Sunday, 30 June 2024
พรรคก้าวไกล

‘โรม’ ซัด ตร. ยื้อ ‘พรบ.ป้องกันทรมาน - อุ้มหาย’ อ้างอุปกรณ์ไม่พร้อม - เจ้าหน้าที่ขาดความรู้

‘โรม’ จี้ นายกฯ-สตช. อย่าใช้วิชามารเลื่อนกฎหมายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน หลัง ผบ.ตร. ลงนามหนังสือขอเลื่อนปฏิบัติตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ อ้างต้องจัดซื้อกล้องจำนวนมาก-เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ย้อนก่อนหน้านี้ ‘สุรเชษฐ์’ รอง ผบ.ตร. เคยบอกพร้อม 

(12 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามชะลอการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 ว่า กฎหมายฉบับนี้ผ่านสภามาหลายเดือน แต่กำหนดให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมตัวปฏิบัติตามกฎหมายใหม่

รังสิมันต์ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญในฐานะการยกระดับกระบวนการยุติธรรมที่คุ้มครองพี่น้องประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ โดยสาระสำคัญข้อหนึ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อ้างว่าไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ได้ คือการติดกล้องบันทึกภาพระหว่างปฏิบัติภารกิจ ซึ่งจุดประสงค์ของกฎหมายต้องการให้สามารถตรวจสอบได้ว่า ระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายหรือซ้อมทรมาน

"หากเราไปดูประเทศที่เจริญแล้ว ที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและโปร่งใส อย่างสหรัฐอเมริกา หลายประเทศในยุโรป ก็จะพบว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการติดกล้องประจำตัวไว้ เป็นเรื่องปกติมาก และทำให้ทราบได้ว่า การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการควบคุมตัวตามกฎหมายจริงหรือไม่ หากย้อนกลับมาดูที่ประเทศไทย ก็มีการกล่าวอ้างอยู่เป็นระยะว่าการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ มีการซ้อมทรมาน การทำร้ายร่างกาย หรือมีการควบคุมตัวที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงมีเจตนารมณ์ที่ดี" รังสิมันต์ กล่าว

‘พิธา’ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ประกาศความพร้อมสะบัดธงส้มทั้งธนบุรี มั่นใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ส่ง ส.ส.เข้าสภากวาดที่นั่งครบทุกเขต

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร ทั้ง 9 คนใน 10 เขต และแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าชาวฝั่งธนบุรีมีความต้องการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 9 คนของพรรคก้าวไกลให้เข้าไปเป็นผู้แทนของทุกคน

พิธา ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนก่อนการเดินสายพบปะประชาชน โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งในฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษทโดยเฉพาะเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา คือในปี 2562 เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 6 จาก 9 เขต ส่วนในการเลือกตั้ง สก. พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองอยู่หลายเขต ซึ่งทำให้เห็นว่าธนบุรีเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงสูง

โดยที่บัดนี้ พรรคก้าวไกลได้ตัวว่าที่ ส.ส. ครบทั้ง 10 เขตแล้ว และเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม โดยมีทั้งอดีต ส.ส. ที่ทำงานได้ดีทั้งในพื้นที่และในประเด็นระดับชาติและยังมีผู้สมัครหน้าใหม่จากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม การเมืองภาคประชาชน อดีตผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ผู้จัดการธนาคาร อดีตพนักงานสายการบิน และอดีตบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะผู้สมัครทั้ง 10 คนนี้ จะเป็นผู้แทนที่มีคุณภาพและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีในอนาคตได้

พิธา ยังกล่าวต่อไป ว่าจุดเด่นของฝั่งธนบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร มีประชากรกว่า 4.7 ล้านคน และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งพระนครมากนัก คือศักยภาพทั้งในเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการใช้ประโยชน์พื้นที่ริมน้ำ ขณะเดียวกันธนบุรีก็มีสิ่งที่เป็นความท้าทายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ความแออัด และการปะทะขัดแย้งกันระหว่างวิถีชุมชนเก่าริมน้ำกับวิถีชุมชนใหม่ที่มีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียม ซึ่งควรจะต้องจัดสรรการพัฒนาให้มีควรมสอดคล้องและสมดุลกันได้

โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลในฝั่งธนบุรีหลายคน ได้เล็งเห็นถึงประเด็นดังกล่าวและมีแนวคิดร่วมกัน ว่าควรมีการพัฒนาระบบการคมนาคมทางน้ำขึ้นมาเสริมและชดเชย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะเส้นเลือดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือถนนสายหลักต่างๆ

‘ก้าวไกล’ ชูนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” พร้อมเดินหน้าแก้หนี้ครู - เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่

‘ก้าวไกล’ ประกาศนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” ยกเลิกครูนอนเวร ลดงานธุรการเอกสาร เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ ชวนเปลี่ยนวิธีปฏิรูปการศึกษา เลิกคิดจากหอคอยงาช้าง มาแก้ปัญหาที่ครู-นักเรียนเจอในชีวิตประจำวัน

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายของพรรคก้าวไกล ได้ประกาศนโยบายเนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติ “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” เพื่อแก้ปัญหาภาระงานเอกสารและงานอื่น ๆ ที่ดึงครูออกจากห้องเรียน

พิธา กล่าวว่า มีงานวิจัยของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้ทำการศึกษาเอาไว้ว่าใน 1 ปี มีวันเปิดเรียน 200 วัน แต่ครูต้องใช้เวลา 84 วัน หรือ 42% ไปกับงานนอกห้องเรียน ปัญหาเรื่อง งานที่ดึงครูออกจากห้องเรียนถูกพูดถึงกันมานาน คำถามคือทำไมเรื่องนี้ถึงยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก้าวไกลจึงได้ตั้งโจทย์การทำนโยบายใหม่ ด้วยการที่ทีมนโยบายเราลงไปเก็บข้อมูลจากครูที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร คือครูผู้ช่วยบรรจุใหม่ ที่เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ต้องรับภาระงานแทบจะมากที่สุดในโรงเรียน

ปัญหาที่คุณครูเล่าให้เราฟัง หลายเรื่องนักปฏิรูป หรือผู้บริหารจากส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก อย่างการจัดผ้า จับจีบ สร้างพิธีกรรมต้อนรับผู้บริหารกระทรวง หรือการเข้าเวรอยู่โรงเรียนในยามวิกาล แต่สำหรับครูระดับล่างสุดที่เป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องรับผิดชอบห้องเรียน สิ่งเหล่านี้กินพลังงานและชั่วโมงการทำงานมหาศาล จนส่งผลกระทบกับการจัดการเรียนการสอน

“นี่จึงเป็นที่มาของการทำข้อเสนอ 10 ข้อ ที่ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราสามารถแก้ได้ทันที คือ 1) ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที! 2) ยกเลิกพิธีการ จัดจีบ จัดผ้า จัดโต๊ะ ตั้งบอร์ด ในการประเมินผล ทันที! 3) ห้าม ผอ. ใช้ครูทำผลงาน ให้ครูประเมินผล ผอ. 360 องศา 4) ลดงานธุรการครู เพิ่มงานบริหารให้ผู้บริหาร 5) ระบบกรอกต่าง ๆ ต้องไม่ล่ม จบในระบบเดียว 6) ยกเลิกการเขียนรายงานเมื่อไปอบรมหรือปฏิบัติราชการ 7) เลิกการส่งครูไปอบรม! เปลี่ยนเป็นให้เงิน เพื่อให้ครูเลือกไปเรียนรู้แทน  8) ห้าม! สพฐ. จัดอบรมในวันที่มีการเรียนการสอน 9) ระบบรับเรื่องร้องเรียนตรงถึงรัฐมนตรี 10) เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ให้มากกว่า 20,000+ บาท/เดือน"

ก้าวไกล เชื่อ!! โกย ส.ส.ภาคเหนือได้เพิ่ม หลังฝ่าบทพิสูจน์ ผู้แทนแบบก้าวไกล ‘ขายได้’

