Tuesday, 14 May 2024
บิ๊กโจ๊ก

อนาคต ‘บิ๊กโจ๊ก’ บนถนนสายขรุขระ สู่ตำแหน่ง ‘ผบ.ตร.’ เมื่อระบบคุณธรรมถูกทำลาย หลักอาวุโสถูกมองข้าม

เหลืออีก 7 เดือน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จะเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นั่นก็แปลความได้ว่า เดือนสิงหาคม กันยายน จะเป็นเดือนเดือดสำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงการสรรหาบุคคลมานั่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ 

ถ้ายึดตามหลักอาวุโส ความรู้ความสามารถ แน่นอนว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ผู้มีอาวุโสสูงสุดในบรรดา พล.ต.อ.ทั้งหมด จะต้องได้ก้าวขึ้นไปเป็น ผบ.ตร.

แต่ด้วยตำแหน่ง ผบ.ตร.ยึดโยงกับฝ่ายการเมืองอยู่ด้วย จึงไม่มีอะไรการันตีว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะได้ขึ้นไปนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. 100% คงจำกันได้ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ก็ใช่ว่าจะอาวุโสสูงสุด แต่ฝ่ายการเมืองเลือกเขาให้มานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. 

“มันขึ้นอยู่กับความพอใจของฝ่ายการเมือง ไม่ต้องคิดถึงระบบคุณธรรมอะไรหรอก” ผู้คร่ำหวอดในวงการตำรวจกล่าว

ในวัย 52 ปี ถ้าไม่มีความรู้ความสามารถจริง จะได้มีโอกาสก้าวขึ้นครองยศ พล.ต.อ.เหรอ? แม้จะใกล้ชิดสนิทสนมกับฝ่ายอำนาจก็ตาม แต่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นครองยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่อายุ 50 ต้น ๆ จึงยังเหลืออายุราชการอีกมากถึง 7 ปี

บนถนนที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแต่ถนนขรุขระ และเต็มไปด้วยดงหนาม มีปัญหาแม้กระทั่งกับอดีต ผบ.ตร. จนต้องโดนเด้งเข้ากรุมาแล้ว แต่ด้วยสายแข็งยังได้กลับมาใส่ชุดสีกากีอีกครั้ง ดงหนามหนึ่ง คือ การก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่จนมีผลงานพุ่งแรงเจิดจรัส แต่เมื่อเกษียณในปี 2574 หากได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ตั้งแต่กันยายนนี้ ย่อมมีเวลาในตำแหน่งอีกนานโขถึง 7 ปี

‘บิ๊กโจ๊ก’ จึงเต็มไปด้วยกับดักขวากหนามยิ่งหนาแน่น สกัดไม่ให้เป็น ผบ.ตร. หรือมีเป้าประสงค์ขัดขวางเพื่อลดทอนเวลาอยู่ในตำแหน่งให้เหลือน้อย หากร้ายแรงอาจเล่นหนักถึงขั้นไม่ให้เป็น ผบ.ตร.กันเลย

ภารกิจสกัด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เริ่มถูกออกแบบขย่มมาตั้งแต่ต้นปี 2567 แล้วรุมขยี้หนักมือขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยข้อหาย้อนศรจากหน้าที่การงานเก่าที่เคยรับบทเป็นมือปราบคอลเซ็นเตอร์-พนันออนไลน์ กระทั่งข้อหาพนันออนไลน์เป็นชนักพุ่งปักตำรวจคนสนิททีละคน ทั้ง ๆ ที่ใครทำผิดก็ลงโทษคนนั้น ใครถูกกล่าวหาก็ไปแก้ตัวเอาเองในศาล

การเล่นงานตำรวจคนสนิท ไม่ได้หมายความว่า ต้องการดึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ามาพัวพันกับข้อหาพนันออนไลน์ แต่เป้าหมายของจอมบงการออกแบบวางแผนสกัดกั้นหวังเพียงทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกสังคมมองด้วยสายตาเคลือบแคลงกังขา

เพียงเท่านี้คือ สิ่งที่การเมืองสีกากีต้องการทำให้มัวหมองและขอเอาคืน พร้อมกับลากโยงไปขัดขาไม่ให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็น ผบ.ตร.ในรอบพิจารณาคัดเลือกช่วงสิงหาคมถึงกันยายนนี้

แม้จะถูกเล่นงานเอาคืน ลูกน้องโดนบุกตรวจค้น จับกุมฟ้องร้องต่อศาลในคดีสมรู้ร่วมคิดหาประโยชน์จากการพนันออนไลน์และฟอกเงิน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงยืนหลังตรงพิงกฎหมายบ้านเมืองชนิดไม่ออกอาการของเหยื่อที่กำลังถูกรุมยำ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยยืนยันและยังย้ำอยู่ว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับคดีพนันออนไลน์ ส่วนลูกน้องต้องไปต่อสู้คดีในศาล และพิสูจน์ให้ได้ว่าเส้นทางเงินมาที่ตัวเองได้มาจากไหน โดยใครทำต้องรับผิดชอบ ในส่วนของเว็บพนันและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนเกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องการปราบปรามอย่างเดียว

"ผมมั่นใจว่าไม่มีเงินเข้ามาที่บัญชีของลูกน้อง มันเป็นเรื่องที่จะต้องไปอธิบายในชั้นศาลให้ได้ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ผมมองว่าลูกน้องไม่มีการกระทำความผิดในลักษณะแบบนี้ เราเป็นชุดทำงานกันมานาน ถ้าผิดคงผิดมานานแล้ว" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปัดอุปสรรคที่กำลังทยอยมาเล่นงาน และรู้ดีว่า งานเข้าแบบนี้มีเป้าหมายเช่นใด เพราะเมื่อเล่นงานลูกพี่ไม่ได้ จึงต้องเลาะโอบทำลายลูกน้องเพื่อให้สะเทือนถึงลูกพี่

