Sunday, 23 June 2024
พรรคก้าวไกล

‘ก้าวไกล’ ไม่เอาด้วย ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ‘โรม’ ชี้ ยุบพรรคไม่ช่วยแก้ปัญหาการเมือง

โฆษก ก้าวไกล ไม่เห็นด้วยปมพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ยืนยัน การยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่แก้ปัญหาการเมือง แถมเป็นบ่อนทำลายประชาธิปไตย

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว เพราะการยื่นยุบพรรคการเมืองเป็นเครื่องมือฝ่ายอำนาจนิยมที่ใช้สกัดกั้นพรรคการเมืองและบ่อนทำลายประชาธิปไตยมาโดยตลอด ซึ่งตนไม่คิดว่าการยุบพรรคการเมืองจะสามารถแก้การเมืองได้ 

แม้ว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศออกไปเรื่องกัญชาเสรีจะเป็นนโยบายที่ไม่รอบคอบ ส่งผลให้ประชาชนและเยาวชนเข้าถึงง่ายอาจไม่ปลอดภัยต่อเด็กหรือคนบางกลุ่มที่ใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจและเป็นสิ่งที่สังคมกังวลกับความเสรีดังกล่าว

อย่างไรก็ดีตนเห็นว่าคำพิพากษาที่ดีที่สุดจะต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่มาจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 

“ผมในฐานะตัวแทนของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยเชื่อเสมอว่าพรรคการเมืองสามารถดำรงอยู่หรือดับไปโดยประชาชนจะเป็นคนตัดสินเท่านั้น” รังสิมันต์ โรม กล่าว

‘ก้าวไกล’ ชี้ ปมหักหัวคิวซื้อบ้านสวัสดิการทหาร สะท้อนภาพ ‘กองทัพ’ ต้องถูกปฏิรูปลดคอร์รัปชัน

โฆษก ก้าวไกล ชี้กรณีทุจริตการสร้างบ้านขายให้นายพล ย้ำชัดกองทัพต้องถูกปฏิรูป เชื่อมีอีกหลายเหตุการณ์โกงของกองทัพที่ยังไม่ถูกเปิดโปง 

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการออกมากรณีการเปิดโปงของบรรดาผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก ว่ามีการหักหัวคิว 'ค่าธรรมเนียม' และ 'ค่าตกแต่ง' จากเงินที่ทหารชั้นผู้น้อยกู้จากกรมสวัสดิการทหารบกเพื่อไปสร้างบ้าน ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยเหล่านี้ที่ต้องรับภาระหนี้ถึงคนละ 1,500,000 บาท กลับได้ใช้ประโยชน์จากเงินเพียง 1,000,000 บาทเท่านั้น และยิ่งเมื่อไปร้องเรียนต่อกองทัพเองกลับถูกคุกคามเพื่อหวังทำลายหลักฐาน ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือกรณีการทุจริตแบบนี้เองที่เป็นชนวนเหตุนำไปสู่โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราชเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ย้ำชัดเข้าไปอีกว่าเมื่อประเทศนี้ปล่อยให้กองทัพเป็นแดนสนธยาหาผลประโยชน์ได้มหาศาลของบรรดานายพลได้กอบโกย ขณะเดียวกันทหารชั้นผู้น้อยกลับต้องเผชิญกับชะตากรรมที่แตกต่างฟ้ากับเหว การทุจริตที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้น แต่ลามมาถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วย และเชื่อเหลือเกินว่ายังมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีกไม่น้อยที่ยังไม่ถูกตีแผ่ออกมาให้สังคมได้รู้

ดังนั้นอย่ารอให้มีเหตุการณ์สุดท้ายแล้วค่อยสนใจว่าประเทศไทยต้องปฏิรูปกองทัพเพราะไม่รู้จะไปสิ้นสุดตรงไหน พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดและขอย้ำอีกครั้งว่ากองทัพไทยต้องถูกปฏิรูปให้เร็วที่สุด 5 ข้อ ตามที่ได้มีการแถลงนโยบายไป

‘ณัฐชา’ ชี้!! หากอยากหยุดอาชีพนักร้อง ต้องแก้กฎหมายปิดปากประชาชน

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ถูกทำร้ายและเป็นกระแสถูกอกถูกใจประชาชนจำนวนมากเมื่อวานนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคำตอบว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เห็นด้วยและรังเกียจกับการทำหน้าที่ของนักร้องที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามสร้างนิติสงครามอยู่บ่อยครั้ง

