Friday, 3 May 2024
บิ๊กตู่

“บิ๊กตู่” ปลื้ม ประชาชนตอบรับเก็บตกคนละครึ่งหลังเพิ่งเปิดลงทะเบียนเพิ่ม 1.1 แสนสิทธิ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เต็ม 28 ล้านสิทธิแล้ว คลังเตรียมพิจารณาเฟส4 ต้นปี65 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ โฆษกรัฐฯชวนประชาชนเช็ค “เป๋าตัง” เงินเข้าแล้ววันนี้ 1,500

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า หลังจากที่วันนี้ (1 พ.ย.64) กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ประชาชนให้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เพื่อเก็บตกผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จที่ผ่านมาจาก 28 ล้านสิทธิ มีจำนวน ทั้งสิ้น 119,974 สิทธิ นั้น ทราบว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เปิดให้สามารถลงทะเบียนได้ตอนนี้สิทธิเต็มครบจำนวนแล้ว โดยผู้ที่ลงทะเบียนในรอบนี้ จะได้รับโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ทั้งสิ้น 4,500 บาทต่อคน ส่วนผู้ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 อยู่แล้ว จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 1,500 บาทต่อคน โดยอัตโนมัติ ในวันนี้ (1 พ.ย.) เช่นเดียวกัน และสามารถใช้จ่ายในโครงการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งขณะนี้มีบริการฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ GRAB LINEMAN และ TRUE FOOD โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มแล้ว กว่า 65,000 ราย

 

“บิ๊กตู่”กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ COP26 ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง ย้ำต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สองเหมือนโลกนี้อีกแล้ว 

ที่ศูนย์การประชุม The Scottish Event Campus พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26)

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี ๒๐๑๕ โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส
 คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศ” 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไทยได้กำหนดเป้าหมาย NAMA (นา-มา) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคพลังงานและขนส่งอย่างน้อยร้อยละ 7 ภายในปี 2020 แต่ทว่าในปี 2019 ไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้แล้วร้อยละ 17 ซึ่งเกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้กว่า 2 เท่า และก่อนเวลาที่ได้กำหนดไว้มากกว่า 1 ปี นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดส่ง NDC (เอ็น ดี ซี) ฉบับปรับปรุงปี 2020 และจัดทำแผนงานต่าง ๆ ในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ล่าสุด ไทยได้ส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับต่ำให้กับ UNFCCC โดยไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่จัดทำยุทธศาสตร์นี้
 
“วันนี้ผมจึงมาพร้อมกับเจตนารมย์ที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 และด้วยการสนับสนุนทางด้านการเงินและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่และเท่าเทียม รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถจากความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ผมมั่นใจว่าประเทศไทยก็จะสามารถยกระดับ NDC ของเราขึ้นเป็นร้อยละ 40 ได้ ซึ่งจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของไทยเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2050 

โฆษกรัฐบาลยืนยันผลสำเร็จ 'นายกฯ' เข้าร่วมการประชุมผู้นำโลก COP26 บทบาทผู้นำไทยโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศ โชว์ศักยภาพ และแนวนโยบายไทยที่โดดเด่น พร้อมเอาชนะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะเดินทางกลับประเทศไทยภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการเป็นคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร โดยจะเดินทางถึงประเทศไทยช่วงเย็นวันนี้

การเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) COP26 ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นการแสดงบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นการเดินทางระหว่างประเทศของนายกรัฐมนตรีในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าไทยเน้นย้ำ ให้ความสำคัญ ถึงความมุ่งมั่นของไทยร่วมกับประชาคมโลกในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยได้แสดงเจตจำนงในการยกระดับการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี ค.ศ. 2065 โฆษกประจำสำนักฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมการประชุม COP26 เป็นเพียงบทบาทหนึ่งของประเทศไทยในการร่วมกับประชาคมโลกเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้วางนโยบายของรัฐบาลให้ทุกส่วนงาน ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมได้ดำเนินการทั้งในส่วนของการจัดทำและปรับปรุงนโยบาย กฎหมายและการปฏิบัติเกี่ยวกับด้านพลังงาน อุตสาหกรรม การขนส่ง และการเกษตร เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก รวมนี้ ในอนาคตไทยยังได้วางแนวทางการขับเคลื่อนและพร้อมบูรณาการการทำงานอย่างแข็งขัน ไว้ด้านต่างๆ อาทิ

