Thursday, 2 May 2024
รถยนต์ไฟฟ้า

‘Apple’ ถอดใจ!! เตรียมยุบโปรเจกต์ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ คาด!! สู้ศึกบริษัทเทคฯ อื่น ที่นำร่องไปไกลไม่ไหว

(28 ก.พ.67) ถือเป็นหนึ่งโปรเจกต์ที่ Apple วาดหวังจะให้เกิดกับแผนการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง ซึ่งมีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2014 โดยปัจจุบันมีพนักงานเกือบ 2,000 คน ในตำแหน่งวิศวกร และนักออกแบบ ซึ่ง Apple มีการทุ่มเงินไปกับโปรเจกต์นี้ หลายพันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าว่าจะเปิดตัว Apple Car ให้ได้ภายในปี 2028 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทาง Bloomberg ได้รายงานว่า Apple กำลังเตรียมยุบโปรเจกต์นี้แล้ว และจะทำการย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปยังแผนกพัฒนา Generative AI แทน ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากว่า เพื่อสู้ศึกกับบริษัทเทคอื่น ๆ อย่างเช่น Microsoft และ Google ที่นำหน้าเรื่องนี้ไปแล้ว รวมถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้าสู่ Red Ocean ที่มีทั้งแบรนด์จีนแข่งดุ รวมถึง Tesla ที่วิ่งมาไกลกว่า Apple หลายช่วงตัว

‘ฉางอาน ออโต้’ ตั้งเป้า ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 3,000 คัน ในไทย พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการ ให้กระจายไปทั่วประเทศ

(2 มี.ค. 67) นายเซิน ซิงหัว ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด และประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยแผนการส่งมอบรถ Deepal S07 และ Deepal L07 ว่า

“เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น CHANGAN ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย ด้วยการส่งมอบรถ Deepal S07 และรุ่น Deepal L07 ไปแล้วกว่า 3,000 คัน ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความมุ่งมั่นในการขยายศูนย์บริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา CHANGAN มียอดจองมากกว่า 3,000 คัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย การส่งมอบรถได้เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน CHANGAN ยังตั้งเป้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม เริ่มจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนกระจายไปทั่วประเทศเพื่อเพิ่มการให้บริการอย่างครบวงจร และตั้งเป้าสร้างโชว์รูมทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการ และอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่”

นอกจากนี้ เซิน ซิงหัว ยังได้กล่าวถึงลูกค้าในประเทศไทยที่มอบความไว้วางใจให้กับทางแบรนด์ด้วยว่า “ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มอบความมั่นใจ และสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งความไว้วางใจ และความมั่นใจในแบรนด์นี้ คือสิ่งที่ขับเคลื่อน CHANGAN ให้ก้าวไปข้างหน้า สู่ความสำเร็จในการพัฒนาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีศักยภาพต่อไป ในนาม CHANGAN Thailand มีการคัดสรรทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อช่วยกันพัฒนาให้รถแต่ละรุ่นที่ออกจากโรงงานนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมเปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี พร้อมสมรรถนะ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้านการใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง” นายเซิน ซิงหัว กล่าว

KIA เจรจา 'ไทย' ลุยตั้งโรงงานผลิตรถอีวี คาด!! สเกลกำลังผลิต 2.5 แสนคันต่อปี

(6 มี.ค. 67) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัท KIA Corp กำลังเจรจากับประเทศไทยเพื่อที่จะตั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทย โดยมีการเจรจากันอย่างจริงจังและมีการยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลไทย หลังจากมีรายงานว่า KIA ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนตั้งโรงงานในไทย 

อย่างไรก็ตาม ทาง BOI ได้ออกมาแสดงความเห็นในเดือน ม.ค. 2024 ว่า KIA กำลังพิจารณาการลงทุนในประเทศไทย 

ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมาตรการจูงใจ อย่าง EV 3.5 การลดหย่อนภาษี และมาตรการอื่น ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคตามแผนของรัฐบาล โดยตั้งเป้าที่จะมี EV ในประเทศประมาณ 30% ของการผลิตต่อปีจำนวน 2.5 ล้านคัน ภายในปี 2030

ตลาดรถยนต์ไทย ซึ่งผูกขาดมายาวนานโดยผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota และ Honda ได้ดึงข้อผูกพันด้านการลงทุนกว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์ จากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเพื่อสร้างโรงงานผลิต

