Thursday, 4 July 2024
พรรคก้าวไกล

‘ธนาธร’ ลุยภาคตะวันออก รับฟังปัญหาชาวประมง ชาวบ้านชง!! สร้างเขื่อนกันคลื่นบนแนวชายหาด

‘ธนาธร’ ลุยช่วยหาเสียงภาคตะวันออก ประชาชนตอบรับคึกคัก เปิดวงพบชาวประมงเรือเล็ก สะท้อนปัญหาเขื่อนกันคลื่น-หาดกัดเซาะ

(20 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงที่ภาคตะวันออกต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเริ่มกิจกรรมในช่วงเช้าที่ตลาดเทพจินดา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เดินตลาดหาเสียงร่วมกับ น.ส.สว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 5 (เบอร์ 3) ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียง เดินทางไปพบกลุ่มประมงเรือเล็ก ที่หาดบ้านพยูน เปิดวงพูดคุยสะท้อนปัญหาเขื่อนกันคลื่นที่กระทบวิถีชีวิตของชาวประมง

ตัวแทนกลุ่มชาวประมง กล่าวว่า ที่ผ่านมาการสร้างเขื่อนกันคลื่นบนแนวชายหาด ส่งผลกระทบให้เกิดการกัดเซาะชายหาดจนชายหาดธรรมชาติเดิมเสียความสมดุล ทางกลุ่มเคยหารือกันแล้วว่าสิ่งที่ชาวบ้านในกลุ่มต้องการมากกว่า คือเขื่อนกันคลื่นนอกชายหาด ที่จะช่วยให้เรือเล็กสามารถจอดได้ และสามารถนำไปสู่กิจกรรมการท่องเที่ยว เช่น การพานักท่องเที่ยวตกหมึกตกกุ้ง ซึ่งสอดคล้องกับวิถีของชาวประมงมากกว่า

ตัวแทนกลุ่มชาวประมง กล่าวต่อว่า การดำเนินการของภาครัฐที่ผ่านมากลับเน้นไปที่การทำเขื่อนกันคลื่นบนแนวหาด การทำ EIA ก็ไม่ครบกระบวนการและไม่ได้รับฟังเสียงชาวบ้านอย่างแท้จริง ทำให้เกิดผลกระทบตามมา ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่าหากได้เป็นรัฐบาล ขอให้พิจารณาทบทวนรูปแบบการทำเขื่อนกันคลื่นให้เหมาะสมกับวิถีของประชาชนที่ต้องพึ่งพาอาศัยใช้ชีวิตทำกินอยู่กับทะเลด้วย

น.ส.สว่างจิตต์ ได้รับปากพร้อมเน้นย้ำถึงหลักคิดของพรรคก้าวไกลว่าการพัฒนาต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกับสิ่งที่ชุมชนต้องการ และจะต้องมีส่วนร่วมกับชุมชนเป็นสำคัญ หากได้เป็น ส.ส. ตนก็พร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างเต็มที่

‘ต่าย ชุติมา’ โผล่คอมเมนต์ให้กำลังใจ ‘พิธา’ หลังพูดถึงปมความรุนแรงในครอบครัว

ต่าย ชุติมา โผล่คอมเมนต์ พิธา พูดถึงปมความรุนแรงในครอบครัว แฟนๆ แห่ส่งกำลังใจ

(21 เม.ย. 66) จากกรณี ‘ทิม’ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตสามีนักแสดงสาว ‘ต่าย’ ชุติมา ให้สัมภาษณ์กับสื่อตอนหนึ่ง ถึงเรื่องความรุนแรงในครอบครัว โดยยืนยันไม่เคยมีความรุนแรงในครอบครัว ตนต้องคิดถึงสิทธิสตรี สิทธิครอบครัว สิทธิเด็ก และสิทธินักการเมือง แต่ทุกคนก็เคยเป็นตัวร้ายในเรื่องเล่าของคนอื่นทั้งนั้น

