Wednesday, 1 May 2024
ประยุทธ์จันทร์โอชา

‘สมคิด’ ชี้!! การเมืองวุ่นวาย ส.ส. ย้ายพรรคเยอะ มั่นใจ!! ยุบสภาฯ ช่วงปีใหม่ จัดเลือกตั้งก่อนสงกรานต์

(31 ต.ค. 65) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวกรณีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่ออภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รวมทั้งการเสนอแนะและให้คำแนะนำถึงความบกพร่องของรัฐบาล ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทั้งปัญหายาเสพติด อาชญากรรม รวมทั้งการเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม สร้างปัญหาให้กับประชาชน การบริหารประเทศที่ส่งผลกระทบกับสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมหารือกันว่าจะอภิปรายและให้คำแนะนำกับรัฐบาลในเรื่องใดบ้าง 

“ส่วนที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากู้ชาตินั้น อยากถามว่าเข้ามากู้ชาติหรือมากู้เงิน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวกู้เงินมหาศาล อย่าไปหลงกับตัวเลขที่รัฐบาลกู้มา หากบอกว่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ทำให้ล่มจมอยากให้ไปศึกษาดูดัชนีตัวเลขทางเศรษฐกิจ ดูว่าต่างจากรัฐบาลนี้อย่างไร จะเชียร์อะไรก็ไม่ว่าเพราะเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องอวยกันเป็นธรรมดา แต่มันมีความจริงอยู่พี่น้องประชาชนจะหัวเราะเยาะเอาได้” นายสมคิด กล่าว

‘ส.ส.เพื่อไทย’ ชี้ หลายชาติมหาอำนาจเมินเอเปก เหตุ!! ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพผู้นำของไทย

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 65 น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือ เอเปก 2022 ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทุ่มงบประมาณมหาศาลในการจัดการประชุมในครั้งนี้ หวังสร้างผลงานให้ประทับใจผู้นำโลก เป็นที่น่าเสียดายหากในการประชุมที่กรุงเทพฯ นี้ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะผู้นำประเทศมหาอำนาจหลายประเทศไม่ให้ความสำคัญ ส่งเพียงผู้นำระดับรองมาร่วมประชุมแทน ไม่ว่าจะเป็นนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดี สหรัฐฯ เลือกไปงานแต่งหลานสาวมากกว่ามาร่วมประชุมที่ประเทศไทย ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ผู้นำหลายประเทศไม่มาร่วมประชุม เพราะไม่มีความเชื่อถือในตัวผู้นำของประเทศไทย 

น.ส.ทัศนีย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของนโยบายยกแผ่นดินไทยให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นั้น รัฐบาลควรชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ ว่าเป้าประสงค์ของรัฐบาลคืออะไร ที่ผ่านมารัฐบาลใช้มาตรการทางภาษี เพื่อดึงนักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศไทย นักลงทุนก็ไม่มาลงทุน เพราะเขาไม่มั่นใจในนโยบายเศรษฐกิจของไทย และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตานักลงทุนตกต่ำลงมาก 

'ชนินทร์' จวก 'รบ.ประยุทธ' ไร้น้ำยาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชี้!! จนมุมถึงขั้นขายที่ดินของชาติแลกการลงทุนไม่กี่ล้าน

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะมีกระแสสังคมต้านทานถึงการออกกฎกระทรวงว่าด้วยการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ที่มีมติการประชุม ครม.ออกมาเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกความตั้งใจในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ 

ส่วนตัวมองว่าเวลานี้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลิกห่วงเสียหน้าหันมาห่วงเสียแผ่นดินบ้าง เพราะแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเอาที่ดินของชาติไปแลก ได้รับฉันทามติคัดค้านต่อต้านจากพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว แม้กระทั่งจากกลุ่มที่เคยเป็นผู้นิยมตัวพล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่เห็นด้วย