แต่ประเด็นสำคัญอยากให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงต้นตอปัญหาว่า เหตุใดอาชีพนักร้องถึงสามารถสร้างนิติสงครามได้ไม่สิ้นสุด ที่หนักไปกว่านั่นคือ องค์กรยุติธรรมก็หยิบคดีจากนักร้องเหล่านี้มาทำคดีอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็เพราะผู้มีอำนาจจงใจออกกฎหมายมาเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน กลั่นแกล้งขัดแข้งขัดขาฝ่ายตรงข้าม กลับกันหากกฎหมายไม่ได้เอื้อ อาชีพนักร้องก็เป็นได้เพียงการสร้างความรำคาญ ไม่มีผลชี้ชะตากรรมผู้อื่นเช่นนี้

‘พิธา’ ให้คะแนนรัฐบาลติดลบทุกด้าน ปชช.สิ้นหวัง ศก.โตช้าสุดในอาเซียน

พิธา ให้คะแนนสังคมไทยติดลบทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กลายเป็นสังคมแห่งความสิ้นหวัง แต่อีกด้านประชาชนตื่นรู้มากขึ้น จนเกิดฉันทามติของสังคมที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง ย้ำอนาคตต้องมองเป้าการประเทศเติบโตพร้อมลดความเหลื่อมล้ำ ชงปฏิรูปที่ดินขนานใหญ่ กระจายอำนาจ-งบประมาณ สร้างอุตสาหกรรมใหม่

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมวงเสวนา “ตื่น ฟื้น ฝัน” จัดขึ้นโดยสำนักข่าวไทยรัฐ ซึ่งเชิญบุคคลจากทั้งวงการเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนถึงความเป็นไปในอนาคตของประเทศไทย

พิธา ยืนยันว่า สังคมไทยตื่นรู้ขึ้นกว่าเดิมมาก มีฉันทามติร่วมกันอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มคนหลายชนชั้น ฐานประชากร และอายุ ที่ต้องการการเลือกตั้งครั้งใหม่ การเปลี่ยนแปลงกฎกติกาที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปได้ มองเห็นความเชื่อมโยงกันระหว่างการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เข้าใจในเรื่องของความเหลื่อมล้ำและการกระจายอำนาจ เชื่อว่ารัฐประหารไม่ใช่คำตอบ

'ภูมิใจไทย' ชูจุดยืนค้านแก้ ม.112 ปิดประตูร่วมจัดตั้งรบ.กับก้าวไกล

เมื่อ (19 ต.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมา โดยมีอุดมการณ์ทางการเมือง ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ เป็นข้อแรก เป็นหัวใจในการทำงานของพรรค และเป็นอุดมการณ์ที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ทุกคน ยึดถือเป็นหลักในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่มีนโยบาย ไม่มีความคิดเรื่องแก้ไข ม.112 และ ไม่เข้าใจว่าคนที่เสนอแก้ไข ม.112 เดือดร้อนอะไรกับกฎหมายอาญา ม.112

ถ้าเราไม่คิดทำผิดกฎหมาย ทำไมต้องกลัวรับโทษทางกฎหมาย ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ไม่รู้สึกว่ากฎหมายอาญา ม.112 เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ใช้ชีวิตประจำวัน จะมีก็แต่กลุ่มคนที่คิดจะท้าทาย คิดจะทำผิดกฎหมาย แต่ก็กลัวโทษตามกฎหมาย จึงมาเรียกร้องให้แก้กฎหมาย ให้สิ่งที่ตนจะทำ เป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ มีกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่ควรจะแก้ไข เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ควรจะไปแก้ไขกฎหมายเหล่านั้น ก่อน

“ผมมั่นใจว่าการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ไม่มีทางได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ใครจะคิดอย่างไร ลงมติอย่างไร ก็เป็นสิทธิของเขา แต่พรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรค พูดแทนสมาชิกทุกคนได้เลยว่า เราไม่แก้ไข และ จะคัดค้าน ขัดขวางถึงที่สุด รวมทั้งจะไม่ร่วมมือ ร่วมทำงาน กับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่เสนอแก้ไข ม.112 ทุกระดับ รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า หรืออีกกี่ครั้งก็ตาม”

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคภูมิใจไทย จะไม่จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไข ม.112 นายอนุทิน กล่าวว่าไม่มีทางอย่างแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่พรรคภูมิใจไทย จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบาย มีแนวคิดแก้ไข ม.112 รวมอยู่ด้วยเพราะมีอุดมการณ์ขัดแย้งกันจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

