Wednesday, 1 May 2024
ประยุทธ์จันทร์โอชา

'บิ๊กตู่' ชี้!! มาอุบลฯ หนนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ได้รับฟังเสียงประชาชน ลั่น!! เดี๋ยวน้ำ มันก็ไป รัฐกำลังพยายามอย่างเต็มที่

วันนี้ (4 ตุลาคม 2565) พลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน​ ภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนวารินธราราม โดยระบุ การลงพื้นที่ในวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินทางเยี่ยมประชาชน มีโอกาสรับฟังความคิดเห็น การดำเนินการแผนงานโครงการต่าง ๆ ทั้งของผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของศูนย์บูรณาการบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย ที่ประชุมเมื่อวันนี้ซึ่งก็เป็นไปตามแผน แต่ปัญหาสำคัญคือปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ฝนยังไม่หยุดตก ก็ต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ แต่หากหยุดตกไปก็จะสามารถพร่องน้ำได้มากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องคาดหวังให้สถานการณ์นั้นดีขึ้นนั่นแหละ แล้วเราทำเต็มที่หรือยัง หากทำเต็มที่แล้วก็คือเต็มที่แล้ว ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจประชาชนว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป​  

โดยนายกรัฐมนตรียังระบุว่า รัฐบาลไม่อาจประกาศได้ว่าน้ำจะไม่ท่วม​ เพราะกรมอุตุนิยมวิทยาเขาชี้แจงมาอย่างนั้น คือสภาพลมฟ้าอากาศของโลก ของประเทศของภูมิภาค ถ้าไม่ฟังตรงนี้จะไปฟังใคร ถูกหรือไม่เราต้องหามาตรการรองรับตรงนี้ ทั้งจากสถานการณ์ปัจจุบันและการคาดการณ์ล่วงหน้า หากไม่มีน้ำก็จะระบายลงไปสู่ที่ต่ำ และตนรู้สึกยินดีที่ประชาชนทั้งสองจังหวัดนั้นเข้าใจ​ เพราะเขาเจอกันมานานแล้วแต่เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งต่อไป

'ทิพานัน' เผยยอดขอจดทะเบียนโรงงานอุตฯ พุ่ง 1,900 แห่ง สะท้อนผลสำเร็จจากการกระตุ้นศก. ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์

'ทิพานัน' เผยตัวเลขขอจดทะเบียนโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ปีงบฯ 65 พุ่ง 1.9 พันแห่ง จ้างงานเพิ่ม 5.6 หมื่นคน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการส่งเสริมการลงทุน-กระตุ้นเศรษฐกิจ-จ้างงาน ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้สิทธิประโยชน์ตามกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยพบว่าสถานการณ์ในรอบเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการขอจดทะเบียนโรงงานอุตสาหกรรมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ จำนวน 172 แห่ง เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,812 คน

ทั้งนี้ในภาพรวมปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 สิงหาคม 2565 มีโรงงานอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนใหม่ 1,914 แห่ง เกิดการจ้างงาน 56,263 คน ขณะที่มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ขอเลิกกิจการ 870 แห่ง มีลูกจ้างได้รับผลกระทบทั้งหมด 21,917 คน จะเห็นได้ว่า โรงงานอุตสาหกรรมที่ขอจดทะเบียนใหม่นั้น มีจำนวนสูงกว่าโรงงานที่ขอเลิกกิจการถึง 2 เท่า และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าของการขอเลิกกิจการ แม้ที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลกระทบด้านพลังงาน จากสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม แต่รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ได้ออกมาตรการต่างๆมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม พร้อมให้การช่วยเหลือในการเตรียมจัดหางาน ฝึกอาชีพและการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้มีงานทำอย่างยั่งยืน

ลุงตู่คัมแบ็ค ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 'อุบลฯ - ขอนแก่น' ลุยให้กำลังใจ - ใส่ใจ - เข้าถึงประชาชน

ลุงตู่คัมแบ็ค ลงพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 'อุบลฯ - ขอนแก่น' ลุยให้กำลังใจ - ใส่ใจ - เข้าถึงประชาชน

'นายกฯ' กร้าว!! ดูแลทุกจังหวัด พร้อมขจัดภัยทุกจุด ยัน!! เร่งคืนชีวิตปกติให้กับพี่น้องประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha' ระบุว่า...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกคนครับ

ผมได้เฝ้าติดตามข่าวสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคอีสาน ด้วยความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (3 ต.ค. 65) ผมได้สั่งการเน้นย้ำนโยบาย 10 ข้อ ในการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศ ได้นำไปปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และเมื่อวานนี้ (4 ต.ค. 65) ผมจึงได้เลื่อนการประชุม ครม.ออกไป เพื่อปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ติดตามการทำงานในระดับพื้นที่ ณ จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุบลราชธานี อีกทั้งนำกำลังใจจากคนทั้งประเทศ ไปฝากพี่น้องผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

จากการรายงานผลการดำเนินงานของทั้งสองจังหวัด ทำให้ผมได้รับทราบว่าได้มีการจัดการสถานการณ์อย่างเต็มที่ ตามแผนเผชิญเหตุที่รัฐบาลได้สั่งการไว้ล่วงหน้า โดยได้เตรียมการไว้ และคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้งกรมบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เพื่อระดมสรรพกำลัง ทั้งทรัพยากรบุคคล เครื่องมือ และสิ่งของบรรเทาทุกข์ รวมถึงการประสานงานในการส่งข่าวสารแจ้งพี่น้องประชาชนในการระมัดระวังและช่องทางการขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งทำให้ผมมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทำการค้า ประกอบอาชีพ เรียนหนังสือ สัญจรไปมา ได้โดยเร็ว

ซึ่งผมได้เน้นย้ำกับทั้งสองจังหวัดว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของงบประมาณเพิ่มเติม กำลังคน เครื่องจักรกล และทรัพยากรอื่น ๆ ที่จำเป็นอย่างเต็มที่ โดยสิ่งสำคัญคือเราจำเป็นต้องระบายน้ำให้ได้เร็วและมากที่สุด เพื่อบรรเทาสถานการณ์ และเตรียมพร้อมหากจะมีพายุเข้ามาอีก

'วัน' จวก!! 'ประยุทธ์' ไม่จริงใจแก้ปัญหายาเสพติด ชี้!! น่าอนาถใจ 'ยาบ้า' หาง่าย ราคาเท่าบะหมี่กึ่งฯ

'วัน' แนะแก้ปัญหายาเสพติดต้องกำจัดสารตั้งต้น ปิดเส้นทางลำเลียงยา อัด 'ประยุทธ์' ไม่จริงใจแก้ปัญหายยาเสพติดในไทย ประชาชนหวั่นยาเสพติดที่จับได้อาจเล็ดรอดสู่ตลาดอีกครั้ง

นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดยาเสพติดในประเทศไทย มีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะยาบ้าระบาดทุกพื้นที่ของประเทศ น่าอนาถใจในอดีตยาบ้าจากเม็ดละ 300-400 บาท เพราะหาซื้อยาก ปัจจุบันเหลือเม็ดละ 7 บาท ราคาเท่ามาม่า บริหารยังไงให้ยาบ้าถูกขนาดนี้ แสดงว่ามียาบ้ามหาศาลในประเทศไทย หาซื้อได้ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ปัญหามาจากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลย ไม่จริงใจที่จะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง 

ทั้งนี้การบริหารจัดการยาเสพติด รัฐบาลทำไมไม่ศึกษาจากรัฐบาลที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านการปราบปรามและป้องกันยาเสพติด สามารถป้องกันได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยาบ้าลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

'รัฐบาล' เผย ผู้นำหลายเขตเศรษฐกิจตอบรับร่วมเอเปกแล้ว เชื่อ!! ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่าง 'เรียบร้อย-สมเกียรติ'

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดประชุมเอเปกครั้งที่ 29 เชื่อมั่นไทยพร้อมจัดประชุมอย่างเรียบร้อย สมเกียรติ ซึ่งมีผู้นำเขตเศรษฐกิจสำคัญ แขกพิเศษ และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศตอบรับแล้ว

วันนี้ (10 ตุลาคม 2565) เวลา 9.30 น ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกครั้งที่ 29 (29th APEC Economic Leaders’ Week : AELW) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ ให้ความคิดเห็น และรับทราบต่อการดำเนินการเพื่อเตรียมการเป็นประธานฯ ของไทย และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินการอย่างแข็งขัน ตั้งใจ มาจนถึงช่วงใกล้วันประชุมแล้ว 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ส่วนของประเด็นด้านการเตรียมการด้านสารัตถะ ไทยขับเคลื่อนวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปก ภายใต้หัวข้อ 'Open. Connect. Balance.' โดยมีรายละเอียดผลลัพธ์ที่ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม ได้แก่ 

การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน (Open.) สมาชิกสนับสนุนข้อริเริ่มของไทย เรื่องการทบทวนการหารือ เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) และ ที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก (Ministers Responsible for Trade (MRT) Meeting) เห็นชอบให้จัดทำแผนขับเคลื่อนเพื่อจากนั้นการหารือให้เป็นรูปธรรม

การฟื้นฟูความเชื่อมโยงโดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว (Connect.) สมาชิกสนับสนุนการฟื้นฟูความเชื่อมโยงในเอเปก โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นผู้ผลักดัน โดยจะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ การจัดทำระบบฐานข้อมูลมาตรการการเดินทางข้ามแดนเอเปก (Information Portal) การจัดทำหลักการเพื่อส่งเสริมความสอดคล้องกันของใบรับรองการฉีดวัคซีน และ การขยายกลุ่มผู้ถือบัตรเดินทางนักธุรกิจเอเปก (ABTC) ให้ครอบคลุม

'โฆษกรัฐ' เผย นายกฯ ตั้งคกก. ปราบปรามยาเสพติด พร้อมเดินหน้ากำจัดการซื้อขาย - ส่งผู้เสพเข้ารับการบำบัด

โฆษกรัฐบาลเผย นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมนั่งเป็นประธาน เพื่อบูรณาการการปราบปรามยาเสพติดทุกหน่วยงานให้เข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ย้ำที่ผ่านมา รัฐบาลเดินหน้าทำลายกระบวนการค้ายาเสพติด พร้อมให้ผู้เสพเข้าถึงการบำบัด เยียวยา รักษา

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระราชทานกำลังใจ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จากเหตุสลดใจที่เกิดขึ้นที่ศูนย์เด็กเล็ก จ. หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา สร้างความสะเทือนใจแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญคณะรัฐมนตรีร่วมยืนไว้อาลัยประมาณ 1 นาที ก่อนเริ่มการประชุมด้วย 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เน้นการปราบปรามยาเสพติดและกำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นที่ จ. หนองบัวลำภู ส่วนหนึ่งมาจากปัญหายาเสพติดและสภาพจิตใจของผู้ก่อเหตุ ทำให้รัฐบาลยิ่งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดให้เข้มงวดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับพิษภัยยาเสพติดในทุก ๆ ช่องทาง เปิดช่องทางเพิ่มเติม ให้ประชาชนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตา มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสและแชร์ข้อมูล อีกทั้งทบทวนมาตรการนำเสนอหรือเผยแพร่ภาพ เสียง หรือ บทสัมภาษณ์ หรือข่าวสารรวมทั้งการนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเคารพสิทธิ์ของผู้เสียหายและป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ

นายกรัฐมนตรีได้ให้เร่งรัดจับกุม ดำเนินคดี และลงโทษผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นการผลิตการนำเข้าการนำผ่านและการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด และสารตั้งต้นต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและจริงจัง ยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด การทำลายยาเสพติดที่ได้จากการยึดโดยเร็ว รวมถึงการทบทวนหลักเกณฑ์การเสนอขอรับพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ และผู้สนับสนุน รวมทั้ง การประสาน และให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกำจัดแหล่งผลิตยาเสพติดและส่งเสริมอาชีพทดแทน อีกทั้งให้มีมาตรการลงโทษข้าราชการ พนักงานรัฐลูกจ้างรัฐและวิสาหกิจ ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 

ขณะเดียวกัน เร่งบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด เยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสพ ให้กลับมาเป็นคนดีและพลังบวกของสังคม ไม่หวนกลับไปติดยาเสพติดอีก การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัวอันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของสังคม รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพและหางานให้ รวมถึงการเยียวยาและฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม รวมทั้งการเข้าถึงจิตแพทย์ของประชาชนทั่วไปเพื่อบำบัดรักษาผู้ซึ่งมีความเครียด ซึ่งอาจต้องเพิ่มจำนวนจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา อีกทั้งการเยียวยาหรือให้การสงเคราะห์ที่รวดเร็วแก่ผู้เสียหายจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นคดีอาญาด้วย

ป่วยที่ไหนไปนั่น!! 'นายกฯ' ช่วยไว!! ให้สิทธิผู้ป่วยบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วม 'รักษาฟรี - ที่ไหนก็ได้' แม้ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิ

(15 ต.ค. 65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม มีการจัดระบบให้สามารถรับการรักษาต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสามารถใช้บริการที่หน่วยบริการ หรือ สถานพยาบาลที่ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางหน่วยบริการจะเบิกค่าใช้จ่ายจากสปสช. ตามขั้นตอนต่อไป

นายกฯ แจ้งข่าวดี แก้หนี้ครัวเรือนคืบหน้า ช่วยกลุ่มเปราะบางได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ผมมีข่าวดี ที่เป็นความคืบหน้า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยล่าสุดก็ได้มีการกำหนดให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ คิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบ "ลดต้น ลดดอก" ซึ่งจะต้องคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นคงเหลือ" ในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบ "เงินต้นคงที่" (Flat rate) แบบเดิม ที่ทำให้ลูกค้า/ผู้ที่เช่าซื้อเสียเปรียบบริษัทเช่าซื้อ หรือลีสซิ่ง

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่ ได้แก่ (1) รถยนต์ใหม่ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี (2) รถยนต์ใช้แล้ว : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (3) รถจักรยานยนต์ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 23% ต่อปี และสำหรับผู้ที่สามารถปิดบัญชีได้ก่อน ก็จะต้องให้ "ส่วนลด" กับผู้เช่าซื้อด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว (หรือวันที่ 11 มกราคม 2566) ครับ

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีหนี้สินติดตัว ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ผลักดันให้การเปลี่ยน "ฐานคำนวณดอกเบี้ย" จากเดิมที่คิดดอกเบี้ยจากยอด "เงินต้นคงค้างทั้งหมด" มาเป็นการคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นเฉพาะเดือนที่ผิดนัดชำระ" เท่านั้น หลักการนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้ ขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะบรรดาเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา มนุษย์เงินเดือน คนหาเช้ากินค่ำ ที่มีความจำเป็นจะต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ดำรงชีวิต และเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ตลอดจนกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้ชำระดอกเบี้ยลดลงอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัด "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนให้ประชาชน เราได้เดินสายไปทุกจังหวัด ทั่วประเทศ สามารถลดปัญหาหนี้สินประชาชนได้ กว่า 200,000 ราย มูลหนี้มากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน-ลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการเก็บตกและต่อยอด จึงจัดให้มี "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้" เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่กลับมาเต็มที่ และอาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาได้ 2 สัปดาห์ ณ 14 ตุลาคม 2565 มีคำขอแก้หนี้เข้ามาแล้ว 158,539 รายการ จากลูกหนี้ 62,595 ราย เฉลี่ยคนละ 2-3 รายการ ส่วนใหญ่เป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น

'ธนกร' สอนมวย 'ชลน่าน' วิจารณ์ทางการเมืองถือเป็นสิทธิ์ แต่หากพูด 'เรื่องเท็จ-สนุกปาก' ก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง

'ธนกร' สวน 'ชลน่าน' ชี้วิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองถือเป็นสิทธิ์ แต่หากเรื่องที่พูดเป็นเรื่องเท็จ พูดเอาสนุกปาก ก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง เย้ยไม่มีประชาชนคนไหนต้องทำใจ มีแต่สุขใจด้วยซ้ำ

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า กรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ทอล์กโชว์ 'เดี่ยว 13' ของ โน้ส - อุดม แต้พานิช เป็นสิทธิ์ในการแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ของพลเมือง เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ต้องรับฟังเสียงของประชาชนว่า ที่ผ่านมาท่านนายกฯ รับฟังเสียงประชาชนมาโดยตลอด เห็นได้จากทุกนโยบายของรัฐบาลที่เน้นช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม ไม่แบ่งแยกว่าเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองไหนเหมือนกับที่บางพรรคการเมืองชื่นชอบ เมื่อได้รับข้อร้องเรียน หรือเห็นว่าประชาชนกำลังลำบาก ท่านนายกฯ ก็สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ปัญหาทันที หรือลงพื้นที่ไปสอบถามข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง จึงทำให้หลายๆ นโยบายประชาชนต่างเรียกร้องให้ขยายโครงการออกไปเรื่อยๆ จนแม้แต่ฝ่ายค้านเองก็ยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่า หากตัวเองมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกนโยบายเหล่านี้ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า หากพูดแบบนั้นออกไปก็เตรียมพร้อมสอบตกทันที 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top