ล่าสุดข้อหาคดีแบบลูกน้องเป็นพิษ ถูกขุดให้หนักขึ้น พยายามฉายภาพการข่มขู่แอบถ่ายรูปอัยการที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนฟ้องร้องคดีพนันออนไลน์ ราวกับต้องการสื่อให้เห็นว่า ตำรวจลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นขบวนการผู้มีอิทธิพล เพราะมีลูกพี่เป็นคนคัดท้ายอยู่

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องพิสูจน์ตามกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยึดหลักด้านนี้ไว้มั่นคง ชนิดบอกว่า รู้จักลูกน้องแต่เวลาทำงานตามหน้าที่ ส่วนเลิกทำงานแล้ว เป็นเรื่องส่วนตัว ใครทำอะไรไม่ดีไว้ต้องจัดการด้วยกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อเกมการเมืองสีกากีเริ่มเห็นร่องรอยทำลายความน่าเชื่อถือของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะรอง ผบ.ตร.อาวุโสที่มีโอกาสคั่วเก้าอี้ ผบ.ตร. มาครองในช่วงโยกย้ายเดือนกันยายนนี้ ดังนั้น อัตราเร่งของเกมย่อมล็อกให้เกิดขึ้นถี่ยิบ

โดยชนิดความถี่นั้น ถึงขั้นสร้างความรำคาญ เบื่อหน่ายให้อำนาจเหนือกว่าเข้ามาจัดการ และอำนาจที่ขบวนขัดขาตีฆ้องร้องป่าวเสมอ

โดยความจริงคือ การกดดันให้ใช้อำนาจโยกย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้พ้นจากรอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุดที่มีสิทธิ์ชอบธรรมตามกฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์ให้ถูกพิจารณาเลือกให้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป

เมื่อเรียงระบบอาวุโสสูงสุดไปสู่น้อยสุดในตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่มีอยู่และจะตั้งเพิ่มขึ้นใหม่ซึ่งประกอบด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกษียณปี 2574, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เกษียณปี 2569, พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช เกษียณปี 2567, และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ เกษียณปี 2569 ขณะที่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ซึ่งถูกคาดจะได้เลื่อนจาก ผู้ช่วย ผบ.ตร.มาเป็น รอง ผบ.ตร. จะเกษียณปี 2568 และมีอาวุโสน้อยสุด

ดังนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเป็นสเปกที่เข้ากับเกณฑ์ต้องถูกพิจารณาเลือกให้เป็น ผบ.ตร.มากที่สุด แต่ด้วยเงื่อนไขมีอายุราชการตำรวจนานกว่าทุกคนจึงกลายเป็นจุดอ่อนต้องถูกขัดขาให้ล้มหัวคะมำจนพลาดได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในช่วงพิจารณาเดือนกันยายนนี้ เพื่อเปิดทางให้ รอง ผบ.ตร.ที่จะเกษียณในปี 2569 ได้เป็นคู่ชิงชัยขัดตาทัพกันไปก่อน

นี่เป็นเป้าหมายของจอมบงการออกแบบวางแผนไว้ และเป็นแผนลดทอนระบบอาวุโส พร้อมกำหนดทางเลือกยื้อเวลาการขึ้นเป็น ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกไปให้นานอีก 2-3 ปี หลังจากนั้นยังมีเวลาเหลือให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พกพาวาสนาขึ้นเป็น ผบ.ตร.และอยู่ในตำแหน่งนานถึง 3-4 ปี ซึ่งอาจเป็นเวลาเฉลี่ยในตำแหน่งมากกว่า ผบ.ตร.ที่ผ่านมา

ดังนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำลังถูกกดดันให้มีทางเดินไปสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ใน 2 ทางชีวิตข้าราชการตำรวจที่เหลืออยู่ คือ จะเป็นก่อนตามหลักอาวุโสในเดือนกันยายนนี้ หรือเลือกรอเป็นหลังกันยายน 2569

สิ่งสำคัญ การกดดัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เช่นนั้น จอมบงการวางแผนจำต้องออกแรงกดดันไปถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะทั้งสองคนมีอำนาจตามกฎหมายที่จะเลือก รอง ผบ.ตร. คนใดคนหนึ่งในจำนวน 5 คนขึ้นมาพิจารณาให้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป

แต่อำนาจการพิจารณาของ ผบ.ตร.คนปัจจุบันกับนายกรัฐมนตรี ย่อมใคร่ครวญกับการทำลายระบบอาวุโส ที่เป็นประหนึ่งบรรทัดฐานในหลักระบบคุณธรรมการโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามกฎหมายตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในกฎหมายตำรวจแห่งชาติปี 2565 กำหนดการจัดระเบียบราชการข้าราชการตำรวจไว้ที่มาตรา 60 โดยให้คำนึงถึงระบบคุณธรรม ว่า (3) การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการตำรวจต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยพิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติประกอบกัน และจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้

ดังนั้น องค์ประกอบสำคัญกำหนดการจัดระเบียบราชการข้าราชการตำรวจที่เป็นระบบคุณธรรมนั้น คือ ระบบอาวุโส ซึ่งแปรเปลี่ยนการตีความอธิบายเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว

โดยเฉพาะมาตรา 78 ได้กำหนดให้พิจารณาตำรวจที่เหมาะสมเพื่อแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ว่า (1)...โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปรามเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

