Sunday, 23 June 2024
พรรคก้าวไกล

‘โรม’ โต้ปม ‘ก้าวไกล’ ล็อบบี้เลือกร้านอาหาร ส.ส. แซะกลับ!! แค่การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม

‘โรม ก้าวไกล’ โต้ ‘วัชระ’ กล่าวหาก้าวไกลล็อบบี้คัดเลือกร้านอาหาร ส.ส. ชี้ กระบวนการคัดเลือกมีกรรมการที่มีสัดส่วนจากทุกพรรคดูแลอยู่ ยืนยันไม่มีรับผลประโยชน์เด็ดขาด ย้อนกลับกรณีระบุประชาธิปัตย์จะไม่จับมือก้าวไกล ชี้ ก้าวไกลก็จะจับมือกับพรรคที่ยึดคุณค่าประชาธิปไตยเท่านั้นเหมือนกัน

รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ตอบโต้กรณีวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงข่าวกรณีการคัดเลือกผู้ประกอบการในการจัดหาอาหารและเครื่องดื่มให้กับ ส.ส. พร้อมกล่าวหาว่า ตัวแทนจากพรรคก้าวไกลในคณะกรรมการคัดเลือกมีการล็อบบี้ให้คัดเลือกผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ

รังสิมันต์ ระบุว่า โดยปกติแล้วผู้ประกอบการที่ได้รับการว่าจ้างสภาผู้แทนราษฎร ในการรับเหมาให้บริการอาหารสำหรับ ส.ส. จะได้รับการต่อสัญญารายปี โดยมีคณะกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นจากตัวแทนของพรรคการเมืองต่าง ๆ เป็นผู้พิจารณา ซึ่งร้านที่ได้รับการว่าจ้างในปัจจุบัน เป็นร้านที่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมืองบางคนในฝั่งรัฐบาล จึงไม่แปลกที่การคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวผู้ประกอบการจะนำไปสู่การเสียผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และทำให้มีการออกมาแสดงความไม่พอใจ

'โรม’ จี้ ‘ผบ.ตร.’ รื้อตั๋วช้าง 2 ปมทุจริตในกองบินตำรวจ หลังผ่าน 3 เดือน สนิมที่อยู่เนื้อในยังถูกปล่อยปละ

(10 พ.ย. 65) รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าว สืบเนื่องจากกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.65 กรณีปล่อยปละละเลยทุจริตที่เกิดขึ้นในกองบินตำรวจ

ตั้งแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ได้อภิปรายถึงการทุจริตในกองบินตำรวจ 3 เรื่อง ได้แก่...

เรื่องแรกกองบินตำรวจได้รับงบประมาณมาประมาณ 950 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง สุดท้ายทำให้หนี้ค้างสูงถึง 1,824 ล้านบาท ปัญหาค้างและใช้งบประมาณเกิน ทำให้เครื่องบินขึ้นบินไม่ได้กว่า 11 ลำ 

หลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจไป พล.ต.อ. ปิยะ อุทาโย อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในขณะนั้น ตั้งผลสอบจเรตำรวจ ซึ่งปรากฏใช้เวลาเนิ่นนานมาก ก็ไม่มีผลสอบชัดเจนที่จะเอาผิดใครได้ แม้อาจมีความเคลื่อนไหวจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) บ้าง แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าต่อไป ส่วนทางรัฐบาลเองก็ทราบว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทำอะไร และไม่สามารถดำเนินคดีเอาผิดใครได้เลย และยังคงเป็นนายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปทั้งที่สร้างความเสียหายต่อรัฐได้สูงขนาดนี้

“มากไปกว่านั้น หนี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ค้างอยู่เฉย ๆ แต่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ นำงบกลางที่เป็นเงินภาษีของพวกเราประชาชน ไปชำระแทน การทุจริตของนายตำรวจคนหนึ่งสร้างความเสียหาย แทนที่จะนำภาษีไปใช้อย่างคุ้มค่า สมกับที่ประชาชนอุตส่าห์จ่ายภาษีเลี้ยงดูรัฐบาล”