‘ก้าวไกล’ อบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนบน ประกาศพร้อมเลือกตั้ง ไม่หวั่นปัจจัยยุบสภา เชื่อพิสูจน์การทำงานแล้ว ผู้แทนแบบก้าวไกลขายได้ มีลุ้นกวาดที่นั่งเพิ่ม 

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกลจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง นำโดย สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม รองโฆษกพรรคก้าวไกล นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล 

นิติพล กล่าวว่า ไม่ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว พรรคก้าวไกลก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสู้ศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีการจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้งเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, พะเยา, แพร่ และน่าน เพื่อเตรียมลุยศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง

'โรม' ฉะ!! รัฐบริหารประเทศแค่อาชีพเสริม อาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส.

'โรม' ฉะรัฐบาลอาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส. อาชีพเสริมบริหารประเทศ แนะควรใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารงานให้ดี ยันขอทำหน้าที่ซักฟอกให้ดีที่สุดเหมือนเส้นด้ายที่คม

(18 ม.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคว่ายังคงเน้นการพบปะประชาชน แบบไปเดินตลาด ยังไม่ได้เน้นในเรื่องการเปิดเวทีใหญ่ เนื่องจากเราเห็นว่าการเดินพบปะประชาชนเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่า และได้ความใกล้ชิด แต่อาจจะได้พบคนน้อย ส่วนการขึ้นเวทีจะได้พบปะประชาชนจำนวนมาก ต้องดูว่าสุดท้ายความใกล้ชิดจะเป็นอย่างไร 

อย่างไรก็ตามแคมเปญหาเสียงของพรรค การเดินสายทั่วประเทศแน่นอน เราจะใช้เวลาทั้งหมดในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คือ...

ข้อ 1.งานสภาเราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่มีความจำเป็นจะต้องผลักดัน

“บางทีผมรู้สึกว่า ถ้าคุณอยากสัญญากับประชาชนว่าหลังจากนี้จะผลักดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่วันนี้เรายังอยู่ในสภายังมีอำนาจอยู่ ฝ่ายค้านอาจไม่เยอะ แต่ก็ทำงานได้ ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดให้ประชาชนเขาเห็นว่า คุณเข้าไป คุณรักษาสัญญา ไม่ตระบัดสัตย์ ซึ่งพรรคก้าวไกลเราทำหน้าที่นั้นและนโยบายที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรค เราพยายามทำให้มันสำเร็จ แน่นอนว่าเราไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด เพราะเรามีเสียงไม่มากอยู่ในสภา แต่เราพยายามทำให้เต็มที่" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.เรื่องการเลือกตั้งที่เราเคยชนะเลือกตั้ง เราต้องปกป้องให้ได้ ซึ่งเป็นวาระที่เราต้องทำให้บรรลุผล รวมไปถึงเขตอื่น ๆ ที่เราต้องไปบุกเบิก ไปเจอประชาชนให้ได้มากที่สุดแล้วนำเสนอนโยบาย 

และ 3. สิ่งที่ต้องทำต่อคือ นโยบาย สิ่งหนึ่งที่เสียใจมากที่สุดคือวันนี้ การเมืองกลายเป็นเรื่องของการคุยกัน

"ผมขอวิจารณ์รัฐบาลนิดหนึ่งว่า รัฐบาลมี 3 อาชีพ อาชีพหลักตอนนี้คือ หาเสียง อาชีพรองคือดูด ส.ส. และอาชีพเสริมคือ บริหารประเทศ เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราควรทำให้เกิดขึ้นตอนนี้คือการคุยกันในเรื่องของนโยบาย และจะแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร ถ้าคุณยังเป็นรัฐบาลอยู่ ก็ควรใช้เวลาสุดท้ายบริหารให้มันดี ซึ่งคือสิ่งที่ควรจะเป็นแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้ามหมดเลย จึงเป็นความน่าเสียดาย อยากเชิญชวนทุกคนมาพูดคุยกันทำให้ประชาชนเห็นว่าใน 4 ปี ข้างหน้า โจทย์ของประเทศคืออะไร แล้วเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร" นายรังสิมันต์กล่าว