ปรากฏว่า ต่าย ชุติมา อดีตภรรยาได้เข้าไปคอมเมนต์ในข่าวดังกล่าวว่า…

‘พิธา’ ขอยกเครื่องกฎหมายต่อต้านผูกขาด ปิดช่องโหว่ กสทช. เปลี่ยนจาก ‘รบ.เกรงใจกลุ่มทุน’ เป็น ‘รบ.ที่เกรงใจประชาชน’

‘พิธา’ ชี้ ค่ามือถือ-เน็ตบ้านเสี่ยงแพงขึ้น จากบรรทัดฐานที่เลวร้ายของ กสทช. เผย ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาล พร้อมยกเครื่องกฎหมายต่อต้านผูกขาด ปิดช่องโหว่ กสทช. ปฏิเสธอำนาจตัวเอง เปลี่ยน ‘รัฐบาลเกรงใจกลุ่มทุน’ เป็น ‘รัฐบาลเกรงใจประชาชน’

(21 เม.ย.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นชอบหลักการกรณี AIS เข้าซื้อหุ้น JAS และ 3BB ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ TRUE-DTAC ว่า ในข่าวไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนัก ยิ่งทำให้ประชาชนเป็นกังวลว่า ‘หลักการ’ ทิศทางเดียวกับ TRUE-DTAC หมายความว่า กสทช.จะยอมให้ควบรวมแบบไม่ต้องขออนุญาตเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะ กสทช. ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายว่าการควบรวมธุรกิจโทรคมนาคม มีช่องโหว่ให้สามารถรวมกันได้ โดยไม่มีหน่วยงานใดในประเทศนี้สามารถยับยั้งได้ และกำลังจะใช้บรรทัดฐานนี้กับการควบรวมครั้งใหม่ของ AIS และ 3BB หรือไม่

นายพิธากล่าวว่า การควบรวมครั้งใหม่นี้จะส่งผลต่อค่าอินเทอร์เน็ตบ้านอย่างไร อธิบายง่ายๆ ก็คือการที่บริษัท AIS ที่ขาหนึ่งทำธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน จะเข้าซื้อบริษัท 3BB ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านอีกราย ทำให้ AIS จะกลายเป็นบริษัทที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจนอาจมีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งในระยะยาวจะลดการแข่งขันลงและทำให้ค่าเน็ตบ้านที่ประชาชนต้องจ่ายแพงขึ้น

อธิบายให้ละเอียดกว่านั้น คือในขณะนี้ตลาดของอินเทอร์เน็ตบ้าน มีผู้แข่งขันอยู่ 4 ราย ได้แก่ TRUE ครอบครองส่วนแบ่งตลาด 36%, 3BB ครองส่วนแบ่งตลาด 28%, NT (TOT เดิม) ครองส่วนแบ่งตลาด 20% และ AIS ครองส่วนแบ่งตลาด 13% การที่ AIS จะเข้าซื้อ 3BB จะทำให้ AIS+3BB ครองส่วนแบ่งตลาด 41% มากเป็นอันดับหนึ่ง แทนที่ TRUE ถ้าเรายังจำกันได้ ก่อนที่จะมี AIS Fiber และมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านแค่ 3 ราย ค่าบริการสูงกว่าในปัจจุบัน และคุณภาพการให้บริการก็แย่กว่าในปัจจุบัน

นายพิธากล่าวต่อว่า เราคงต้องจับตากันว่ากรณีนี้ กสทช. จะมีมติออกมาเร็ว ๆ นี้หรือไม่ แต่หลังเลือกตั้งหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะต้องมีการยกเครื่องกฎหมายต่อต้านการผูกขาดใหม่ทั้งหมด ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อปิดช่องโหว่ที่ กสทช.จะปฏิเสธอำนาจตัวเอง แล้วปล่อยปละละเลยหน้าที่การกำกับดูแลของตัวเอง ให้เกิดการควบรวมที่จะลดการแข่งขัน สร้างภาระค่าครองชีพให้ประชาชนด้วยราคาสินค้าค่าบริการที่แพงขึ้น

