วันที่ 17 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี รับมอบหนังสือแสดงความขอบคุณจากเครือข่ายวิทยุชุมชน ประกอบด้วย องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ สำนักงานสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากคณะทำงานนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้แทนจากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเครือข่ายวิทยุชุมชน เข้าร่วม
นายอนุชา กล่าวว่า จากกรณีที่เครือข่ายวิทยุชุมชน เคยมีหนังสือถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อขอให้พิจารณาระงับ หรือชะลอการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 มาบังคับใช้ ซึ่งเครือข่ายวิทยุชุมชนจำนวน 3,884 สถานี ทั่วประเทศ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงให้ออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2565
นายอนุชา กล่าวว่า และจากนั้นให้ออกอากาศด้วยกำลังส่งต่ำเหลือเพียง 50 วัตต์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 จนถึงปี พ.ศ.2567 จากการลดกำลังส่งดังกล่าว ส่งผลต่อการนำข้อมูลข่าวสารภาคประชาชนออกอากาศในชุมชนต่างๆ ทำให้การสร้างการรับรู้ แก่ประชาชนไม่ทั่วถึง กลุ่มเครือข่ายจึงรวมตัวกัน และส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล
นายอนุชา กล่าวว่า จึงดำเนินการหารือ และประสานงานกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังทาง กสทช. ได้พิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม โดยให้วิทยุชุมชนผู้ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ยังคงออกอากาศที่กำลังส่ง 500 วัตต์ ได้ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567