‘พิธา’ ร่อนจดหมายรับ ‘วันกองทัพไทย’ ลั่น ‘ก้าวไกล’ เป็น รบ. เลิกเกณฑ์ทหารแน่นอน

‘พิธา’ ร่อนจดหมายรับวันกองทัพไทย ให้คำมั่นเลิกเกณฑ์ทหาร-วัฒนธรรมอำนาจนิยม เปลี่ยนให้เป็นกองทัพเพื่อปกป้องประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่อนจดหมายเปิดผนึกเนื่องในวันกองทัพไทย ความว่า

ถึงพี่น้องทหารไทยทุกคน อย่างที่หลายท่านทราบ พรรคก้าวไกลเรายืนยันมาตลอดตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ถึงความจำเป็นของการ 'ปฏิรูปกองทัพ'

แน่นอนว่าในมุมหนึ่ง การปฏิรูปกองทัพ เป็นวาระระดับประเทศ ที่หมายถึงตั้งแต่การแยกทหารออกจากการเมือง การยุติวงจรรัฐประหาร การทำให้กองทัพมีความโปร่งใส-ตรวจสอบได้ รวมถึงการทำให้กองทัพมีขนาดและภารกิจที่เท่าทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการรักษาประชาธิปไตย ส่งเสริมเศรษฐกิจ และปกป้องผลประโยชน์ประชาชนในภาพรวม

แต่อีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปกองทัพ เพราะเราเชื่อว่าการปฏิรูปกองทัพเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อคุ้มครองคุณภาพชีวิตของพลทหารทุกคน ทั้งที่ถูกบังคับเกณฑ์เข้ามา และที่สมัครเข้ามาเพราะรักในอาชีพทหาร แต่กลับถูกกดทับและเอารัดเอาปรียบด้วยค่าตอบแทนที่ไม่เพียงพอ อนาคตที่ไม่มั่นคง ภารกิจงานที่ไม่ตรงปก ชีวิตที่ไม่ปลอดภัยจากการถูกละเมิดสิทธิ และการถูกปฏิบัติโดยผู้บังคับบัญชาบางคนที่ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

นักการเมืองในคราบทหารในรัฐบาลปัจจุบันและเครือข่ายผลประโยชน์ในกองทัพบางฝ่าย จะพยายามตีตราและตีขลุมว่าเรา - พรรคก้าวไกล - เป็นปฏิปักษ์ต่อกองทัพ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่ล้มล้างประชาธิปไตย ผ่านการยึดอำนาจจากประชาชนและสืบทอดอำนาจตัวเอง
จริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่ถืออภิสิทธิ์เหนือประชาชน และใช้อำนาจโดยมิชอบกับคนที่เขาควรปกป้อง และจริงอยู่ เรายืนอยู่ตรงข้ามกับ ทหารที่กอบโกยผลประโยชน์จากภาษีประชาชน และปฏิเสธการตรวจสอบ แต่เรายืนยันว่าทั้งหมดที่ทำ เพราะต้องการยืนอยู่เคียงข้างประชาชนและทหารทุกคนที่ให้เกียรติประชาชน

‘โรม’ กร้าว!! สังคมไทยก้าวพ้นความขัดแย้งได้ ต้องทลายมรดก คสช.-ล้างผลพวงรัฐประหาร

(18 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการเปิดตัวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง ว่าพร้อมจับมือกับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง 

รังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ ทำให้ประเทศไทยต้องพบวิกฤตต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการที่เราจะแก้ไขวิกฤตทางการเมืองของประเทศ หรือก้าวข้ามความขัดแย้งได้ จำเป็นต้องทลายมรดกของ คสช. และผลพวงของการรัฐประหารเสียก่อน ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราเห็นคือ กลุ่ม 3 ป. มีบทบาทสำคัญในการทำลายหลักการสิทธิมนุษยชน ทำให้ตน และคนอีกจำนวนมากถูกจับกุมดำเนินคดี ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือก เพื่อต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ และลบล้างผลพวงการรัฐประหารทั้งหมด

