Wednesday, 15 May 2024
บิ๊กโจ๊ก

บิ๊กโจ๊กลงดูคดีคนจีนถูกตัดนิ้วเรียกค่าไถ่พบเป็นขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เตรียมเรียก ตม อุดร แพร่ หลังต่อใบวีซ่าให้กลุ่มชาวจียกลุ่มนี้

จากกรณี นาย REN HAIBO อายุ 41 ปี ชาวจีน ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน สัญชาติเดียวกัน ก่อเหตุอุ้มออกมาจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านถนนวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้ แล้วมาจับขังภายในหมู่บ้านจัดสรรหรู แห่งหนึ่ง ภายในซอยพรประภานิมิตร 34 หมู่ 9 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุ ผ้าเทปปิดตา มัดขา ตัดนิ้ว มีดแทงมือ-แขน และ ไม้เบสบอลกระหน่ำตี แล้วส่ง คลิป วิดีโอการทรมานเหยื่อ ให้แฟนสาวของเหยื่อดู พร้อมเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 30 ล้านบาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ

ล่าสุด ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาดูความคืบหน้าการสืบสวนโดยกล่าวภายหลังการประชุมว่า ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเราทราบข้อมูลผู้กระทำความผิดแล้วส่วนหนึ่งเดียวเราไปไล่ต่อทั้งหมด ซึ่งเป็นขบวนการของคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยแล้วเข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยใช้รูปแบบการอยู่แบบ over stay และ ใช้วีซ่าของนักเรียน ซึ่งพรุ่งนี้จะเรียกตำรวจ ตม อุดรธานี หัวหน้าสถานี ตม แพร่ มาพบ ว่าการอนุมัติ วีซ่า แบบนี้มีการอนุมัติได้อย่างไร เพราะตัวเจาไม่ได้เป็นนักเรียนแต่มีการให้เขาอยู่ในประเทศไทยเพราะแบบนี้จะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยเพราะฉะนั้น ตม นี่มีหน้าที่เอาคนร้ายออกนอกประเทศไม่ใช่มีหน้าที่เอาคนร้ายเข้าประเทศซึ่งเรื่องนี้ตนจะนำรายงานกับทาง ผบ.ตร. ส่วนกลุ่มคนร้ายทั้งหมดเราทราบกลุ่มแล้วขอเวลาอีกนิดนึง 

บิ๊กโจ๊ก แถลงสรุปคดีแก๊งยาเสพติดบุกบ้านพูลวิลล่าพัทยาทวงหนี้ เชือดรองผู้การชลบุรี เอี่ยวเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แจ้ง3ข้อหาผิดวินัยร้ายแรง 

เมื่อวันที่ (31 ต.ค. 65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา ร่วมแถลงสรุปผล คดีแก๊งชายฉกรรจ์บุกทวงหนี้ทำร้ายร่างกายในบ้านพูลวิลล่า 

สืบเนื่องจาก กลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน ใช้ยานพาหนะ โตโยต้า อัลพาร์ด ป้ายแดง บุกพลูวิลล่า ย่านหาดจอมเทียนเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตามหาตัวลูกหนี้ แต่ไม่พบ สร้างความโกธรแค้นเป็นอย่างมาก จึงใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ ของผู้เสียหาย 3 คัน แล้วใช้ด้ามปืนทุบศีรษะทำร้ายร่างกายจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ก่อนแยกย้ายกันเผ่นหนีความผิด ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกดดัน จนกระทั้งเพื่อนร่วมแก๊ง ติดต่อขอมอบตัว แต่ปรากฏว่า มีการจ้างแพะมาตบตาเจ้าหน้าที่หวังรอดคุก 

สำหรับในคดีนี้ สามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด 10 ราย คือ ผู้ก่อเหตุ 6 ราย และผู้รับสมอ้างรับผิดแทน 2 ราย รวมถึงผู้ว่าจ้างให้มารับผิดแทนอีก 2 ราย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้เสียหาย 8 ราย ด้วยเนื่องจากตรวจสอบแล้วมีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งบงชี้ได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้รู้จักกัน และเกี่ยวข้องพัวพันกับยาเสพติด และการพนัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมดครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว 

ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผลพบหลักฐานว่า มีเจ้าหน้าตำรวจระดับสูง ยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลุบรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อมิให้ผู้ก่อเหตุตัวจริงถูกดำเนินคดี โดยมีการเรียกรับสินบนถึง 1 ล้านบาท 

‘ตร.’ เผย เตรียมประสาน ‘INTERPOL’ ล่า 3 นายทุนจีน หลังหลบหนีออกนอกประเทศ

รองผบ.ตร. เตรียมขอตำรวจสากลออกหมายจับ 3 นายทุนจีนเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ที่หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมประสาน ปปง.ตรวจเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ทั้งเครือข่าย

วันที่ (8 พ.ย. 65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาสัญชาติจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงผิดกฎหมายในไทย ว่า การสืบสวนขณะนี้พบว่ามีผู้ต้องหาหลัก 5 คน ตำรวจจับได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 3 คน ได้หลบหนีไปต่างประเทศโดยใช้เครื่องบินส่วนตัวบินหลบหนีไปหลังจากที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา และพัทยา ในห้วง 1-3 วันหลังจากการเข้าตรวจค้นจับกุม 

ทั้งนี้ได้สืบสวนจนพบว่ามีการนำเงินไปฟอกซื้อทรัพย์สิน ห้องพัก คอนโดมิเนียม และรถยนต์หรู อยู่จำนวนมากในกรุงเทพมหานคร จึงเข้าตรวจค้นในหลายแห่งตามหมู่บ้านหรู คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง สามารถยึดทั้งทรัพย์สิน และเงินสดไว้ตรวจสอบได้หลายร้อยล้านบาท

‘บิ๊กโจ๊ก’ ชี้!! คดีทุนจีนสีเทา คืบหน้ากว่า 90% ลั่น!! ไม่มีมวยล้ม แม้ต้องสู้กลุ่มอำนาจเงิน

(1 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนผิดกฎหมาย ว่า เรื่องดังกล่าวตนรายงานพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผบ.ตร. จะเป็นผู้รายงานนายกรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้ นายกฯ ได้กำชับครั้งล่าสุดในที่ประชุม ก.ตร. ว่าให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันเราทำงานยึดหลักกฎหมายตรงไปตรงมา สาวถึงใครก็ว่าไปตามนั้น ถ้าไม่ถึงก็ต้องให้ความเป็นธรรม 

รองผบ.ตร. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีนี้ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเราใช้กำลังเยอะมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเยอะ เช่น กรณีวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ใช้เวลาทั้งวัน ค้น 3-4 จุด ยึดทรัพย์ 4,000 กว่าล้านบาท ที่เป็นวัตถุทั้งบ้าน รถ เครื่องบิน และต้องนำทรัพย์ที่ยึดมาได้มาโยงเส้นทางการเงิน และยังต้องไล่ต่อว่ายังมีเงินสดอีกหรือไม่แล้วอยู่ที่ไหน

เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีกลุ่มทุนผิดกฎหมายอยู่ในเมืองไทยอีกหรือไม่ รองผบ.ตร. กล่าวว่า คิดว่าวันนี้หนีออกไปเยอะแล้ว กลุ่มเหล่านี้หลบหนีจากจีนมาอยู่กัมพูชา เมื่อถูกกวาดล้างหนักก็หนีมาอยู่ไทยและสปป.ลาว เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้คุยกับ ผบ.ตร.สปป.ลาว เมื่อเราจับมือกันแบบนี้ คนสองสัญชาติ ก็ต้องไม่มีแผ่นดินอยู่ ไปอยู่ที่อื่น

