Thursday, 4 July 2024
พรรคก้าวไกล

‘ปิยบุตร’ ช่วย ‘ภัณฑิล’ หาเสียงคลองเตย ปชช. ตอบรับดี ลั่น!! กระแส ‘ก้าวไกล’ ยังเพิ่มได้อีก มั่นใจ!! สู้บ้านใหญ่ได้

‘ปิยบุตร’ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครคลองเตย หาเสียง ลั่น กระแสก้าวไกลยังเพิ่มได้อีก มั่นใจ สู้บ้านใหญ่ได้ เมิน นักร้อง ปมครอบงำพรรค เหน็บหมดยุคขี้แพ้ชวนตี
.
(24 เม.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ตลาดนัด แฟลต12 เขตคลองเตย เขตวัฒนา ช่วยนายภัณฑิล น่วมเจิม ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เบอร์ 2 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี

นายปิยบุตร กล่าวถึงความั่นใจในเชตพื้นที่คลองเตย ว่า หากเปรียบเทียบคะแนนเมื่อปี 62 พรรคอนาคตใหม่แพ้ไปนิดเดียว ส่วนรอบนี้ที่เป็นพรรคก้าวไกล เชื่อว่ากระแสดีเบตของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแกนนำหลายคนที่ตระเวนออกเวทีดีเบตทุกเวที ผู้ช่วยหาเสียงนายธนาธร น.ส.พรรณิการ์ และตนช่วยหาเสียงแบบดาวกระจายทั่วประเทศ ทำให้มีกระแสสูงมากกว่าปี 62

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้มีแค่นิวโหวตเตอร์ ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่มีประชาชนหลากหลายช่วงวัยสนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมีลุ้นทุกเขต สำหรับการแข่งขันในเขตวัฒนา-คลองเตย กับเจ้าของพื้นที่เดิมอย่างนางกรณิศ ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ประเมินจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ประชาชนเลือกเพราะต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเฉือนชนะไปนิดเดียว

“รอบนี้กระแสเปลี่ยน ประชาชนอยากเปลี่ยนนายกฯ เปลี่ยนขั้วรัฐบาล เปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทยให้ยุติธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกันเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีโอกาสในเขตวัฒนา-คลองเตย”

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า ส่วนผลสำรวจของซูเปอร์โพล ที่พรรคก้าวไกลได้คะแนนเพิ่มขึ้นในฐานะนักวิเคราะห์ มองว่าคะแนนจะเพิ่มขึ้นได้อีกเรื่อยๆ สวนทางกับกระแสของแต่ละพรรคที่เริ่มหยุด กลยุทธ์พรรคก้าวไกลจะส่งผู้ช่วยหาเสียงปราศรัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยวันนี้นายธนาธรลงพื้นที่ภาคใต้กระแสตอบรับดีมาก ทั้งที่หลายคนเชื่อว่าพื้นที่ภาคใต้มักจะเป็นคนอนุรักษ์นิยม พรรคก้าวไกลน่าจะไม่มีคะแนน

ส่วนน.ส.พรรณิการ์ ไปภาคอีสานโดยเฉพาะจ.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลน่าจะได้ลุ้น ทั้งเขต 1-4 ขณะที่ตนสัปดาห์นี้จะประจำพื้นที่กทม.และปริมณฑล ด้านนายพิธา และน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตระเวนดีเบต เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ พรรคก้าวไกลนิยมปราศรัยเวทีย่อย เพราะเราต้องไปหาประชาชนในพื้นที่ให้ใกล้ที่สุด ไม่รบกวนพี่น้องประชาชนให้เดินทางมาที่เวทีปราศรัย

“ส่วนการสู้กับกระสุนและบ้านใหญ่ในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะนี้กระแสพรรคก้าวไกลกระจายไปทั่ว เป็นหน้าที่ของผู้สมัครที่จะต้องเดินทางไปเก็บกระแสให้เปลี่ยนมาเป็นคะแนน เชื่อว่ากระแสจะสู้กระสุนได้ ความคิดและดุมการณ์ของพรรคก้าวไกลที่ชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้สู้กับบ้านใหญ่ได้”