‘นิติพล’ โชว์วิสัยทัศน์พัฒนาชีวิตคนฝั่งธนฯ อย่างสมดุล ชูนโยบาย!! ขยายขนส่งสาธารณะ-เพิ่มพื้นที่สีเขียว

‘นิติพล’ ก้าวไกล ชูนโยบายฝั่งธนฯ ขยายขนส่งสาธารณะเส้นเลือดฝอย เพิ่มพื้นที่สีเขียว ลด PM2.5 เพื่อให้คนวาดอนาคตร่วมกันได้

(21 เม.ย.66) นายนิติพล ผิวเหมาะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า

ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่น้องชาวฝั่งธนบุรี ในการปราศรัยที่ใต้สะพานพระราม 8 จึงอยากนำเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่ไปพร้อมกับการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากปีนี้สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 หนักมาก ตนจึงอยากพูดถึงสถานการณ์มลพิษทางอากาศในเมืองกับแนวทางการแก้ปัญหา เพราะหลายปีมานี้ฝั่งธนฯ เปลี่ยนไปมาก สวนฝั่งธนและพื้นที่เกษตรเริ่มกลายเป็นเมือง รวมถึงมีถนนขยายเข้าไปมากมายทั้งเส้นหลักเส้นรอง บางพื้นที่มีการขยายตัวของย่านอุตสาหกรรม แต่สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของมลภาวะต่างๆ รวมถึงฝุ่นละอองที่เป็นต้นเหตุของ pm2.5 ซึ่งแตกต่างจากปัญหาของภาคเหนือ

“สิ่งที่ผมสังเกตคือขนส่งสาธารณะที่จะเป็นเสมือนเส้นเลือดฝอยของเมืองกลับมีน้อย ขาดความเชื่อมต่อกับย่านเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ผลที่ตามมาคือทุกคนจะต้องมีรถส่วนตัว ซึ่งในอนาคตเมื่อรถบนถนนมากขึ้น ตามเมืองที่ขยายตัว ปัญหาของฝั่งธนฯก็จะซ้ำรอยปัญหากรุงเทพฯ” นายนิติพล กล่าว

นายนิติพล กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กันและต้องรีบวางแผนคือ ผังเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการออกแบบเมือง ก่อนที่ตึกคอนกรีตและถนนจะกลืนเมืองไปเสียหมด จำเป็นต้องจัดวางพื้นที่สีเขียวและพื้นที่จำเป็นต่างๆ ให้ชัดเพื่อให้ฝั่งธนฯพัฒนาไปอย่างสมดุล มีพื้นที่สีเขียวไว้พักผ่อนหย่อนใจเป็นพื้นที่สาธารณะ ขณะเดียวกันเพื่อดูดซับมลพิษต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งผังเมืองคือหัวใจของเมืองหรือย่านต่างๆ แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ถูกออกแบบจากหน่วยงานและปรับเปลี่ยนสีของย่านนั้นๆ ตามอำเภอใจ ทำให้เมืองขยายไปอย่างสะเปะสะปะ และขาดกการมีส่วนร่วมจากประชาชน

“ผลคือเมืองขาดพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะที่ชุมชนจะใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ สิ่งเหล่านี้จึงต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะฝั่งธนฯเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างพื้นที่เกษตรกรรม กับการขยายตัวของความเป็นเมือง จึงต้องการผังเมืองที่สามารถเป็นเข็มทิศที่ทุกคนวาดอนาคตร่วมกันได้” นิติพล กล่าว


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/politics/news_7623836

‘วิโรจน์’ ซัด!! หนังสือเรียน ชั้น ป.5 สอนรับสภาพอดอยาก ลั่น!! เด็กต้องการ ‘อาชีพ-อาหาร’ เลิกผลาญเงินซื้อ ‘อาวุธ’