‘อ.แพท’ ยกนิ้ว ‘บิ๊กตู่’ พูดได้ดีบนเวทีโลก ชี้! ผู้นำ ‘อ่านสคริปต์ - ใช้ภาษาถิ่น’ ไม่ใช่เรื่องแปลก

คุณพัฒนพงศ์ (แพท) แสงธรรม อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ (ภาควิชาภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีคนวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โชว์วิสัยทัศน์บนเวที COP 26 ที่ผ่านมา ว่า เบื่อกระบือ!! 
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นความรู้เรื่อง public speaking

การพูดในระดับ keynote ปาถกฐา หรือสุนทรพจน์ คือ การพูดอย่างเป็นทางการ ไม่มีหลักการว่าต้องพูดปากเปล่า ย้ำว่า "ไม่มี" เพราะความแม่นยำถูกต้องในเนื้อหา ระดับภาษาเหมาะสม และมีวัจนลีลา จำเป็นต้องมีสคริปต์ที่ร่างมาเป็นอย่างดี การอ่านจากสคริปต์ จึงเป็นที่ยอมรับและปฏิบัติกันทั่วไป

ถ้าไม่ก้มหน้าอ่านจากสคริปต์ สามารถอ่านได้จาก teleprompter ซึ่งเป็นจอใส ที่จัดวางไว้ตรงหน้าโพเดียม หรือตรงเล็นส์กล้อง หรือ ด้านซ้ายและขวา เช่นในงาน COP26

ผู้พูดที่อ่าน teleprompter ไม่ถนัด ก็เลือกอ่านจากสคริปต์ตรงหน้า ใช้มือเปิดสคริปต์อ่านไปตามปกติ Boris Johnson นายกฯ อังกฤษ ก็ก้มหน้าอ่าน Alok Sharma ประธานงาน COP26 ก็ก้มหน้าอ่าน เลขาธิการสหประชาชาติก็ก้มหน้าอ่าน Patricia Espinosa เลขานุการบริหารของ UN ก็ก้มหน้าอ่าน และอื่น ๆ อีกหลายท่าน

ผู้ที่ใช้ teleprompter คล่อง จะมองด้านซ้ายที ขวาที เพราะมีจออ่านทั้งสองฟากของโพเดียม ไม่หันหน้าไปมุมอื่น มองเฉพาะจุดที่มีจอ เช่น ปธน. ไบเดน และเซอร์ ริชาร์ด แอทเทนเบอเรอห์

“โฆษกรัฐบาล” วอนอย่าบิดเบือนเจตนาดี "บิ๊กตู่” แจงแนะปลูกผักชีในค่ายทหาร เพราะอยากให้ทุกส่วนราชการใช้ทุกโอกาส-พื้นที่ แก้ปัญหาให้ประชาชน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสโซเชียลที่นำคำปรารภของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในที่ประชุมครม. แนะแก้ปัญหาราคาผักชีแพง ให้ปลูกผักชี ในพื้นที่ทหารเพราะผักชีกำลังแพง ว่า เป็นการตัดตอนคำพูดโดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีเจตนาดีตั้งใจช่วยเหลือประชาชน สั่งการให้ทุกส่วนราชการ ใช้ทรัพยากรของตนเองที่มีอยู่ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน  ซึ่งปกติพี้นที่ทหารที่ว่าง ก็จะมีการนำมาใช้ประโยชน์อยู่แล้ว เช่น ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

ที่ผ่านมาพื้นที่ในหน่วยทหาร ก็ถูกนำไปใช้ประโยชน์หลายครั้งในหลายโอกาส เช่น ตั้ง โรงพยาบาลสนาม ในค่ายทหาร ช่วงวิกฤตโควิด-19 ทั้งนี้ เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจดี ปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนนายกรัฐมนตรีพยายามแก้ไขให้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชน นายกฯใส่ใจทุกปัญหาของประชาชน และที่ผ่านมาทุกปัญหานายกฯจะสั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาโดยเร่งด่วนและให้ทำทันที

