Tuesday, 14 May 2024
บิ๊กโจ๊ก

‘บิ๊กโจ๊ก’ รับเรื่อง เจ้าของแฟรนไชส์ดังหลอกลงทุน หลังเหยื่อร่วมตัวเข้าร้องทุกข์ เสียหายรวม 4 ล้านบาท

เมื่อไม่นานนี้ ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กลุ่มผู้เสียหายร้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ เปิดเผยว่า ได้พากลุ่มผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษนายมณฑล ทองคำ เจ้าของแบรนด์ ‘ย่างให้’ ซึ่งมีพฤติการณ์คือ เดินสายออกสื่อหลายรายการ ทั้งทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จ เปิดสาขามากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงมีการนำภาพศิลปิน ดารา นักแสดงชื่อดังหลายคนมาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กว่า มีคนดังชื่อชอบในแบรนด์ของตัวเองและมาร่วมลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก ธุรกิจได้ทำจริง ประสบความสำเร็จจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่อ และเข้ามาลงทุนในแบรนด์ด้วย

กลุ่มผู้เสียหายเชื่อใจและนำเงินมาร่วมลงทุน แต่กลับไม่ได้เงินปันผล ไม่มีการแบ่งผลกำไร และไม่พบการดำเนินกิจการต่าง ๆ ตามที่ได้คุยกันไว้ และเมื่อผู้เสียหายมีการสอบถาม กลับถูกลบออกจากกรุ๊ปไลน์

หลังจากที่ผู้เสียหายได้ลงทุนไป ก็ได้มีการตรวจสอบจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าธุรกิจมีการจดทะเบียนจริง แต่เจ้าของแบรนด์ไม่ได้มีการจดชื่อผู้เสียหายบางรายเข้าไปในรายชื่อผู้ถือหุ้นตามที่ได้ตกลงกันไว้ อีกทั้งปัจจุบันเจ้าของแบรนด์ได้ปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวและปิดเพจธุรกิจไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้

เบื้องต้นจากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหาย ขณะนี้ประมาณ 13 คน ที่หลงเชื่อคำโฆษณานี้และเข้าร่วมลงทุน ยอดความเสียหายเบื้องต้นกว่า 4 ล้านบาท เฉลี่ยรายละตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท คาดว่าอาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีก

ด้านนายต๋อง หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่เสียเงินมากที่สุด 1,000,000 บาท เล่าว่า เจ้าของแบรนด์หลอกว่ามีหุ้นอยู่ 20 ตัว ตัวละ 200,000 บาท ตนเองจึงได้ร่วมลงทุนไป 5 ตัว เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท โดยเจ้าของแบรนด์ได้กล่าวอ้างว่าลงทุนแค่ 7,000 บาท ก็สามารถปลดหนี้ 10 ล้านบาทได้ภายใน 6 เดือน และคืนทุนได้ภายใน 1 เดือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่ได้รับเงินใด ๆ

เจ้าของธุรกิจอ้างว่าติดช่วงโควิด-19 จึงไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ จึงรอไปเรื่อย ๆ และยังเชิญชวนให้ลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทลูกอีก โดยอ้างว่ามีบริษัทน้ำดื่มยักษ์ใหญ่รายหนึ่งเข้ามาร่วมลงทุนด้วย จึงจะได้เงินปันผล แต่หลังจากตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมและสืบทราบว่า พบว่าเจ้าของแบรนด์ได้มีการเปิดบริษัทที่ 2 และนำไปขายให้กับบริษัทดังต่อ เพื่อให้เป็นการรับช่วงทำแบรนด์ต่อจากนายมณฑล ไม่ใช่การทำแบรนด์บริษัทลูกอย่างที่บอกกับผู้เสียหาย และหลังจากผ่านไป 2 ปีก็ยังไม่ได้รับเงินปันผลแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งยังมีปัญหากับภรรยาจนถึงขั้นเลิกรากันไป


ที่มา : https://www.thaipbs.or.th/news/content/326084

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ประสานข้อมูลทางการจีนยืนยันเจ้าของบัญชีเกี่ยวพันยาเสพติด หลัง 4 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีใช้เอกสารปลอมเบิกเงินธนาคารเข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อ