‘โรม’ เยือนอีสาน เปิดเวทีพบปะประชาชน ชี้ ประเทศไทยเหมือนคนป่วยหนัก ไม่แตะทุนผูกขาด-ปฏิรูปกองทัพ-แก้รัฐธรรมนูญ ก็เหมือนป้อนพาราเลี้ยงไข้ จะแก้ปัญหาได้ผ่าตัดใหญ่ทะลุทุกโครงสร้าง 

วานนี้(12/11/65) รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเดินสายเปิดเวทีพบปะประชาชนและผู้สนับสนุนในพื้นที่อีสานตอนบน ในจังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย พูดคุยและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พร้อมแนะนำวิสัยทัศน์นโยบายของพรรค

ช่วงหนึ่งระหว่างการแลกเปลี่ยน รังสิมันต์ ระบุว่า พรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างแท้จริง และการจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ มีแต่ต้องดำเนินนโยบายที่แก้ปัญหาให้ถึงระดับโครงสร้างเท่านั้น เปรียบเหมือนประเทศไทยเป็นคนป่วยเรื้อรัง แต่ที่ผ่านมาได้รับแต่ยาพาราเซตามอล ทั้งที่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ให้หายขาด

สำหรับพรรคก้าวไกลนั้น หากได้เป็นรัฐบาลสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะเข้าไปทำแน่ ๆ คือการทลายทุนผูกขาด แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทลายระบบส่วยเส้นสาย สร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้า และการนิรโทษกรรมคดีการเมืองรวมทั้ง 112 เพื่อนำไปสู่การผ่าตัดประเทศไทยครั้งใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีคนพยายามบอกว่าอยากให้เรามุ่งเรื่องปากท้องก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งไปแตะการเมือง แต่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือปัญหาเศรษฐกิจกับปัญหาการเมืองล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แยกออกจากกันไม่ได้

‘ก้าวไกล’ ยื่น ‘ศาลปกครอง’ เบรกดีลสายสีส้ม เหตุกลัวรัฐเสียค่าโง่ 6.8 หมื่นล้านบาท

ก้าวไกลเอาจริง ยื่นศาลปกครองหยุดดีลรถไฟฟ้าสายสีส้ม รักษาผลประโยชน์รัฐ 68,000 ล้านบาท ชี้ ถ้าปล่อยให้การประมูลผ่านอาจกลายเป็นค่าโง่ในอนาคต

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ และณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิจารณาหยุดสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม

สุรเชษฐ์ระบุว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็นทุจริตครั้งใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ที่มีมูลค่าจำนวน 68,000 ล้านบาท ตนและพรรคก้าวไกลขอยื่นให้ศาลปกครองหยุดยั่งโครงการนี้ หากปล่อยให้มีการอนุมัติประเทศไทยต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วไปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าตัวเลข 68,000 ล้านบาท เกิดจากกระบวนการ ‘ปั้นตัวเลข’ มา ‘ปั่นโครงการ’ และในวันนี้ใกล้จะ ‘ปันผลประโยชน์’ สำเร็จแล้ว

หากศาลปกครองไม่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เรื่องนี้จะถูกส่งไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แน่นอนว่าเมื่อไปถึงครม. ซึ่งจะทำให้เงินภาษีของประชนถูกใช้เกินจำเป็น 68,000 ล้านบาท

ตนและพรรคก้าวไกล ยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด จึงได้มายื่นฟ้องจำเลย ได้แก่
1.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
2.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
3.) คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนฯ
4.) กระทรวงคมนาคม