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ รัฐบาลที่นำโดยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย มีแนวทางปฏิบัติหลากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลใดสิ้นไร้ไม้ตอก ขนาดต้องผ่อนปรนกฎหมายขายที่ดินกับต่างชาติ แลกกับการลงทุนในรูปแบบของการให้กู้เงินความเสี่ยงต่ำระยะสั้นแค่ 3 ปี เปิดช่องให้ชาวต่างชาติสามารถเข้ามาจับจองถือกรรมสิทธิ์ถาวรที่ดินในประเทศไทย ในระหว่างที่คนไทยในเมืองจำนวนมากยังถูกละเลยให้ไร้กรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ไม่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดจำนวนมากก็ยังเข้าไม่ถึงสิทธิในที่ดินทำกิน จึงอยากเสนอว่าสิ่งที่รัฐบาลควรมุ่งทำมากกว่าในเวลานี้ คือ

1.) จัดสรรที่ดินรกร้างว่างเปล่าของรัฐในเมือง เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัดเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชน ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเมือง

2.) จัดสรรกรรมสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์บนที่ดินของรัฐ ให้แก่ประชาชน ที่ยังเข้าไม่ถึงที่ดินทำกินได้เข้าไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลคงยังไม่เข้าใจว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มั่นคงและส่งผลบวกระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ข้อจำกัดของกฎหมายที่วุ่นวายยุ่งยาก และการขาดข้อตกลงทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่จะช่วยขยายขนาดของตลาดผู้ซื้อจากการผลิตในประเทศไทย ให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออกของภูมิภาคที่แท้จริง แต่การกระตุ้นในแบบที่พล.อ.ประยุทธ์อยากทำ เป็นการเอาทรัพย์สินถาวรของชาติไปแลกเงินกู้เงินลงทุนระยะสั้น ไม่ก่อให้เกิดการสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว

‘รมว.เฮ้ง’ เผย ชุมชนมุสลิมปลื้ม ‘บิ๊กตู่’ หลังฟื้นสัมพันธ์ ‘ไทย-ซาอุดิอาระเบีย’ ได้สำเร็จ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘วันรวมใจ สู่นูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป)’ โดยมี นายมีศักดิ์ อิทธิธนากุลชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร ดร.จำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการจัดงาน ให้การต้อนรับ ณ มัสยิดนูรุ้ลฮิดายะห์ (แสงประทีป) ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 

นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่มีอยู่กว่า 22 ล้านคน เพราะแรงงานทุกคนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า 

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามผลักดันโครงการเยียวยาต่าง ๆ ให้ครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่มทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งในส่วนของแรงงานนอกระบบได้มีโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง แท็กซี่ หาบเร่แผงลอย นักร้อง นักดนตรี ผู้ที่ทำงานในกิจการสถานบันเทิงฯ ใน 29 จังหวัด คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน เป็นเงินเกือบ 60,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ.…ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 9) มีกองทุนเพื่อแรงงานนอกระบบใช้เพื่อเป็นแหล่งเงินกู้มีทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำให้พี่น้องแรงงานนอกระบบมีหลักประกันทางสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการจัดงานในวันนี้ถือว่าเป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนให้มีความเข้มแข็ง อันจะเป็นการยกระดับให้ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

‘พีระพันธุ์’ แง้ม!! พร้อมรับ ‘บิ๊กตู่’ เข้ารวมไทยสร้างชาติ ชี้!! ได้คนดี ๆ มาทำงานให้บ้านเมือง ถือว่าดีทั้งนั้น

(8 พ.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม สนใจจะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ตนไม่ทราบ ยังไม่ได้คุย 

เมื่อถามว่ากระแสข่าวดังกล่าวแรงมาก นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า หลังเอเปกเห็นท่านพูดว่ายังนั้นไม่ใช่หรือ

เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะไปเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมงานหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่ายังไม่ได้คุยเลย เพราะตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมเอเปก เรื่องเช่นนี้ต้องให้ท่านเป็นผู้พูดคุยเอง แต่ข่าวออกไปอย่างไรตนไม่ทราบท่านก็ไม่เคยพูดกลับตนเลย ที่ผ่านมาก็คุยกันแต่เรื่องงาน 

เมื่อถามว่าหาก พล.อ. ประยุทธ์มาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติจะถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ที่ไหนก็ดีกับที่นั่น