ด้วยการกำหนดตามกฎหมายตำรวจแห่งชาติปี 2565 นั้น จอมบงการวางแผนสกัดกั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องให้เลือกแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ด้วยการทำลายระบบคุณธรรมเพื่อยอมโอนอ่อนให้การเมืองสีกาควบคุมสั่งการ

ไม่เพียงเท่านั้น หมากเกมนี้เล่นด้วยอารมณ์เคียดแค้นมุ่งทำลายองค์กรตำรวจที่มีข้าราชการกว่า 2 แสนคน ต้องอยู่เป็นเบี้ยล่างอำนาจการเมืองร่ำไป สิ่งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และนายกรัฐมนตรีต้องใคร่ครวญให้หนัก เพื่อไม่ให้จมดิ่งไปในหลุมพรางอำนาจอำมหิต

‘บิ๊กโจ๊ก’ นำ ‘สมาคมชาวปักษ์ใต้’ แสดงพลัง ถวายกำลังใจ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 67) สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคม พร้อมด้วยอุปนายก และกรรมการบริหารสมาคม ที่ปรึกษา อนุกรรมการ สมาชิกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ สมาคมและชมรมเครือข่ายชาวใต้ทั้ง 14 จังหวัดทั่วทุกพื้นที่ พี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่า ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน และสื่อมวลชนทุกสำนัก ได้มาร่วมกิจกรรมถวายพระพร และถวายกำลังใจแด่ ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี’ ณ สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ เพื่อปกป้อง และแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อ ‘สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี’ หลังกลุ่มทะลุวังแสดงพฤติกรรมก้าวล่วงขบวนเสด็จ ขับรถเข้าประชิด และเป่านกหวีดไล่ตามขบวนเสด็จ

สมาคมมีความซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่านที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้อย่างพร้อมเพรียง ซึ่งเป็นการรวมพลังที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชจริยาวัตรที่ได้ประจักษ์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พระองค์ทรงมีพระปณิธานที่จะช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยาก เดือดร้อน โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ พสกนิกรต่างยกย่องและชื่นชมในพระบารมี ดังนั้น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ ที่ทรงมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองในด้านต่าง ๆ มากมายมาโดยตลอด 

วันนี้จึงได้มีการรวมใจรวมพลังจากพี่น้องทั้งหลายทุกหมู่เหล่า ที่ได้มาร่วมกันถวายพระพรและถวายกำลังใจแด่พระองค์ท่าน โดยมีสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคม อุปนายก และกรรมการบริหารสมาคม ก็ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย ที่ได้มาร่วมกิจกรรมกันในครั้งนี้

'บิ๊กเต่า' มั่นใจในหลักฐาน ยันไม่มีการกลั่นแกล้งคดี 'บิ๊กโจ๊ก-มินนี่' มั่นใจ!! หาก ป.ป.ช.ไต่สวนคดีเอง จะต้องชี้มูลความผิดแน่นอน

(22 ก.พ. 67) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พาดพิงมาถึงคณะสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าวว่าไม่มีสิทธิ์ในการสืบสวนสอบสวนคดี เนื่องจาก มีมูลค่ามากกว่า 200-300 ล้านบาท ต้องโอนคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เป็นผู้สอบสวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า คดีเว็บพนันออนไลน์มินนี่เพียงแค่คดีเดียว 1 คดี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเพียง 75 ล้านบาท แต่ที่ตนพูดว่ามีมูลค่ารวมมากกว่า 200-300 ล้านบาท เป็นการนำทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ต่าง ๆ มารวมกัน ยังอยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนของตำรวจได้

"ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกดดัน ป.ป.ช.ให้ส่งสำนวนดังกล่าวกลับมาให้ตำรวจ แต่มองว่าคดีดังกล่าวตำรวจมีการสืบสวนสอบสวนในสำนวนที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว จึงอยากให้นำคดีดังกล่าวกลับมาเพื่อความรวดเร็วในการทำคดี และไม่ต้องการให้เกิดการตอบโต้ไปมาระหว่างสองฝ่ายจนทำให้ประชาชนมองว่าตำรวจทะเลาะกันเอง" รอง ผบช.ก.กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปฏิเสธว่า ไม่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงมาถึงนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน เนื่องจากในระหว่างการเข้าจับกุม คณะชุดสืบสวนสอบสวนกว่า 200 นาย ซึ่งขณะนี้ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องร้องดำเนินคดี ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอย่างละเอียด ตั้งแต่วันเข้าจับกุมวันแรก ซึ่งหลักฐานที่ตรวจยึดได้มีการจดข้อมูลไว้ชัดเจนว่ามีการใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวอย่างไร ได้รับมาจากใครบ้าง และมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

พล.ต.ต.จรูญเกียติ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าหากคดีดังกล่าว ป.ป.ช.ไม่ส่งสำนวนกลับมาแต่จะเป็นผู้ไต่สวนเองก็เชื่อว่าจะต้องชี้มูลความผิดแน่นอน และจะมีการสืบสวนสอบสวนที่เข้มข้นและเจาะลึกกว่าตำรวจ ส่วนข้อหาในมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้แล้ว ขณะนี้ได้มีการส่งสำนวนการสืบสวนสอบสวนไปให้ ป.ป.ช.และหากมีการส่งสำนวนกลับมา คณะชุดสืบสวนสอบสวนก็พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวพร้อมกับข้อหาฟอกเงินไปในคราวเดียวกัน