เพื่อให้ศาลปกครองกลางพิจารณาคำขอใน 4 ประเด็น ได้แก่
1.) ยกเลิกการประมูลที่มีปัญหาจัดการประมูลใหม่ให้มีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยอย่างน้อย BTS และ BEM ต้องเข้าได้
2.) รฟม. ต้องเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการ โดยไม่ปฏิเสธอำนาจนิติบัญญัติอย่างที่ได้เบี้ยวมา 2 ครั้ง
3.) เปลี่ยนคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ของ พรบ.ร่วมทุนฯ เพื่อให้มีความโปร่งใส เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีใหญ่ มูลค่าสูง และมีรายละเอียดมาก
4.) คาดว่าศาลคงต้องใช้เวลาพิจารณามากพอสมควร เราจึงได้ ‘ยื่นคำร้อง’ ขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เซ็นสัญญาก่อน เพราะหากปล่อยไป รัฐบาลหน้าจะตามไปแก้ไขอะไรได้ยากและอาจทำให้เกิด ‘ค่าโง่ก้อนใหม่’

‘ก้าวไกล' สวน 'วราวุธ' ใช้เวที COP27 ฟอกเขียวเอื้อทุนใหญ่ ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภูมิอากาศโลก

(18 พ.ย. 65) นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นภายหลัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศกลางที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 ว่า ประเทศไทยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสำคัญ ส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG  Economy) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี 2040 รวมถึงการกำหนดเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็น 55% ของพื้นที่ประเทศเพื่อเพิ่มแหล่งเก็บก๊าซเรือนกระจกในปี 2037 โดยมีการจัดทำแนวทาง กลไกการบริหารการจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงปารีส

"สิ่งที่ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ประกาศต่อเวที COP27 เป็นวาทกรรมฟังแล้วชวนเคลิ้ม แต่สวยแต่เปลือกทั้งสิ้น เพราะข้างในไม่เคยมีประชาชนอยู่ในสมการ เป็นเพียงการฟอกเขียวที่มีผลประโยชน์ของนายทุนซ่อนอยู่เป็นเนื้อในทั้งสิ้น และท้ายที่สุดจะไม่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใดต่อสภาพภูมิอากาศโลกหรือมลพิษทางอากาศของไทยเลย"

ทั้งนี้ นิติพล ชี้ว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตทางภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงมลพิษทางอากาศจากการเผาพื้นที่เกษตรในภูมิภาคแม่น้ำโขงตอนบน โดยมีฝุ่นพิษลอยข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นผลมาจากการปล่อยให้กลุ่มทุนใหญ่ทางการเกษตรต่าง ๆของไทยทำธุรกิจได้อย่างไร้ความรับผิดชอบ โดยไม่มีการผลักดันทางกฎหมายเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคนไทยทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ต้องป่วยเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด จากการสูดฝุ่นพิษ P.M.2.5 จากการเผาไหม้

'โรม' ประณามตำรวจใช้ปืนกระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ชี้!! สร้างความอับอายขายหน้าต่อชาวโลก

(18 พ.ย. 65)  นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า...

ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ไม่มีตรงไหนเลยที่ห้ามมิให้ประชาชนเดินขบวนไปยังสถานที่จัดประชุม APEC

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้ศูนย์ประชุมสิริกิติ์เป็นสถานที่ตามความในมาตรา 8 ของ พ.ร.บ.ชุมนุม แต่มาตรา 8 กำหนดแค่ว่าการชุมนุมต้องไม่ขวางทางเข้าออกหรือทำให้ไม่สามารถใช้งานสถานที่ได้ 

ดังนั้นต่อให้ประชาชนเดินขบวนไปถึงหน้าศูนย์ประชุมฯ ถ้ายังจัดการให้การประชุมดำเนินต่อไปได้ ประชาชนก็ย่อมมีสิทธิชุมนุมได้ (ซึ่งในความเป็นจริงกำลังตำรวจที่มีสามารถบริหารจัดการได้แน่ ๆ)

‘พิธา’ จวก รบ.จัดประชุมเอเปคสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ ชี้ ควรเป็นเวทีรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับทำร้ายปชช.