‘ก้าวไกล’ ก้าวไม่หยุด เดินหน้าต่อแก้ 112 ทำตามนโยบายหาเสียงที่ให้ไว้ต่อประชาชน

(21 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายที่พรรคก้าวไกลประกาศออกมาว่า อันที่จริงแล้วเรายื่นขอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานหมิ่นประมาทที่รวมถึงมาตรา 112 ไปเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่ของสภายังไม่ได้นำเข้าสู่ระบบ ซึ่งเท่ากับว่าจะไม่สามารถบรรจุวาระได้ เราเสียดายโอกาสตรงนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะคิดว่า หากมีการเข้ากระบวนการตามปกติ ก็จะนำไปสู่การพูดคุยกันในสภา ว่ากฎหมายนี้ควรจะต้องมีการแก้ไขหรือไม่ รวมไปถึงคนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน แต่นั้นก็คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว แต่เราเชื่อว่าอีกไม่กี่เดือนที่เหลือ ก็คงไม่ทันที่จะบรรจุวาระแน่นอน 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีหลายพรรคแสดงความคิดเห็นออกมานั้น ตนมองว่ามันปนกันอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ แต่ละพรรคค่อนข้างเห็นด้วยว่าสมควรที่จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความจริงบางพรรคเสนอว่าเห็นควรที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาผู้แทนราษฎรโดยการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งหากกล่าวเช่นนี้ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพิจารณาทุกหมวดตั้งแต่หมวดที่หนึ่ง หมวดที่สอง หรือหมวดอื่น ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ก็มีบางพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้รวมถึงการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

'ก้าวไกล' ซัดรัฐแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ครอบคลุม ปล่อยให้ประชาชนหนี้สินท่วมหัวพร้อมกับน้ำ

'ก้าวไกล' ซัดรัฐบาลไม่รู้ร้อนรู้หนาว จี้เร่งเยียวยาน้ำท่วมรวดเร็ว-ครอบคลุม-ทั่วถึง อย่าปล่อยให้ประชาชนหนี้สินท่วมหัวพร้อมกับน้ำ

(21 ต.ค. 65) กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกับพงษ์เดช เดชกล้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เขต 9 จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนใน อ.ยางชุมน้อย และ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เพื่อรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม แล้วนำไปประมวลเป็นรายละเอียดเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในการออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป

โดยในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมไร่นาทำลายพืชผลการเกษตรของชาวบ้าน 100% ทำให้ชาวบ้านไม่มีข้าวสำหรับบริโภคภายในครัวเรือนและไม่มีรายได้จากการประกอบอาชีพเกษตรเนื่องจากไร่นาเสียหายถูกน้ำท่วม เมื่อไม่มีรายได้ก็กระทบต่อวงจรการชำระหนี้ ทำให้มีหนี้สินพอกพูนขึ้นไปอีก

ส่วนบ้านเรือนก็ถูกท่วมมิดหลังคา จนต้องย้ายออกมาอยู่ศูนย์อพยพที่ทางองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาไว้ให้ เบื้องต้นประเมินว่ามีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต้องซ่อมแซมบ้านทั้งหลังเนื่องจากจมน้ำมิดหลังคา บางรายอาจต้องใช้เงินซ่อมกว่า 100,000 บาท แต่เมื่อย้ายออกมาแล้ว ก็ประกอบอาชีพลำบาก หุงหาอาหารทุลักทุเล แม้จะพอได้รับความช่วยเหลืออยู่บ้างแต่ก็มีต้นทุนชีวิตที่สูงกว่าปกติ

'ก้าวไกล' ผิดหวัง 'กสทช.' แค่รับทราบควบรวม 'ทรู-ดีแทค' จ่อยื่นป.ป.ช.เอาผิด ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

(21 ต.ค. 65) ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติ 3 ต่อ 2 เสียงรับทราบการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค แบบมีเงื่อนไข โดยมีการกำหนดมาตรการเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้น ว่า เป็นไปตามที่คาดเดา แต่ยังคงผิดหวัง เพราะเราคาดหวังไว้ว่า กสทช.จะใช้อำนาจตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งหากสังเกตมติครั้งนี้ไม่ใช่การอนุญาตให้ควบรวมแต่เป็นการรับทราบ มีการโหวต 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการลงมติว่าสรุปแล้วกสทช.มีอำนาจให้ควบรวมหรือไม่ สิ่งที่ลงมติออกมาเป็น 2 ต่อ 2 เสียง ซึ่งก็เป็นประเด็นว่าในการลงมติเรื่องนี้จำเป็นจะต้องได้เสียงข้างมากของคณะกรรมการทั้งหมด คืออย่างน้อยต้องได้ 3 เสียงแต่กรณีนี้เป็นการที่คะแนนเท่ากัน จึงต้องให้ประธานชี้ขาด ซึ่งจะใช้ในกรณีที่เป็นกรณีพิเศษไม่ใช่ในกรณีนี้ ตามข้อบังคับการประชุมของกสทช.

