Tuesday, 21 May 2024
ประยุทธ์จันทร์โอชา

‘ลูกวิทยา’ ชี้!! คนเมืองคอนรู้ ‘บิ๊กตู่’ ทำงานจริง ช่วยผู้สมัครฯ หาเสียงได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย 

(20 เม.ย.66) นายพูน แก้วภราดัย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 8 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่มาตลอดพบว่า ประชาชนให้การต้อนรับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นากรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคกระแสดีขึ้นทุกวัน คนนครศรีธรรมราชอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้มีกำลังใจเดินลงพื้นที่เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

นายพูน กล่าวด้วยว่า นโยบายของพรรคที่ประชาชนชื่นชมมากคือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ เขาบอกว่าที่มีกินมีใช้อยู่ได้แม้เงินจะไม่มากก็เพราะบัตรลุงตู่ กระทั่งกลายมาเป็นบัตรสวัสดิการ พลัส เดือนละ 1,000 บาท และใช้เป็นหลักประกันกู้ฉุกเฉินได้อีกด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมาคือ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนดีเท่าลุงตู่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด จึงยังไว้วางใจอยากให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปี

“คนนครศรีธรรมราชเป็นคนที่ติดตามการเมือง เข้าใจปัญหาการเมือง เข้าใจสิ่งที่ลุงตู่ทำมาว่าทำอะไรให้บ้านเมืองและจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้าง สำหรับโครงการต่างๆ ที่ลงมาสมัยรัฐบาลลุงตู่และชาวบ้านพอใจมาก คือ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนมีการพัฒนาใหม่เกือบทั้งภาคใต้ ก็ทำในยุคลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีจนปักษ์ใต้พัฒนาไปมาก ล่าสุด ชาวบ้าน อ.ปากพนัง และ อ.เมืองถูกน้ำท่วมปี 65 แล้วตกสำรวจทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเหมือนกันอำเภออื่นได้หมดแล้ว ลุงตู่ก็ได้กำชับนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สำรวจใหม่ว่า คนที่เดือดร้อนยังไม่ได้รับค่าตอบแทน มีทั้งหมดกี่ครัวเรือนกำชับสำรวจให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันชาวบ้านก็ดีใจที่รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง” นายพูนกล่าว

นายพูน กล่าวว่า อีก 25 วันจะถึงวันเลือกตั้งยังไม่มีสิ่งที่ทำให้ท้อแท้หรือท้อถอย แม้จะลงสนามการเมืองใหญ่ครั้งแรก แต่พยายามเดินพบปะประชาชนชี้แจงนโยบายของพรรคให้เขาเข้าใจมากที่สุด แม้ตนจะอายุน้อยแต่มีความตั้งใจมากเกินร้อย เดินลงพื้นที่ทุกวัน ชูผู้นำคือลุงตู่ให้ประชาชนเห็นว่าทำอะไรมาบ้าง ตนไม่ท้อขอสู้เต็มที่แพ้ชนะเป็นเรื่องเล็ก แม้จะต้องต่อสู้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคเก่าแก่ และพรรคที่มีเงินมาก แต่ประชาชนคนนครศรีธรรมราชคิดได้เขามีคนอยู่ในใจแล้วว่าจะเลือกใคร

กกต.ไม่ขัด!! หาก ‘นายกฯ’ ชงงบแก้ 'ค่าไฟแพง' ด้าน 'สมชัย' ขวาง!! กกต.ไฟเขียว มีสิทธิ์ติดคุก

(21 เม.ย.66) จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าว่าจะต้องขออนุมัติจาก กกต. เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ด้านพันตำรวจตรีณัฐวัตน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการฯ ด้านกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย หากเรื่องใดที่คณะรัฐมนตรีช่วงรักษาการ อนุมัติเกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและ กกต.ก็จะพิจารณา ไม่มีอะไรซับซ้อน

ด้านนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวกรณีรัฐบาลเตรียมทำเรื่องถึง กกต. เพื่อขออนุมัติใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาค่าไฟแพง ว่า หากเสนอมาก็ต้องนำเข้ากกต. ซึ่งจะมีเกณฑ์การพิจารณาอยู่ ยืนยันว่าไม่เป็นปัญหาต่อกกต.แต่อย่างใด เพราะเราต้องพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้

