Sunday, 16 June 2024
พรรคก้าวไกล

กมธ.แรงงาน รับเรื่องคนไทยถูกหลอกไปทำงานเก็บเบอร์รี่ เร่งประสานความช่วยเหลือฉุกเฉินรายละ 30,000

กมธ.แรงงาน รับหนังสือคนไทยถูกหลอกไปทำงานเก็บเบอร์รี่ ปธ.กมธ.ยันเร่งประสานความช่วยเหลือฉุกเฉินรายละ 30,000 ย้ำ!! กระทรวงแรงงานตรวจสอบบริษัทหางานให้รัดกุม

(12 ต.ค. 65) สภาผู้แทนราษฎรกลุ่มคนงานเก็บเบอร์รี่ป่าฟินแลนด์ ปี 2556 ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ สุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร 

ธีรศักดิ์ ภักดีนพรัตน์ ตัวแทนกลุ่มเปิดเผยว่าตนและเพื่อนคนไทยรวม 50 ชีวิต ได้เดินทางไปเก็บเบอร์รี่ที่ประเทศฟินแลนด์ให้กับบริษัท Ber-Ex ในปี 2556 เมื่อไปถึงกลับต้องเผชิญกับสภาพการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายแรงงานไม่ให้ความคุ้มครอง จึงเรียกร้องให้ทางรัฐบาลฟินแลนด์รับทราบปัญหาและขอความช่วยเหลือในระหว่างที่อยู่ในประเทศฟินแลนด์และมีการดำเนินการส่งตัวกลับประเทศไทยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2556 

จากนั้นได้ดำเนินการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2557 แต่กลับถูกเพิกเฉยมาตลอด 9 ปี จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลไทย ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนงาน 50 ชีวิต สร้างความทุกข์และความเดือดร้อนให้พวกเขาและครอบครัว แรงงานบางรายต้องขายบ้านขายที่ดินเพื่อหาทุนเดินทางไป บางคนหมดเนื้อหมดตัวดิ้นรนเพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้ 

ซึ่งการเข้ายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการแรงงานในวันนี้หวังว่าจะสามารถเปิดโปงขบวนการค้าแรงงานทาสมาทำงานที่ฟินแลนด์ซึ่งขบวนการนี้มีอิทธิพลสูงและมีการจ่ายรับสินบนเพื่อให้การขนแรงงานไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์อย่างราบรื่นไม่ถูกสกัดกั้น

‘วิโรจน์’ งานเข้า!! ฟากอดีตคนอนาคตใหม่ แฉ!! พรรคอนาคตใหม่ตั้งวอร์รูมถล่มคนเห็นต่าง

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันที หลังจาก ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.อนาคตใหม่และก้าวไกล เรียกเสียงฮือฮา ด้วยการทวีตภาพอุปกรณ์สมาร์ตโฟนหลายเครื่อง ที่กำลังเปิดช่อง TikTok ของตน อวดในทวิตเตอร์ พร้อมข้อความว่า...

“Wiroj 77 @wirojlak
ผมเข้าสู่โลก Tiktok มาได้สักพักแล้วนะครับ
ท่านใดสนใจคอนเท้นต์ Tiktok ของผม ก็
สามารถติดตามได้ที่ tiktok.com /@wirojlak
ได้เลยครับ ( ^____^ )/”

แต่ชาวทวีตดันตาไว ไปเห็น กระดาษโน้ต ใบเล็กๆ ของ เจ้าแม่เพชรออนไลน์ รายหนึ่ง ด้านล่าง ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า...

“คอมเมนท์
1. ขอบคุณค่ะ
2. ความรู้ใหม่ๆ ขอบคุณ
3. ชอบคลิปนี้
4. เพิ่งรู้เลย
5. กดติดตามแล้ว
6. FC จ้า
7. แชร์ให้แล้ว
8. ขอแชร์”

ทำให้ ชาวทวิตเตอร์ พากันเข้ามาถามว่า นี่มันคือการปั่นคอมเมนท์ ทำไอโอใช่หรือไม่ โดยที่ ชาวทวิตเตอร์ บางส่วน เริ่มสงสัย ว่า ดร.วิโรจน์ ไปเกี่ยวข้องอะไรกับ มาดาม*** ของ *********** หรือมาใช้บริการปั้นช่อง TikTok กับทีมงานที่ปั้นช่องของมาดาม*** 

โป๊กแตก!! หนนี้ จึงทำให้ ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ต้องรีบลบภาพออกไป ก่อน ทวีตข้อความพร้อมรูปใหม่ว่า... 