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ผ่านมา สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งกรณีพบกลุ่มบุคคลใช้เอกสารปลอมเข้าติดต่อธนาคาร แอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี พยายามขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่เพื่อถอนเงินยอดกว่า 176 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมและตราประทับตรวจคนเข้าเมืองปลอม ก่อนจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต รายละเอียดตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้รอยตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย 1 ใน 5 รายนั้นคือ ชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกักแล้ว นอกจากนี้ยังมีหม่อมราชวงศ์และบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลา 15.00 น. ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออีกจำนวน 4 ราย พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยยังให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การใดๆ ก่อนจะยื่นขอประกันในชั้นสอบสวนตามสิทธิ 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าค้นสถานที่ 2 จุด ซึ่งเป็นที่พักของบุตรชายอธิบดีกรมการปกครองและ คลินิกย่านพระราม 9 ของหม่อมราชวงศ์ ซึ่งอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลกรณีการให้คำปรึกษากับลูกค้าซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับอุ้มบุญ อยู่ในระหว่างตรวจสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเข้าตรวจค้นอาคารย่านสีลม พบบุคคลต่างด้าวซุกซ่อนอยู่ คาดถูกใช้เป็นที่พักพิงแม่อุ้มบุญคนไทย

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายชาวจีนอุ้มเหยื่อชาวจีน 2 รายเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 แสนบาท เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งต่อมาสามารถออกหมายจับดำเนินคดีกับชาวจีนที่ก่อเหตุจำนวน 4 ราย และประสานทางการจีนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังพบว่า ผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกจับเรียกค่าไถ่นั้น เป็นบุคคลที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการใช้บัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 491/13 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. ลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น ภายในพบบุคคลสัญชาติเมียนมา 3 ราย บุคคลสัญชาติจีนและไต้หวันจำนวน 4 ราย พบภายในลักษณะแบ่งซอยย่อยเป็นห้องจำนวนมาก คาดว่าเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับหญิงไทยที่จะทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับลูกค้าชาวจีน โดยจะพักอาศัยอยู่ในช่วงตั้งท้องจนคลอดบุตร เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 ราย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และจับกุมผู้ดูแลชาวไทย 1 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวฯ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เข้าตรวจค้นในวันนี้สืบเนื่องมาจากการขยายผลกรณีชาวจีนที่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ สภ.หนองปรือ โดยสืบทราบว่าอาคารดังกล่าวมีลักษณะเป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อเป็นที่พักสำหรับหญิงชาวไทยที่จะมาทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับชาวจีน โดยจากนี้ได้สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและจัดให้มีการอุ้มบุญให้ครบทั้งกระบวนการ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการชุด TICAC เข้าจับกุมผับพื้นที่เชียงใหม่ พบแสวงหาผลโยชน์ทางเพศเด็กและใช้แรงงานต่างด้าว

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ OUR ได้ให้เบาะแสสถานบริการในพื้นที่ สภ.ช้างเผือก ภ.จว.เชียงใหม่ พบมีการนำเอาเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาทำงานเป็นพนักงานบริการภายในร้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศต่อเด็ก จึงได้แจ้งเบาะแสให้กับชุดปฏิบัติการ TICAC ทราบ จึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น


จากเบาะแสดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ร่วมกับ ภ.จว.เชียงใหม่, บก.ตม.5 และ สภ.ช้างเผือก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์กร OUR ให้เข้าตรวจสอบและวางแผนจับกุมสถานบริการดังกล่าว จากการตรวจสอบช้อมูลเบื้องต้นพบว่า ร้านดังกล่าวคือ ร้านมังกี้ ทอยซ์ คลับ หรือ มังกี้ ทีซี เชียงใหม่ บริเวณทางคู่ขนานถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ลักษณะเป็นร้านแบบบาร์โฮส มีพนักงานทำงานภายในร้านมากกว่า 100 คน โดยจะสลับกันมาทำงานวันละ 30-50 คน โดยให้พนักงานบริการเครื่องดื่มโดยลูกค้าสามารถเรียกมานั่งบริการได้ คิดราคา 259 บาทต่อ 1 ดริ๊งค์ ต่อเวลานั่ง 1 ชั่วโมง ภายในร้านยังมีเวทีโดยให้พนักงานขึ้นไปเต้นโชว์ชั่วโมงละ 1 รอบ และมีชั้นใต้ดินเป็นห้องคาราโอเกะไว้ให้บริการ