เมื่อถามว่าการพิจารณาของกกต.อาจถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ปลดล็อกให้รัฐบาล นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะถูกมองเช่นนั้นได้ แต่ในพิจารณา ถ้าเราเห็นว่ามันเป็นการทำที่ถูกต้อง เราก็อนุมัติไป และเราก็ต้องรับผลกระทบไป เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา แต่ถ้าเราเห็นว่าไม่ใช่ เราก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ แค่นั้นเอง

“เรายืนอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ผลสุดท้ายถึงเวลาจริง เขาก็ต้องให้เราทำ ซึ่งไม่คิดว่ากกต.ถูกยืมมือเป็นเครื่องมือใคร แต่กกต.คิดว่าเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของเราที่ต้องทำ และการตัดสินของเรามีทั้งถูก ทั้งผิด มีทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเราตัดสินแล้วก็ต้องรับผิดชอบและเราไม่ตัดสินก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีเหตุผลดีและสนับสนุนคำขอก็ต้องตัดสินว่าให้อนุญาต และเราก็รับผลไปเมื่อมีผู้ไม่เห็นด้วย แต่หากเราเห็นว่าไม่ควรทำเรื่องนี้ ในเวลานี้เราก็บอกรัฐบาลว่าไม่ได้” นายอิทธิพร กล่าว

เมื่อถามต่อว่า มีผู้มองว่าเรื่องนี้ควรเป็นการพิจารณาของรัฐบาลหน้า นายอิทธิพร กล่าวว่า หากเสนอเรื่องมาที่กกต. เราก็ต้องพิจารณาไป จะไปหลบใต้โต๊ะ บอกว่าไม่พิจารณาก็ไม่ได้

ไขข้อสงสัย!! เหตุ ‘ลุงตู่’ อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม ร่ายเหตุผล ปทท.มีแผน 'เพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด' ผลักดัน Net-Zero

(23 เม.ย.66) ผู้ใช้บัญชี ‘Supote Laocharoen’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า…

ลุงตู่อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีกทำไม?

... ถ้าคนมันจะพูดให้เป็นเรื่อง ก็จะพูดแค่ "ลุงตู่อนุมัติให้ซื้อไฟฟ้าเพิ่ม ทั้งที่มีปริมาณไฟฟ้าสำรองมากมาย จนทำให้ค่าไฟฟ้าแพงอยู่ตอนนี้" พูดเพียงเท่านี้ ลุงตู่ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยขึ้นมาทันทีว่า เพราะอะไร มีผลประโยชน์กับเอกชนหรือไม่ บลาๆๆๆๆๆๆ

... แต่ถ้าหาข่าวหาข้อเท็จจริง ก็จะเข้าใจได้ว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้อนุมัติให้รับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาตั้งแต่ 2562 ตามโครงการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ไม่ได้เพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล

... ประเทศไทยมีแผนเพิ่มการผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังงานสะอาด เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net-Zero Carbon Emission ของประเทศไทยให้ได้ 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 ที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในการประชุม COP26 โดยรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงแดด หรือใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ระบบไฟฟ้าฐานเข้าไม่ถึง จะได้มีไฟฟ้าใช้ในการดำเนินชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมถึงเริ่มนำโมเดลเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 ด้าน คือ ชีวภาพ (Bio) หมุนเวียน (circular) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green) หรือ BCG 

... นี่คือเหตุผลที่ กพช. มีมติให้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมันคนละเรื่องกับไฟฟ้าที่ได้มีการทำสัญญารับซื้อไว้สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปัญหาเดิม มันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่อนาคตของประเทศไทยก็ต้องเดินต่อไป ถ้าเราเดินช้าก็จะล้าหลัง


ที่มา : https://www.facebook.com/100000780943116/posts/pfbid0FEmT6eHCs4tN9KpzKf64QmJAv2ynS3zFWvmZw1XusxXvy9vFyhsh3YGQGGkSk1dhl/?mibextid=unz460

‘บิ๊กตู่’ เตรียมนำทัพ รทสช. บุกอุดรฯ ตั้งเวทีปราศรัย 24 เม.ย. นี้ ก่อนลงใต้หาเสียง 29-30 เม.ย. จัดว่าตารางแน่น!!