ถามย้ำว่ากระแสของพล.อ.ประยุทธ์ดีทุกภูมิภาคใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ ตอบว่าตนไม่ทราบตรงนั้น เพราะไม่ได้สนใจเรื่องกระแส กระแสเป็นอย่างไรไม่รู้แต่การที่คนดี ๆ มาทำงานให้กับบ้านเมืองถือว่าดีทั้งนั้น

ผู้เสียหายเหตุก่อสร้างสะพานข้ามถนนพระราม 2 ซึ้งลุง ขอบคุณที่ 'ช่วยเหลือ-แก้ปัญหา' ให้ทุกเรื่อง

โฆษกรัฐบาล เผย ผู้เสียหายจากเหตุก่อสร้างสะพานข้ามถนนพระราม 2 ขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยเหลือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียน จนได้รับเงินเยียวยาจากผู้รับเหมาแล้ว

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. เวลา 08.45 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ นำนายณัฐพล เดชเกศรินทร์ ผู้เสียหายจากเหตุก่อสร้างสะพานข้ามถนนพระราม 2 ซึ่งได้รับเงินชดเชยเยียวยาตามข้อร้องเรียนแล้ว พร้อมญาติ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงความขอบคุณกรณีเหตุการณ์อุบัติเหตุรถบรรทุกพุ่งชนแผงคอนกรีต ที่ปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ทางหลักขาออกกรุงเทพฯ ประมาณกิโลเมตรที่ 35+475 จนทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเสียขา 1 ข้าง 

นายกฯ ฝาก ปชช.ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต

“ผมขอให้พี่น้องประชาชน และทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันทำภารกิจสำคัญเพื่อบ้านเมือง โดยให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก สู่บ้านเมืองเรา ด้วยความอบอุ่นและไมตรีจิต”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 65 ว่า  พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพครับ

สัปดาห์นี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของประวัติศาสตร์ ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่มีประชากรรวมกันเกือบ 3,000 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก มีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก ซึ่งจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากเวทีการประชุมผู้นำเอเปคครั้งนี้ รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวเนื่องและคู่ขนานกันอีกจำนวนมาก ตลอดทั้งปีที่ประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพครับ

หนึ่งในการประชุมคู่ขนานดังกล่าว คือ โครงการ 'APEC Voices of the Future' ที่เปิดโอกาสและพื้นที่ในการแสดงออก-แสดงความคิดเห็น ให้แก่ผู้แทนเยาวชน-คนรุ่นใหม่นับร้อยชีวิต จาก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้เข้าร่วมกิจกรรม ใช้พลังบริสุทธิ์อย่างสร้างสรรค์ ในการเสนอแนะเชิงนโยบาย และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ รวมถึงยกประเด็นที่เยาวชนเป็นกังวลว่าจะส่งผลต่อคนรุ่นต่อไปที่จะต้องเติบโตขึ้นมาดูแลโลกใบนี้ในอนาคต  ถึงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทเอกชนต่าง ๆ ในช่วงการประชุมเอเปคนี้

โดยในวันนี้ (14 พ.ย.65) ผมได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนเยาวชน จากโครงการดังกล่าวนี้ พร้อมกับรับฟังแถลงการณ์เยาวชน (Youth Declaration) ที่กล่าวโดยสรุปตามแนวคิดหลัก 3 ประการของเอเปคได้ ดังนี้ : 

OPEN เปิดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และมุ่งเน้นความรู้-ทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพระบบเศรษฐกิจเดิม ด้วยมาตรฐานสากลใหม่ ที่ขจัดอุปสรรคในอดีตและทันต่อการเปลี่ยนแปลง 

'ยิ้มสยาม' ทำชาวต่างชาติปลื้ม!! " I Like Your Smile " หลังนายกส่งยิ้มต้อนรับในงานประชุมเอเปค 2022

ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยภาคพื้นแปซิฟิกและอธิบดีมหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย ลอสแองเจลิส บอกกับนายกรัฐมนตรีว่า “I like your smile” ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า “Thank you” พร้อมทำสัญลักษณ์ ‘I love you’ ก่อนขึ้นรถและเปิดหน้ากากโชว์ยิ้มสยามอีกครั้ง