สมรภูมิ ส.ส.กทม. เขต 1 เดือด! ‘ก้าวไกล’ เปิดตัว ‘ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์’ ลงชน ‘กานต์กนิษฐ์’ เพื่อไทย ‘เจิมมาศ’ ปชป. เชื่อมาแรงชนะใจคนกรุงเทพฯชั้นในได้

ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 (ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร สัมพันธวงศ์) อย่างเป็นทางการ พรรคก้าวไกลได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าว คือ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ เพื่อแข่งขันกับนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

นายปารเมศ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวอดีต ส.ส. ลงแข่งในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วมองว่ายิ่งเป็นการเพิ่มความคึกคักให้กับการแข่งขันในศึกเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะมาถึง โดยมีแรงบันดาลใจในการทำงานการเมืองคือเห็นวิวัฒนาการ ตั้งแต่จีนที่โดนดูถูกว่าสินค้าจีนแดง ไปจนถึงจีนที่ไปดวงจันทร์ได้ เป็นช่วงที่จีนกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะตลอดเวลาที่อยู่จีน เห็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ตอนที่ไปเรียน หยุดพักร้อน 2-3 เดือน มีอะไรใหม่ ๆ ตึกใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่กลับมามองประเทศไทย เรากลับไม่มีการพัฒนาเลย คนจีนบอกว่า ไทยเคยเป็น 'ซื่อเสี่ยวหลง' หรือ 'มังกร 4 ตัว' แต่ตอนนี้เราเป็นแค่หางหมา ไม่ใช่หางมังกร

“ในยุค 90 คนจีนมาเมืองไทยแล้วตื่นเต้นจะเพราะรู้สึกว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรถไฟฟ้า มีตึกสูง ผ่านไป 30 ปี ตั้งแต่เล็กจนโต ผมรู้สึกว่าประเทศไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่แค่ย่ำอยู่กับที่แต่ยังถอยหลังไปอีก ขณะที่ประเทศอื่นเดินหน้าแบบก้าวกระโดด ผมได้เรียนรู้จากคนจีนเรื่องการแก้ปัญหาคอรัปชั่น นโยบายรัฐบาลจีนปัจจุบันเราเห็นข้าราชการระดับสูง นายพล อดีตรัฐมนตรีเข้าคุกไปหลักพันคนแล้ว ถ้าระดับเจ้าหน้าที่เข้าคุกไปหลักแสนคนแล้ว ประเทศจีนเคยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการคอร์รัปชั่น มาก ถ้ามีผู้บริหารประเทศที่เอาจริงเอาจัง กล้าตรวจสอบอย่างไม่กลัวเส้นสายก็สามารถขจัดอิทธิพลได้ แต่สำหรับประเทศไทย เราเห็นหลายกรณี เช่น คดีบอสกระทิงแดง ทำให้เห็นว่าประเทศไทยยังเต็มไปด้วยระบบอุปถัมภ์ เงินซื้ออำนาจ และทำให้คุณพ้นความผิดได้” นายปารเมศ กล่าว

ในส่วนของกระแสตอบรับของพรรคก้าวไกล นายปารเมศ กล่าวว่า สมัยอนาคตใหม่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราโดนขับไล่ โดนด่า แต่สมัยนี้ผมลงพื้นที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และยิ่งตนเป็นลูกหลานคนจีน เข้าหา นอบน้อมทำให้คนในพื้นที่ตอบรับดีมาก ประชาชนชอบ ส.ส.เจี๊ยบ ทิม พิธา พรรคก้าวไกลเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จัก

“มีบางพื้นที่มีคนที่เห็นเห็นต่างทางการเยอะ เช่น ป้อมปราบศัตรูพ่าย ที่มีรากฐานจากพรรคประชาธิปัตย์ทำงานมานาน แต่กลยุทธ์เราก็ยังเดินเข้าไปหา เข้าไปแนะนำตัวเพราะ ผมเชื่อว่าคะแนนเสียงของประชาชนทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน” นายปารเมศ กล่าว