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสว่านายธนาธร และนายปิยบุตร ทำงานเกินหน้าที่เข้าข่ายครอบงำพรรค นายปิยบุตร กล่าวว่า นักร้องก็ต้องทำหน้าที่คอยร้องสกัด ตนอยากให้การเลือกตั้งแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา ชนะก็คือชนะแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ควรหมดประเพณีนิยม “เตะสกัดขัดขา”ผ่านการร้องเรียนยุบพรรคตัดสิทธิ

หากทำเช่นนี้บ่อยๆก็เหมือนกับขี้แพ้ชวนตี ต่อให้ร้องเรียนมาก็ไม่เป็นไรยืนยันว่าผม นายธนาธร และน.ส.พรรนิกา ทราบดีว่าเป็นได้แค่ผู้ช่วยหาเสียงและกองเชียร์ ไม่ใช่โค้ชไปสั่งสอน พรรคก้าวไกลจ้างมาให้ช่วยหาเสียงเท่านั้น ก่อนจะมาปราศรัยก็ต้องเปิดสมุดนโยบายหาเสียงต้องไม่เกินเลย ส่วนพรรคจะตัดสินใจวางหมากวางเกมอย่างไรก็เป็นเรื่องของพรรค หากเลือกตั้งเสร็จจะเลือกร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพรรคที่ต้องคิดอ่าน


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7628822

‘ช่อ’ นำทีม ‘ผู้สมัครก้าวไกล’ บุกหาเสียงโคราช แจง!! แก้ 112 เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา 4 เขต เริ่มจากตลาดเช้าปักธงชัย กับนายชรินทร์ ทำดี ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 12 (เบอร์ 7) ต่อด้วยการเดินหาเสียงกับข้าราชการท้องถิ่นสำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา กับนายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 (เบอร์ 3) ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดี มีข้าราชการมาขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก โดย น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า นโยบายของพรรคก้าวไกล คือการเพิ่มงบประมาณ และอำนาจให้กับท้องถิ่น เพื่อให้แต่ละพื้นที่ดูแลบำบัดแก้ไขปัญหาของประชาชนได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอราชการส่วนกลาง เทศบาลก็จะสามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น

หลังจากนั้น น.ส.พรรณิการ์ ได้เดินตลาดสระครก ตลาดไนท์บ้านเกาะ ตลาด RN yard ต่อด้วยตลาดเซฟวัน กับนายศุภชาติ รุจิพรวศิน ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 (เบอร์ 1) และนายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 3 (เบอร์ 11) ซึ่งตลาดเซฟวันเป็นตลาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองโคราช ตลอดการเดินมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปทักทายอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ระบุว่า พร้อมกาให้ก้าวไกลทั้งบ้าน

คนไทย...ไม่ได้โง่!! ประสบการณ์ช่วงรัฐประหารจาก 'พิธา' ต่างกันแค่ช่วงเวลา..แต่เรื่องเดียวกัน

(25 เม.ย.66) โลกโซเชียลจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกขุดบทสัมภาษณ์ กับสองพิธีกร ในสองช่วงเวลาที่ต่างกันกับประเด็นที่เจ้าตัวได้กลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร จนเริ่มถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงการดูถูกผู้คนทั้งฝ่ายตนและฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะเพราะบทบาทที่แตกต่างกันด้วยหรือไม่ คงต้องลองไปพิจารณากันดู...

(2566)
Q: สรยุทธ ถาม “คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์การถูกจับ” 
A: พิธา โต้กลับ “ผมเคยมี เมื่อปี 49 ผมเรียนหนังสือ ที่บอสตัน คุณทักษิณ ประชุม UN กับคุณปานปรีย์ และดร.สุรเกียรติ ที่ยังเป็นเลขา UN อยู่ในสมัยนั้น ซึ่งพ่อผมเสีย 19 กันยา 2549 ผมบินมาที่นิวยอร์ก CNN รถถังออก ผมบินกลับมากับคุณทักษิณ ส่งที่ลอนดอน กลับมาที่กองทัพอากาศ คืนแรกผมไปไม่ได้ เขารื้อคอมผม เขาทำผมทุกอย่าง” 

Q: สรยุทธ ถามต่อว่า “แต่คุณไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐบาลคุณทักษิณนะ” 
A: พิธา จึงได้เล่าต่อว่า “ผมทำงานให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะข้าราชการการเมืองในตอนนั้น”