‘วิโรจน์’ อัดยับแบบเรียนป.5 สอนเด็กยอมจำนน ยอมรับชีวิต กินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลา
.
(21 เม.ย.66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อดีตกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง [ เราควรปล่อยให้เด็กไทยยอมรับสภาพ การกินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลา จริงๆ หรือ? ] โดยมีเนื้อหาดังนี้
.
มีคนส่งเนื้อหาในหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผมอ่าน น่าจะเป็นหนังสือที่ชื่อว่า “ชีวิตมีค่า ภาษาพาที ชั้น ป.5 บทที่ 9” ผมอ่านแล้วผมรู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะลำพังการปล่อยให้เด็กกินข้าวกับผัดผักบุ้งและไข่ต้มหนึ่งซีก โภชนาการเพียงเท่านี้ ก็ไม่เพียงพอต่อการเสริมสร้างพัฒนาการให้กับเด็กๆ อยู่แล้ว
.
แต่หนังสือเล่มนี้ ยังคงมีเนื้อหา สอนให้เด็กยอมจำนนต่อโชคชะตา ยอมรับสภาพกับการกินเข้าเปล่าราดน้ำปลา หรือข้าวเปล่าคลุกกับน้ำผัดผักบุ้ง
.
เข้าใจหรือยังครับว่า ทำไมหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้ว ผลการประเมินประสิทธิภาพในการเรียนรู้ในระดับสากลของเด็กไทย ไม่ว่าจะเป็น PISA หรือ TIMSS จึงมีแนวโน้มลดต่ำลงเรื่อยๆ
.
ประเทศไทยควรลดงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็น และแพงเกินจริง นำมาจัดสรรเป็นสวัสดิการให้กับเด็กๆ พร้อมกับปรับปรุงโรงเรียน ทั้งหลักสูตรที่ยืดหยุ่นคืนเวลาให้กับครูและนักเรียน ลดการสอบ ลดการบ้าน ปลดภาระงานธุรการเพื่อคืนครูสู่ห้องเรียน เพิ่มงบประมาณอาหารกลางวัน มีสวัสดิการรถโรงเรียน มีการปรับปรุงความปลอดภัยภายในโรงเรียน มีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ครบครัน ยกเลิกอำนาจนิยมภายในโรงเรียน ฯลฯ
.
งบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากปี 2547 ที่ 78,000 ล้านบาท จนปัจจุบันแตะระดับ 2 แสนล้านบาทต่อปี ประชาชนตอบไม่ได้เลยว่า ประชาชนได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติ ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐบาลเพิ่มขึ้นในแง่ไหนบ้าง
.
ประชาชนต้องการ “อาชีพ” ต้องการ “อาหาร” เลิกผลาญซื้อ “อาวุธ” ได้แล้วครับ”


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3936914

‘พิธา’ โชว์กลยุทธ์หาเสียง!! ส่งไม้ต่อปชช. พูดปากต่อปาก ย้ำ!! ปชช.คือพลังสำคัญ ทำให้เลือก ‘ก้าวไกลทั้งบ้าน’

‘พิธา’ งัดไม้เด็ด ใช้หัวคะแนนธรรมชาติ ส่งกระแสปากต่อปาก ให้ ‘ก้าวไกลทั้งบ้าน’ พาเข้าวิน ย้ำกาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(21 เม.ย.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงโพลมติชนxเดลินิวส์ ที่จะเปิดโหวตครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน สำหรับพรรค ก.ก.จะปรับกลยุทธ์การหาเสียงโค้งสุดท้ายอย่างไรว่า เนื่องจากพรรค ก.ก.ไม่ได้มีทรัพยากรเหลือเฟือ ทำให้เราต้องเน้นการลงพื้นที่เข้มข้นในลักษณะการเคาะประตูบ้าน การให้ผู้สมัครทุกคนไปพูดคุยกับประชาชนให้มากที่สุด ให้คนเชื่อมั่นในพรรค ก.ก.ว่าผู้สมัครทุกคนเอาจริง พร้อมทำงานให้พี่น้องประชาชน

