‘พิธา’ นำทีมผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลฝั่งธนฯ ประกาศความพร้อมสะบัดธงส้มทั้งธนบุรี มั่นใจประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ส่ง ส.ส.เข้าสภากวาดที่นั่งครบทุกเขต

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมนำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฝั่งธนบุรีของกรุงเทพมหานคร ร่วมเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวผู้สมัคร ทั้ง 9 คนใน 10 เขต และแสดงความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ พร้อมมั่นใจว่าชาวฝั่งธนบุรีมีความต้องการเปลี่ยนแปลง และพร้อมสนับสนุนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 9 คนของพรรคก้าวไกลให้เข้าไปเป็นผู้แทนของทุกคน

พิธา ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนก่อนการเดินสายพบปะประชาชน โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจต่อผลการเลือกตั้งในฝั่งธนบุรีเป็นพิเศษทโดยเฉพาะเมื่อดูจากผลการเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมา คือในปี 2562 เมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 6 จาก 9 เขต ส่วนในการเลือกตั้ง สก. พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งไม่ก็อันดับสองอยู่หลายเขต ซึ่งทำให้เห็นว่าธนบุรีเป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีความต้องการเปลี่ยนแปลงสูง

โดยที่บัดนี้ พรรคก้าวไกลได้ตัวว่าที่ ส.ส. ครบทั้ง 10 เขตแล้ว และเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม โดยมีทั้งอดีต ส.ส. ที่ทำงานได้ดีทั้งในพื้นที่และในประเด็นระดับชาติและยังมีผู้สมัครหน้าใหม่จากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคสังคม การเมืองภาคประชาชน อดีตผู้บริหาร ผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ผู้จัดการธนาคาร อดีตพนักงานสายการบิน และอดีตบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะผู้สมัครทั้ง 10 คนนี้ จะเป็นผู้แทนที่มีคุณภาพและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ฝั่งธนบุรีในอนาคตได้

พิธา ยังกล่าวต่อไป ว่าจุดเด่นของฝั่งธนบุรี ซึ่งมีพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร มีประชากรกว่า 4.7 ล้านคน และอยู่ไม่ไกลจากฝั่งพระนครมากนัก คือศักยภาพทั้งในเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการใช้ประโยชน์พื้นที่ริมน้ำ ขณะเดียวกันธนบุรีก็มีสิ่งที่เป็นความท้าทายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคมนาคม สิ่งแวดล้อม ความแออัด และการปะทะขัดแย้งกันระหว่างวิถีชุมชนเก่าริมน้ำกับวิถีชุมชนใหม่ที่มีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมีเนียม ซึ่งควรจะต้องจัดสรรการพัฒนาให้มีควรมสอดคล้องและสมดุลกันได้

โดยเฉพาะในเรื่องของการคมนาคม ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลในฝั่งธนบุรีหลายคน ได้เล็งเห็นถึงประเด็นดังกล่าวและมีแนวคิดร่วมกัน ว่าควรมีการพัฒนาระบบการคมนาคมทางน้ำขึ้นมาเสริมและชดเชย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะเส้นเลือดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือถนนสายหลักต่างๆ

พิธา กล่าวต่อไปว่า ด้วยศักยภาพและความหลากหลานของทั้งตัวผู้สมัคร วิสัยทัศน์ในการพัฒนา และความต้องการเปลี่ยนแปลงของประชาชนชาวฝั่งธนบุรี ทำให้พรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าจะสามารถสะบัดธงสีส้มให้ครบในทุกพื้นที่ฝั่งธนบุรี และกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครของพรรคก้าวไกลส่วนใหญ่จะเป็นคนหน้าใหม่ก็จริง แต่พรรคก้าวไกลก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถแข่งกับ ส.ส. เก่าได้ เพราะในสมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราก็ได้ ส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาหลายคน

“ในสภาวะที่ประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ การใช้ประสบการณ์แบบเดิม ๆ ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อีกแล้ว สิ่งที่ประเทศต้องการคือความรู้ความสามารถในการนำข้อมูลสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารพื้นที่ รวมถึงอุดมการณ์ และประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ชาวฝั่งธนบุรี และชาวไทยต้องการได้แน่นอน” พิธากล่าว

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ถามพิธาถึงประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบัน โดยมีการถามถึงข้อวิเคราะห์สูตรการจัดตั้งรัฐบาลและการเปิดตัวเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งกระแสข่าวความพยายามของ ส.ว. บางกลุ่มในการแก้ไขเกณฑ์การดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีติดต่อกันของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพิธาระบุว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ในเวลาที่ประชาชนเดือดร้อนที่สุด กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มกลับเอาแต่คิดเรื่องการดึงตัวนักการเมืองมาให้ได้ถึงเกณฑ์ 25 ที่นั่งเพื่อให้สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ การเปิดตัวย้ายพรรคย้ายขั้วต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ หากสังเกตก็จะเห็นได้ว่าล้วนแต่เป็นคนของอดีตทั้งหมด

ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันนี้ สิ่งที่พรรคก้าวไกลทำได้ก็คือการประกาศตัวอย่างชัดเจน ว่าจะไม่มีการร่วมรัฐบาลกับทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งทำงานในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ให้เต็มที่ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเมื่อเวลามาถึง ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยที่จะให้วิถีการเมืองเก่าเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อไป รวมทั้งไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นยาหมดอายุมานานแล้วได้บริหารอำนาจต่อไป รวมทั้งไม่อยากเห็นการแก้เกณฑ์ 8 ปีเป็นผลสำเร็จ ก็อย่าเลือกพรรคที่มีความคิดเช่นนี้หรือแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่าย

ส่วนกรณีกระแสข่าวเรื่องการเปิดตัวแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยนั้น พิธาระบุว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคน ทางพรรคก้าวไกลพร้อมที่แข่งขันรวมถึงร่วมทำงานกันในอนาคตกับทุกแคนดิเดทของพรรคเพื่อไทยที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือการจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่าสูตรที่ดีที่สุดควรจะเป็นการร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านในปัจจุบันทั้งหมด โดยเอาภาพใหญ่ของประเทศและประโยชน์ของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ด้วยเก้าอี้รัฐมนตรี ส่วนจะคาดการณ์ให้เป็นอย่างไรนั้นคงไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องของประชาชน ที่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแล้วสูตรการจัดตั้งรัฐบาลจะถูกถอดออกมาเองโดยอัตโนมัติ

พิธา ยังกล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ คือการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ซึ่งแม้จะเป็นการอภิปรายที่ ส.ส. ไม่สามารถลงคะแนนได้ แต่คนที่จะเป็นผู้ลงคะแนนตัดสินได้ก็คือประชาชน ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งในส่วนนี้พรรคก้าวไกลจะทำงานทั้งในสภาและนอกสภาในเวลาที่เหลือให้เต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนไทย สร้างการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยกลับมามีความหวังอีกครั้งได้

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกลทั้ง 9 คนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีนั้น ประกอบด้วย:
1) สิริน สงวนสิน (เขตทวีวัฒนา)
2) พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย)
3) เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร (เขตธนบุรี)
4) ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ (เขตจอมทอง)
5) แอนศิริ วลัยกนก (เขตทุ่งครุ)
6) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ (เขตบางขุนเทียน)
7) รัชนก ศรีนอก (เขตบางบอน)
8) ทิสรัตน์ เลาหพล (เขตตลิ่งชัน)
9) ปวิตรา จิตตกิจ (เขตภาษีเจริญ)
10) ธัญธร ธนินวัฒนาธร (เขตบางแค)