“ติดตาม Tiktok ของผมได้ที่ลิ้งค์นี้นะครับ http://tiktok.com/@wirojlak ผมลองทำลองเรียนรู้ มาได้สักพักแล้ว
ขอลงภาพใหม่ เนื่องจากภาพเดิมไปพาดพิงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องครับ”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ถูกชาวเน็ตไล่ขุด และจับโป๊ะที่มาของยอดไลก์ ยอดวิว และนิยามของคำว่า ไอโอ กันข้ามวันข้ามคืน

แต่ที่หนักสุด คือ เรื่องนี้เจอแรงแฉจาก ‘ดร.โจ’ อดีตสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศลาออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้ ได้มาโพสต์ข้อความเผยความจริงว่า…“พรรคนายกโซเชียล มีการจ้างบริษัทเอเจนซี่ ตั้งวอร์รูมทำงาน 7:00-24:00 คอยจับตาตามเพจ ทวิตเตอร์ โซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วสร้างไอดีผี ซอมบี้ส้ม เข้าไปรุมด่า รุมถล่มคนที่มาวิจารณ์พรรค (รวมถึงปั่นโหวต อิอิ)”

โดย เพจ ดร.โจ ชาญวิทย์ ใจสว่าง ได้คอมเมนต์ตอบกลับผู้ที่แสดงความห่วงใยว่าจะถูกซอมบี้มาถล่ม เพราะ ดร.โจ วิจารณ์พรรคอนาคตใหม่ ไว้ด้วยดังนี้...

‘เฟส ที่ไม่มีตัวตน ถูกสร้างมาจาก บริษัท ดูแลเว็บไซต์ครับ เราตรวจสอบจนพบ มีการใช้ทีมเฝ้าหน้าจอ ที่วิจารณ์พรรค เขาสร้างไว้เป็นร้อยๆ เฟส นับไม่ทัน แล้วจะถล่ม พร้อมกัน ก๊อปภาษา แต่งคำต่างนิดหน่อย แล้วถล่มเรียงกันเลย เขาติดตามทุกคน ที่วิจารณ์พรรค ที่ตั้งแยกไปอยู่อีกสถานที่หนึ่ง (ไม่เปิดเผยออกสื่อนะครับ) ทำงาน 7.00-24.00 เต็มกำลัง รอคิดภาษาสำนวนด่าคน เพื่อให้คนที่ไม่รู้เรื่องราว พลอยเกลียดชังไปด้วยคำเหล่านี้ เฟสเหล่านี้ จะไปถล่ม พร้อมกับเพื่อนการเมืองของผมครับ ดังนั้น ฝ่ายไอทีของผม ตรวจสอบ เฟสผี แล้วสกัด ไม่ให้เข้ามา ด่าทอ อย่างไร้เหตุผล สกรีนตัวตนเฟสก่อน ผมยอมรับความแตกต่าง พูดคุย สอบถามกันนะครับ ว่า จริงเท็จอย่างไร คุยกัน แต่ผม ไม่พร้อมตอบโต้ กับคน ไม่ถามหาข้อมูลแลกเปลี่ยนใดๆ โดยเฉพาะเฟสผี ใช้คนปลอม เข้ามา เพื่อประณาม หยาบๆ อย่างเดียว ขอบคุณครับ คุณริสา รวมถึง ขอบคุณทุกคน ที่ อ่านข้อความนี้ด้วยครับ

'โรม' ทิ้งบอมบ์!! เสนอปฏิรูป 'ตำรวจ-ทหาร' หยุดอาชญากรรมที่มีต้นตอมาจากองค์กรมีสีซ้ำซาก

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจของคนไทยทั้งประเทศ 

อยากเรียนต่อพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนว่า เหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธในลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก 8 ก.พ. 63 จ่าสิบเอกนายหนึ่งเกิดเหตุที่นครราชสีมา มีผู้เสียชีวิต 30 คน ต่อมา 14 ก.ย. 65 เกิดเหตุที่กองทัพบก กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน และล่าสุด 6 ต.ค. 65 ก็มีเหตุเกิดอีกครั้งหนึ่ง และล่าสุด 6 ต.ค. 65 ก็เกิดเหตุครั้งล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 คน เป็นเด็กเล็ก 22 คน เหตุการณ์ทั้งหมดผู้กระทำล้วนแต่เป็นทหาร-ตำรวจชั้นผู้น้อย