ต่อมาเมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 เวลา 01.00 น. หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ชุด TICAC พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จึงได้บูรณาการร่วมกันเข้าตรวจสอบที่ร้านมังกี้ ทอยซ์ คลับ พบพนักงานร้านเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 3 ราย และยังพบว่ามีการนำเอาบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานที่ร้านโดยผิดกฎหมายอีกจำนวน 15 ราย จึงได้จับกุมเจ้าของร้านและผู้ดูแลร้านจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย
1. น.ส.วรษา (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี (เจ้าของร้าน)
2. นายเกริก (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี (ผู้ดูแลพนักงาน)
3. นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี (ผู้ดูแลพนักงาน)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางตรวจการดำเนินการตามกระบวนการ NRM กรณีจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวที่กาญจนบุรี

วันนี้ (3 พ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย NGOs และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) ที่ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด , แรงงานจังหวัด , ประมงจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ยุติธรรมจังหวัด และป้องกันจังหวัด ร่วมประชุมชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลผู้ถูกคัดกรอง โดยในส่วนของ ภ.จว.กาญจนบุรีนั้น ได้มีการรับดำเนินการตามกระบวนการ NRM จากกรณีระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จับกุมผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาที่มีการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร รวมจำนวน 115 คน และพบรถกระบะที่ใช้ในการขนบุคคลต่างด้าวถูกจอดทิ้งไว้จำนวน 2 คัน คดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี โดยจะต้องนำบุคคลต่างด้าวทั้งหมดผ่านกระบวนการคัดแยกเหยื่อ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการทั้งหมด โดยความคืบหน้าล่าสุด ได้นำบุคคลต่างด้าวทั้ง 115 คน มาพักอาศัยอยู่ที่ กองร้อย ตชด.136 ซึ่งมีสถานที่กว้างขวางพร้อมรองรับความเป็นอยู่ของบุคคลต่างด้าวทั้งหมด โดยแยกพักอาศัยชาย-หญิง ส่วนเด็กและเยาวชนพักอาศัยร่วมกับผู้ปกครอง หลังจากดำเนินการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์แล้วพบว่า ทั้ง 115 คน ไม่พบผู้ใดเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ โดยบุคคลต่างด้าวเหล่านี้สมัครใจที่จะลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านการจ่ายเงินให้กับเอเย่นคนละ 20,000 – 30,000 บาท เพื่อเดินทางไปหางานทำในประเทศไทยหรือไปต่อยังประเทศมาเลเซีย โดยสามารถลักลอบเข้ามาได้สำเร็จ แต่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเสียก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ แถลงปิดคดีบังคับใช้แรงงานเมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีนายจ้าง-ผู้สนับสุนน-คนนำพาต่างด้าว รวม 9 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและพัฒนา ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 14 ราย หลังแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีถูกหลอกมาทำงานตัดอ้อย และถูกนายจ้างยึดเอกสารหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกายและบังคับให้ทำงาน โดยมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เหตุเกิดที่ไร่อ้อยภายในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือแรงงานทั้งหมดได้พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้าง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น


​กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวมทั้งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการให้ครบถ้วน จากการสืบสวนพบว่า นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ นายจ้าง ได้รับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานจากผู้รับจ้างขนแรงงานผิดกฎหมาย จากนั้นได้บังคับให้ทำงานในไร่อ้อย โดยยึดเอกสารประจำตัวทั้งหมด และมีการข่มขู่โดยใช้ทั้งอาวุธมีดและอาวุธปืน ทำให้แรงงานหวาดกลัวและยอมทำงาน โดยต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด และได้เงินสัปดาห์ละ 500 บาทต่อคน และต้องพักอาศัยด้วยกันอย่างแออัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ต้องหารวมจำนวน 9 คน แบ่งเป็นนายจ้าง 1 ราย ผู้สนับสนุน 2 ราย และคนนำพาต่างด้าวเขามาทำงานจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย
​1. นายจิรายุทธ เฉลิมศุภเศรษฐ์ (นายจ้าง)
​ดำเนินคดีฐาน ค้ามนุษย์ และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​2. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร (ผู้ใหญ่บ้าน)
​3. ร.ต.อ.วชิร ชยธวัช (ลูกเขยของนายจิรายุทธฯ)
​ดำเนินคดีฐาน เป็นผู้สนับสนุนค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานหรือบริการฯ
​4. นายสรไกร ศรีนานา
​5. นายนัฐวุฒิ วินกล่อม
​6. นายมนัส ทองเถาว์
​7. นายเฉลิมชัย แบนดอนไพร
​8. นายรณชัย เกิดสนอง
​9. นายอะวิน ไม่มีนามสกุล (สัญชาติเมียนมา)
​ดำเนินคดีฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายนั้นพ้นจากการจับกุม