ด้านบางกอกโพสต์ รายงานว่า KIA มีแผนจะเปิดโรงงานที่มีกำลังผลิต 2.5 แสนคันต่อปี โดยขณะนี้ KIA มีศูนย์บริการในประเทศแล้วกว่า 19 แห่ง และจะเปิดเพิ่มในปี 2024 อีก 26-30 แห่ง พร้อมทั้งในปี 2024–2026 ก็เปิดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมา โดยล่าสุดเปิดตัว KIA EV9 รถ SUV ไฟฟ้า 100% และจะเปิดตัว EV5 อีกรุ่นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ปีนี้

'ไทยซัมมิทฯ' ชี้!! ทุนจีนที่ทำ EV ไม่ต่างจากทัวร์ศูนย์เหรียญ เข้ามาตั้งโรงงาน ดึง บ.ผลิตชิ้นส่วนเข้ามาเอง ไม่ซื้อของจาก บ.ไทย

(6 มี.ค.67) จากบทสัมภาษณ์ของ ดร.สาโรจน์ วสุวานิช รองประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.ไทยซัมมิทกรุ๊ป และกรรมการและประธานกิตติมศักดิ์ บมจ.ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) ได้เปิดเผยเกี่ยวกับทุนจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย โดยได้ให้มุมมองไว้ว่า...

“รถยนต์ไฟฟ้า EV จากจีนที่เข้ามาทุกวันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับทัวร์ศูนย์เหรียญเพราะจีนที่มาตั้งโรงงานเอาเครือข่ายที่ผลิตชิ้นส่วนเข้ามาทั้งหมด ไม่ซื้อกับคนไทยเลย ต่างกับบริษัทญี่ปุ่นที่ยังแบ่งให้คนไทยบ้าง แต่ว่าจีนไม่แบ่งเลย รวมถึงธุรกิจอื่นที่จีนเข้ามาเช่นเดียวกัน”

โอกาสจะทำการค้ากับบริษัทจีนยาก ตอนนี้รัฐบาลไทยลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาทั้งคัน และชิ้นส่วนไปอีก 1 ปี โดยจะสิ้นกำหนดในปี 2568 เท่ากับช่วงนี้รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อต่าง ๆ ที่นำเข้ามาขายในประเทศไทยได้กี่แสนคันเท่ากับการกินส่วนแบ่งตลาดรถยนต์สันดาปค่ายญี่ปุ่นไป และตอนนี้ค่ายรถญี่ปุ่นปรับแผนลดการผลิตลงง ส่งผลกระทบให้ยอดขายชิ้นส่วนของคนไทยลดลงไปด้วย

ไม่เพียงแต่รถยนต์ EV แต่รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าแทบจะทุกประเภท เช่น ตู้เย็น ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยไทยได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนมาดัมพ์ราคาขายถูกกว่าสินค้าไทย 35-50% ทำให้ SMEs ไทยสู้ไม่ไหว แต่สินค้าจีนคุณภาพไม่ค่อยดี เสียหายเคลมไม่ได้ ทำให้ผู้ใช้งานบางคนยังยอมใช้สินค้าไทยบ้าง

‘สื่อ UK’ ชี้ รถยนต์ไฟฟ้า ‘จีน’ ยอดขายดีกว่า ‘สหรัฐฯ’ เหตุ ‘ราคาย่อมเยา - ประสิทธิภาพดี’ ถูกใจผู้ซื้อ

เมื่อวานนี้ (7 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส (Financial Times) ของสหราชอาณาจักร อ้างอิงมาเธียส เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ (Umicore) ผู้ผลิตวัสดุแบตเตอรี่ระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เบลเยียม รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมียอดจำหน่ายดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ ‘ด้อยกว่า’ ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและมีราคาย่อมเยา ทำให้รถจีนเป็น ‘รถยนต์ที่ดีและผู้คนเลือกซื้อ’

ด้าน เมเดรช ซีอีโอของยูมิคอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันหลายราย ‘พยายามนำยานยนต์ไฟฟ้าที่ดี’ เข้าสู่ตลาด ซึ่งขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนกำลังเพิ่มสูง แต่ตลาดในสหรัฐฯ กลับยังมีขนาดเล็ก และผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ หลายรายยังได้ระงับแผนการขยายโรงงานยานยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากอุปสงค์อ่อนตัว