พล.ต.ต.จรูญเกียติ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่มใน 7 ประเด็น ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทำสำนวนไม่ดีจนอัยการต้องสั่งให้สอบเพิ่มใน 7 ประเด็น เรื่องนี้ชี้แจงว่าประเด็นดังกล่าวเกิดจากความไม่มั่นใจในข้อกฎหมายว่าตำรวจสามารถสอบปากคำพลตำรวจนายดังกล่าวใน 7 ประเด็น ซึ่งเคยสอบปากคำในสำนวนแรกได้หรือไม่ จึงส่งเรื่องให้อัยการสั่งให้ตำรวจที่ทำคดีสอบเพิ่มเองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อกฎหมาย ไม่ใช่การทำสำนวนไม่รู้เรื่อง ส่วนที่มีการกล่าวว่าศาลไม่ได้ถือสำนวนเป็นหลักแต่เชื่อถือข้อมูลของ ป.ป.ช.เป็นหลัก เรื่องนี้อยากให้ไปดูกันในชั้นศาลว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ท้าให้ พล.ต.อ.ที่ดูแลคดีดังกล่าวออกมาพูด แทนที่จะส่งตนเอง ซึ่งเป็นตำรวจยศพล.ต.ต.มาพูดแทน ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า การที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะดูแลงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานในคดีดังกล่าวไม่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เพราะต้องการให้ข้อมูลออกมาในทิศทางเดียวกัน จึงได้ลงมติในที่ประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาให้ตนเองเป็นโฆษกในคดีนี้ ไม่ใช่เป็นการหลบหน้า ส่วนคณะทำงานชุดนี้ ทาง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นคนคัดเลือกและแต่งตั้งด้วยตนเอง เพราะเห็นความสามารถและความเชี่ยวชาญทางคดี

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่?  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งหรือกลั่นแกล้ง ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน

ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในผู้ที่ถูก ตำรวจยศนายพลและมินนี่ฟ้องถึง 7 คดี ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่าตนและตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า นายพลคนดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในผู้ต้องหาของคดีดังกล่าวติดต่อมาที่ตนเองเพื่อขอไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธไป พร้อมท้าให้ไปสาบานที่วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ สำหรับวัดนี้มีความเชื่อว่าหากสาบานกับองค์พระเจ้าใหญ่พระประธานในโบสถ์ จะทำให้คำสาบานมีความศักดิ์สิทธิ์ และผู้ที่ผิดคำสาบานจะมีอันเป็นไปตามที่ได้กล่าวคำสาบานไว้

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีความพยายามของ นายตำรวจระดับสูงนายหนึ่งได้ติดต่อกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เพื่อนัดทานอาหารและพูดคุยถึงเรื่องคดี แต่ได้รับการปฏิเสธ ขณะเดียวกันนายตำรวจคนเดิมยังมีความพยายามที่จะติดต่อขอเข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แต่ยังไม่ได้รับโอกาสให้เข้าพบได้เช่นกัน

คดีเว็บพนัน ส่อเละเป็น ‘โจ๊ก’ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ วืด ‘ผบ.ตร.’ อีกรอบ!?

ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า...ศึกครั้งนี้ใครจะเละเป็นโจ๊ก..ใช่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง หรือว่าเป็นอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าฝ่ายบิ๊กต., บิ๊กป., บิ๊กย. หรือบิ๊กอะไรดี...เพราะเท่าที่ดู ๆ มีส่วนผสมของหลายบิ๊ก…

แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ ‘บิ๊กเต่า’ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ในฐานะโฆษกทีมพนักงานสอบสวนคดีบิ๊กโจ๊ก ออกมาชักธงรบด้วยท่าทีท่วงทำนองมั่นอกมั่นใจ…ถึงขั้นบอกว่าระวัง ‘แมวเก้าชีวิต’ จะไม่มีชีวิตที่สิบ

สืบสาวราวเรื่อง สรุปสั้น ๆ นี่คือความเก่าคดีเก่าที่ค้างปี ที่ตำรวจไซเบอร์จับกุมนาย ‘บอสตาล’ นายพงษ์ศิริ ฐานราชวงศ์ศึก ประธานทีมฟุตบอลลำพูนริเวอร์ กรณีเว็บพนัน, ฟอกเงิน เมื่อ 20 มิ.ย.2566 และขยายผลกันมาจนถึง ‘มินนี่’ ธนัยนันท์ สุจริตชินศรี และเครือข่าย ลามมาถึงค้นบ้าน ‘บิ๊กโจ๊ก’ เมื่อ 25 ก.ย. และดำเนินคดีกับลูกน้องบิ๊กโจ๊ก...บลา..บลา..บลา...

ความร้อนแรงเรื่องนี้เมื่อปลายปี 2566 ควบคู่ไปกับการช่วงชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผู้อาวุโสน้อยสุดแต่โชคดีสุด...เข้าป้าย…

สถานการณ์วันนี้ คดีต่าง ๆ ท่าน ‘บิ๊กต่อ’ มอบหมายให้พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ ที่เพิ่งขึ้นตำแหน่งรองผบ.ตร. เมื่อต.ค. 2566 (เกษียณ 2569) เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน คุมคดี โดยมี ‘บิ๊กเต่า’ เป็นทีมงานและโฆษก 

คดีในส่วนที่เกี่ยวกับ 8 ตำรวจ (ทีมงานบิ๊กโจ๊ก) ที่ถูกกล่าวหา ทาง ป.ป.ช. มีมติส่งกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อ แต่คดีที่กล่าวหาตัวบิ๊กโจ๊กกับลูกน้องรวม 5 นาย ป.ป.ช. ยังสงวนท่าทีว่าจะส่งกลับหรือรับไว้ดำเนินการเอง...ข่าวว่าสัปดาห์หน้ากรรมการ ป.ป.ช. จะฟันธงว่าเอาไง…

วันสองวันก่อน…สื่อโซเชียลขอบคุณบิ๊กโจ๊กกับบิ๊กเต่าที่เปิดแอร์วอร์ตอบโต้กันเดือดพล่าน ยอดวิวทุกสำนักกระฉูด…ทางทีมสอบสวนนั้นอยากให้ ป.ป.ช. ส่งสำนวนกลับไปทำคดีต่อ ฝ่ายบิ๊กโจ๊กดักคอว่าอย่าก้าวก่าย ป.ป.ช...!!??