(23 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช้เวลาลงพื้นที่หาเสียงติดต่อกัน ทั้งที่ จ.กรุงเทพมหานคร, จ.เชียงใหม่, จ.พิษณุโลก, จ.อุตรดิตถ์ และ จ.แพร่

ขณะที่วันที่ 24 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.อุดรธานี โดยทันทีที่เดินทางถึง พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ากราบสักการะหลวงปู่แก้ว วัดอัมพวันวิทยาราม อ.กุดจับ เพื่อความสิริมงคล จากนั้นเดินทางไปเวทีปราศรัยจุดแรกที่หอประชุม อ.กุดจับ จากนั้นช่วงบ่ายจะเดินทางไปปราศรัยจุดที่ 2 ที่สวนสาธารณะหนองไผ่ ต.หนองเม็ก อ.หนองห่าน และปราศัยจุดที่ 3 ที่ห้องสยามมนตรา โรงแรมสยามแกรนด์ อ.เมือง และจะเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติอุดรธานี โดยจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจก่อนเดินทางกลับ กทม.ทั้งนี้ จ.อุดรธานี ถือเป็นฐานเสียงสำคัญพรรคเพื่อไทย (พท.)

ขณะที่ช่วงระหว่างวันที่ 29 - 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ โดยช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย. ลงพื้นที่ จ.ตรัง ช่วงบ่ายปราศรัยที่ จ.พัทลุง และพักค้างคืนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นวันที่ 30 เม.ย.ช่วงเช้า ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สตูล ช่วงบ่าย จ.สงขลา และในช่วงเย็นปราศรัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/726200

'ดร.หิมาลัย' จวก 'นักข่าวต่างชาติ' ไร้มารยาท ยิงคำถามยั่วยุ 'บิ๊กตู่' ตอกกลับ!! แบบนี้คนไทยเรียก “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ซึ่งได้ลาราชการเพื่อลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรค และเลือกพรรคเบอร์ 22 เมื่อ 21 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยช่วงหนึ่งมีกลุ่มนักข่าว ทราบภายหลังว่ามาจากสื่อต่างชาติ ได้พยายามถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า 8 ปี มีกระแสที่ต้องการให้นายกฯ ออกไป และยังสอบถามอีกว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯ ไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไม่ถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินเลี่ยงไม่ตอบคำถาม
.
แต่กลุ่มนักข่าวต่างชาติดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด และวิ่งไล่ตาม ตะโกนโหวกเหวก ส่งเสียงดัง แบบไม่มีมารยาทแม้ว่าพลเอกประยุทธ์ได้พยายามเดินหลบแล้ว อาจมองได้ว่าเป็นการจงใจยั่วโมโห แถมยังถามย้ำ แบบจงใจให้เกิดปัญหา ด้วยคำถามว่า Many people said , it’s the time to change, this election is never change. Why you don’t let people have time to change? Prime Minister, Thai people wanna change, why don’t you let Thai people give a chance to chance in this country? 

พร้อมทั้งสุภาพสตรีท่านนึงใน กลุ่มนักข่าวต่างชาตินี้ ถามเป็นภาษาไทยใจความว่าเหมือนกับคำถามภาษาอังกฤษซ้ำ อีกครั้งว่า “คนไทยต้องการ การเปลี่ยนแปลง, มีคนอยากให้ท่านออก ทำไมไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

อย่างไรก็ดี ด้วยวุฒิภาวะ ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีมากพอ จึงไม่ได้ตอบโต้ หรือทำให้เรื่องบานปลาย เดินหลีกเลี่ยง และเพียงแต่ตอบกลับไปเบาๆ ว่า “Election” เท่านั้น

ต่อเรื่องนี้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงทรรศนะว่า ในฐานะที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้นด้วย โดยส่วนตัวมองว่า การถามคำถามดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียงตามแนวทางของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แต่คำถามของกลุ่มนักข่าวต่างชาติ กลุ่มนี้ เหมือนคนที่ไม่ยอมเข้าใจ หรือ ไม่รู้ว่าบริบทของประเทศไทยในขณะนี้ว่ากำลังจะมีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ได้ยุบสภา และ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคนไทย จะตัดสินใจกันเองได้ ในวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งการถามแบบนี้ ถือว่า กลุ่มนักข่าวต่างชาติ ถามคำถามที่ ด้อยค่าตัวเอง แบบคนไม่มีความรู้

สงครามยังไม่จบ!! 'ลุงตู่' ไม่ถอดใจ ก้มหน้าก้มตาเก็บปาร์ตี้ลิสต์อีสาน

ส่องแนวรบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันนี้ ส่วนใหญ่ยังสู้สุดตัว แต่หลายคนในกทม.เริ่มแอบออกอาการถอดใจ...ก็อยากจะบอกว่า...สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร...