ทั้งนี้ ตลาดยานยนต์พลังงานใหม่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการผลักดันการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเติบโตของตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็วของประเทศ โดยในปี 2023 รถยนต์โดยสารไฟฟ้าคิดเป็นร้อยละ 69 ของยอดจำหน่ายทั้งประเทศ ขณะรถไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดครองสัดส่วนร้อยละ 31

รู้จัก ‘GAC AION’ ค่ายรถ EV ยักษ์ใหญ่จากจีน พร้อมท้าชิง ‘ตลาดไทย’

จากกระแสโลกที่หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมหนุนให้ใช้พลังงานสะอาด หลาย ๆ อุตสาหกรรมต่างตื่นตัวตอบรับกับกระแสดังกล่าว เช่นเดียวกับวงการยานยนต์ ที่ส่งผลให้ รถไฟฟ้า หรือ EV มาแรงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะค่าย EV จากผู้ผลิตสัญชาติจีน ที่ในวันนี้กลายเป็นประเทศที่ส่งออก EV มากที่สุดของโลกไปแล้ว หากนับเฉพาะการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 100% ล่าสุดพบว่า BYD ค่าย EV ยักษ์ใหญ่จากจีน มียอดขายแซง TESLA ของ อีลอน มัสก์ ไปเรียบร้อย

แน่นอนว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า ของจีนไม่ใช่มีแค่แบรนด์เดียว แต่มีมากมายหลากหลายแบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์เกิดใหม่จากการสนับสนุนของรัฐบาลกลางของจีน

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับค่าย BYD, ฉางอัน, GWM หรือ Great Wall Motor ที่เข้ามาทำตลาดในไทยเป็นเจ้าแรก ๆ แต่ทว่า ยังมีค่าย EV น้องใหม่มาแรง ที่มีเทคโนโลยีโดดเด่นไม่เป็นรองแบรนด์ที่กล่าวมาเลย และเป็นอีกหนึ่งค่ายที่น่าจับตาอย่างยิ่ง ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ว่านี้ก็คือ ‘GAC AION’ (จีเอซี ไอออน) นั่นเอง

สำหรับ GAC AION เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือ ‘กว่างโจว ออโต้โมบิล กรุ๊ป’ หรือ GAC Group ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับ Top 5 ของจีน 

โดยโรงงานแห่งแรกของ GAC AION ได้เริ่มเดินสายพานการผลิตเมื่อเดือนเมษายน 2562 และในปี 2565 มียอดขายรถยนต์ EV รวมถึง 2.5 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านหยวน ทำให้ AION ก้าวขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ EV ที่มียอดการจำหน่ายสูงสุดของประเทศจีน และยังติดเป็นอันดับ 186 ของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจากการประเมินรายได้และการจัดอันดับของฟอร์จูน โกลบอล 500 อีกด้วย

อย่างที่ทราบกันดีว่า ตลาดรถยนต์ EV ในประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงเนื้อหอมอย่างมาก และ AION เป็นอีกหนึ่งค่ายที่ไม่ยอมพลาดโอกาสทองนี้ โดยได้ประกาศเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ด้วยการลงนามแต่งตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ไปเมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาณรุกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกัน ยังประกาศแผนตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย พร้อมกับได้ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ EV ในไทยให้ได้ 100,000 คันต่อปี รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการผลิตแบตเตอรี่ด้วย โดยมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยของ AION เบื้องต้น อยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านหยวน หรือ ประมาณ 6,400 ล้านบาท

AION ให้ความสนใจจะเข้ามาปักหมุดลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทย มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2566 เนื่องจากเห็นโอกาสและศักยภาพตลาดรถยนต์ EV ในไทยที่กำลังเติบโต ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยยังได้ให้การสนับสนุนโครงการรถยนต์ EV และอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการทำการตลาด และนโยบายด้านสิทธิประโยชน์การลงทุนผ่านทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน 

ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของ AION ที่ให้ความสำคัญและมองถึงโอกาสที่จะใช้โรงงานในไทยเป็นฐานการผลิต รถยนต์พวงมาลัยขวาโดยเฉพาะ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก 

ปัจจุบัน AION Thailand ได้เดินหน้าก่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตรถยนต์ในประเทศไทย โดยตัวโรงงานตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC จังหวัดระยอง ซึ่งเฟสแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2567 และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50,000 คันต่อปี 