กล่าวถึง ป.ป.ช. ก็ต้องอัปเดตสักเล็กน้อยว่าอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน สรรหาทดแทน 5 ท่านที่ครบวาระ สว. โหวตเห็นชอบและโหวตคว่ำกันมาโดยลำดับ…

สรุปว่า ณ นาทีนี้ ป.ป.ช. ครบองค์ประชุม (ไม่น้อยกว่า 5 ท่าน) แล้ว ประกอบด้วยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ, นางสุวณา สุวรรณจูพะ, นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข และที่เพิ่งโปรดเกล้าฯ เมื่อ 3 ม.ค.ปีนี้ นายเอกวิทย์ วัชวัลคุ

5 ท่านนี้จะชี้ชะตาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับตัวบิ๊กโจ๊กโดยตรงว่าจะรับดำเนินการต่อเองหรือส่งกลับตามพนักงานสอบสวนขอ…

แต่ไม่ว่าจะออกมุมไหน...สายข่าวแทบทุกสำนักเขาฟันธงกันแล้วว่า สำหรับเก้าอี้ ผบ.ตร. นั้น แม้ปีนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะอาวุโสเป็นลำดับ 1 แต่หวยจะไปออกที่คนอื่นค่อนข้างแน่นอน...ส่วนจะเป็นใคร ‘เล็ก เลียบด่วน’ ขอยกไปวันอังคารที่ 27 ก.พ. ครับ

สรุป 4 สถานการณ์เด่นการเมืองไทยฉบับ 'เล็ก เลียบด่วน' 'บิ๊กโจ๊กลุ้นเละ-บิ๊กแดงโรครุม-เศรษฐาใจชื้น-คปท.ฝืนต่อไม่ไหว'

นาทีนี้สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง...ชี้เป็นชี้ตายมากมายหลายเรื่อง จนไม่รู้ว่าจะนำเสนออย่างไรในพื้นที่จำกัด...เพราะอยากให้มิตรรักแฟนข่าวได้...ทะลุคนทะลุข่าวกันในหลาย ๆ กรณี

วันนี้เลยขอเด็ดยอดข่าวมานำเสนอสัก 4 ประเด็น...

>> กรณีบิ๊กโจ๊ก - ขณะเขียน (สาย 27 ก.พ.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ตั้งวงประชุมพิจารณากรณีพนักงานสอบสวน กล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล 'บิ๊กโจ๊ก' รองผบ.ตร.กับพวกรวม 5 คน พัวพันเว็บพนันมินนี่...ราคาต่อรองก่อนประชุมแนวโน้มสูงที่ ป.ป.ช.จะขอดำเนินการเอง ไม่ส่งคืนให้พนักงานสอบสวน...ถ้าหวยออกอย่างนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' โล่ง...กว่าคดีจะจบอีกนานแสนนาน...แต่ถ้าหวยพลิกส่งให้พนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว 'บิ๊กเต่า' เป็นเจ้าภาพ...รับรองโจ๊กเละในเวลาไม่นานนัก...

>> ข่าวร้อน ๆ กรณี 'บิ๊กแดง' พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่บางรายการทางช่อง 9 อสมท. ระบุว่า...จะกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง และรองผอ.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพราะมีปัญหาสุขภาพ เกรงจะถวายงานได้ไม่สมบูรณ์ นั้น...'เล็ก' วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารที่ใกล้ชิด 'บิ๊กแดง' ยืนยันผ่านรายการวิทยุ อสมท. และยูทูบว่า...บิ๊กแดงป่วยจริง ป่วยหลายโรคแต่ที่หนักคือ เส้นเลือดตีบ 2 เส้น จัดว่าอันตราย...

ทั้งหลายทั้งปวงข่าวนี้ต้องรอ ถ้ามีการทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออกแล้วจริง ก็อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย...

>> ที่ยังร้อนเป็นผัดฉ่าปลาหมึก...ก็เรื่อง 'ดีลลับ' ชุดข้อมูลความเชื่อของ 'ตู่' จตุพร พรหมพันธุ์ นาทีนี้เจ้าตัวยังยืนยันนั่งยันว่า...ถ้าไม่เบี้ยวดีลลับทักษิณกลับบ้าน...ภายใน เม.ย.นี้ นายกฯ ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนใดคนหนึ่งใน 3 แคนดิเดต... อนุทิน ชาญวีรกูล, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค...  

ดีลลับดีลลึก อาจจะมีอยู่พอประมาณ...แต่ข่าวของ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังเชื่อว่าจะไม่ไปถึงขนาดนั้น...เม.ย.นี้ นายกฯ สูงยาวเข่าดี 'เศรษฐา ทวีสิน' จะลากยาวประเทศไทยต่อไป เพราะภารกิจตรวจแฟลตตรวจที่พักทหาร-ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนอีกหลายกระทรวงยังไม่แล้วเสร็จ...มีอีกหลายประเทศที่ยังจะต้องเดินทางไปขายของ อีกทั้งปัญหาหลักคือคุณหนู 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมที่จะรับช่วง...เธอยังอยู่ในโหมดครอบครัวอบอุ่น...วันก่อนยังโพสต์ดัง ๆ ว่าอยากจะมีน้องอีกสักคน...