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า เมื่อมาดูมติเสียงข้างมากบอกว่าตัวเองไม่มีอำนาจที่จะอนุญาตและใช้วิธีเพียงแค่การรับทราบผลการขอควบรวมธุรกิจ แสดงว่ากสทช.ตีความว่า ทรูและดีแทคไม่ได้อยู่ในธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งค้านสายตาคนทั้งประเทศ และการที่ออกมาตรการหรือเงื่อนไขภายหลังแบบนี้ ตนคิดว่าสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีสำหรับกฎหมายกำกับดูแลในประเทศนี้ ถ้าต่อไปเอไอเอสต้องการจะควบรวมกับ 3BB เขาจำเป็นต้องขออนุญาตหรือไม่ และในกรณีนี้จะนับว่าเป็นธุรกิจประเภทเดียวกันอีกหรือไม่ ฉะนั้น ตนคิดว่ามีปัญหาตั้งแต่กระบวนการโหวตและการตีความกฎหมายทั้งคู่ ผลที่ออกมาในส่วนที่เป็นเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะในหลายเรื่องทั้งในเรื่องเชิงโครงสร้างและในเชิงพฤติกรรม ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกพอใจแล้วว่ามาตรการที่จะช่วยควบคุมราคา แต่ขอบอกว่าไม่มีการตัดสินของการอนุญาตควบรวมใด ๆ ในโลกนี้ที่ให้รัฐเป็นผู้ควบคุมราคา เพราะทราบกันดีว่าในความเป็นจริงทำได้ยากมาก

“ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นจะต้องมีที่สุดคือมาตรการในเชิงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นการขายลูกค้าให้กับเจ้าอื่น หรือขายคลื่นหรือคืนคลื่นออกมาในส่วนที่มีถือครองคลื่นเกินจำนวนที่กสทช.กำหนดไว้ หรือการใช้เสาสัญญาณร่วมในราคาที่เป็นธรรม ที่สำคัญที่สุดคือทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ขึ้นเป็นเจ้าที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีการกันคลื่นไว้ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะนำไปประมูลสัมปทานให้กับรายใหม่ได้ และอาจจำเป็นต้องให้แต้มต่อกับรายใหม่ให้ได้ราคาที่ถูกเป็นพิเศษด้วยซ้ำ เพื่อดึงดูดให้มีรายที่ 3 เข้ามา จึงคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขและมาตรการที่ไม่เพียงพอที่จะกู้คืนสภาพการแข่งขันที่เคยมีอยู่ 3 เจ้าได้เลย จึงเป็นที่มาของการคัดค้านการตัดสินใจของ กสทช. ในครั้งนี้ต่อไป เนื่องจาก กสทช.ไม่ได้ใช้อำนาจของตัวเองอย่างที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ปรากฏการณ์เท 'ระเบียบโลกใหม่' จุดจบที่คืบคลาน หลัง 'ทั่วโลก-ไทย' เริ่มก้าวออกจากกรงขังของตะวันตก

'พล.ท.นันทเดช' ชี้ระเบียบโลกใหม่ของชาวตะวันตกกำลังใกล้ถึงจุดจบแล้ว พรรคการเมืองต่างๆ พร้อมใจกัน 'เท' พรรคก้าวไกล คนไทยส่วนใหญ่ก็พร้อมออกจากกรงขังของวัฒนธรรมตะวันตก ยกเว้นบางคนที่ยังตกเป็น 'ทาส ความคิด' ทำตัวเหมือนปลาทองหัววุ้น

(26 ต.ค. 65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้...

'เมื่อพรรคการเมืองต่าง ๆ พร้อมใจกัน 'เท' พรรคก้าวไกล'

เมื่อปลายศตวรรษที่ 20 สงครามเย็นใน ทวีป เอเซีย ได้ยุติลงอย่างแน่นอนแล้ว ได้ส่งผลทำให้ภูมิทัศน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลุ่มประเทศตะวันตก ได้ส่งออก 'ประชาธิปไตยแบบตะวันตก' และ 'ระบบการค้าเสรี' ออกมาควบคุมโลกตะวันออก ตอนนั้นเรียกกันว่า 'ระเบียบโลกใหม่'