การเลือกตั้งยังไม่ถึงเจ็ดวันสุดท้ายอย่าเพิ่งถอดใจ...แบบว่า “เลือกความสงบจบที่ลูงตู่” เวอร์ชั่นใหม่อาจเกิดขึ้นก็ได้ แม้วันนี้เจ้าของวลีดังกล่าวคือ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องไปทำหน้าที่ตอกเสาเข็มอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยเสียแล้วก็ตาม...

ตัวเลขเฉลี่ยที่โพลสำนักต่างๆ ระบุจำนวนที่นั่งของพรรครทสช...ในสนามกทม.อยู่ที่ 3-4 ที่นั่ง จากทั้งหมด 33 เก้าอี้...เล็ก เลียบด่วน ก็เห็นด้วยกับตัวเลขนี้

ในขณะที่ตัวเลขรวมทั้งประเทศของพรรครทสช.นั้น ดูจาก 3 โพล ก็ยังบอกอาการที่ไม่ชัดเจนนักว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร...ซึ่ง เล็ก เลียบด่วน ใคร่ขอยกตัวเลขคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 16 ที่นั่ง ที่คาดว่าพรรค รทสช.จะได้ ไปรวมกับ ส.ส.เขต ที่แต่ละโพลสำรวจไว้จะออกเป็นจำนวน ส.ส.ทั้งหมดดังนี้...

>> ซูเปอร์โพล 51 ที่นั่ง (35+16)
>> เนชั่น โพล 37 ที่นั่ง (21+16)
>> โพลความมั่นคง 69 ที่นั่ง  (53+16)

ดูจาก 3 โพลก็ต้องบอกว่า...โพลใครก็โพลใคร...'เล็ก เลียบด่วน' ก็แอบทำโพลตัวเองแปะข้างฝาไว้เหมือนกันว่า นาทีนี้พรรคลุงตู่คะแนนอยู่ที่ประมาณ 56 ที่นั่ง ส.ส.เขต 40 บัญชีรายชื่อ 16 ในจำนวนนี้ ส.ส.เขต 40 คน นี้คาดหมายว่าจะมาจากภาคอีสานเพียงคนเดียวคือ ถ้าไม่จากจังหวัดเลยของครอบครัวเร่งสมบูรณ์สุข ก็อาจจะเป็น กำนันประนอม โพธิ์คำ เขตวังน้ำเขียว โคราช...

น่าเสียดายที่ 20 จังหวัด 133 เขตในดินแดนที่ราบสูง พรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถดึงอดีตส.ส.เกรดเอมาร่วมทัพได้ ที่พอมีลุ้นอยู่บ้างก็กลายเป็นผู้สมัครที่มาจาก ส.จ.และนักธุรกิจ เช่นที่ เขต 1, เขต 2 อุดรธานี เขต 4 สกลนคร ดังนั้นวันนี้ 24 เม.ย.2566 จึงไม่แปลกที่ 'ลุงตู่' จะนำคณะชุดใหญ่ไฟกระพริบลุยพบปะประชาชน 2-3 จุด...ที่อุดรฯ เมืองหลวงของคนเสื้อแดง  

'บิ๊กตู่' โนแคร์!! ปม 'ภาษาอังกฤษ' ไม่มีผลต่อการบริหารประเทศ ย้ำ!! 'ฟังออก-โต้ตอบได้' แถมมีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอยู่ข้างตัว

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.66 ที่ผ่านมา ช่องยูทูบ Thai PBS ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ผ่านรายการ ข่าวเจาะย่อโลก #ExclusiveTalk ดำเนินรายการโดย สุทธิชัย หยุ่น ซึ่งบางช่วงบางตอนของการสัมภาษณ์ได้ถามถึงเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ โดยพลเอกประยุทธ์ระบุว่า…

“ทุกครั้งที่ผมไปประชุมที่ต่างประเทศ ทุกประเทศก็ให้เกียรติผมนะ ผมเข้าใจว่าเขาพูดอะไร ผมก็มีล่ามของผมไปด้วย มีรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ด้วย ผมจะต้องกลัวอะไรล่ะ?”