>> ม็อบของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม...ที่ปักหลัก SAVE กระบวนการยุติธรรม กรณีนักโทษเทวดามาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. แม้จิตใจยังเปี่ยมสู้ แต่ก็มีล้า...ถึงที่สุดบวกลบคูณหาร ก็คงต้องพักรบ เดินหน้าต่อโดยไม่ต้องตั้งเวที สายข่าวแจ้งว่าไม่น่าเกินกลางเดือน มี.ค. ถ้าไม่มีอะไรร้อนแรง เลวร้ายไปมากกว่านี้ก็คงปิดเวที...

สถานการณ์ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ก็จะย้ายไปร้อนฉ่าที่เวทีรัฐสภาเป็นหลัก...25 มี.ค.สมาชิกวุฒิสภาจะอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้านนำโดยก้าวไกล ก็คงจะจอดป้ายที่อภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ (ตามรธน.มาตรา 152) เหมือนกัน...แบบว่าหาแสงหาเสียงตุนคะแนนกันไป...

ส่วนทำเนียบบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็คงสำแดงความเป็นศูนย์กลางจักรวาลการเมืองไทยให้เห็นโดยชัดเจน และชัดเจนขึ้น...ก็ได้แต่หวังว่าภายใต้ความชัดเจนดังว่า...จะได้มีปฏิบัติการไถ่บาป ไม่เผลอไปทำบาปใหม่...สาธุ!!

'บิ๊กโจ๊ก' แตกหัก!! ส่งทนายฟ้อง 'บิ๊กเต่า' ขู่!! ถ้าแฉเส้นทางเงินทั้งหมด 'ตายหมู่' แน่นอน

(13 มี.ค. 67) นายณัฐกร โตสกุล ทนายผู้รับมอบอำนาจจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อนำเอกสารไปยื่นฟ้องพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 21 และ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ ‘รองเต่า’ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว โดยมีการนำข้อมูลที่อยู่ในสำนวนคดีเว็บพนันของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ไปเปิดเผย ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะเกินเลยความเป็นจริง ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมายื่นฟ้องในวันนี้ และหากที่ผ่านมามีบุคคลใดที่ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหายอีก ทีมทนายก็จะดำเนินการฟ้องร้องทั้งหมด

ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังระบุว่า กรณีที่ตำรวจไปขอศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวานนี้ เมื่อศาลยกคำร้องการขอออกหมายจับไปแล้ว พนักงานสอบสวนก็สามารถออกหมายเรียกได้ตามอำนาจหน้าที่ แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่น่าจะมีอำนาจแล้ว เพราะ ป.ป.ช. รับเรื่องแล้ว จึงอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ดำเนินการ ซึ่งพฤติกรรมของคดี ทั้ง สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน เป็นเส้นทางการเงินเดียวกันหมด แม้จะต่างเว็บไซต์ แต่ก็ถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน และเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งทีมทนายได้ข้อมูลมาจากพยานหลักฐานบัญชีและเส้นทางการเงินที่พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องมือขวาของบิ๊กโจ๊ก ที่บันทึกเส้นทางการเงินเข้าและออกไว้ทั้งหมด แต่พนักงานสอบสวนมีความพยายามที่จะแยกสำนวนออกมา ซึ่งทีมทนายมองว่าการสอบสวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากพนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ดีกว่าการสอบโดยตำรวจด้วยกัน

นอกจากนี้ ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังกล่าวอีกว่า เส้นทางการเงินเหล่านี้เชื่อมโยงมาถึงบิ๊กโจ๊กเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็มีเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นด้วย ซึ่งหากบิ๊กโจ๊กเข้าข่ายความผิด บุคคลท่านนั้นก็ต้องผิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนเพ่งเล็งจะสอบแค่เพียงเส้นเงินที่เชื่อมมาถึงบิ๊กโจ๊กหรือไม่ พร้อมแง้มว่า เร็ว ๆ นี้ทีมทนายความของบิ๊กโจ๊ก อาจจะตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเส้นทางการเงินทั้งหมด และตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ กับสื่อมวลชน รวมถึงเปิดเส้นทางการเงินที่เชื่อมไปยังบุคคลอื่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่จะทำให้สะเทือนทั้งวงการ เหมือนที่บิ๊กโจ๊กเคยบอกไว้ว่า หากแฉออกมาจะมีการตายหมู่แน่นอน

‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งถอนวีซ่า-ห้ามเข้าประเทศ ‘2 ชาวต่างชาติ’ หลังทำร้าย-พยายามแย่งปืน ‘ตร.ภูเก็ต’ จนได้รับบาดเจ็บ

(18 มี.ค.67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้หลังจากผมได้ทราบเรื่อง ‘ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย’ จึงสั่งผู้การ ตม.6 เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด หลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก หลังพยายามชิงอาวุธปืนตำรวจ”

“จากเหตุการณ์เกิดที่บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต ผู้บาดเจ็บ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง (บาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา) ถูกนำส่ง รพ.ฉลอง เหตุดังกล่าว จนท.ตร. ได้อำนวยความสะดวกจราจรและกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถ จยย. จำนวน 2 คัน ขับขี่โดยชายชาวต่างชาติ ขับรถผ่านในลักษณะใช้ความเร็วไม่ใช้ความระมัดระวัง ด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้เรียกให้ชายชาวต่างชาติหยุด”

“เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติทั้งสองมีท่าทีที่จะหลบหนี ด.ต.สมศักดิ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นชาวต่างชาติได้ปัดโทรศัพท์มือถือและเข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจน ด.ต.สมศักดิ์ ล้มลงโดยมีชายต่างชาติ MR.OSCAR ขึ้นคร่อมตัวอยู่ จนด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว MR.OSCAR ได้พยายามแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์”

“โดย ด.ต.สมศักดิ์ ได้พยายามยามป้องกันไม่ให้ยื้อแย่งปืนไปได้ ขณะที่ยื้อแย่งกันนั้นอาวุธปืนได้ลั่นจำนวน 1 นัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้มี จนท.ตร. ได้ขับรถมาจอดขวางและช่วยเข้าระงับเหตุ

เมื่อผมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะลงไปเยี่ยมบำรุงขวัญอีกครั้งด้วยตัวเอง”

“ผมขอชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าคู่กรณีจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถป้องกันตัวและระงับเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อชีวิต นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด และหลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก”

‘บิ๊กต่อ’ ขาดทุนยับ แต่ยูเทิร์นกลับไม่ยาก ฟาก ‘บิ๊กโจ๊ก’ โกยกำไร หลุดบ่วงผู้ต้องหา

บันทึกเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์...วันเดียว 3 คำสั่ง...จากปลายปากกาของนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย…นายเศรษฐา ทวีสิน ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องเห็นด้วยจำนวนมาก แต่ก็มีบางส่วนตะโกนสวนว่า…ตลก ทำไปได้ไง...

เป็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มี.ค. 2567

คำสั่งแรก ที่ 106 /2567 ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ รองผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

คำสั่งที่สอง ที่ 108/ 2567 ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ รองผบ.ตร. รักษาราชการ ผบ.ตร.

คำสั่งที่สาม ที่ 109/2567 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย เป็นประธาน

การเด้ง ผบ.ตร. เข้ากรุในอดีตมีมากมายหลายคน...แต่หนนี้เป็นประวัติศาสตร์ก็ตรงที่เป็นการ ‘เด้งคู่’ หรือ ‘แพ็คคู่’ ซึ่งเมื่ออ่านระหว่างบรรทัดของคำสั่งดูแล้ว วิญญูชนย่อมสดับตรับฟังได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า…

‘บิ๊กต่อ’ เละเป็นโจ๊ก ขาดทุนย่อยยับ ขาเชียร์ออกอาการหงุดหงิดในลีลาภาวะผู้นำที่เนิบนาบของท่านไปตาม ๆ กัน

ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่เป็นผู้ต้องหาโดยแท้โกยกำไรอื้อซ่า...จากผู้ต้องหายกชั้นเป็น ‘คู่ขัดแย้ง’ ถึงขั้นประกาศสละอดีตลืมความขัดแย้ง…เซทซีโร่...

งานนี้กรรมการนอกสนามบอกว่า...บิ๊กโจ๊กชนะ

แต่ก็นั่นแหละ ศึกครั้งนี้ต้องดูกันยาว ๆ อย่างน้อยก็อีก 3-4 เดือน ว่าใครจะเด๊ดสะมอเร่ย์…บิ๊กโจ๊กเองก็ยังถูกหมายเรียกคดีสมคบฟอกเงินไล่ล่า… วันนี้ (22 มี.ค.) เป็นหมายใบที่สอง บอกให้ไปรายงานตัววันที่ 26 มี.ค. แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าช่วงนั้นบิ๊กโจ๊กอยู่ระหว่างลาไปอังกฤษ

ส่วน ‘บิ๊กต่อ’ มองมุมไหนก็พูดได้ว่าไม่เกิน 3 เดือนได้กลับปทุมวัน ทำหน้าที่ ผบ.ตร. จนเกษียณ 30 ก.ย. 2567

แต่สายข่าวที่น่าเชื่อระบุว่า...คนที่ชนะที่แท้จริงคือคนที่ชี้แนะชี้นำนายกฯ ให้ตัดสินใจ ซึ่งสายข่าวไม่ลังเลที่จะระบุว่าเขาคือคน…จันทร์ส่องหล้า..คนนั้น ซึ่งบัดนี้น่าจะมีโผอยู่ในใจแล้วว่า ต.ค. ปีนี้จะให้ใครขึ้น ผบ.ตร.

ในมุมวิเคราะห์...เต็งจ๋า ผบ.ตร. ตามหน้าไพ่ต้องบอกว่า…

ปีนี้ตัดบิ๊กโจ๊กออกจากคู่ชิงไปได้ เหลืออีก 3 บิ๊ก บิ๊กต่ายเต็งหาม ถ้าสองเดือนที่รักษาการโชว์ฟอร์มเข้าตากรรมการ จันทร์ส่องหล้าก็ต้องส่องต่ายให้ได้ดี

มีประเด็นที่ยังกระพริบตาไม่ได้อยู่นิดเดียวก็ตรงที่ เดือน เม.ย.นี้ สีกากีที่ชื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงษ์สุข ผช.ผบ.ตร. คนเมืองเหนือที่มีกระแสข่าวว่า ‘เจ๊แดง’ คนเดิมสนับสนุนอยู่นั้น จะได้ขึ้นรองผบ.ตร. หรือไม่...ถ้าได้ขึ้นก็แทบจะฟันธงได้ว่างานนี้โผพลิก…บิ๊กจวบมาแน่...

แต่ถ้า เม.ย. ไม่มีอะไร...บิ๊กต่ายก็คงเข้าป้าย แต่มีข้อแม้ว่าสองเดือนนี้ห้ามเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้มเด็ดขาด…!!