นายพิธากล่าวว่า และที่สำคัญที่สุดเราพยายามขอให้หัวคะแนนธรรมชาติของเราช่วยหาคะแนนเสียงไปด้วยกัน มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน บอกพ่อแม่ปู่ย่าตายาย บอกเพื่อน บอกคนรู้จัก ให้ทุกคนเป็นหัวคะแนนธรรมชาติของก้าวไกล ช่วยแสดงออก ช่วยตัดคลิป ช่วยรีทวิต ช่วยแชร์ข้อมูลข่าวสาร บอกต่อนโยบายจุดยืนของพรรค ก.ก.ให้คนรอบข้างได้รับรู้ด้วย จนเรียกได้ว่า ‘ก้าวไกลทั้งบ้าน’

“นี่คือกลยุทธ์การหาเสียงโค้งสุดท้ายของพรรค ก.ก.ที่ประหยัดงบประมาณ แต่ได้ความร่วมไม้ร่วมมือจากประชาชน และที่สำคัญที่สุดเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลตอบรับอย่างดีมาก ทำให้กระแสและความนิยมมาจริงและกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกช่องทาง สังเกตได้จากผลสำรวจของทุกสำนัก” หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ

เมื่อถามว่า นายพิธาที่ได้คะแนนนำเป็นอันดับ 1 ที่คนอยากให้เป็นนายกฯ จะมีวิธีการรักษาแชมป์ผลโพลในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งอย่างไร นายพิธากล่าวว่า ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเลือกพรรค ก.ก.ไปไม่เสียของ และแนวทางแบบก้าวไกลนั้นเป็นไปได้ เป็นทางออกของประเทศไทย และสื่อสารกับประชาชนด้วยแนวนโยบาย จุดยืนวิสัยทัศน์ แบบตรงไปตรงมา เราคิดอย่างไรพูดอย่างนั้น เราพูดอย่างไรก็ทำแบบนั้น ทุกคนในพรรคพูดตรงกัน จากจุดยืนที่มั่นคง เพราะเราเชื่อว่าประชาชนชอบความชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่ลังเล ไม่กำกวม ไม่หมกเม็ด

นายพิธากล่าวว่า ดังนั้น เราจะสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่าเลือกก้าวไกลไม่เสียของ ไม่ต้องกลัวแพ้ เพราะเราจะ Vote For Change, Vote For Hope, Vote Forward. เลือกเพื่อเปลี่ยน เลือกเพื่อความหวัง และเลือกไปข้างหน้า อย่าเลือกด้วยความกลัวว่าจะแพ้ เลือกเพราะกลัวว่าเลือกไปแล้วจะเสียของ ทุกคะแนนที่กาก้าวไกลจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3937173

‘จีน พุธิตา’ ลุยหาเสียง บังเอิญเจอ ‘ลุงตู่’ กลางตลาด ฝากดังๆ!! “หยุดบิดเบือน ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่เท่ากับยกเลิกทหาร”

‘จีน พุธิตา’ ผู้สมัครก้าวไกลเชียงใหม่ เดินหาเสียงเจอ ‘ประยุทธ์’ ฝากดังๆ หยุดปล่อยข่าวปลอม ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่เท่ากับยกเลิกทหาร
 
(21 เม.ย.66) ที่ตลาดศรีบุญเรือง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พุธิตา ชัยอนันต์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคก้าวไกล (เบอร์ 5) รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายพรรคก้าวไกล