วันนี้กลุ่มคนที่อยู่แบบผิดกฎหมายที่ไม่ใช่กลุ่มทุนจีนที่มีปัญหา เขาก็หนีไปเป็นร้อยคนแล้ว เพราะเขาก็กลัวจึงออกไปก่อนดีกว่า แต่หลังจากนี้เราต้องเข้มงวดตั้งแต่กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการให้วีซ่า อย่างกรณีการจับกุม นายโทนี่ หรือนายเฉิน จ้าวฮุ้ย ที่ถือวีซ่าธุรกิจ ก็ต้องตรวจสอบว่าออกได้อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกก็ต้องเพิกถอน หากใครเกี่ยวข้องกับการให้วีซ่าที่ไม่ถูกกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีหมด เช่นวีซ่านักเรียนที่ให้กับคนอายุ 57 ปี แบบนี้ออกมาได้อย่างไร ต้องถูกดำเนินคดีแน่ไม่ปล่อยไว้ เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อลงทุน แต่มาก่ออาชญากรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งจับกุมหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแอบอ้าง 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกเงินค่าคุ้มครองจากกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่พัทยา

จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ว่ามีชายชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมแสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพล โดยแอบอ้างนายตำรวจในพื้นที่พัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) โดยมีการนำภาพถ่ายของตนเองซึ่งถ่ายภาพคู่กับนายตำรวจรายต่างๆ ขณะที่ตนเองเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (Volunteer) ไปใช้ในการแอบอ้างต่อกลุ่มชาวต่างชาติเพื่อเรียกรับเงินค่าคุ้มครองให้สามารถพักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ได้นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบการการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฏหมายจนถึงที่สุด

จากการสืบสวนของชุดสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายเฮอวี่ คริสเตียน โรเบิร์ต ลีโอนาร์ด หรือ Mr.Herve Christian Robert Leonard อายุ 58 ปี สัญชาติฝรั่งเศส มีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับ ฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมาแล้วหลายคดี โดยครบกำหนดการอนุญาตพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2563 แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงตรวจสอบเพื่อแกะรอยหาของตัวของบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนใช้เวลาในการเฝ้าติดตามตัวนายเฮอวี่ฯ กว่า 4 เดือน จนทราบว่า หลังจากที่ นายเฮอวี่ฯ ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ก่อนหน้านั้น ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างพิจารณาคดีของศาล แต่เมื่อถึงกำหนดนัดพิจารณาคดีกลับหลบหนี โดยนายเฮอวี่ฯ มีพฤติกรรมในการย้ายที่พักอาศัยบ่อยครั้ง ในวงรอบทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่พัทยา หัวหิน และ กรุงเทพมหานคร และแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจะแจ้งกับสถานที่พักต่างๆ ว่าเอกสารหนังสือเดินทางของตนสูญหาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเฮอวี่ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมดังกล่าวจนพบ นายเฮอวี่ฯ พักอาศัยอยู่จริง ซึ่งรวมระยะเวลาในการเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( 868 วัน ) และเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัยที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวเพียง 2 สัปดาห์ จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่า นายเฮอวี่ฯ ถูกแจ้งความร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงและกรรโชกทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จากผู้เสียหายอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก และ ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าวจำนวนหลายหมายจับ ได้แก่ 

รอง ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด ครูข่มขืนเด็กนักเรียนในจังหวัดเชียงใหม่

จากกรณี มีผู้เสียหายที่เป็นผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับครูโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งกระทำล่วงละเมิดทางเพศ ต่อเด็กนักเรียน จำนวนหลายราย  จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่าครูคนดังกล่าวคือ นาย รุ่งชาย (ขอสงวนนามสกุล) ครูสอนวงโยธวาทิต 
พฤติการณ์ในคดีทราบว่า นายรุ่งชายฯ ได้พานักเรียนของตนเองไปข่มขืนกระทำชำเราที่ม่านรูดแห่งหนึ่ง จำนวน 3 ครั้ง ในเขตพื้นที่ อ.สันปาตอง จว.เชียงใหม่ ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พงส.สภ.สันป่าตอง เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. นำเสนอแนวทางบูรณาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) แบบยั่งยืน