‘บิ๊กโจ๊ก’ ฮึดสู้ครั้งใหญ่!! หลังถูกเด้งแพ็กคู่เข้ากรุ ‘บิ๊กต่อ’ เละเทะ ส่วน ‘บิ๊กต่าย’ ย่องจันทร์ส่องหล้า

ต้องเรียกว่า เปิดสัปดาห์ใหม่สัปดาห์นี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่ถูกเด้งคู่ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฮึดสู้ จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบ

1) ยกเลิกการเดินทางไปอังกฤษระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย. 67 พร้อมอ้างว่านายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ (ภูมิธรรม เวชยชัย) มอบหมายภารกิจพิเศษให้ทำด่วน

2) ให้ทนายความไปยื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้งและพนักงานสอบสวน สน.เตาปูนในคดีเว็บพนัน BNK Master รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

3) ให้ทนายยื่นหนังสือต่อรักษาการ ผบ.ตร.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ขอให้ดำเนินการตามคำสั่งของ ผบ.ตร. (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์) ที่เคยแถลงร่วมกับบิ๊กโจ๊กเมื่อ 20 มี.ค. โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา  

4) นายษิธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายคนดังและเป็นที่รู้กันว่าสนิทสนมกับบิ๊กโจ๊กได้ออกมาแถลงถึงเส้นเงินจากเว็บพนัน ซึ่งเป็นการขยายผลเพิ่มเติมจากที่ทีมทนายเคยแถลงมาครั้งหนึ่งแล้ว

ต้องยอมรับการว่าการแถลงของทนายตั้ม แม้จะเป็นบริบทเดียวกับที่ ‘ผู้การนำเกียรติ’ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก 1 ใน 8 ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ แต่ทนายตั้มก็มีตัวละครใหม่ ๆ อย่าง ‘ดาบยาว’ ,'รองฟาง' นายตำรวจคนของบิ๊กต่อ มาขับเน้นสีสัน และกล่าวหาว่าเส้นเงิน ‘พิมพ์วิไล’ แห่งเว็บ BNK Master นั้น มุ่งตรงไปที่ภรรยา พี่ชายของบิ๊กต่อ แบบเต็ม ๆ

ในมุมวิเคราะห์ก็ต้องบอกว่างานนี้…จริง ๆ ทั้งต่อ ทั้งโจ๊ก ก็เสียหายหลายแสน เสียชื่อเสียงอยู่แล้ว จากกรณีถูกเด้งเข้ากรุ แต่ปฏิบัติการของบิ๊กโจ๊กล่าสุดนี้ ยิ่งทำให้ทั้งคู่กอดคอกันจมน้ำนานขึ้น บิ๊กโจ๊กหวานเจี๊ยบนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะเป็นแมวสิบชีวิต ต้นทุนไม่สูงมาก แต่บิ๊กต่อหวานแหวว คำก็น้อง สองคำก็พี่นี่สิ…งานนี้ขาดทุนย่อยยับ…

เชื่อกันว่าด้วยชื่อชั้น 2-3 เดือนบิ๊กต่อก็คงได้กลับ สตช. เกษียณที่ตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ก็จะเป็นการเกษียณภายใต้สภาพของ ผบ.ตร. ที่บาดเจ็บ บาดแผลพุพอง

ส่วนตำแหน่ง ผบ.ตร. หากวันนี้ (26 มี.ค.) การประชุม ก.ตร. ไม่มีการพิจารณาอนุมัติให้ใช้ข้อกำหนดการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2566 โดยอนุโลม ก็แปลว่า...จะไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง รองผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ไปเป็นเลขาธิการสมช. โอกาสที่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร.คนเมืองแพร่ จะขยับเป็น รองผบ.ตร. ในเดือนเม.ย. แล้วผงาดขึ้น ผบ.ตร. เดือนต.ค.2567 ก็ปิดฉาก…

ผบ.ตร.ที่ 15 ‘บิ๊กต่าย’ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ก็แบเบอร์ ข่าวว่าก่อน 20 มี.ค. บิ๊กต่ายได้ไปจันทร์ (ส่องหล้า) มาแล้ว..!!

แต่ตรงข้าม…ถ้าหากมีการอนุโลมข้อกำหนดฯ ก็แปลว่าบิ๊กจวบจะบินเร็วเหนือเสียงเข้าป้าย…

ป่านนี้ก็รู้กันแล้ว หวยออกทางไหน!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ นำเสนอเป็นข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้แต่เพียงเท่านี้

‘ศาลอาญา’ อนุมัติหมายจับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ข้อหาฟอกเงิน หลังออกหมายเรียกแล้ว 3 ครั้ง แต่ไม่ไปรายงานตัว

(2 เม.ย. 67) ที่ศาลอาญารัชดา พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมายื่นคำร้อง ขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5,9,10 และศาลอาญาพิพากษา ให้ออกหมายจับ พร้อมกับมีผลในทันที โดยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถแสดงหมายจับและจับกุมตัวได้ทันที

รายงานแจ้งว่า ภายหลังมีการยื่นขอออกหมายจับในช่วงเช้าทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรื่องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากมีการยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ซึ่งศาลได้รับคำร้องชี้แจงข้อเท็จจริงโดยใช้เวลาอ่านรายละเอียดนานกว่า 5 ชั่วโมง แต่ศาลพิเคราะห์เห็นแล้วว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน มีเพียงพอที่จะออกหมายจับประกอบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีท่าทีหลบเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวนถึง 3 ครั้ง จึงเป็นสาเหตุในการออกหมายจับครั้งนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top