ฝ่ายกิจการตำรวจและศุลกากร ของกลุ่มประเทศนอร์ดิก ขอเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. หารือ" ภาพรวมของการค้ามนุษย์ในประเทศไทย"

วันนี้ (16 พฤษภาคม 2566) ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน , น.ส.เสฎฐา เธียรพิรากุล อัยการประจำ สำนักงานอัยการสูงสุด,

น.ส.มนชยา ปรีชา ผู้อำนวยการกลุ่มเลขานุการคณะกรรมการ กองต่อต้านการค้ามนุษย์ ผู้แทนปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายพงศ์ธร ศุภการผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน, นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดี กรมการกงสุล กับคณะ  ,นายพืชภพ มงคลนาวิน รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กับคณะ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล รองประธานคณะทำงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อต้าน IUU Fishing  นางสาวณัฐกานต์ โนรี ผู้จัดการโครงการสปริง มูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม  และคณะNGO’s ได้ร่วมให้การต้อนรับ Ms.Janna Davidson National Rapporteur และ คณะฝ่ายกิจการตำรวจและศุลกากรของกลุ่มประเทศนอร์ดิก และได้ร่วมกัน ได้มาร่วมหารือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย และแนวทางการสืบสวน สอบสวน การดำเนินคดี และการคัดแยกผู้เสียหาย พร้อมทั้งพูดคุยถึงแนวทางการร่วมมือกันในอนาคตระหว่างประเทศไทยและประเทศสวีเดนและกลุ่มประเทศนอร์ดิก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ประเทศไทยมีความตั้งใจจริง ในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมุ่งเน้นการยึดเหยื่อเป็นศูนย์กลาง และยังทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาสังคมอย่าง NGOs หลายส่วน จนสามารถยกระดับการค้ามนุษย์ จาก Tier2 Watchlist เป็น Tier2 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทางอินเทอร์เน็ต นั้นประเทศไทยได้มีการจับกุมที่สูงมาก 

นอกจากนี้ การหลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน นั้นได้ปราบปรามอย่างต่อเนื่องจนไม่พบในประเทศไทยแล้ว แต่ก็พบปัญหาว่าขบวนการเหล่านี้ ได้ไปตั้งฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และยังขาดการให้ความร่วมมือในการปราบปรามอย่างจริงจัง

ทางด้าน Ms.Janna Davidson ผู้เสนอรายงานแห่งชาติ (สวีเดน) ได้กล่าวว่าทางประเทศสวีเดนก็ให้ความสำคัญปัญหาการค้ามนุษย์ เช่นเดียวกับประเทศไทย และขอขอบคุณทางการไทยที่ได้ให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนเทคนิคการทำงาน

ขณะที่ Mr.Christian Froden นักพัฒนาด้านการปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ ได้กล่าวว่า ประเทศสวีเดน มีปัญหาด้านการที่แรงงานไทยไปเก็บผลไม้ป่า ซึ่งเป็นงานที่หนักมาก ซึ่งทางการของสวีเดนได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวว่า ได้เคยเดินทางไปเยี่ยมแรงงานกลุ่มนี้ที่ประเทศสวีเดน แรงงานส่วนใหญ่มีสัญญา ซึ่งทางกระทรวงแรงงานจะได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาให้ดีขึ้น 

โดยในการหารือครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายได้มีการสอบถาม หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นอื่นๆ เกี่ยวกับการค้ามนุษย์กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้งประเทศไทยและกลุ่มประเทศนอร์ดิค ต่างได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากการหารือในครั้งนี้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า คดีพบศพเด็กมีร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ นราธิวาส

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลา 9.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตันหยง ภ.จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุพบศพเด็กหญิงนก (นามสมมุติ) อายุ 3 ปีเศษ เสียชีวิตอยู่ในสระน้ำห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งบิดาของเด็กหญิงนกได้แจ้งความหายไว้เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ก่อนจะถูกพบศพดังกล่าว ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว เพื่อให้ความจริงปรากฏ เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอันมาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส , พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต. และ พ.ต.อ.มะตาฮา มูหนะ ผกก.สภ.ตันหยง เร่งสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เบื้องต้นจากการผ่าพิสูจน์ศพของผู้ตายพบว่า มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ประกอบกับข้อมูลจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ศพของผู้ตายนั้นถูกถอดกางเกงและแพมเพิร์สออก ซึ่งบิดาของผู้ตายยืนยันว่า ผู้ตายยังไม่สามารถถอดแพมเพิร์สออกด้วยตนเองได้ จึงสันนิษฐานได้ว่า อาจถูกคนร้ายหลอกไปจากที่บ้าน จากนั้นได้มีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ลงมือฆ่าเด็กหญิงนก ก่อนทิ้งอำพรางศพที่บริเวณสระน้ำที่เกิดเหตุ