รังสิมันต์กล่าวว่า ตนทราบดีว่าเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เราไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สิ่งที่สังคมเราอยากที่จะเห็น และจริงจังคือการป้องกันให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำและลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นต่อไป ย้อนกลับไปนับแต่การกราดยิงที่โคราช เราแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงขององค์กรตำรวจทหารเลยแม้แต่น้อย ตลอดที่เวลาที่ตนทำงานศึกษาติดตามเรื่องนี้พบว่าภายในองค์กรเหล่านี้ยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีของเจ้าหน้าที่ของรัฐและเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งหลายครั้งส่งผลเสียต่อเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย บางครั้งหนักถึงขนาดที่อาหารการกินของชั้นผู้น้อยก็มีการแบ่งแยก

“ปัญหาสุดคลาสสิกที่อยู่กับสังคมมานานคือ การใช้เส้นสายฝากคนของตัวเองเข้าทำงาน ระบบตั๋วต่างๆ รวมถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ไปจนถึงการค้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ล้วนต้องอาศัยการสมคบของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น คนทั้งสังคมรู้ว่านี่คือสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นจริงขององค์กรตำรวจและทหาร” รังสิมันต์กล่าว

ก้าวไกล-ก้าวหน้า  จับมือร่วมรำลึก 14 ตุลา 'เจี๊ยบ' เผยทั้งชนะและแพ้ ประชาธิปไตยไม่ตรงปก หากไม่เปลี่ยนโครงสร้างใหญ่ ด้าน 'ช่อ' เผยไล่เผด็จการคนหนึ่งไป คนใหม่ก็มา

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปยังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ร่วมรำลึกเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทย วัน 14 ตุลา มหาวิปโยค ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 โดยมีมวลชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมต่อต้านเผด็จการในเวลานั้น  โดยกิจกรรมวันนี้มีทั้งญาติวีรชนเหตุการณ์ ประชาชน นักกิจกรรมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักการเมืองเข้าร่วมงาน
.
อมรัตน์เป็นตัวแทนจากพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา โดยเริ่มต้นด้วยการคารวะผู้เสียสละในเหตุการณ์ 14 ตุลา ก่อนจะกล่าวถึงใจความสำคัญของเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเป็นทั้ง 'ชัยชนะ' และ 'ความพ่ายแพ้' โดยที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าเหตุการณ์ 14 ตุลา สามารถขับไล่เผด็จการที่ครองอำนาจไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันภายในเวลา 3 ปีเท่านั้นเผด็จการกลับมาของอำนาจและกลับมามีบทบาทในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งครั้งของความรุนแรงที่ก่อโดยรัฐ ที่ปัจจุบันยังไม่มีผู้กระทำผิดได้รับโทษ
.
อมรัตน์ยังได้ไล่เรียงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519 หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2553 ซึ่งทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า เราไม่สามารถขับไล่เผด็จการและมีชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ เป็นเพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองความคิดของประชาชนทั้งหมดได้ ดังนั้นการขับไล่เผด็จการยังไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศแต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างและในระดับรัฐบาล
.
"เราต้องเปลี่ยนที่โครงสร้างของประเทศ เอากองทัพออกไปจากการเมืองยุติการเข้ามาของอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ หรือ มือที่มองไม่เห็นหยุดการแทรกแซงทางการเมืองจากองคาพยพที่ไม่เกี่ยวข้อง" อมรัตน์กล่าว

'ไอติม' ยก 4 เป้าหมายเปลี่ยนประเทศ สู่ ปชต. วอนคนทุกรุ่นต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน

ไอติม ขึ้นเวทีปาฐกถา 14 ตุลา ชี้ 49 ปี ไทยยังคงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย - ชู 4 พันธกิจเปลี่ยนประเทศสู่ประชาธิปไตย ที่คนทุกรุ่นต้องร่วมมือกัน