โดยระหว่างเดินหาเสียง เจอขบวนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติและคณะ ที่กำลังเดินหาเสียงในตลาดเช่นกัน พุธิตาจึงพูดผ่านโทรโข่งถึงนโยบายการเมืองดี ปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร พร้อมกล่าวว่า ทราบมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียง บอกว่าพรรคการเมืองหนึ่งจะยกเลิกการมีทหาร ซึ่งอาจเข้าข่ายการโกหกบิดเบือน สร้างข่าวปลอม เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายยกเลิกกองทัพหรือทหาร ความจริงแล้วพรรคก้าวไกลมีนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ ให้ประชาชนมีเสรีภาพในการประกอบชีพ ให้มีกองทัพที่ทันสมัย เป็นมืออาชีพ ทหารทุกคนไม่ถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เหมือนที่ผ่านมา ไม่ใช่การยกเลิกการมีทหารตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ บิดเบือนแต่อย่างใด

เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนในตลาด รวมถึงสื่อมวลชนที่เดินทางมาติดตามทำข่าว พล.อ.ประยุทธ์ โดยหลังจากพูดจบ พุธิตา และ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างแยกย้ายกันรณรงค์หาเสียงต่อ เหตุการณ์เป็นไปโดยราบรื่น ไม่มีความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น โดยประชาชนให้การตอบรับการหาเสียงของผู็สมัครก้าวไกลอย่างอบอุ่น

สำหรับ พุธิตา ชัยอนันต์ เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคยเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในช่วงวิกฤติการเมืองปี 2557 จนกระทั่งหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พุธิตาจึงเป็นหนึ่งในประชาชนผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร 2557 ร่วมกับรังสิมันต์ โรม บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558

‘พิธา’ ตอบ ‘ครูสลา’ คำถามเรื่องนโยบายจัดการหนี้สิน-ปลดหนี้ ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ เป็นรบ. เมื่อไหร่ คนออก ‘ไมค์หมดหนี้’ น้อยลง

‘พิธา’ ตอบคำถามเรื่องนโยบายจัดการหนี้สินคนไทยแบบเร่งด่วน ‘ครูสลา’ บอกถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล คนจะออก ‘ไมค์หมดหนี้’ คงน้อยลง

(21 เม.ย.66) กลายเป็นคลิปที่ถูกแชร์กันออกไปในโลกออนไลน์อย่างมาก สำหรับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีดีเบตประชันนโยบาย “ลุยเลือกตั้งดีเบต 2566” ทางช่องเวิร์คพอยท์

โดย 1 ในคำถามที่ส่งขึ้นมาดีเบต คือเรื่องปัญหาหนี้ ซึ่งครูสลา คุณวุฒิ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง นักประพันธ์เพลง แนวลูกทุ่งอีสาน ได้สอบถามถึงนโยบายแบบเร่งด่วน ช่วยจัดการหนี้สิน-ปลดหนี้ ของคนไทย

นายพิธา กล่าวว่า มาดีเบตที่เวิร์คพอยท์ ตัวตนเป็นแฟนคลับของรายการไมค์ปลดหนี้ และต้องขอโทษชาวเวิร์คพอยท์ด้วย ถ้าเกิดก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ อาจจะมีคนมารายการไมค์หมดหนี้ น้อยลงนิดนึง

‘ช่อ’ ช่วย ‘ฉัตร’ ลุยหาเสียงโคราช ชี้!! เมืองใหญ่เหลื่อมล้ำ ลั่น!! กา ‘ก้าวไกล’ ชาวโคราช ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงานในเมือง

ช่อ ลุยโคราช ช่วยผู้สมัครหาเสียง ลั่นไม่ใช่เมืองเล็ก แต่เหลื่อมล้ำสูง ขอ ก้าวไกลขจัดความเจ็บปวด