วันนี้ (10 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ครั้งที่ 1/2566 ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เป็นประธานการประชุม และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ในการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายในหลายมิติ ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายกับเรือประมงพาณิชย์จำนวน 27 ลำ ที่ลักลอบทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวน และการตรวจสอบกรณีเรือประมงที่ใช้อวนล้อมจับปลากะตักจำนวน 52 ลำ ซึ่งการดำเนินการจำเป็นจะต้องบูรณาการร่วมกับ ศรชล และกองทัพเรือ ในการใช้เครื่องมือพิเศษและกำลังพลเข้าดำเนินการตามกฎหมาย รวมไปถึงการดำเนินการล่าสุด กรณีตรวจพบเรือประมงสัญชาติเกาหลีชื่อ Sun Flower 7 ขนปลาทูน่าจำนวน 4,000 ตัน มาขึ้นท่าเพื่อส่งให้โรงงานปลากระป๋อง ซึ่งมีพฤติการณ์ในการทำประมงผิดกฎหมายโดยการเก็บทุ่นลอยน้ำสำหรับเป็นแพล่อปลาในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก ในการดูแลของคณะกรรมาธิการประมงแปซิฟิกตะวันตกและแปซิฟิกกลาง (WCPFC) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางการไทยได้แสดงออกอย่างชัดเจนในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการไม่อนุญาตให้นำปลาที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และได้ผลักดันเรือออกจากน่านน้ำไป ซึ่งในเรื่องนี้ จำเป็นจะต้องมีการกำหนดมาตรการในระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาการรับสินค้าสัตว์น้ำที่ได้มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศ และผลกระทบต่อธุรกิจการนำเข้าส่งออกสัตว์น้ำของประเทศไทยต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีบุคคลแอบอ้างเบื้องสูง และบุคคลสำคัญของไทยหลอกลวงผู้ประกอบการเกิดความเสียหาย

ตามที่ปรากฏในข่าวสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีกลุ่มทุนจีนสีเทา ชื่อ นายหยู ซิน ฉี(Mr.Yu Xin Qi)  สัญชาติจีน บุคคลดังกล่าวได้จัดตั้งสมาคมชื่อ “มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย”และเป็นเจ้าของสมาคมสมาคมดังกล่าวมีลักษณะประกอบการดำเนินงานให้คำแนะนำการลงทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมและสถาบันต่างๆ ในการจัดตั้งสำนักงานเครือข่ายในประเทศไทยเชิญนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงของไทยไปประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมประชุม  จัดกิจกรรมขนาดใหญ่เช่นการประชุมส่งเสริมการลงทุนนิทรรศการตลอดจนให้บริการส่วนลดยานพาหนะในการเดินทางและบริการรับส่งสนามบินแบบวีไอพีแต่ นายหยู ซิน ฉี มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยว่า ได้นำภาพถ่ายที่ตนเองถ่ายคู่กับบุคคลมีชื่อเสียงและบุคคลสำคัญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำรูปถ่ายคู่ร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อไปสร้างความน่าเชื่อถือ  รวมถึงมีการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงผู้อื่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเรียกเก็บเงินบริจาคเข้าสู่สมาคม มีผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างและถูกหลอกลวงจำนวนหลายราย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จากการสืบสวนพบว่านายหยู ซิ นฉี มีพฤติการณ์การแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จริง  อีกทั้งมีการจัดตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีรายชื่อในสาระบบของกรมการปกครอง  ต่อมา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาที่ 198/2566 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 77/525 หมู่บ้านภัสสร 19 ซอย 52 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  พบ นายหยู ซิน ฉี  (Mr.Yu Xin Qi) สัญชาติจีน  แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านและนำตรวจค้น ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางเพื่อตรวจพิสูจน์ จำนวน 11 รายการ ได้แก่


1.ป้ายไวนิลรูปและตราสมาคม จำนวน 2 ป้าย
2.ของชำร่วยที่ระลึกของสมาคม(กำไล) จำนวน 1 ชิ้น
3.ตราประทับ จำนวน 13 ชิ้น
4.ป้ายสมาคม จำนวน 1 ชิ้น
5.นามบัตรสมาคม จำนวน 2 กล่อง
6.บัตรประจำตัวสภาเครือข่าย จำนวน 1 ชิ้น
7.ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคมมิตรภาพไทย-ฉ่านซี จำนวน 1 ชิ้น
8.นามบัตรกิตติมศักดิ์ จำนวน 40 ชิ้น
9.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสมาคม จำนวน 1 ชุด
10.หนังสือรับรองบริษัทฯ จำนวน 1 ชุด
11.กระเป๋าถือสมาคมแต้จิ๋ว จำนวน 1 ใบ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง14K” เพื่อหลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและจีน

จากกรณีสำนักข่าวและสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งมาเฟียจีน ชื่อกลุ่ม 14K เข้ามาตั้งสมาคมที่ผิดกฎหมาย เพื่อมาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ทุนจีนสีเทา นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด


จากการสืบสวนทราบว่าได้มีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเชื่อได้ว่าขัดต่อกฎหมายจริง โดยตรวจพบสมาคมที่ใช้ชื่อ “หงเหมิน” ประกอบในชื่อสมาคมจำนวน 2 แห่ง คือ


1.สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมิน มี “นายป๋าย จ้าวฮุย”(Mr.Bai Zhaohui / 白兆辉) ซึ่งแสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย มีที่ตั้งสมาคมอยู่ที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเดินทาง ออกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 (ก่อนมีการนำเสนอข่าว)
2.สมาคมพันธมิตรหงเหมินโลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง แสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย  


เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสมาคมทั้ง 2 ดังกล่าวพบว่า สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมินประจำสาขาประเทศไทยและ สมาคมพันธมิตรหงเหมินแห่งโลก สาขาประเทศไทย ไม่มีการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมแต่อย่างใด อีกทั้งไม่พบว่ามีสมาคมใดใช้ชื่อ “หงเหมิน” หรือ “หงเมน” จดจัดตั้งสมาคมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมปกครองจึงยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล

 
และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กรมปกครอง กระทรวงมหาดไทยนำกำลังเข้าค้นสมาคมทั้งสอง โดยผลการตรวจค้นปรากฏดังนี้


1.ที่อยู่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ลักษณะภายในตกแต่งเป็นสมาคม มีตราสมาคม, ป้ายสมาคม และสุราต่างประเทศซึ่งไม่มีอากรแสตมป์ปิดไว้ อยู่ภายในอาคารดังกล่าว โดยมีนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นผู้เช่า จึงตรวจยึดของกลาง รวบรวมพยานหลักฐานและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว


2.ที่อยู่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ ภายในตกแต่งเป็นห้องหรู มีป้ายสมาคมติดอยู่ภายใน สอบถามจากบุคคลผู้แสดงตัวเป็นนายกสมาคม รับว่าไม่เคยขออนุญาตตั้งสมาคมแต่อย่างใด จึงตรวจยึดของกลางและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีในความผิดฐาน 

คดีคนต่างด้าวถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

สืบเนื่องจากปรากฏข้อมูลบนสื่อออนไลน์ว่า มีบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในประเทศไทย ซื้ออสังหาริมทรัพย์และถือครองที่ดิน ใน จ.เชียงใหม่ เป็นจำนวนมาก 


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ บก.ตม.5 ร่วมกับ ภ.จว.เชียงใหม่ ตรวจสอบบริษัทที่เข้าข่ายต้องสงสัยที่ใช้ช่องว่างของกฎหมายในการถือครองตรวจสอบการถือครองที่ดินอสังหาริมทรัพย์และประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พบว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.สภ.สันกำแพง 


ภ.จว.เชียงใหม่ จึงเร่งรัดให้รวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการขอหมายจับต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 หมาย ได้แก่ นิติบุคคล 1 หมาย คนจีน จำนวน 3 หมาย และคนไทย จำนวน 4 หมาย 


ต่อมาวันที่ 28 มี.ค.66  ภ.จว.เชียงใหม่ , บก.ตม.5 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการปิดล้อมและติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 ราย ดังนี้

1.บริษัท ฟ้าหลวงการเกษตร จำกัด แจ้งข้อกล่าวหา Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต”


2.Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) สัญชาติจีน เป็นผู้ที่ใช้ชื่อ นางปาริชาติฯ ถือหุ้นแทนตนและเป็นกรรมการ(Nominee)  ข้อหา “เป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย”


3.นางปาริชาติ  เป็นผู้ที่ถูก Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่)   ใช้ชื่อถือหุ้นแทนตนและเป็นกรรมการ(Nominee)ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์ โดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลำดับที่ 9 การค้าที่ดิน , เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top