เมื่อวันที่ 14 ต.ค.65 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกลได้ร่วมแสดงปาฐกถางาน '14 ตุลา 16 ปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์สังคมไทยแค่ไหน' พริษฐ์เริ่มต้นปาฐกถาด้วยการอธิบายว่าโจทย์ของพูดถึงเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วกว่า 49 ปี และตนเองไม่ได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ แต่ด้วยความที่ 14 ตุลา เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่ถูกตีความอย่างหลากหลายโดยคนแต่ละกลุ่ม ตนจึงตั้งใจที่จะพยายามสรุปและอธิบายเหตุการณ์ผ่านมุมมองของคนแต่ละยุค ทั้งมุมมองที่มองว่า 14 ตุลาเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และมุมมองที่อาจมองว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาเป็นชัยชนะที่ลวงตาและไม่สามารถนำไปสู่ประชาธิปไตยได้อย่างยั่งยืนซึ่ง

โดยพริษฐ์กล่าวว่า 14 ตุลา อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่สามารถกำจัดระบบทรราชอย่าง 'ถนอม-ประภาส-ณรงค์' ออกไปจากระบบการเมืองไทยได้ก็จริง แต่ 3 ปีหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา กลับเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง 6 ตุลา 2519 โดยเหตุการณ์นี้พริษฐ์อธิบายว่า "เป็นเสมือนการล้างไพ่ประชาธิปไตยไทย ให้ถอยกลับไปอยู่จุดเดิม หรือแย่กว่าเดิม" พริษฐ์ยังอธิบายต่อไปอีกว่า คนรุ่นใหม่ในเหตุการณ์ 14 ตุลา กับคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน เติบโตมาในโลกที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน

พริษฐ์ กล่าวว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่ในแต่ละยุคต้องพบเจอเหมือนกัน คือการเติบโตมาในยุคที่การเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น คนรุ่นใหม่ในยุค 14 ตุลาเป็นยุคที่เติบโตมากับระบบเผด็จการทหารที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานและมีผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จตามมาตรา 17 ขณะที่คนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันเติบโตมาในยุคที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอย่างเต็มใบและต้องอาศัยอยู่ภายใต้ 'ระบอบประยุทธ์' ซึ่งเป็นเสมือนเผด็จการอำพรางที่ชุบตัวจากการเลือกตั้ง แต่ยังคงมีกลไกควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จผ่านกลไกสืบทอดอำนาจ ส.ว. 250 คนศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระรวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

แต่ตัวอย่างหนึ่งที่มีความแตกต่าง คือในมิติเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร คนรุ่นใหม่ยุค 14 ตุลามีทางเลือกในการติดตามข่าวสารอย่างจำกัดเพราะเทคโนโลยีขนาดนั้นมีเพียงวิทยุหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้นซึ่งก็ไม่ได้มีอุปกรณ์เหล่านี้ครบทุกบ้าน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกควบคุมและกำกับโดยรัฐในทางกลับกันคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันกลับมีช่องทางในการติดตามข่าวสารมากมายนับไม่ถ้วนเพราะการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียรัฐไม่อาจควบคุมและจำกัดข้อมูลเนื้อหาได้ดังเช่นในอดีต

แม้ความแตกต่างระหว่างรุ่นเป็นเรื่องปกติ แต่จากโจทย์ปัจจุบันที่เป็นช่วงเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประชาธิปไตยไทยและที่มีการปะทะกันระหว่างระบบที่ล้าหลังและสังคมที่ก้าวหน้ามากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป้าหมายและความตั้งใจของคนยุค 14 ตุลา มีภารกิจหลายส่วน ที่สอดคล้องกับความฝันของคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน แต่ยังไม่สำเร็จถึงฝั่งและยังต้องอาศัยพลังและเจตจำนงของคนทั้ง 2 รุ่น ในการร่วมกันขับเคลื่อนต่อไป

เป้าหมายที่หนึ่งคือการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย - แม้เหตุการณ์ 14 ตุลาได้นำมาสู่รัฐธรรมนูญปี 2517 แต่กระบวนการจัดทำยังคงไม่ได้มีส่วนร่วมของตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และเป็นฉบับที่มีอายุเพียง 2 ปี ก่อนถูกฉีกโดยคณะรัฐประหาร ปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้ธรรมนูญปี 2560 ซึ่งถูกเขียนโดยคณะรัฐประหาร มีวัตถุประสงค์ในการสืบทอดอำนาจ และมีเนื้อหาที่ขัดกับหลักสากล จึงต้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับโดยประชาชน ผ่าน สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