‘อนุสรณ์’ แซะ ‘บิ๊กตู่’ เตรียมย้ายไปค่ายใหม่ เย้ย!! ไปต่อกับ ‘พลังประชารัฐ’ มีแต่จะลำบาก

‘เพื่อไทย’ ชี้นโยบายพรรคการเมืองแค่พูดแล้วทำไม่พอ แต่ต้องทำอย่างถูกต้องด้วย แซะขนาด ‘ประยุทธ์’ ยังเตรียมขนก๊วนย้ายค่ายใหม่ เย้ยไปต่อพลังประชารัฐลำบาก

(17 พ.ย. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ช่วงหลังการประชุมเอเปคว่า ก่อนที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะมาโทษฝ่ายค้าน ควรหันกลับไปดูการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก่อน จนถึงขณะนี้ยังมีความเห็นต่างกันอย่างมากในหลายประเด็น และไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ เชื่อว่ายิ่งใกล้วันยุบสภาจะยิ่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กับพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาเผชิญกับสภาวะวิกฤติศรัทธาจากประชาชน หลายนโยบายที่หาเสียงไว้แล้ว ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ คาดว่าในช่วงโค้งสุดท้าย จะหันกลับมาร่วมวงไพบูลย์ถล่มพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง เพราะอาจจะเหลือแนวทางที่เป็นทางเลือก และทางรอดสุดท้ายที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

‘จิราพร’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ เป็นได้แค่ผู้จัดเอเปก แต่ไม่ได้เป็น ‘ผู้นำ’ ที่เชิดหน้าชูตาให้ประเทศ

‘จิราพร’ ชี้ ภาพลักษณ์เผด็จการประยุทธ์เป็นอุปสรรคในเวทีโลก เย้ยเป็นได้แค่ผู้จัดประชุมเอเปค แต่ไม่เป็นผู้นำที่เชิดหน้าชูตา ยกนโยบายเศรษฐกิจสองทางสมัยทักษิณทำให้จัดเอเปคแล้วปัง

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 นี้ว่า ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด คือการจัดการประชุมเมื่อปี 2546 ในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่นอกจากจะโดดเด่นในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศเชิงรุก สามารถแสดงบทบาทนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทั่วโลกต้องจับตามองไทย และพาผู้นำประเทศมหาอำนาจ และเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่มาร่วมเวทีเดียวกันได้สำเร็จแล้ว

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุดจากเวทีการประชุมเอเปคในครั้งนั้น คือ รัฐบาลอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจสองแนวทาง หรือ Dual Track Policy ที่เน้นให้ไทยแสวงหาประโยชน์จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างกลไกภายในประเทศให้แข็งแกร่ง จึงเกิดการผลักดันนโยบายอย่างเป็นระบบเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากในประเทศให้เข้มแข็ง เช่น นโยบายหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การพักชำระหนี้เกษตรกร กองทุนหมู่บ้าน รวมถึงนโยบายการเตรียมความพร้อมประเทศสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ฯลฯ โดยดำเนินการไปพร้อมกับการดำเนินนโยบายการทูตเชิงเศรษฐกิจ ใช้เวทีการประชุมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ประสานประโยชน์เพื่อยกระดับนโยบายในประเทศเชื่อมโยงไปยังต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยที่เคยประสบปัญหาจากวิกฤตต้มยำกุ้งและการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส สามารถกลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด จนเกือบเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าการพัฒนากลับต้องสะดุดหยุดลงเพราะการทำรัฐประหาร

ในขณะที่ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำที่มาจากการทำรัฐประหารสืบทอดอำนาจ มีสถานะที่อ่อนด้อยไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก และยังไม่มีนโยบายภายในประเทศที่ช่วยวางรากฐานให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตในระดับนานาชาติได้ เน้นเพียงมาตรการระยะสั้น และการแจกเงิน ซึ่งไม่ใช่นโยบายที่สามารถช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน นับวันยิ่งทำให้คนจนในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทะลุ 22 ล้านคน ท่ามกลางหนี้สาธารณะประเทศทะลุ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 15 ล้านล้านบาท 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top