( 24 เม.ย.66) นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (กก.) ลงพื้นที่ช่วย นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พื้นที่ ต.ในเมือง ต.หนองไผ่ล้อม และ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง เบอร์ 3 หาเสียงที่สำนักงานเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา นำออกเดินพบปะทักทายพร้อมแนะนำผู้สมัครรวมทั้งชี้แจงนโยบายพรรคเน้นการกระจายอำนาจและเพิ่มบุคลากร รวมทั้งงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงโดนใจผู้ปฏิบัติงานทำให้ได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ พนักงาน ทน.นครราชสีมา รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่มาติดต่อราชการโดยขอเซลฟี่กันอย่างคึกคัก

น.ส.พรรณิการ์เปิดเผยว่า เป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน ที่มาช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีเยาวชนคนรุ่นใหม่มากที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะเขต 1, 2, 3 พี่น้องประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองและเข้าถึงสื่อออนไลน์ค่อนข้างมาก นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ เราคาดหวังสูงที่จะได้ ส.ส.ทั้ง 3 เขต ช่วงเข้าสู่โค้งสุดท้ายเน้นกิจกรรมเดินตลาด แหล่งชุมชนและขึ้นรถแห่ให้มากที่สุด

ทั้งนี้ โคราชไม่ใช่เมืองเล็ก เป็นเมืองมหานครแต่มีปมเจ็บปวด ทำไมงานดี เศรษฐกิจดีๆ มีไม่มาก พอหลายคนต้องไปทำงานที่อื่น ที่สำคัญโคราชไม่เคยมีพรรคการเมืองใดครองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผลัดกันไปมา ขอให้กาก้าวไกล โคราชจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน


ที่มา : https://www.matichon.co.th/politics/news_3941106

‘ธนาธร’ อ้อน!! กาก้าวไกล ได้การเมืองโปร่งใสไร้ทุจริต พร้อมพลิกความเจริญสู่ชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นมหาศาล

(24 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมช่วยหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคก้าวไกล โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ตลาดสดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมเปิดปราศรัยขนาดย่อมที่หน้าตลาด ช่วยหาเสียงให้กับ ปกรณ์ อารีกุล ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 (เบอร์ 3) และ พสุธน โมคคัลลา กลับนุ้ย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 (เบอร์ 2)

ก่อนเดินทางต่อไปยัง อ.ปากพนัง เปิดปราศรัยขนาดย่อมที่หน้าท่าเรือข้ามฟากปากพนังฝั่งซ้าย ก่อนนั่งเรือข้ามฟากไปเดินหาเสียงแจกแผ่นพับที่ตลาดเทศบาลเมืองปากพนัง พร้อมกับ ชนิศา ชูเมือง ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 (เบอร์ 4)

หลังจากนั้น เดินทางเข้าสู่ อ.ทุ่งสง พบปะประชาชนที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล เขต 6 นครศรีธรรมราช ร่วมกับ ปิยวัฒน์ สิริพันธ์พงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 (เบอร์ 8) ก่อนขึ้นรถแห่ไปตามถนนเส้นหลักของ อ.ทุ่งสง เดินทางต่อไปยัง อ.ทุ่งใหญ่ ช่วยหาเสียงให้กับ พุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 (เบอร์ 5) ขึ้นรถแห่ไปตาม อ.ทุ่งใหญ่ และเปิดเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาตำบลบางรูป

โดยระหว่างการหาเสียงวันนี้ มีประชาชนชาวนครศรีธรรมราชที่ให้ความสนใจเดินเข้ามาฟังการปราศรัยอย่างหนาแน่นในทุกจุด รวมทั้งได้เข้ามาพบปะพูดคุย ขอถ่ายภาพร่วมกัน และนำสิ่งของทั้งของฝากและของทาน เช่น สะตอ ขนมทองหยิบ-ทองหยอด ส้ม น้ำเต้าหู้ ของเล่น มาทำเป็นพวงมาลัยมอบให้จำนวนมาก

