิบัติ หรือถูกรุกรานโจมตี ขอเพียงแค่บอกมา อังกฤษพร้อมส่งกองทัพเข้าช่วยเหลือทันที

และไม่ใช่เพียงแค่สวีเดนเท่านั้น บอริส จอห์นสัน ยังเดินทางไปเยือนฟินแลนด์ และเซ็นข้อตกลงเช่นเดียวกันนี้กับฟินแลนด์ด้วย

ข้อตกลงร่วมนี้ เกิดขึ้นขณะที่ 2 ชาติในกลุ่มนอร์ดิกกำลังกังวลใจกับการรุกรานของรัสเซียในยูเครน และเคยได้กล่าวว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO หรือไม่ 

ซาอุฯ เหนือชั้น!! 'Aramco' บ.น้ำมันซาอุฯ รวยแรง!! แซงหน้า Apple หลัง 'วางตัวเป็น' ในสมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ไม่นานมานี้ Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่มีรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าของ ประกาศผลกำไรไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 80% โดยทำรายได้ 3.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำรายได้ไป 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

เหตุผลหลัก ก็มาจากอานิสงส์ของ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำสถิติราคาน้ำมันสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ด้วยราคา 139 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 บาร์เรล หลังชาติตะวันตกต่างพากันคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัสเซีย 

ขณะเดียวกัน ความต้องการน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้น หลังจากที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด Covid-19 และเปิดเมือง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตาม แต่ปริมาณน้ำมันที่ซื้อ-ขายในท้องตลาดกลับมีปริมาณลดลง 

นี่จึงเป็นโอกาสทองในการทำกำไรของ Aramco แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อวันมากที่สุดในโลก ซึ่งหากแยกตัวเลขผลกำไรเฉพาะแค่มีนาคม 65 เดือนเดียว Aramco มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 124% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมากันเลยทีเดียว

จากรายได้ที่พุ่งทะยานของ Aramco ในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้ Aramco กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าถึง 2.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แทนที่แชมป์เก่าอย่างบริษัท Apple ในปีนี้ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top