เป้าหมายที่สองคือการขับเคลื่อนประชาธิปไตยในเชิงวัฒนธรรม ที่ไปไกลกว่าการกำจัดผู้นำเผด็จการ แม้ 14 ตุลาจะเป็นหมุดหมายสำคัญทางการเมืองไทยที่ภาคประชาชนรวมกันแสดงตัวเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล แต่ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้เห็นว่าการตื่นตัวของประชาชนไม่สามารถนำไปสู่ชัยชนะที่ยังยืนของประชาธิปไตยเสมอไป ตราบใดที่เรายังไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่แข็งแรงให้เกิดขึ้นในระดับความคิด และกำจัดวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยมในทุกอณูของสังคม ตั้งแต่ระบบราชการ ยันระบบการศึกษา เพื่อสร้างโครงสร้างและวัฒนธรรม ที่อยู่บนฐานของการไว้วางใจประชาชน

'ธัญวัจน์' ชี้!! การลงโทษลูกที่มีความหลากหลายทางเพศ  สะท้อน!! ความล้าหลัง วอน!! 'พูดคุย-เรียนรู้' ด้วยใจที่เปิดกว้าง

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวถึงกรณีที่มีลูกนักการเมืองท่านหนึ่ง หนีออกจากบ้านเนื่องจากถูกผู้เป็นพ่อลงโทษด้วยเหตุผลรสนิยมทางเพศ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่ล้าหลัง ไม่เพียงแต่เป็นการทำร้ายร่างกายลูก แต่เป็นการเหยียบย่ำตัวตนของลูกด้วย  

ธัญวัจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความหลากหลายทางเพศเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นครอบครัวทุกยุคทุกสมัย แม้ในปัจจุบันที่แม้สังคมจะยอมรับและก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่หลายครอบครัวยุคถือสร้างความกดดันและความรุนแรงกับผู้ที่มีความหลากหลายมาตลอด บางคนไม่สามารถแสดงตัวตนได้ที่บ้านเพราะกลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ พ่อแม่ผิดหวังเสียใจ การปลูกฝังแนวคิดแบบนี้จากในครอบครัวสู่สังคมคืออุปสรรคใหญ่ไม่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ไม่เพียงแต่มิติความเท่าเทียมสากล แต่รวมถึงมิติทางกฎหมาย ธรรมเนียมปฏิบัติที่แสดงออกต่อกันของคนในสังคม

'ก้าวไกล' เปิดชุดนโยบายแรก 'การเมืองก้าวหน้า' ชูโรง!! 'นิรโทษกรรมคดีการเมือง - แก้ ม.112'

ก้าวไกลเปิดชุดนโยบายแรก 'การเมืองก้าวหน้า' นิรโทษกรรมคดีการเมือง / แก้ 112 / ลงนามศาลอาญาระหว่างประเทศ / พระเลือกตั้งได้ / ลาคลอด 180 วัน / คำนำหน้านามตามสมัครใจ 

พรรคก้าวไกลเปิดชุดนโยบายแรก ประเดิมนโยบายการเมืองชุดใหญ่ สังคายนาทหาร-ศาล-รัฐธรรมนูญ ชูจุดยืนคนเท่ากัน ผลักดันหลายนโยบายก้าวหน้า นิรโทษกรรมคดีการเมือง แก้ 112 และลงนามศาลอาญาระหว่างประเทศ หวังสร้างการเมืองก้าวหน้า ประชาธิปไตยเต็มใบ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดงานแถลงนโยบายชุดแรกของพรรค ได้แก่ 'การเมืองไทยก้าวหน้า' โดยระบุว่าชุดนโยบายของก้าวไกล เป็นบ้านนโยบายที่ชื่อว่า 'ไทยก้าวหน้า' มีเป้าหมายคือการสร้างประเทศไทยที่ก้าวหน้าใน 9 ประเด็น คือ การเมืองไทยก้าวหน้า / ราชการไทยก้าวหน้า / ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า / เศรษฐกิจไทยก้าวหน้า / เกษตรไทยก้าวหน้า / สวัสดิการไทยก้าวหน้า / การศึกษาไทยก้าวหน้า / สุขภาพไทยก้าวหน้า และสิ่งแวดล้อมไทยก้าวหน้า โดยทั้งหมดอยู่บนฐานคิดเดียวกัน คือประเทศไทยเป็นของประชาชน 