Q: สรยุทธ ได้ตั้งคำถามต่อไปอีกว่า “คุณกลับมาถึงแล้ว คุณถูกบล็อก แล้วคุณไปไหน” 
A: พิธา ตอบ “อยู่ที่กองทัพอากาศ”  
Q: สรยุทธ ได้ยิงคำถามไปอีกว่า “โดนคุมตัวนานเท่าไหร่” 
A: พิธา ตอบกลับว่า “เหตุการณ์ตั้งแต่ปี 49 นานมาแล้ว แต่ผมยังจำได้ว่า ไปงานศพพ่อไม่ทัน และไม่ใช่แค่ถูกควบคุมตัว แต่ถูกควบคุมเรื่องการเงิน 2-3 เดือนที่ผมหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้” 

หลังจากคลิปที่พิธาได้ให้สัมภาษณ์กับ สรยุทธ จบ ก็ได้มีการตัดคลิปไปที่ การให้สัมภาษณ์ระหว่าง พิธา และหนูแหม่ม โดยมีการพูดคุยกันดังนี้...

(2552)
พิธา เริ่มเล่า “ผมเรียนที่บอสตัน แต่บอสตันไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากบอสตัน มาที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องแวะที่นิวยอร์ก” 

Q: คุณหนูแหม่ม ถามว่า “พอมาถึงนิวยอร์กแล้ว มีไฟลท์บินทันทีมาถึงที่ไทยไหมคะ” 
A: พิธา ตอบ “ไม่มีครับ ก็ต้องรอ แต่พอกลับมาที่ประเทศไทยเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีรัฐประหารพอดี ก็เลยล่าช้าไปหน่อย พอมาถึงก็เป็นคนไทยที่มาจากนิวยอร์ก เขาเลยกักตัวไว้พักหนึ่ง ก็ทำให้ไปงานศพคุณพ่อช้า”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเพิ่มเติมว่า “กลับมายังไงคะ ถึงถูกกักตัว” 
A: พิธา ได้ตอบกลับว่า “บินของรัฐบาลไทยตอนนั้น เครื่องบินไทยของรัฐบาลที่มีคนของรัฐบาลไปประชุม UN ซึ่งถ้าผมไม่กลับเที่ยวบินนั้น ก็ต้องรอไปอีก 2-3 วัน ก็เลยตัดสินใจกลับมา”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเสริมว่า “ถ้าเดาไม่ผิด น้องทิมอยู่ในเครื่องนั้นที่ส่งกลับมาจากนิวยอร์ก เพื่อที่จะกลับมาเมืองไทย คุณอยู่ในเครื่องนั้นกี่คน” 
A: พิธา ตอบว่า “น่าจะประมาณ 20-30 คน ก็คือข้าราชการ” 

Q: หนูแหม่ม ได้ถามไปอีกว่า “ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าราชการ ยกเว้นคุณเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่ถูกฝากกลับมาในเครื่องบินนั้น” พร้อมกับถามเพิ่มไปอีกว่า “เครื่องลงที่ไหนคะ สุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง” 
A: พิธา ตอบว่า “ที่กองทัพอากาศ”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามย้ำไปว่า “เกิดอะไรขึ้น ถึงถูกกักตัว”
A: พิธา ได้อธิบายไปว่า “พอมันมีเหตุรัฐประหาร ประเทศเขาก็ต้องคัดกรองเป็นธรรมดา เขาก็ถามว่าทำไมเป็นนักเรียน แล้วกลับมากับไฟล์ทนี้ได้ ซึ่งได้อธิบายไปว่า คุณพ่อเสีย ตั้งใจจะกลับมางานศพท่านให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ว่าอะไร”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามว่า “กักตัวนานไหมคะ” 
A: พิธา ได้บอกไปว่า “4-5 ชั่วโมง สายนิดหน่อยแต่ก็ยังทัน”

หลังคลิปเปรียบเทียบการให้สัมภาษณ์ของพิธาระหว่าง สรยุทธ และหนูแหม่มเสร็จ ก็มีการนำมาเปรียบเทียบได้ว่า “นี่คือมนุษย์คนเดียวกัน แต่ 2 เวอร์ชัน และมีประเด็นที่ถูกจับผิด ดังนี้...