อย่างไรก็ดี ก่อนที่โรงงานในไทยจะเริ่มเดินสายพานการผลิตได้เต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 ในส่วนของรถยนต์ที่จัดจำหน่าย จะมาจากการนำเข้าจากฐานการผลิตที่ประเทศจีน ซึ่งขณะนี้ได้เดินหน้าลุยตลาดไปแล้ว ทั้งการขยายตัวแทนจำหน่าย และศูนย์บริการ โดยมีเป้าหมาย 3 ปี จะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาด EV ประเทศไทย

และเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันที่ AION ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ชื่อรุ่นว่า AION Y Plus รถยนต์ Compact Cross Over 5 ที่นั่ง 

สำหรับจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus นอกจากจะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่และอเนกประสงค์แล้ว อีกสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ AION นำมาใช้ในรถรุ่น Y Plus ที่เรียกว่า Magazine Battery นั่นเอง 

Magazine Battery เป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยสูง พัฒนาขึ้นโดย AION ซึ่งประกอบด้วย เคสด้านบนของแบตเตอรี่ผลิตจากฉนวนทนความร้อนสูงสุดที่ 1,400 องศาเซลเซียส ส่วนเซลล์แบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนได้มากกว่าปกติ 30% ภายในแบตเตอรี่ยังได้มีติดตั้งระบบการจัดการแบตเตอรี่ รุ่นที่ 4 ที่มีระบบจัดการความร้อน ทำให้แบตเตอรี่เย็นลงได้อย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงเท่านั้น Magazine Battery ยังได้ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อให้มั่นใจว่าแบตเตอรี่ที่นำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ามีความปลอดภัย โดย GAC AION ได้ทำการทดสอบยิงด้วยกระสุนปืนทะลุแบตเตอรี่ ผลการทดสอบที่ได้คือ แบตเตอรี่ไม่ติดไฟ

รวมถึงทดสอบการเจาะทะลุแบตเตอรี่ด้วยแท่งเหล็ก ด้วยความเร็วที่มากกว่าการยิงด้วยกระสุนปืน และมีเส้นผ่าศูนย์กลางของรอยทะลุขนาดใหญ่กว่ากระสุนปืนถึง 7-8 เท่า ผลการทดสอบที่ได้คือ แบตเตอรี่ไม่ระเบิดและไม่ติดไฟ

ต้องยอมรับว่า ทั้งในด้านเทคโนโลยี และความปลอดภัย รวมถึงศักยภาพด้านอื่น ๆ ของ AION เชื่อว่าจะสามารถต่อกรกับค่าย EV ได้ทุกแบรนด์ในตลาดประเทศไทย แต่จะไปถึงฝั่งฝืนสามารถก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ของตลาด EV ประเทศไทย ภายใน 3 ปี ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ 

แต่ที่แน่ ๆ การเข้ามาบุกตลาด EV ประเทศไทย ของ AION ในครั้งนี้ คนที่ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ก็คือผู้บริโภคชาวไทย ที่จะมีรถ EV คุณภาพให้เลือกใช้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแบรนด์ ขณะเดียวกัน ยังส่งผลให้เกิดการขยายคลัสเตอร์ยานยนต์ใน EEC อย่างต่อเนื่อง ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในอาเซียน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการก้าวสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าสำคัญของโลกอีกด้วย

GAC AION เปิดตัวรถไฟฟ้า AION Y Plus 410 Premium เคาะราคาน่าสน 'ต่ำล้าน' ตั้งเป้าทะยานผู้นำตลาด EV ไทย

(25 มี.ค.67) บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า GAC AION อย่างเป็นทางการ ขอแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด AION Y Plus 410 Premium ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 859,900 บาท ทางเลือกใหม่ของรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าสุดคุ้มค่า ที่มาพร้อมฟีเจอร์และฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะครบครัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย 

นอกจากนี้ AION Y Plus 490 Premium ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ยังมาพร้อมราคาพิเศษ และของสมนาคุณมากมาย เฉพาะในงาน Motor Show 2567 เท่านั้น

AION Y Plus 410 Premium รถเอสยูวีไฟฟ้า ออกแบบมาเพื่อตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มอบสุนทรียภาพในการขับขี่และการโดยสาร โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูล้ำสมัย พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งโดยสารสะดวกสบายในทุกตำแหน่ง มาพร้อมมิติตัวถังขนาดใหญ่ ด้วยความยาว 4,535 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,870 มิลลิเมตร ความสูง 1,650 มิลลิเมตร และมีความสูงใต้ท้องรถ 150 มิลลิเมตร