“เหตุที่ต้องเปิดนโยบายการเมืองเป็นอันดับแรก เพราะหากการเมืองไม่ดี ยากที่เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาอื่นๆ จะถูกแก้ไขได้ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรอำนาจ และทรัพยากร ใครจะได้บริหารประเทศ ใครจะเอาภาษี เอางบประมาณไปใช้ทำอะไร จะนำพาประเทศไปในทางไหน หากการเมืองไม่ดี เราจะไม่มีวันได้เห็นประเทศที่ก้าวหน้ากว่านี้” พิธากล่าว

สำหรับนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้าที่พรรคก้าวไกลแถลงในวันนี้ ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก คือ ทหารของประชาชน ศาลของประชาชน คนเท่ากัน และรัฐธรรมนูญใหม่ปลดล็อกประเทศไทย

>> ทหารของประชาชน เอาทหารออกจากการเมือง แจกใบแดงนายพล ลดจำนวนนายพล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงนโยบายปฏิรูปกองทัพ โดยเริ่มจากการ 'แจกใบแดงนายพล' ห้ามนายพลเกษียณอายุเป็นรัฐมนตรีจนกว่าจะเกษียณครบ 7 ปี เพื่อตัดวงจรการใช้อำนาจเส้นสายระบบอุปถัมภ์ของกองทัพมาสู่อำนาจทางการเมือง นอกจากนี้พรรคก้าวไกลยังมีนโยบาย ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ใช้อำนาจล้นเกิน ก้าวก่ายกิจการราชการพลเรือน และในขณะเดียวกันก็ยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนำไปสู่การซ้อมทรมานในค่ายทหาร สร้างบาดแผล ความไม่ไว้วางใจให้กับคนในพื้นที่ ขัดขวางการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ 

พิจารณ์ ยังระบุว่า จะมีการปรับโครงสร้างกองทัพให้กระชับ คล่องตัว ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ลดจำนวนนายพล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ยกเลิกระบบทหารรับใช้ ทหารต้องมีศักดิ์ศรีและปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ นอกจากนี้พรรคก้าวไกลยังจะจัดการให้กองทัพคืนธุรกิจของกองทัพ ทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรม ม้า มวย ให้กับรัฐบาล รวมถึงคืนที่ดินของกองทัพที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศ ให้มาเป็นที่ทำกินของประชาชน แลัวให้ท้องถิ่นนำมาใช้ประโยชน์ เช่น ทำสนามกีฬาหรือลานเอนกประสงค์ 

>> ศาลของประชาชน ปฏิรูปศาล นิรโทษกรรมคดีการเมือง แก้ 112 ลงนามศาลอาญาระหว่างประเทศ

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้า ในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม เริ่มจากการปฏิรูปศาลให้ยึดโยงรับใข้ประชาชน ให้ผู้พิพากษาต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้แก่ กฎหมายอาญามาตรา 112, มาตรา 116, พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เสนอแก้ไขไปแล้ว และขณะนี้ร่างแก้ไขชุดกฎหมายเหล่านี้ ได้ถูกบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาแล้ว ยกเว้นร่างแก้ไขกฎหมาย 112 ที่สภาไม่ยอมบรรจุเข้าวาระ โดยอ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พรรคก้าวไกลยืนยันจะเดินหน้าผลักดันต่อไปหากได้เป็นรัฐบาล และย้ำว่าการแก้ 112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองพระมหากษัตริย์ ในฐานะประมุขของประเทศ 

รังสิมันต์ยังเปิดนโยบายการนำรัฐบาลไทยให้สัตยาบันรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC เพื่อชำระสะสางคดีอาชญากรรมที่รัฐกระทำต่อประชาชน เช่นเหตุการณ์สังหารหมู่คนเสื้อแดงในปี 2553 รวมถึงโศกนาฏกรรมตากใบ และป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมเช่นนี้อีกในอนาคต ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลที่เกาะกินประเทศไทย

และข้อเสนอใหญ่ที่สุดของพรรคก้าวไกล คือการนิรโทษกรรมคดีการเมือง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา เพื่อคืนความเป็นธรรมและอนาคตให้กับประชาชนที่ต้องคดีการเมืองเพียงเพราะแสดงความเห็นต่าง และวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์

>> คนเท่ากัน คำนำหน้านามตามสมัครใจ ลาคลอด 180 วัน พระเลือกตั้งได้ จ้างงานผู้พิการ

ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขตสายไหม แถลงชุดนโยบายการเมืองไทยก้าวหน้า ในหมวด 'คนเท่ากัน' ซึ่งว่าด้วยการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีของคนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เริ่มจากการจ้างงานคนพิการ 20,000 ตำแหน่ง เพื่อให้ดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี รวมถึงการเสนอนโยบาย 'อัตลักษณ์ทางเพศก้าวหน้า' คือการรับรองความหลายหลายทางเพศอย่างเท่าเทียมกัน บุคคลเลือกคำนำหน้าได้ตามความสมัครใจ และมีการเพิ่มตำรวจหญิงทุกสถานี เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีล่วงละเมิดทางเพศ เอื้ออำนวยให้ผู้เสียหายสะดวกใจที่จะเข้าแจ้งความ ไม่กระทบกระเทือนจิตใจซ้ำจากกระบวนการสอบสวน นำไปสู่การอำนวยความยุติธรรมในคดีทางเพศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

อีกนโยบายที่ส่งเสริมสิทธิผู้หญิง คือการเพิ่มวันลาคลอดเป็น 180 วัน และพ่อแม่สามารถแบ่งกันใช้ได้ เพื่อให้หน้าที่เลี้ยงลูกในวัยแรกเกิดเป็นของทั้งพ่อและแม่ ไม่เป็นภาระของแม่แต่เพียงฝ่ายเดียว นโยบายนี้จะยังเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว ให้เด็กได้เติบโตมาอย่างอบอุ่น ได้รับการดูแลโอบอุ้มจากพ่อแม่อย่างใกล้ชิดในวัยเริ่มต้นของชีวิต 

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังจะเสนอให้พระสามารถเลือกตั้งได้เช่นเดียวกับนักบวชศาสนาอื่น เนื่องจากพระก็ยังต้องไปเกณฑ์ทหาร ยังต้องอยู่ใต้กฎหมาย แต่กลับต้องถูกยกเว้นไม่ได้รับสิทธิ์ในการเลือกตั้ง 

'ก้าวไกล' ซัดรัฐบาลจัดการน้ำล้มเหลว ทำอุบลฯ ท่วมร่วมเดือน พยากรณ์ผิดพลาด ชาวบ้านต้องยกของขึ้นที่สูงทุกวัน 

วิศรุต สวัสดิ์วร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อุบลราชธานี เขต 1 พรรคก้าวไกล สะท้อนปัญหาการจัดการน้ำในลุ่มน้ำภาคอีสานของรัฐบาลว่า จังหวัดอุบลน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 1 เดือนกว่าแล้วที่คนอุบลต้องทนอยู่กับน้ำท่วม ระดับน้ำเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยชาวบ้านฟังการแจ้งเตือนภัยจากรัฐบาล แต่ระบบการเตือนภัยผิดพลาดสับสน จากเดิมที่บอกว่าน้ำท่วมไม่เกินปี 2545 ต่อมาประกาศเพิ่มเป็นไม่เกินปี 2562 แต่จนถึงปัจจุบันน้ำท่วมสูงกว่าปี 2562 แล้ว การพยากรณ์ที่ผิดพลาดทำให้ชาวบ้านต้องยกของขึ้นที่สูงทุกวัน ตามที่รัฐบาลพยากรณ์ใหม่ทุก 2 วัน

อีกทั้งการจัดการศูนย์อพยพในช่วงต้นของการเกิดน้ำท่วมว่า ไม่มีการเตรียมตัว แม้แต่ศูนย์อพยพที่ไม่ได้มาตรฐานคนยังแย่งกัน คนแย่งเต็นท์กัน กว่าจะตั้งหลักได้ น้ำท่วมถึงศูนย์อพยพจุดที่ 2 แล้ว ทั้งๆ ที่ระดับน้ำของจังหวัดอุบลเป็นมวลน้ำที่มาจากที่อื่น ควรจะคำนวณระดับน้ำได้ แต่รัฐบาลกลับไม่มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า จ.อุบลน้ำท่วมแทบทุกปี ควรมีแผนเตรียมอพยพและศูนย์อพยพล่วงหน้าไว้ให้พร้อม โดยพิจารณาจากสถานที่ราชการบางส่วน สนามกีฬา เพื่อใช้เป็นศูนย์อพยพที่ได้มาตรฐาน