การปราศรัยวันนี้ ธนาธรได้กล่าวถึงเหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอคำขวัญ ‘กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ ว่าเพราะเราต้องการตอบโจทย์ที่ประชาชนคนไทยจำนวนมากหมดหวังไปแล้ว ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปได้ แต่เราเชื่อว่าประเทศไทยดีกว่านี้ได้ ลูกหลานควรได้รับโอกาสเติบโตมาในสังคมที่ดีกว่านี้ และวิธีการทำงานของเราแตกต่างจากคนอื่น เพราะพรรคก้าวไกลไม่เคยคิดว่าจะแก้ปัญหาแบบขอไปที การทำแบบนั้นไม่สามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้ แต่ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ

เช่น เรื่องของ ส.ป.ก. ซึ่งที่ตำบลบางรูปแห่งนี้ ที่ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ เป็นที่ดิน ส.ป.ก. เช่นกัน วันนี้ ส.ป.ก. ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เป็นเมืองในปัจจุบันแล้ว แต่ ส.ป.ก. ยังคงกักขังคนให้มีทางเลือกแค่ทางเดียวคือการทำการเกษตร ไม่ให้ทำห้องพัก ร้านกาแฟ และกิจการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และวิธีการแก้ปัญหาของพรรคก้าวไกล ซึ่งแตกต่างจากพรรคอื่น คือการทำให้ ส.ป.ก. เป็นโฉนด ทราบมาว่ามีร่างกฎหมายแล้ว พร้อมนำเสนอเข้าสู่สภาฯ ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ใน 30 วันแรกหลังเปิดสภาฯ พรรคก้าวไกลบอกว่ายื่นร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสู่สภาฯ แน่นอน

การแก้ปัญหายางพาราก็เช่นกัน ตั้งแต่อนาคตใหม่ถึงก้าวไกล ไม่เคยสัญญาว่าจะให้ราคายางเท่าไร แจกเงินแจกง่าย สร้างงานสร้างยาก แต่อยากให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนต้องสร้างงาน ในระยะสั้นต้องอัดฉีดเงินแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ระยะยาวต้องสร้างอุตสาหกรรมยางพาราในประเทศไทยให้ได้ วันนี้มาเลเซียเลิกปลูกยางไปแล้ว ซื้อน้ำยางข้นผ่านด่านสะเดาบ้านเราเอาไปแปรรูปที่มาเลเซีย แปรรูปจนเกิดมูลค่าเพิ่มสูงกว่า ปล่อยให้คนไทยเป็นคนปลูกยาง ภูมิใจได้แค่ว่าเป็นผู้ส่งออกยางเยอะที่สุด แต่เครื่องจักรพื้นฐานที่สุดในการแปรรูปยางยังผลิตในประเทศไทยไม่ได้เลย

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่าตนมองไม่ออกเลยว่าทำไมการแก้ปัญหาราคายางพาราแบบนี้ถึงจะทำไม่ได้ จะแก้ปัญหายางพาราต้องทำแบบนี้ สร้างอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการแปรรูปยางพารา เป็นรองเท้านักเรียน สนามเด็กเล่น อุปกรณ์การเรียนการสอน วัสดุกันกระแทกในอุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ ฯลฯ แปรรูปที่นี่ เกิดมูลค่าเพิ่มที่นี่ แล้วส่งออกไปขายต่างประเทศ นี่คือการแก้ปัญหาที่ต้นตอ และเป็นวิธีการทำงานแบบพรรคก้าวไกล

แต่ขณะเดียวกัน ก็มีคนปรามาสพรรคก้าวไกลมากมายว่าเป็นพวกสุดโต่ง เร็วเกินไป ไม่มีประสบการณ์ แต่สี่ปีที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลไม่ใช่หรือที่ทำผลงานในสภาได้โดดเด่นที่สุด ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว จากการอภิปรายเปิดโปงรัฐมนตรีคนหนึ่งว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน จนเกิดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นี่คือผลงานของ ส.ส. พรรคก้าวไกลที่เปิดโปงและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนได้หลายพันล้านบาท


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top