AION Y Plus 410 Premium ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 150kW ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 255 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วยแบตเตอรี่เทคโนโลยี Magazine Battery ขนาด 50.66 kWh มอบระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กิโลเมตร

AION Y Plus 410 Premium มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และฟีเจอร์ความปลอดภัยมากมาย อาทิ…

>> ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC with Stop&Go)
>> ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA)
>> ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW)
>> ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
>> ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
>> ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
>> ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (LKA)
>> ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EBP)
>> ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold
>> ภาพพาโนรามา 360 องศารอบตัวรถ
>> ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง

นอกจากนี้ AION Y Plus 410 Premium ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ…

>> ระบบจ่ายไฟฟ้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก VTOL
>> เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทาง
>> เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง
>> ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
>> ระบบนำทางและฟังเพลงผ่านอินเทอร์เน็ต
>> ระบบสั่งการด้วยเสียงรองรับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
>> ระบบควบคุมรถระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน
>> ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร 32 สี รองรับการเปลี่ยนแปลงตามจังหวะดนตรี

AION Y Plus 410 Premium มีสีภายนอก 7 สี ได้แก่ Lucky Gold, Vitality Green, Speedy Silver, Liberty Ash, Elegant Gray, Pure White, Glamour Black และสีทูโทนทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Lucky Gold with Black Roof, Vitality Green with Black Roof และ Pure White with Black Roof พร้อมด้วยสีภายในห้องโดยสาร 5 สี ได้แก่ Enchanted Forest, Fairy Wonderland, Rosy Coastline, Azure Ocean และ Subtle Lavender

พิเศษ!! สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ไฟฟ้า AION Y Plus 410 Premium และ AION Y Plus 490 Premium ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 จะได้รับโปรโมชันและสิทธิประโยชน์ ดังนี้...

*** AION Y Plus 410 Premium ราคาจำหน่าย 859,900 บาท
>> ฟรี!! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
>> ฟรี!! Home Charger พร้อมค่าบริการติดตั้ง
>> ฟรี!! ฟิล์มรถยนต์รอบคัน
>> ฟรี!! พรมปูพื้น
>> ฟรี!! ค่าจดทะเบียน

*** AION Y Plus 490 Premium ราคาพิเศษ 949,900 บาท (โปรพิเศษ เฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ 2024: เมื่อรับรถภายใน 30 เมษายน 2567 และขึ้นทะเบียนเปลี่ยนเป็นป้ายขาวภายใน 31 พฤษภาคม 2567)
>> ฟรี!! ชุดแคมปิ้งสุดล้ำ ประกอบด้วย สายชาร์จ VTOL, เตียงเบาะลม, เต็นท์ และสายชาร์จฉุกเฉิน
>> ฟรี!! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
>> ฟรี!! Home Charger พร้อมค่าบริการติดตั้ง
>> ฟรี!! ฟิล์มรถยนต์รอบคัน
>> ฟรี!! พรมปูพื้น
>> ฟรี!! ค่าจดทะเบียน

ทั้งสองรุ่น รับเพิ่ม!!!
>> ฟรี!! รับประกันชิ้นส่วนไฟฟ้าหลัก (แบตเตอรี่ไฟฟ้า, มอเตอร์ไฟฟ้า, และอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า) 8 ปีหรือ 200,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
>>ฟรี!! รับประกันคุณภาพตัวรถ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
>> ฟรี!! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรีตลอด 24 ชั่วโมง นาน 8 ปี

พร้อมรับข้อเสนอสินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.98% หรือเลือกผ่อนสบาย 84 เดือน หรือเลือกดาวน์น้อยเพียง 5% เท่านั้น 

‘Audi’ จัดแคมเปญ ลดกระหน่ำ ย้ำ!! ไม่ซื้อตอนนี้ จะไปซื้อตอนไหน ลดให้สูงสุด 2.2 ล้าน หั่นราคารับ Motor Show มีครบ ‘สปอร์ต-เอสยูวี-รถไฟฟ้า’