'ก้าวไกล' อัด!! คมนาคมซ้ำเติมปชช. 'แก้สายรถเมล์-เปลี่ยนสัมปทาน' หลายสายรถขาดช่วง ผู้คนเดือดร้อน ค่าเดินทางเพิ่มขึ้น

(18 ต.ค. 65) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนที่ส่งเข้ามาหลายพันข้อความเกี่ยวกับการปล่อยสัมปทาน รถเมล์สาย 140 ให้เอกชนวิ่ง และรถสาย 68 ที่วิ่งน้อยลงส่งผลกระทบต่อการเดินทางและความปลอดภัยของประชาชนรวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการต่อรถ

ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา กรมการขนส่งทางบกเริ่มเปิดให้เอกชนหลายรายที่ชนะการประมูลเส้นทางเข้าให้บริการรถเมล์แทนที่ ขสมก.รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการอยู่เดิม โดยหลักการดูเหมือนดีที่จะเปิดให้การเดินรถมีการแข่งขัน ประชาชนจะได้คุณภาพการให้บริการที่ดีขึ้น มีระบบตั๋วอัตโนมัติ เดินรถเป็นเวลา เหมือนกับในต่างประเทศ

แต่ความจริงที่เกิดขึ้นไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะระบบของบัตรสวัสดิการของรัฐใช้ไม่ได้ ตั๋วเดือนถูกยกเลิก สิทธิลดหย่อนค่ารถเมล์ของผู้สูงอายุใช้ไม่ได้ในรถร่วมใหม่ที่เข้ามาให้บริการ และเอกชนเลือกวิ่งเฉพาะเวลาที่ตัวเองได้กำไร แต่ในช่วงเวลาที่ประชาชนต้องการใช้บริการกลับไม่มีการวิ่ง ซึ่งต่างจากเดิมที่ ขสมก. รถเมล์จะวิ่งตามตาราง เช่น เริ่มตั้งแต่ 04:00 น.-23:00 น. ทำให้พี่น้องประชาชนที่จำเป็นต้องออกจากบ้านในช่วงเช้าตรู่ หรือเลิกงานในกลางดึกไม่มีรถในการโดยสาร

ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับเงินกระเป๋าประชาชน เพราะเมื่อไม่มีรถเมล์ในช่วงที่ต้องเดินทางก็ต่อใช้รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้างแทน ค่าใช้จ่ายเพิ่มจากเดิมมาก

'ส.ส.ก้าวไกล’ ซัดรัฐจัดการน้ำล้มเหลว เร่งรัฐจ่าย 3 พันต่อหัว กลุ่มพื้นที่รับภัยรุนแรง

ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล ลงสำรวจผลกระทบจากน้ำท่วมพร้อมกับ ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต1จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าหลายแห่งยังคงประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก บางหลังมิดหลังคามาแล้ว 3 เดือน เช่นที่บ้านกุ่ม โดยระดับน้ำยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลด ประกอบกับลมหนาวที่กำลังมาทำให้ผู้ประสบภัยลำบากมาก ทั้งเปียก ทั้งหนาว ไม่มีที่พักอาศัย สุขอนามัยไม่ต้องพูดถึง อยู่กันอย่างยากลำบากมาก แต่รัฐบาลยังคงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่เช่นเดิม

ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต1จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มเติมว่า ขณะนี้ประชาชนตำบลบ้านกุ่ม รวมตัวกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ‘ชูธงขาว’ ไม่ใช่เพื่อยอมแพ้ แต่ต้องการเจรจาเพื่อหาทางแก้ปัญหาน้ำท่วมสูงกว่า 2 เดือนแล้ว บ้านกุ่มเป็นตำบลที่ได้รับผลกระทบเป็นพื้นที่แรก ๆ และหนักหนาสาหัสตำบลหนึ่งของ อ.บางบาล ในตอนนี้ ระดับน้ำสูงกว่า 2.5 - 3 เมตร เป็นเวลาจะเข้าเดือนที่ 3 แล้ว 

สิ่งที่พี่น้องประชาชนประสบคือไม่มีน้ำสะอาดเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันการเดินทางถูกตัดขาด และไม่ห้องน้ำเพื่อทำกิจหนักเบา ทั้งที่ปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับการดูแลจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องตั้งแต่น้ำท่วมในช่วงแรกด้วยซ้ำ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top