‘แอดมินตาหวาน’ โผล่ฟาด ‘ช่อ’​ เหตุจาบจ้วงสถาบันฯ ลั่น!! ยังน้อยไป ถ้าเทียบกับที่ปั่นหัวเยาวชนให้ทำลายชาติ

(26 เม.ย. 66) หลังเกิดเหตุเผชิญหน้ากันที่รายการดีเบตช่องดัง ของ ‘แอดมินตาหวาน’ ที่บุกมาเจอ ‘ช่อ’​ พรรณิการ์ วานิช ระหว่างทีมงาน ‘รอยตุ๊’​ นพดล พรหมภาสิต กับ ช่อ พรรณิการ์ผู้ช่วยหาเสียงคณะก้าวไกล หนึ่งในคณะทำงานพรรคก้าวหน้า ร้อนฉ่ายิ่งกว่าตัวแทนที่ขึ้นไปดีเบตบนเวที จน ‘ป้าอยุธยา’ ต้องรีบเข้ามาห้ามทัพนั้น เมื่อมีคลิปที่ถูกเผยแพร่ออกมาในโลกโซเชียลมีเดีย แอดมินตาหวานยอมรับ โดยกล่าวว่า “นี่ยังน้อยไป ถ้าเทียบกับที่คนกลุ่มนี้ปั่นหัวเยาวชน ทำลายประเทศชาติ”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสตูดิโอ เวิร์คพอยท์ ซึ่งจัดให้มีการดีเบตกัน ระหว่างแฟนคลับของแต่ละพรรคการเมือง โดย ช่อ พรรณิการ์ วานิช มาในนามของแฟนคลับพรรคก้าวไกล นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือ ‘มัมดิวไดอารี่’ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาในนามแฟนคลับพรรคเพื่อไทย และ ‘แอดมินเจน’ วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หัวหน้าทีมเชียร์ลุง มาในนามแฟนคลับของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

บรรยากาศการบันทึกเทปในรายการเป็นไปได้ด้วยดี แต่บรรยากาศกองเชียร์ ทีมแอดมินเจน ค่อนข้างร้อนระอุดุเดือด โดยเฉพาะช่วงที่อัดเทปรายการเสร็จ รอยตุ๊ นพดล และ ‘ตาหวาน’ หรือ วลัญช์รัช สิทธิสวัสดิ์ แอดมินเพจภาคีประชาชนปกป้องสถาบันฯ ได้ขอเข้าไปเคลียร์กับช่อ พรรณิการ์ วานิช พร้อมถามตรง ๆ เรื่องการจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย เป็นเหตุให้ ‘ป้าอยุธยา’ หรือ กัลยาณี จูปรางค์ แฟนคลับตัวยงรุ่นใหญ่ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีก 1 คน พร้อมด้วยแอดมินเจนได้เข้าไปห้ามทัพ ไม่ให้ตาหวาน และรอยตุ๊ จี้คำถามกับช่อ

ปราศรัย ‘ก้าวไกล’ ทำพิษ!! ห้าแยกลาดพร้าวอ่วม หลังย้ายจากหน้าห้าง ลงฟุตพาท แฟนส้มรุกล้ำถนน

พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยหน้าห้าง ด้านวัยรุ่นสายส้มแห่มาฟัง จนต้องย้ายเวทีลงฟุตพาท หลังเจ้าหน้าที่ห้างให้ย้ายสถานที่ เหตุเข้าใจผิดคิดว่าเป็นม็อบ ทำการจราจรในย่านห้าแยกลาดพร้าวสาหัส

(26 เม.ย.66) ช่วงเย็นวันนี้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว' ระบุถึงการตั้งเวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกลที่หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวว่า...

การตั้งเวทีพรรคก้าวไกลในครั้งนี้มีอุปสรรคเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ได้เข้ามาเจรจาให้ใช้เสียงไม่รบกวนผู้อื่น เพราะเข้าใจว่าเป็นการชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ตรงลานหน้าห้าง เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และไม่มีการขอใช้ล่วงหน้า แต่ทีมงานพรรคได้เข้าเจรจา และตกลงกันได้ ทำให้ย้ายเวทีจากลานหน้าห้าง เป็นฟุตพาทข้างป้ายรถเมล์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะแทน

‘โรม’ โดนชาวบ้านชูป้ายขับไล่-เปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ ขณะ ‘ก้าวไกล’ กำลังเดินสายหาเสียงที่ จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลงพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ เพื่อช่วย นายปรมินทร์ จันทรกาล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 3 หาเสียง โดยเริ่มต้นจากลานสยามมินทร์ไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ

ขณะทีมหาเสียงพรรคก้าวไกลตระเวนไปตามถนนได้มีกลุ่มผู้เห็นต่างใช้รถตู้ติดตั้งเครื่องขยายเสียงเปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ พร้อมยืนขับไล่และขี่รถจักรยานยนต์ถือป้ายขับไล่ไปทุกเส้นทางที่ทีมงานพรรคก้าวไกลเดินทางไป แต่ไม่มีการตอบโต้ใด ๆ กลับไปจากพรรคก้าวไกล

จากนั้นกลุ่มหาเสียงของพรรคก้าวไกลเดินทางต่อไปช่วยผู้สมัครเขต 2 หาเสียงต่อไป

‘สวนดุสิตโพล’ เผย คนไทยนิยมพรรคการเมืองใดก่อนเลือกตั้ง ชี้ ‘เพื่อไทย’ อันดับ 1 ทิ้งห่างที่ 2 อย่าง ‘ก้าวไกล’ เท่าตัว!!

(29 เม.ย. 66) ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศต่อกรณี “คนไทยนิยมพรรคการเมืองใด (ก่อนเลือกตั้ง)” ระหว่างวันที่ 10-20 เมษายน 2566 เก็บข้อมูลทางภาคสนาม จำนวน 162,454 คน เป็นเพศชาย จำนวน 74,073 คน ร้อยละ 45.60 เพศหญิง จำนวน 88,381 คน ร้อยละ 54.40 โดยมีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี จำนวน 31,627 คน ร้อยละ 19.47 อายุ 31 – 50 ปี จำนวน 72,808 คน ร้อยละ 44.82 และอายุ 51 ปีขึ้นไป จำนวน 58,019 คน ร้อยละ 35.71

โดยสำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 13,368 คน ร้อยละ 8.23 ภาคกลาง จำนวน 43,023 คน ร้อยละ 26.48 ภาคเหนือ จำนวน 27,664 ร้อยละ 17.03 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 53,865 ร้อยละ 33.16 และภาคใต้ จำนวน 24,534 คน ร้อยละ 15.10

พรรคการเมืองที่นิยมมากที่สุดในช่วงก่อนเลือกตั้ง คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 41.37 รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 19.32 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.55 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 8.48 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 7.49 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.30 พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 2.41 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.74 พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 1.25 และพรรค อื่น ๆ ร้อยละ 1.09

เมื่อพิจารณาจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มอายุ 18-30 ปี นิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด ร้อยละ 50.20 กลุ่มอายุ 31-50 ปี และกลุ่มอายุ 51 ปีขึ้นไป นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 44.59 และ ร้อยละ 44.92 ตามลำดับ

เมื่อพิจารณาจำแนกตามภูมิภาค พบว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ร้อยละ 41.99, ร้อยละ 42.11, ร้อยละ 49.24 และร้อยละ 48.92 ตามลำดับ ส่วนภาคใต้นิยมพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด ร้อยละ 24.20

จากผลการสำรวจครั้งนี้ ภาพรวมกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยแม้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลช่วงก่อนยุบสภา แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมในทุกภูมิภาคแม้แต่ในภาคใต้ก็ถือได้ว่าได้รับผลตอบรับที่ไม่แย่นัก ส่วนพรรคก้าวไกลกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคก็ต้องมาติดตามกันต่อว่าจะเปลี่ยนกระแสเป็นคะแนนในวันเลือกตั้งจริงได้เท่าใด ส่วนพรรคอื่น ๆ กระแสความนิยมไม่ต่างจากเดิมมากนัก

‘อภิสิทธิ์’ ปะทะคารมเดือด ‘ธนาธร’ ถกประเด็นม.112 ชี้!! ‘ก้าวไกล’ ทำสับสน บางวันแก้ไข บางวันยกเลิก

เมื่อวานนี้ (1 พ.ค. 66) ในรายการยืนหนึ่งชิงนายก ที่มีพิธีกรนำโดย ‘พุทธ อภิวรรณ’ และ ‘ธีระ ธัญญอนันต์ผล’ ซึ่งมีตัวแทนจาก 2 พรรค อย่าง ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’  ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ที่ได้ถกถึงประเด็นการแก้หรือยกเลิก ม.112

นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า “เอาตรงๆ ที่คนมองว่าเป็นเรื่องสุดโต่งมันเป็นประเด็นเรื่องเงื่อนไข ม.112 ซึ่ง ม.112 ก็มีความสับสนอีก เพราะว่าคุณพิธา บางวันก็บอกว่ายกเลิก บางวันก็บอกว่าแก้ 3 ประเด็น ถ้าเป็นแค่เรื่องแก้ไขบางผมว่าบางคนก็มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่ถ้าบอกว่ายกถูกก็ถูกมองว่าสุดโต่ง”

ซึ่งนายธนาธร ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “อันนี้ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ เข้าใจผิดแน่ๆ เลยนะครับ ไม่เคยมีใครบอกว่ายกเลิก”

นายอภิสิทธิ์ ได้สวนกลับว่า “คุณพิธา ได้ไปติกสติกเกอร์บนเวทีว่ายกเลิกหรือแก้ไข” 

นายธนาธร ได้แก้ต่างว่า “อันนั้นบังคับ Yes or No แต่นโยบายพรรคไม่ใช่แค่พูด ทำไปแล้ว เสนอกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ”

นายอภิสิทธิ์ ได้ถามกลับว่า “แล้วทำไมถึงไปติดสติ๊กเกอร์ตรงยกเลิก แทนที่จะติดว่าแก้ไข”

นายธนาธร ได้ให้คำตอบว่า “อันนั้นคุณพิธา อาจจะคิดได้ในนามส่วนตัว”

นายอภิสิทธิ์ ได้สวนกลับว่า “แต่คุณพิธา เป็นหัวหน้าพรรค”

นายธนาธร ได้ย้อนไปว่า “คุณอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคหรือเปล่าครับ ในการเลือกตังครั้งที่แล้ว แล้วคุณพูดว่าอะไรครับ”

นายอภิสิทธิ์ จึงได้ตอกกลับไปว่า “ผมพูดแล้วผมลาออกครับ แล้วคุณพิธาจะลาออกไหมครับถ้าไม่ยกเลิก”

นายธนาธร ยังได้แก้ต่างอีกว่า “เขาไม่ได้พูดในเวทีสาธารณะเลยว่าจะยกเลิก ส่วนการติดสติกเกอร์เป็นความเห็นส่วนตัว”

ซึ่งพิธีกรฝีปากกล้าอย่าง พุทธ อภิวรรณ ได้ตั้งคำถามว่า “มันแยกได้เหรอครับ เขาเป็นหัวหน้าพรรค กับส่วนตัว เขาคือแคนดิเดตนายกฯ เลยนะ”

นายธนาธร ตอบกลับว่า “ลองกลับไปอ่านสิ่งที่คุณพิธาพูดนะครับ ว่าคุณพิธาพูดถึงเรื่องนี้ว่ายังไง การเสนอแก้ไขเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าเสนอแก้ไขเพื่อให้พูดจากันได้ยังทำไม่ได้ ก็ต้องอาจเสนอยกเลิก นี่คือสิ่งที่เขาพูด ไปลองฟังดูสิครับ”

พุทธ ได้ถามย้ำอีกว่า “เริ่มจากแก้ แต่การที่ไปติดสติกเกอร์ยกเลิกนี่กำลังจะหมายความว่าอย่างไร”

นายธนาธร ตอบกลับว่า “มันเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจะไปติดอะไรก็ค่อยว่ากัน”

นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคำถามอีกว่า “บังเอิญอันนี้ไม่ใช่ว่าคุณพิธาไปเดินอยู่แล้วมีคนมาให้ติดสติ๊กเกอร์โดยที่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่มันอยู่บนเวทีเลย และเขาเองก็พูดด้วย ซึ่งผมเองไม่ได้ติดใจอะไรนะถ้าคุณพิธามาบอกว่าเปลี่ยนแปลงแล้วนี่คือนโยบาย”

'พิธา' เผย อยากทำงานการเมือง 10 ปี และอยากเป็นเลขาธิการสหประชาชาติคนแรกของไทย

เมื่อไม่นานมานี้ ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเปิดใจถึงความฝันสูงสุด โดยระบุว่า


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top