การเลือกตั้งกับค่าไฟแพง (2) เหตุใด ‘คสช.’ ไม่ใช้ ม.44 จัดการ ปม ‘ไฟฟ้าสำรอง’ ที่แม้ไม่ได้ดึงพลังงานมาใช้ แต่รัฐก็ต้องจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า

 

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผู้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ถูกโจมตีเรื่องค่าไฟฟ้าแพงเป็นอย่างหนัก โดยถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้ในสภาวะอากาศร้อนขนาดนี้บ้านเรายังคงมีไฟฟ้าใช้อย่างไม่ขาดแคลน ด้วยเพราะมาตรการจัดการสำรองกระแสไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงแข็งแกร่งทางพลังงานไฟฟ้า ซึ่งประเด็นที่นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวมากมายหลายคนมักจะหยิบยกขึ้นมาพูดคือ โรงงานไฟฟ้าสำหรับผลิตไฟฟ้าของกลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้าบางโรงนั้นไม่ได้ผลิตไฟฟ้าเลย แต่ก็ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าให้ด้วย แน่นอนสถานการณ์ที่กระแสไฟฟ้าพอใช้โรงงานที่ผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองจึงไม่ต้องเดินเครื่องทำงาน เพราะไม่มีความจำเป็น หากแต่กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้วโรงงานเหล่านั้นถึงจะเดินเครื่องจักรผลิตไฟฟ้า แต่โรงงานเหล่านั้นสร้างขึ้นโดยผู้ประกอบการด้านพลังงานไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาต มีการลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการด้านพลังงานไฟฟ้าต้องจ่ายเอง ไม่ใช้เงินงบประมาณของรัฐแต่อย่างใด คนที่พูดนั้นไม่ได้รับผิดชอบต้องการลงทุนมูลค่ามหาศาลเหล่านี้เลย แถมยังเจตนาจงใจที่จะไม่พูดถึงอีกด้วย 

เราท่านในฐานะเจ้าของสิทธิในการเลือกตั้งอันมีค่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนการใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนนจึงต้องคิด ทบทวน และพิจารณาโดยใช้สติและปัญญาอย่างรอบคอบด้วยเหตุและผลที่ถูกต้องและแท้จริงประกอบ ผู้เขียนได้เคยเสนอบทความเรื่อง ‘การเลือกตั้งกับค่าไฟแพง “สำรองไฟฟ้าเกินความจำเป็น” วาทกรรมฮิตใช้โจมตีรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย หากสำรองไฟฟ้าไว้ไม่เพียงพอ’ https://thestatestimes.com/post/2023042021 ซึ่งผู้อ่านสามารถใช้เพื่อประกอบการพินิจพิจารณาให้รอบด้านและถูกต้องได้ 

อีกเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกันก็คือ แล้วทำไมรัฐบาลคสช. โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. จึงไม่นำ ม.44 มาใช้ในกรณีนี้ หากเราท่านได้ย้อนไปดูถึงการใช้ ม.44 ของรัฐบาลคสช. นั้น ส่วนใหญ่มาก ๆ จะใช้เป็นคำสั่งในทางปกครองเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็วแทนที่กระบวนการปกติซึ่งมีความล่าช้า ด้วยกระบวนการปกติมีระบบระเบียนขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย การบริหารบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความถูกต้องโปร่งใส ลดการทุจริตโกงกิน แก้ปัญหาความล่าช้าในการแก้ปัญหาอันเป็นความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนให้รวดเร็วขึ้น ต่างจากการใช้กฎหมายพิเศษลักษณะนี้ในอดีต อาทิ ม.17 (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร และศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์) ม. 21 และ ม.27 (พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่) ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาสังคมและอาชญากรรม เช่น ใช้ประหารชีวิตผู้กระทำผิดคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ต่อประชาชน ฯลฯ ซึ่งการใช้ ม.44 แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงดังที่ได้กล่าวมา ด้วยไม่มีใครที่บาดเจ็บล้มตายด้วย ม.44 ของรัฐบาลคสช.เลย