เมื่อเร็วๆ นี้ Audi Thailand ประกาศมอบส่วนลดให้ลูกค้าสูงสุด 2.2 ล้านบาท หั่นราคาแบบไม่เคยมีมาก่อน ด้วยแคมเปญ ไม่ซื้อ Audi ตอนนี้จะไปซื้อตอนไหน ไฮไลต์เด่นในบูธ Audi ที่นำมาจัดแสดงในงาน เช่น รถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงรถพลังงานผสมปลั๊กอินไฮบริด และรถสมรรถนะสูงตระกูล RS ในสีพิเศษที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนกว่า 20 รุ่น ครั้งแรกที่ Audi นำรถนำเข้าทั้งคัน (CBU) มาตรฐานเยอรมัน คุณภาพประกอบพรีเมียมมาลดราคาพิเศษ ส่วนลดสูงสุดในแคมเปญ Motor Show ถึง 2.2 ล้านบาท

· RS e-tron GT ลดเหลือ 7.99 ล้านบาท
· TT Coupé Final Icon Black ลดเหลือ 3.199 ล้านบาท
· Q8 e-tron 50 quattro ลดเหลือ 4.399 ล้านบาท
· Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ลดเหลือ 4.449 ล้านบาท
· Q5 55 TFSI e quattro S line ลดเหลือ 3.299 ล้านบาท

ไฮไลต์ในงานนอกจากส่วนลดสูงสุด 2.2 ล้านบาท Audi ยังมีการเปิดตัว Audi TT Coupé Final Icon Black X Benzilla Edition1/1 ที่มีเพียงคันเดียวในประเทศไทย เป็นการทำงานร่วมกับ 'Benzilla' ศิลปิน Street Artist ชื่อดังของประเทศไทย เจ้าของคาแรกเตอร์ LOOOK มนุษย์ต่างดาวสามตาที่กำลังได้รับความนิยม และมีผลงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมากมาย มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะบนตัวรถ ด้วยสีที่เป็นเฉดสีของ Audi TT Coupé เท่านั้น เช่น Glacier white, Mythos black, Chronos grey, Tango red, Turbo blue และ Python yellow เพิ่มความโดดเด่นให้กับความเป็น 'Iconic design' ของ Audi TT Coupé พิเศษสำหรับแฟน Audi ที่อยากเป็นเจ้าของ Audi TT Coupé Final Icon Black X Benzilla Edition1/1 ที่มีเพียงคันเดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดให้จอง ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 12.00 น. สำหรับลูกค้า 5 ท่านแรก ที่จอง Audi TT Coupé ในงานมอเตอร์โชว์ รับสิทธิพิเศษเลือก Customed Design TT X Benzilla Special Edition ในแบบที่คุณต้องการ และลูกค้าทุกท่านที่จองรถอาวดี้ทุกรุ่นในงาน Motor Show รับของขวัญสุดพิเศษจาก Audi X Benzilla Collection (จำนวนจำกัด)

สนใจสามารถเข้าชมรถทุกรุ่นได้ที่ บูธ Audi ในงานมอเตอร์โชว์ พร้อมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม จนถึงวันที่ 7 เมษายน 2567

‘Mazda’ เปิดบูธภายใต้ธีม ‘Love of Cars’ ในงาน Motor Show พร้อมอวดโฉม ‘MX-30 e-SKYACTIV R-EV’ ที่ ‘สะดวกสบาย-ไปได้ไกลว่า’

เมื่อเร็วๆ นี้ มาสด้าเนรมิตบูธจัดแสดงรถยนต์ ภายใต้ธีม Love of Cars เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตที่กำลังดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่หลงใหลในการขับขี่และรักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา และมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ตเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำการให้ความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ได้แบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมปลุกตำนานโรตารี่ด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์โรตารี่ กลายเป็น Plug-in Hybrid ที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและไปได้ไกลกว่า มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้มาสด้าออกแบบบูธใหม่ทั้งหมด ภายใต้ธีม Love of Cars ได้แรงบันดาลใจจากการมีลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมความสุขของผู้ที่รักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น โซนแกลเลอรี่วอลล์ ที่ลูกค้าส่งภาพความประทับใจกับรถยนต์คันโปรด You and Mazda Moments ถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขในทุกช่วงเวลาของลูกค้า ซึ่งเป็นปณิธานที่เรามุ่งหวังและตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่รักในรถยนต์ 'The Memorable Love of Cars' เสียสละรถโมเดลผ่านทางมาสด้า เพื่อส่งต่อให้กับเด็กๆ เยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีผู้สละเข้ามามากกว่า 500 คัน และมาสด้าเพิ่มเติมอีก 1,000 คัน โดยจะเร่งส่งต่อรถโมเดลเหล่านี้ให้ถึงมือเด็กๆ โดยเร็วที่สุด