วันนี้ (22 พ.ค.66) เวลา 18.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดที่พบศพผู้ตายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่คันดินเนินสูง ซึ่งผู้ตายที่เป็นเด็กอายุเพียงสามปีไม่สามารถเดินขึ้นได้ด้วยตนเอง สันนิษฐานได้ว่าถูกคนร้ายพาเข้ามาเพื่อก่อเหตุ หลังจากนั้น รอง ผบ.ตร. ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมทั้งพูดคุยกับชาวบ้าน โดยได้มอบของและให้กำลังใจ รวมทั้งให้ความมั่นใจ ว่าจะติดตามผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสลดดังกล่าวมาลงโทษตามกฏหมายโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ที่ ภ.จว.นราธิวาส และได้สั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ สภ.ตันหยง นำตัวผู้ต้องสงสัยในรัศมีใกล้เคียงที่เกิดเหตุทั้งหมด มาตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอไว้ เพื่อใช้ในการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่อาจพบได้จากศพผู้ตาย รวมทั้งลงพื้นที่หาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางเพศต่อเด็ก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เยือนสิงคโปร์ ประชุมร่วมตำรวจสากล ประสานข้อมูล จัดทำแผนปฏิบัติการ พร้อมเตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานปราบปรามค้ามนุษย์ในไทย เพื่อยกระดับแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์สู่ระดับสากล

เมื่อวันที่ 29 พ.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ รอง ผบก.กองการต่างประเทศ และ พ.ต.อ.พงษ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ ผกก.ตม.จว.สงขลา/ สมาชิกชุดปฏิบัติการนานาชาติเพื่อการปราบปรามการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก FBI ได้เข้าร่วมการประชุมความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศเด็กและการค้ามนุษย์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์การตำรวจสากล ณ อาคารสำนักงานนวัตกรรมองค์การตำรวจสากล (Interpol Global Complex for Innovation: IGCI) สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีคุณสมิตา มิตรา และ คุณกอร์ดาน่า วูจิซิส ผู้แทนจากองค์กรตำรวจสากล แผนกอาชญากรรมเกี่ยวกับเด็กเข้าร่วมด้วย

ในที่ประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับผลการปฏิบัติของ ศพดส.ตร. ในด้านการบังคับใช้กฎหมายและจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีผลการปฏิบัติมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งความก้าวหน้าในการพัฒนากระบวนการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้มีการนำเสนอต่อผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจนได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ขยับให้ประเทศไทยเป็นเทียร์ 2 

มีการหารือการแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก สถานการณ์การกระทำผิดกฎหมายประเภท Online Scam ที่ประเทศเป้าหมายคือประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์  โดยเฉพาะเหยื่อการค้ามนุษย์ใน Online Scam ที่เพิ่มขึ้นในประเทศพม่า และเหยื่อเหล่านั้นยากต่อการช่วยเหลือ เพราะมีสถานการณ์การสู้รบในประเทศพม่า แต่ตำรวจสากลก็ยังสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้บางส่วนจากการประสานงานกับตำรวจสากลในประเทศไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย โดยมีเคสที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ 9 เคส และดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 12 เคส และสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ 88 คน จากหลากหลายสัญชาติ  โดยในปีนี้ทางตำรวจสากลจะจัดการประชุมในประเทศไทยในประเด็นดังกล่าว

ตำรวจสากลต้องการจัดทำแผนปฏิบัติการและต้องการตั้งศูนย์ประสานงานในประเทศไทยเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้เห็นด้วย พร้อมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์อาชญากรรรมปัจจุบันจะรวมกันอยู่ทั้งหมด เช่น กลุ่มแก็งค์ กลุ่มขบวนการยาเสพติดก็จะทำผิดในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และเชื่อมโยงกับกลุ่มประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะสังเกตตุได้ว่าเป็นขบวนการเดียวกัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ก็ได้ไปประชุมทวิภาคีเพื่อป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์กับประเทศพม่า