'ระเบียบโลกใหม่' นี้ได้สร้างความอึดอัดใจให้ กับประเทศในเอเซียเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะขัดต่อขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมตะวันออกแล้ว กติกาทางการค้า มาตราการอื่น ๆ ก็ถูกทางตะวันตกเป็นผู้กำหนดตามอำเภอใจตัวเอง แต่ก็ยังมีนักวิชาการบางส่วนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของโลกตะวันตกยังชื่นชมมันอยู่ ดังนั้น กระแสการต่อต้าน 'ระเบียบโลกใหม่' จึงค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทั่วเอเซีย

ส่วนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เมื่อภาพยนตร์จีนกำลังภายใน เรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร (เดชคัมภีร์เทวดา) ซึ่งมี 'ตงฟางปุ๊ป้าย' ซึ่งเป็นชื่อแปลเป็นไทย ว่า 'บูรพาไม่แพ้' เป็นตัวละครเอก ออกมาฉาย และถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำอีก คำว่า 'บูรพาไม่แพ้' จึงถูกนำมาอ้างอย่างแพร่หลาย โดยใช้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อคัดค้านระเบียบโลกของชาวตะวันตก โดยเริ่มจาก สิงค์โปร์, มาเลเซีย และไทย

ปัจจุบันนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ระเบียบโลกใหม่ ของชาวตะวันตก กำลังจะกลายเป็นระเบียบโลกเก่า เพราะมันกำลังใกล้มาถึงจุดจบแล้ว การเอารัดเอาเปรียบ จากการออกกติกาต่าง ๆ ของตะวันตกในเรื่องการค้า การเงิน การแสวงประโยชน์ และการตักตวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ จะต้องหมดไปในไม่ช้านี้

ระเบียบโลกเฉพาะของตะวันออก ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นมาอย่างช้าๆ จะเข้ามาแทนที่ จากการรวมตัวกันของ อินเดีย, จีน, รัสเซีย ฯลฯ

'ไอติม' ย้ำ!! ข้อเสนอแก้ ม.112 ของก้าวไกล ช่วยรักษาความสัมพันธ์ 'ประชาชน-สถาบันฯ'

'ไอติม' ย้ำ ข้อเสนอแก้ ม.112 ของก้าวไกลทำให้ประเทศมีกฎหมายคุ้มครองประมุข ที่ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้นในการพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ 

พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรคการเมืองออกมาคัดค้านการแก้กฎหมาย ม.112 หรือกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ของพรรคก้าวไกลว่า พรรคก้าวไกลเราเคารพสิทธิของทุกพรรค ที่จะเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่ที่ตนจำเป็นต้องชี้แจง เพราะเหตุผลที่หลายพรรคใช้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรืออาจเป็นความจงใจที่จะบิดเบือน เนื้อหาสาระของนโยบายของพรรคก้าวไกล เพราะในเชิงข้อเท็จจริง ข้อเสนอในการแก้ไข 112 ของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ทำให้ประเทศเราไม่มีกฎหมายคุ้มครองประมุข แต่เป็นข้อเสนอในการทำให้กฎหมายคุ้มครองประมุขในประเทศเราทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น ในการพัฒนาและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพระมหากษัตริย์

พริษฐ์กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 112 มี 3 จุดสำคัญที่อาจเป็นปัญหาที่เราเสนอให้แก้ไข

ข้อที่หนึ่ง คือการลดความหนักของโทษ ปัจจุบัน มาตรา 112 กำหนดโทษของการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ไว้อยู่ที่จำคุก 3-15 ปี ซึ่งนับเป็นโทษที่หนักเท่ากับการฆ่าคนโดยไม่เจตนา และสูงกว่าโทษหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่นที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้ลดโทษการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จากโทษจำคุก 3-15 ปี เป็นโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งยังคงเป็นโทษที่สูงกว่าโทษหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาที่พรรคก้าวไกลเสนอให้ลดลงจากโทษจำคุก 0-2 ปี มาเหลือแค่โทษปรับ

ข้อที่สอง คือการกำหนดผู้ฟ้องให้ชัดเจน ปัจจุบัน มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ใคร ๆ ก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษคนอื่นได้ ซึ่งอาจส่งผลอันไม่พึงประสงค์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตัวอย่างเช่น คนบางกลุ่มอาจตัดสินใจฟ้องคนอื่นด้วยมาตรา 112 ไม่ว่าจะด้วยเจตนาที่ต้องการปกป้องสถาบันฯ หรือด้วยความต้องการจะกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง แต่หากจำเลยถูกดำเนินคดีหรือตัดสินว่าผิด ความรู้สึกไม่พอใจก็อาจไปตกอยู่ที่สถาบันฯ ส่งผลให้สถาบันฯ กลายเป็นคู่กรณีโดยอัตโนมัติ แม้สถาบันฯ อาจไม่ได้รับรู้ถึงกรณีดังกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top