ส่วนไฮไลต์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยี Multi-Solution มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งมอบเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงไปสู่พลังงานไฟฟ้า หลายคนคงจดจำเครื่องยนต์โรตารี่ สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความคิดสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งใน Multi-Solution เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากมาสด้า การนำเทคโนโลยี e-SKYACTIV R-EV มาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนา MAZDA MX-30 e-SKYACTIV R-EV คือเครื่องยนต์โรตารี่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ขนาด 830 ซีซี เล็กกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไปที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากวัสดุอะลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กก. ประกอบกับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ระยะไกลถึง 85 กิโลเมตร ที่เกิดจากจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และเมื่อได้รับการปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่จะทำให้เพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดถัง 50 ลิตร มาผสานการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบที่มีต้นกำเนิดจากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก 'จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย' หรือ 'Challenger Spirit' อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่นำมาจัดแสดงภายในงานฯ ล้วนเป็นยนตรกรรมได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า เพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งรวมถึง การนำ NEW MAZDA MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีในการขับขี่ เพื่อถ่ายทอดปรัชญา จินบะ-อิตไต (Jinba-Ittai) ให้โดดเด่นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่ง และการควบคุมพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ฉับไว ไม่ว่าจะขับรถในเมือง ทางโค้ง หรือขับในสนามแข่ง

โดยเฉพาะในระบบเกียร์แมนนวลที่มาพร้อม DSC-TRACK ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าในรถรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถหมุนเท่านั้น เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงสามารถมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าได้เป็นอย่างดี ในด้านการยกระดับคุณค่าประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบทุกมิติ วางราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)3 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ ความสุขในการขับขี่ Joy of Driving ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลัก ที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น 'มนุษย์เป็นศูนย์กลาง' และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ 'ความสุขในการดำเนินชีวิต' ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของทุกคน

สถิติใช้ไฟฟ้าในไทย กลางคืนแซงหน้ากลางวัน หลังรถ EV เริ่มเป็นที่นิยม พบ!! ชาร์จไฟรถยนต์คืนเดียว เทียบเท่าเปิดแอร์รถได้ถึง 4-5 วัน

(4 เม.ย. 67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ‘Stapnavatr Vajira’ โพสต์ข้อความ หัวข้อ สถิติการใช้ไฟจากการไฟฟ้าเริ่มเปลี่ยนหลังรถอีวีเริ่มนิยมใช้ในไทยเข้าหลักแสนคัน ระบุว่า…

“การใช้ไฟฟ้าที่โดยปกติจะมากเวลากลางวันและน้อยเวลากลางคืน ตอนนี้การใช้ไฟกลางคืนแซงกลางวันแล้ว เพราะมีคนเอาไฟกลางคืนชาร์จรถเยอะมาก ๆ

กำลังไฟสำรองที่เคยถูกตำหนิว่ามากเกิน กำลังเปลี่ยนเป็นกลับมาสมดุลในไม่ช้า

คนที่เคยด่าว่า ทำไฟสำรองไว้เยอะ ทำให้ต้องจ่าย FT แพงขึ้น คงจะเริ่มเข้าใจ กำลังไฟสำรองไม่ใช่เรื่องที่จะเสกกันได้ทันที ไม่เหมือนปริมาณรถอีวี บทจะมา มาเร็วจริง ๆ

หนทางอีกยาวไกล ปริมาณรถในไทย ถ้าจะทดแทนรถฟอสซิลไปถึง 1/3 ก็ต้องมีรถอีวีไปถึง 5 ล้านคันเป็นอย่างน้อย

บางที อีกหน่อยรถยนต์อาจเป็นอุปกรณ์ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่น ๆ

อย่าทำเป็นเล่นไป ชาร์จไฟรถไฟฟ้าคืนเดียว ถ้ารถไม่วิ่งเลย เอาไปเปิดแอร์นอนสบายใจได้ 3 วันเต็ม ถ้าเปิดในที่กลางวันร้อนถึง 42-45 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเปิดแอร์รถในร่มหรือสภาพอากาศข้างนอกไม่ร้อน เปิดได้ 4-5 วันเลย แบตเตอรี่อีวีจึงคือสถานที่จุไฟได้มหาศาลมากในเวลาสั้นนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?v=pO5Q9B8v1NI 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top