นายปารเมศ กล่าวด้วยว่า สำหรับสิ่งที่ต้องการผลักดันถ้าได้เป็น ส.ส. ปารเมศการเข้ามาของคนจีน สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับประเทศไทย ตนจึงอยากส่งเสริมให้พื้นที่กรุงเทพ เขต 1 และประเทศไทยให้ความสนใจกับประเทศจีน เพราะคนจีนที 1,400 ล้านคน มีคนจีนอยู่ทุกที่และมีกำลังซื้อสูงมาก การที่เราเรียนรู้ภาษาจีน และทำการค้าขายกับคนจีนมากขึ้นจะเป็นโอกาสดีถ้าประเทศไทยสามารถจับกระแสนี้ได้

‘ก้าวไกล’ หาเสียง-เปิดตัวผู้สมัคร เมืองปากน้ำโพ กร้าว!! ไม่จับมือพรรคสืบทอดอำนาจ ‘ป้อม-ตู่’

(20 ม.ค. 66) ที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ทีมงานพรรคก้าวไกล นำโดย ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนรอบตลาดบ่อนไก่ แสดงความพร้อมของพรรคก้าวไกลในการสู้ศึกเลือกตั้งพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 1 คือ ‘กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี’ โดยได้รับกำลังใจล้นหลามจากประชาชน ที่ต่างบอกว่าอยากเลือกตั้ง และถึงเวลาแล้วที่ประเทศต้องเปลี่ยนให้คนรุ่นใหม่ขึ้นนำแทน

ด้าน กฤษฐ์หิรัญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวยืนยันว่า ตนและพรรคก้าวไกล จะไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเด็ดขาด

'พิธา' นำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ ครบ 6 เขต ชู!! เลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี-ปากท้องดี-มีอนาคต’

‘พิธา’ ชูเลือกก้าวไกล ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ปราศรัยนำทัพ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ครบ 6 เขต ยกเป็นจังหวัดศักยภาพสามศูนย์กลาง คมนาคม-เกษตร-วัฒนธรรม แต่มีการเมืองรวมศูนย์-ไม่เป็นประชาธิปไตยฉุดรั้ง ลั่นทางรอดเดียวของประเทศ ต้องเอาทหารออกจากการเมือง เปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการ กระจายอำนาจ ทลายทุนผูกขาด

เมื่อ 20 ม.ค.66 ที่ลานมังกร อุทยานสวรรค์นครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเวทีพบปะประชาชนชาวนครสวรรค์ เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. นครสวรรค์ ทั้ง 6 เขต พร้อมปราศรัยประกาศความพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง และนโยบายสำคัญของพรรคก้าวไกล

พิธา ระบุว่า นครสวรรค์เป็นจังหวัดมีศักยภาพที่จะเป็นสามศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาคได้ ทั้งในด้านคมนาคม วัฒนธรรม และเกษตรกรรม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีสิ่งที่เป็นอุปสรรคเดียวกันกับที่ทำให้จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาไปตามศักยภาพของตัวเองได้

ในเรื่องของการเกษตร เราจะเห็นได้ว่านครสวรรค์เป็นจังหวัดที่ปลูกข้าว อ้อย และมัน เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy และพืชพลังงานได้ ซึ่งพรรครัฐบาลก็พยายามบอกแบบเดียวกันมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำหลอกลวงเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากการจัดสรรงบประมาณในปี 2566 ที่ผ่านมา กระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่ประกาศยุทธศาสตร์ให้นครสวรรค์เป็นเมือง BCG Economy กลับไม่ได้จัดสรรงบประมาณด้าน BCG Economy ลงมาเลยในปีนี้ เช่นเดียวกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่มีการจัดสรรงบประมาณลงมาให้เลย ส่วนกระทรวงพลังงานก็มีงบประมาณลงมาเพียง 120,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร 1 เครื่องเท่านั้น