และที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเบาะแสการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจาก NCMEC และจาก Interpol  สิ่งที่ทำเพิ่มเติมที่แตกต่างจากอดีตคือการขยายผลหาตัวเหยื่อในทุกคดี เพื่อปกป้องและเยียวยาเด็กส่งคืนสู่สังคม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ ทุกข้อหาที่กระทำความผิด รวมถึงการยึดทรัพย์และดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน
 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้ขอความร่วมมือให้ Interpol ส่งข้อมูลเบาะแสการกระทำความผิดที่มากกว่านี้ เหมือนกับที่ได้รับข้อมูลมาจาก NCMEC ซี่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับข้อมูลจาก Interpol มาจำนวน 5 กรณี ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และช่วยเหลือเหยื่อเด็กออกมาได้ทุกกรณี

บิ๊กโจ๊ก สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่ หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ลงพื้นที่ประชุมตรวจติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องในชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ และติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายกรณีบุกรุกที่อุทยานฯ รุกล้ำที่ราชพัสดุ และความผิด พรบ.โรงแรมและ พรบ.ควบคุมอาคาร โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้า ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินคดีโรงแรมทั้งหมด 103 คดีเป็นโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่ 100 กว่าโรงแรม ได้แจ้งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ยกเว้นโรงแรมที่ เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมเขา จำนวนสามสิบกว่าโรงแรมในส่วนของสำนวนทั้งหมดประมาณ 103 สำนวนจะดำเนินการสั่งคดีให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้

ส่วนของการบุกรุกตั้งแต่เรื่องการบุกรุกที่ดินของโรงแรม การก่อสร้างโรงแรมไม่ได้รับอนุญาต การต่อเติมสร้างอาคารต่าง ๆ โดยผิดกฎหมายไม่ได้รับอนุญาต เพราะฉะนั้นวันนี้การดำเนินการของที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะหลักการต้องดำเนินตามกฎหมายเพราะว่าการใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน จะสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคนบนเกาะหลีเป๊ะเพราะว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันและจากนี้ไปก็เป็นเรื่องการเพิกถอน ที่ต้องใช้เวลา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาพิจารณายกเลิกเพิกถอนกรณีมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ โดยอาศัยหลักฐานทั้งเอกสาร ดีเอสไอ และเอกสารจากกรมอุทยานแห่งชาติ 

ซึ่งวันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยวันนี้มาเพื่อเร่งกระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และในส่วนของหลักฐานก็เพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น คือภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศขณะนี้กรมแผนที่ทหารโดยเจ้ากรมแผนที่ทหารรับรองแล้ว ว่าภาพถ่ายทางอากาศมีการรับรองโดยเอกสารราชการโดยถูกต้อง ต้องกลับไปใช้พ.ศ. 2493 ถึง 2494 เพราะฉะนั้นมันจะชัดเจนว่าอันไหนควรเพิกถอน อันไหนไม่ควรเพิกถอน เพราะฉะนั้นในเอกสารทั้งหมดที่ทำรายงานทั้งหมดประมาณ 10,000 กว่าแผ่น พิจารณาให้เพิกถอนทั้งหมด 42 แปลง หมดทั้งเกาะ ในส่วนนี้ก็จะเซ็ทซีโร่ใหม่ ในส่วนของชาวบ้านที่จะทำกินก็ให้ดำเนินการไป ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาเพื่อสร้างให้เกาะหลีเป๊ะมีความเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอารายได้เค้าขอหลีเป๊ะก็ต้องว่าไปก็จะได้จัดสรรปันส่วนโดยส่วนนี้ก็จะเป็นของกรมอุทยานแห่งชาติในฐานะเจ้าของพื้นที่จากที่มีการ เพิกถอนหมดทั้งเกาะแล้วอันนี้ยึดหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนปัญหาทางเดินโรงเรียนและลงชายหาดที่เป็นข้อพิพาทนั้น แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง โดยในวันอังคารหน้านี้ตนจะลงพบเอกชน และติดตามปัญหาทางเดินสารธารณะพร้อมกับ กรมที่ดิน กรมอุทยาน กรมธนารักษ์ และในส่วนของนายอำเภอ ลงไปชี้แนวเขตทั้งหมด เพื่อให้จบและได้ออกเอกสารสิทธิ์ คือวันนี้ถามว่าทำไมมันสั่งสมมานาน อย่าลืมนะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็หนักใจต่างคนต่างอยู่ กรมอุทยานก็กรมนึง กรมที่ดินก็กรมนึง กรมธนารักษ์ก็กรมหนึ่ง เมื่อกรมธนารักษ์พร้อมแต่กรมที่ดินไม่พร้อม ด้วยเหตุนี้ทางนายกจึงได้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อเอาทุกกรม ไปดำเนินการได้มันจะได้เส็จ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top