พิธา ฉะ รัฐบาล จัดฉากประชุมนานาชาติ เพียงหวังสร้างภาพให้ ‘บิ๊กตู่’ เพื่อยกระดับตัวเอง แทนที่จะรับฟังความเห็นต่าง แต่กลับส่งเจ้าหน้าที่สกัดกั้นทำร้ายประชาชน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของประชาชนที่รวมตัวกันการสลายชุมนุมของตำรวจต่อกลุ่ม ‘ราษฎรหยุดเอเปค 2022’ ที่ต้องการเพียงแค่เดินขบวนจากลานคนเมือง มุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นบุกจับกุม มีคนถูกกระสุนยาง แก๊สน้ำตาเป็นจำนวนมาก โดยพิธา ระบุว่าถือเป็นความอับอายที่รัฐบาลไทยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการเช่นนี้ทั้งที่การประชุม APEC ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่แค่เพื่อพูดคุยตกลงกันในระดับผู้นำประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงประชาชน ภาคประชาสังคมต่าง ๆ ด้วย

โรม จี้ ส.ว. ไฟเขียวประชามติ แก้ รธน. ใหม่ทั้งฉบับ ลั่น เรียกร้องให้ดำเนินคดี จนท. คฝ. ทำร้ายสื่อ-ประชาชน อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนประเด็นขอให้มีการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เพื่อแทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งได้ผ่านการลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ไปแล้วของสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันได้ถูกบรรจุเข้าในระเบียบวาระของวุฒิสภา ซึ่งกำลังจะพิจารณาในวันพรุ่งนี้นั้น

ตนในฐานะโฆษกของพรรคก้าวไกล ที่ได้เสนอญัตตินี้นั้น เรามีความตั้งใจให้การทำประชามติครั้งนี้ทำขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพื่อให้การเข้าคูหาของพี่น้องประชาชนเกิดความสะดวก ทำพร้อมกันในคราวเดียว และการจัดการลงประชามติที่หากเกิดขึ้นพร้อมกันกับการเลือกตั้งก็จะประหยัดเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ดี ทราบว่าการดำเนินการเช่นนี้ เป็นการดำเนินการที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศของเรา อาจจะมีวุฒิสมาชิกบางท่านที่คิดว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจจะติดขัดในเรื่องของระเบียบกฎหมาย จึงมีบางท่านต้องการเสนอว่าควรจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องนี้ก่อน ซึ่งอาจจะยาวนานถึง  60 วัน

ซึ่งหากเหตุการณ์ที่ผมกล่าวถึงเกิดขึ้นจริง จะทำให้โอกาสที่จะจัดประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งเป็นไปได้ยาก และจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่าย ทั้งที่เราสามารถประหยัดได้

รวมถึงการดำเนินการประชามติเช่นนี้ก็เป็นกระบวนการที่สอดคล้องตามนัยยะของศาลรัฐธรรมนูญที่หากต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการถามประชาชนก่อน ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น สามารถที่จะดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ หากญัตตินี้ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ดังนั้น เราจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอ้างกฎระเบียบใดๆมาขวางกั้น ความต้องการที่จะสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนตนและพรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาญัตติดังกล่าวของวุฒิสภา จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนหวัง

'ส.ส.อมรัตน์-ก้าวไกล' ง้างปากเพื่อไทย เผยจุดยืน 112 ไม่ต้องขนาดเป็นนโยบาย ขอแค่กล้าพูดถึงบ้างก็ยังดี

(21 พ.ย. 65) จากกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แสดงจุดยืนในนามพรรคเพื่อไทย ไม่มีนโยบาย เกี่ยวกับการแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ล่าสุด นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

‘ธนาธร’ ร่วมวงปลุกพลังเลือก ‘ก้าวไกล’ ชูอุดมการณ์ ลดเหลื่อมล้ำ สู้ทุนใหญ่ผูกขาด

‘ก้าวไกล’ ล่องใต้เปิดเวทีพบสมาชิกที่กระบี่-ภูเก็ต เดินหน้าขยายฐานสมาชิกเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ‘ธนาธร’ ร่วมเวทีด้วย เคลียร์ชัดอุดมการณ์อนาคตใหม่ ต่อเนื่องสู่ก้าวหน้า-ก้าวไกล คือการต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่เป็นธรรมเป็นประชาธิปไตย 

พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมเปิดรับสมัครและพบปะสมาชิกพรรคที่จังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต โดยมี ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีเปิดการรณรงค์ขยายฐานสมาชิก และพูดคุยเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งทั่วประเทศ พร้อมเชิญ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมการบรรยายเกี่ยวกับประเทศไทยที่พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า อยากเห็น

ธนาธร เริ่มต้นด้วยการอธิบายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในประเทศไทยที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยระบุว่าความเหลื่อมล้ำเช่นนี้เป็นผลโดยตรงจากการจัดสรรทรัพยากรของประเทศอย่างไม่เป็นธรรม อำนาจทางการเมืองถูกใช้เพื่อการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่มากกว่าประชาชน นำไปสู่การผูกขาดทางเศรษฐกิจอยู่ในมือของกลุ่มทุนขนาดใหญ่และชนชั้นนำ 

นี่คือปัญหาที่พรรคอนาคตใหม่เดิม มาจนถึงพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าวันนี้ยืนยันมาตลอดว่าเป็นเป้าหมาย ก็คือการทลายทุนผูกขาด และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย อำนาจเป็นของประชาชน และทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเรียกร้องแสดงออก

ธนาธร กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาชนชั้นนำมักอ้างความสามัคคีปรองดองมาเรียกร้องต่อทุกคนในชาติและใช้ในการโจมตีพวกเราตลอดเวลา แต่คำถามคือการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาดร่ำรวยเป็นหลักแสนล้านภายในเวลาไม่กี่ปี ขณะที่ปล่อยให้คนเกิน 50% ของประเทศนี้มีรายได้ไม่ถึง 7,500 บาทต่อเดือน เข้าไม่ถึงน้ำประปาที่มีคุณภาพ บริการสาธารณะที่ดี ทั้งที่เป็นสิทธิพื้นฐาน สิ่งนี้คือความปรองดองของคนในชาติหรือไม่

ดังนั้น ประเทศไทยในแบบที่เราอยากเห็นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก คือเป็นประเทศที่ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน ต้องเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน น้ำประปา โรงเรียน โรงพยาบาลที่ดีเหมือนกัน เราต้องการสร้างประเทศที่เสมอภาคเป็นธรรม ดอกผลการพัฒนากระจายถึงทุกคน มีเศรษฐกิจที่ทันสมัย มีเทคโนโลยีของตัวเอง และเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องสามัญพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรได้รับ นี่คือสังคมไทยที่เราเปลี่ยนแปลงได้

“การเรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ มีความเป็นธรรม ดอกผลการพัฒนากระจายถึงทุกคน มีเศรษฐกิจที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง ไม่ใช่เรื่องที่ผิด นี่คือสังคมที่เราทุกคนอยากให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมา โอกาสในการเปลี่ยนแปลงอยู่ในมือทุกท่านแล้ว มาร่วมกันผลักดันวาระสำคัญของประเทศ ให้ดอกผลของการพัฒนาไม่ได้ตกอยู่กับเจ้าสัวไม่กี่คน แต่อยู่กับคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ เราทำได้ด้วยการร่วมสร้างพรรคก้าวไกลด้วยกัน” ธนาธรกล่าว

ด้านชัยธวัช ได้บรรยายถึงยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีเป้าหมายที่ต้องการเป็นพรรคเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยเล็งเห็นว่าการเปลี่ยนรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีเพียงลำพังไม่สามารถทำให้ประเทศไทยดีขึ้นได้ ต้องเปลี่ยนไปถึงโครงสร้างทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศ

นั่นเป็นเพราะปัญหาของสังคมไทยที่เป็นข้อขัดแย้งไม่จบสิ้นมายาวนาน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คืออำนาจการเมืองในประเทศนี้อยู่ที่ประชาชนหรืออยู่ที่อื่น ซึ่งที่ผ่านมาการรัฐประหารทั้งสองครั้งล่าสุดในปี 2549 และ 2557 เป็นการรัฐประหารที่ฝ่ายชนชั้นนำได้ลดทอนอำนาจจากการเลือกตั้ง และเพิ่มอำนาจให้กลุ่มที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งกองทัพ องค์กรอิสระ และตุลาการมาโดยตลอด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top