การใช้ ม.44 โดยรัฐบาลคสช.ที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมีน้อยเรื่องน้อยรายมากในกรณีที่มีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนแกประชาชนจริง ๆ อย่างเช่นกรณีการใช้ ม.44 ในการปิดเหมืองทองคำชาตรีที่ดำเนินกิจการโดยบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ด้วยเหตุผลว่าทางเหมืองทองคำชาตรีสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบต่าง ๆ หลายด้าน แต่ว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2559 ได้ถูกเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่สัมปทานเหมืองล้วนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการสร้างปัญหามลพิษปัญหาสุขภาพ และปัญหาสิ่งแวดล้อม มีการเคลื่อนไหวคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่และหยุดกิจการเหมือง จากปัญหาร้องเรียนจากชาวบ้านซึ่งเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากมลพิษจากเหมือง ที่ให้เกิดปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารพิษปนเปื้อนที่มากับดิน น้ำ และอากาศ รวมถึงยังมีสภาวะเครียดที่เกิดขึ้นจากเสียงของอุตสาหกรรม และกลายเป็นข้อพิพาทต่อมาอีกหลายปี

ถ้าการทำรัฐประหารแล้วกลุ่มทุนผูกขาดประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีแต่กลุ่ม SM ที่ผูกขาดแทบทุกธุรกิจ การที่รัฐบาลคสช.ไม่ได้ยกเลิกสัญญาการผลิตกระแสไฟฟ้าสำรอง โดยใช้ ม.44 ถือเป็นการใช้กฎหมายพิเศษอย่างถูกต้อง เหมะสม ไม่ลุแก่อำนาจ ด้วยการใช้กระบวนการทางศาลปกติ ซึ่งเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตีความมานานแล้วว่า สัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนในลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถยกเลิกได้ และถ้าหากรัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 กับเอกชนในทางธุรกิจ จะทำให้นานาชาติไม่ยอมรับประเทศไทย และไม่มีบริษัทต่างชาติใดเข้ามาลงทุนเลย ด้วยประเทศล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ ดังเช่นประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเพียงแค่รัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 ยกเลิกการทำเหมืองทองชาตรี โดย บมจ.อัคครา ชั่วคราว เพื่อให้ปรับปรุงเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็มีสารพัดกลุ่มทั้งไทยและฝรั่งร้อง คัดค้าน ต่อต้าน กันจนระงม หรือ ถ้า รัฐบาลคสช.ใช้ ม.44 ยกเลิกสัมปทานขุดน้ำมันในอ่าวไทย กับเชฟรอน จากสหรัฐอเมริกา จะเกิดอะไรขึ้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลคสช. ไม่นำ ม.44 มาบังคับใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

คะแนนเสียงของเราท่านจะมีค่ามากที่สุดในอีกประมาณ 20 วันเท่านั้น ทุกคะแนนเสียงจะสามารถกำหนดอนาคตและความเป็นไปของชาติบ้านเมืองได้ทั้งสิ้น ใช้คะแนนของท่านสร้างประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง ด้วยการเลือกพรรคการเมืองและนักการที่ดีที่สุด ไม่ทุจริตโกงกิน ไม่สร้างปัญหา ให้กับชาติบ้านเมืองในอนาคต 

 

‘บิ๊กตู่’ เผย กำลังหารือ กกต. แก้ ‘ไฟฟ้า-ประปาแพง’ ขออย่าโยงเป็นประเด็นการเมือง ชี้!! มันคนละเรื่องกัน

(25 เม.ย.66) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยวันเดียวกันนี้มีรัฐมนตรีลาการประชุมถึง  11 คน ได้แก่ 
1.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 
2.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 
3.นายอาคม เติมพิทยาไพสิ รมว.คลัง  
4.นายวราวุธ  ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
5.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา 
6.นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์
7.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย
8.นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข 
9.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ 
10.น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ 
11.นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ 

‘โซเชียล’ ขุด!! ‘ก้าวไกล’ อ้าง ‘บิ๊กตู่’ ปัดตกทุก กม. เงิบ!! นายกฯ อยู่ฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติ

เรียกว่าตอนนี้เวทีดีเบตที่พรรคก้าวไกลไปขึ้น ร่ายวาทกรรมอำพรางได้อย่างเมามัน ชาวบ้านไม่รู้ทัน ก็มองว่าวาทกรรมที่แสนสะใจเหล่านั้น ล้วนเป็นเรื่องจริง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นพูดบนเวทีหนึ่งว่า...

"พรรคก้าวไกลตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่เสนอกฏหมายอะไรผ่านสภา พลเอกประยุทธ์ ก็ปัดตกหมด"

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้มีการออกมาเปิดเผยกันในโลกโซเชียลว่า…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top