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานอื่นๆ ก็มีมาตรการคู่ขนานออกมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าพีชผักแพง เช่น กระทรวงพาณิชย์ เปิดโครงการ Mobile พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน โดยจัดรถเคลื่อนที่จำนวน 50 คัน เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และผัก ราคาถูก  ทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาแม่ปุ๋ยราคาแพง   เป็นต้น  ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลยังได้มีมาตรการต่างๆ ในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน กระตุ้นกำลังซื้อ  ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  โครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ ด้วย 

“องอาจ” จี้ “บิ๊กตู่”เร่งแก้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างจริงจัง หวั่นทำโควิดระบาดระลอกใหม่

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองว่า ขณะนี้ปรากฎว่ามีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ โดยผิดกฎหมายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบและจับกุมได้แต่ละครั้งนับร้อยคน แสดงให้เห็นถึงการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว มีการวางแผนทำกันเป็นขบวนการ การนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนี้ สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีการตรวจคัดกรองตามระเบียบที่ทางราชการกำหนดก่อนเข้าเมือง เพราะจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนเกิดคลัสเตอร์ใหญ่ๆ และที่ผ่านมาพบว่าเกิดจากแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

นายองอาจ กล่าวว่า ขอฝากนายกฯ เร่งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางหยุดยั้งการนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จำนวนผู้ลักลอบเข้าเมืองจะมากขึ้นจนยากต่อการควบคุม และจากการที่มีขบวนการนำแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาจำนวนมากอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แสดงว่าตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานต่างด้าวอยู่จำนวนมาก จึงอยากให้นายกฯในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศบค. ออกมาตรการให้มีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยถูกกฎหมาย  

“สงคราม” อัดรัฐมนตรีหนีสภาไม่อายประชาชนบ้างหรือ ชี้! 7 ปี “บิ๊กตู่” ไร้ค่าไม่ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมเมินช่วยเกษตรกร 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปี ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร โดยเฉพาะราคาข้าวตกต่ำมากที่สุดในรอบหลาย 10 ปี แต่รัฐบาลยังคงไม่ให้ความสำคัญที่จะรับฟังปัญหาของประชาชน  

ที่ผ่านมารัฐบาลกู้เงินมามากกว่า 5.8 ล้านล้านบาท แต่รัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับชาวนาเลย กู้เงินมาจำนวนมหาศาล  รัฐบาลนำไปใช้ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และอื่นๆ เป็นภาษีของประชาชน และเป็นภาระหนี้ที่แม้แต่ชาวนาก็ต้องรับภาระหนี้ด้วยส่งผลให้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะสะสมหลายล้านล้านบาท รัฐบาลอ้างว่ากู้มาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน สุดท้ายเงินกู้ทั้งหมดรัฐบาลนำไปใช้ในโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ประชาชนเลย 

นายสงครามกล่าวด้วยว่า  นโยบายที่พรรครัฐบาลหาเสียงไว้กับประชาชน ว่าจะช่วยเหลือชาวนาทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิตและราคา ไม่ถูกนำไปสู่การปฏิบัติเลย เป็นได้แค่สร้างภาพลวงตาให้ประชาชนหลงไปกับคำพูดของพรรคการเมือง ที่เสนอให้พลเอกประยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ค่าแรก 425 บาทต่อวัน ข้าวเปลือกตันล่ะ 18,000 บาท อยู่ที่ไหนครับ เพราะวันนี้ราคาข้าว ก.ก.ละ 5-6 บาท ขายข้าว 1 กิโลซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้ ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังหรือกาแฟไม่ได้ และต้องขายข้าวถึง 3 กิโล ถึงจะซื้อปลากระป๋องได้ 1 กระป๋อง และจะต้องขายข้าวถึง 10 กิโล ถึงจะซื้อน้ำมันพืชได้ 1 ขวด แม้จะมีโครงการประกันส่วนต่างของกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น 

'บิ๊กตู่' ฝากถึงชาวโซเชียลทั้งหลาย! ย้ำทุกภาคคือไทยเหมือนกัน อย่าทำสังคมแตกแยก

"นายกฯ" ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ขอคนไทยสามัคคีอย่าขัดแย้งสร้างความแตกแยกในสังคม

วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกรณีการเปิดแสดงความคิดเห็นใน club house กล่าวถึงคนภาคอีสานในด้านลบ จนผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งแยกกลุ่มคน ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียที่มีลักษณะก่อให้เกิดการโต้แย้ง แบ่งแยกคนในสังคมได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยประกอบด้วยพื้นที่ทุกภาคของแผ่นดินไทยและคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยึดหลักบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งสร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็งให้กับคนไทยทุกภาค เพราะไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหนก็เป็นคนไทยเหมือนกันและรัฐบาลนี้มีหน้าที่ดูแลประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ครม. ชงของบฯก้อนใหญ่ ต้องส่งเอกสารล่วงหน้า 2 สัปดาห์ พร้อม ขอพรรครบ.รักษาองค์ประชุม ประกาศิตนายกฯ กฎหมายสำคัญต้องผ่าน!  ‘ดอน’ โอ่ ไทยมีสิทธิเสรีภาพมากสุดอาเซียน

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ย้ำกับที่ประชุม ครม.ถึง 2 ครั้งในเรื่องการส่งเอกสารวาระ ครม.ให้กับรัฐมนตรีทุกคน ว่า จากนี้หากเป็นวาระที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมากให้ส่งล่วงหน้า 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะให้รัฐมนตรีได้มีเวลาศึกษาก่อน ไม่เช่นนั้นหากมาเสนอกระชั้นชิดเกินไปจะทำให้การพิจารณาน้อย ยกเว้นเป็นเรื่องที่ด่วนจริงๆ หรือเป็นเรื่องการแต่งตั้ง หากอย่างนั้นไม่เป็นไร สามารถนำเสนอเป็นวาระจรได้

ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ได้แจ้งต่อที่ประชุม ครม.ว่า ต่อไปรัฐมนตรีทุกคนจะต้องไปตอบกระทู้ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรทุกครั้ง หากติดภารกิจและไม่สะดวกที่จะไปตอบได้ด้วยตัวเอง ให้ส่งเอกสารมาให้ตนและนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ไปตอบแทน นอกจากนี้ นายอนุชายังขอให้นายกฯ ช่วยประสานไปยังพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเพื่อรักษาองค์ประชุม รวมถึงแต่ละกรรมาธิการด้วย พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ขอความร่วมมือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคว่า ให้ช่วยกันในเรื่องกฎหมายต่างๆ โดยย้ำว่ากฎหมายสำคัญต้องผ่าน

“นายกฯ” ขอบคุณ ทุกภาคส่วน ร่วมขับเคลื่อน “โคก หนอง นา โมเดล” สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ดำเนินการแล้ว 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่ได้ประยุกต์การใช้ศาสตร์พระราชา ตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด  จากทฤษฎีใหม่สู่โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ  ภายใต้การออกแบบพื้นที่เพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน เน้นแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร เพื่อให้เกิดสมดุลของระบบนิเวศ 

นายธนกร กล่าวว่า ตลอดจนการใช้พื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ เป็นหลักประกันในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ขณะเดียวกัน ช่วยรองรับกลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน วงเงินกว่า 4,780 ล้านบาท  ปัจจุบันได้มีการดำเนินการแล้วใน 73 จังหวัด 566 อำเภอ 22,773 หมู่บ้าน  โดยได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วจำนวนกว่า 2,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.20 

นายธนกร กล่าวว่า โครงการ โคก หนอง นา โมเดล ครอบคลุม 7 กิจกรรม ได้แก่ 1) การฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรม 2) ปรับปรุงพื้นที่ การสร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ 3) การสร้างงานสร้างรายได้รายเดือนให้แก่เกษตรกร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน 4) การกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน 5) การบูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับตำบล 6) การพัฒนาสร้างมาตรฐานผลผลิต การแปรรูป และการตลาด ตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย และ 7) การพัฒนาระบบดิจิทัลรองรับ Local Economy ด้วยการสร้างระบบโปรแกรมและระบบฐานข้อมูลที่สามารถใช้ต่อยอดในประโยชน์ด้านต่าง ๆ ในอนาคต 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top