ในด้านการคมนาคม ถึงแม้จะมีงบประมาณลงมาถึง 1 หมื่นล้านบาทจากกระทรวงคมนาคม แต่ก็เป็นงบประมาณสร้างถนนถึง 40% โดยที่ไม่มีงบประมาณเพื่อสร้างการเชื่อมโยงทางคมนาคมในต่างรูปแบบเข้าด้วยกันเลย ผลก็คือนครสวรรค์จึงยังไปไม่ถึงจุดที่จะเป็นศูนย์กลางการคมนาคมได้ และกลายเป็นเพียงจังหวัดทางผ่านเท่านั้น

พิธากล่าวต่อไป ว่าปัญหาที่ทำให้นครสวรรค์พัฒนาไปมากกว่านี้ไม่ได้ ก็เพราะรัฐราชการรวมศูนย์ ที่ปล่อยให้การจัดสรรงบประมาณถูกกำหนดโดยส่วนกลางอย่างไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของพื้นที่ รวมทั้งการเข้าแทรกแซงการเมืองโดยทหารที่ไร้วิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจของโลกสมัยใหม่ และการดำรงอยู่ของกลุ่มทุนผูกขาดที่แย่งส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจจากทุกคนในสังคมไปกองอยู่ที่ตัวเอง

นี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกล เน้นย้ำชูคำขวัญเรื่อง “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” เพราะการพลิกฟื้นประเทศรวมถึงนครสวรรค์ให้กลับมามีอนาคตอีกครั้ง ต้องเริ่มที่การเลือกตั้งครั้งนี้ เอาคนรุ่นใหม่ไปปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมืองไทย เปลี่ยนงบประมาณกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน เงินอุดหนุนเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน หวยเอสเอ็มอีที่ให้คนซื้อสินค้าเอสเอ็มอีและได้เลข 6 หลักในใบเสร็จใช้แทนล็อตเตอรี่ได้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ฯลฯ และการปลดล็อกท้องถิ่นให้ประชาชนเลือกผู้ว่าของตัวเองไดั แต่ทั้งหมดต้องเริ่มต้นด้วยการแก้ปัญหาการเมือง

และนี่คือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด ว่าจะไม่จับมือกับพรรคทหารจำแลงอย่าง พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นอันขาด การเอาทหารออกจากการเมือง กระจายอำนาจ และทลายทุนผูกขาด คือทางรอดเดียวของประเทศไทยเท่านั้น

“เราจะปล่อยให้ความมั่งคั่งกระจุกไม่กระจายแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราจะปล่อยให้ส่วนกลางมาตัดสินใจแทนคนนครสวรรค์ ให้ทหารที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจมาบริหารประเทศต่อไปไม่ได้ นี่คือปัญหาการเมืองที่ถ้าแก้ได้เมื่อไร เราจะสามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ทันที เศรษฐกิจไทยต่อไปต้องโตพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ ถ้าอยากให้ประเทศไทยเอาทหารออกจากการเมือง ให้มีการกระจายอำนาจ ให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศไทยลืมตาอ้าปากได้ ถ้าอยากให้ประเทศไทยบริหารด้วยมืออาชีพ ต้องเลือกพรรคก้าวไกลเท่านั้น” พิธากล่าว

จากนั้น พิธาได้แนะนำตัวผู้สมัครทั้ง 6 คน 6 เขต ของจังหวัดนครสวรรค์ในนามของพรรคก้าวไกล ซึ่งประกอบไปด้วย...

เขต 1 กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประธานสมาพันธ์ SME ไทยภาคเหนือตอนล่าง และอดีตรองประธานคณะกรรมการจัดงานตรุษจีนปากน้ำโพ 100 ปี

เขต 2 ธนา เฉยปัญญา สถาปนิกนักเขียนแบบและผู้ประกอบการ

เขต 3 นิรุด เรืองงาม เกษตรกร

เขต 4 นริศร์ชา ชัยสุกัญญาสันต์ อดีตผู้บริหารบริษัทประกันภัย และผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร

เขต 5 อิศราพร ดวงอุปะ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์

เขต 6 ธรัตนชัย เฉลยคาม อดีตนายตำรวจเกษียณอายุราชการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top