Friday, 3 May 2024
บิ๊กตู่

นายกฯ ย้อนถาม 'คิดว่าตนเป็นคนทุจริตหรือ?' หลังสื่อ จี้ ตั้งกรรมการสอบ-พักงาน 'ประวิตร' 

ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบในการตั้งคณะกรรมการสอบ และพักงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการค้ามนุษย์โรฮิงญานั้น ด้านนายกฯ ได้กล่าวว่า "เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงก็แล้วกัน และผมคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด"

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ย้ำ!! ต้องท้าทายตัวเอง ลงสนาม ‘ต้องชนะ’

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ตั้งเป้า 114 เหรียญทอง ส่งพลังท้าทายตัวเอง ชี้!! ลงสนามต้องชนะ พร้อมเกาะติดส่งกำลังใจ นำชื่อเสียงกลับประเทศ

(29 เม.ย. 65) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโอวาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ทุกคนเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และมีโอกาสสร้างผลงานอย่างเต็มสติ กำลัง และความสามารถ เพื่อนำชื่อเสียงด้านการกีฬากลับมาสู่ประเทศให้เป็นความสุขกับชาวไทยอีกครั้ง จากข้อมูลเดิม ทราบว่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ผ่านมา ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทีมนักกีฬาไทยสามารถสร้างชื่อเสียงคว้าเหรียญกลับบ้านได้ทั้ง 318 เหรียญ เป็นเหรียญทอง 92 เหรียญ เงิน 103 เหรียญ และทองแดง 123 เหรียญ จาก 54 ชนิดกีฬา ทีมนักกีฬาทั้งหมด 980 คน เป็นอันดับที่ 3 จาก 11 ประเทศ  

“ในนามรัฐบาล และพี่น้องชาวไทย รู้สึกภาคภูมิใจ และขอขอบคุณทัพนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดกำลังสามารถ เต็มศักยภาพ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นที่รู้จักและโดดเด่นในด้านการกีฬาในภูมิภาคอาเซียนเสมอมา ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ 114 เหรียญทอง จาก 40 ชนิดกีฬา มีนักกีฬา 108 ราย และครูเจ้าหน้าที่อีก 300 กว่าคน วันนี้ขอชื่นชมนักกีฬาทุกคนทั้งหมดที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้”

'บิ๊กตู่' พอใจ!! สัญญาณดี ยอดโควิดลดฮวบ  แต่ย้ำ!! ยังต้องยกการ์ดสูง วางใจไม่ได้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจเริ่มจะเห็นสัญญาณที่ดีในการควบคุมของการชะลอตัวการแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย และการติดเชื้อจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์จนถึงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ย้ำทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนต้องไม่ประมาท ตั้งการ์ดสูง ป้องกันตนเองสูงสุดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงอีก จนกว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้

‘เพื่อไทย’ ท้านายกฯ แจง5นโยบายที่อ้างทำแล้ว แต่ปชช.ไม่รู้สึกถึงการพัฒนา หวังรอแค่เลือกตั้งใหม่

(2 ..65) นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้ปราศรัยถึงแนวทาง 5 ข้อในการพัฒนาประเทศซึ่งได้รับความสนใจและได้รับความชื่นชมอย่างมาก ซึ่งได้แก่เรื่อง การกระจายอำนาจ / ดึงศักยภาพคนไทยด้วย Soft Power / การใช้ Ai เพื่อการเกษตร / การปรับภาครัฐและภาคเอกชนเข้าสู่ Digital Transformation และ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ Metaverse

แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาชี้แจงว่า ทั้ง 5 เรื่องนี้พลเอกประยุทธ์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้เข้าใจทั้ง 5 นโยบายนี้ดีพอ และได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และทำไปถึงไหนและมีผลการดำเนินการอย่างไร เหตุใดประชาชนถึงไม่รู้สึกถึงการพัฒนาเลย

ทั้งนี้ ถ้ามั่นใจว่าได้ทำจริง ตนอยากขอให้ออกรายการทีวีแล้วขอให้ตนได้ซักถามอย่างสุภาพเพื่อให้พลเอกประยุทธ์ได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ไม่อยากให้พลเอกประยุทธ์เข้าใจไปเองว่าได้ทำแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้ทำและอาจจะยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากทำแล้วจริง ประเทศไทยน่าจะต้องพัฒนาไปกว่านี้มาก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่แบบนี้มา 8 ปีตั้งแต่มีการปฏิวัติแล้ว แถมล่าสุดพลเอกประยุทธ์ยังจะกล้าขายฝันประกาศว่าจะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างก้าวกระโดดไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ทำให้ยิ่งดูกลายเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของประชาชน จากผลงานบริหารเศรษฐกิจที่ยิ่งกว่าล้มเหลวสวนทางย้อนแย้งกับที่ขายฝันไว้มาตลอด

นอกจากนี้ รมว. ดีอีเอสยังได้โจมตีความนิยมของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเรียกร้องประชาชนชาวอีสานอย่าได้ยึดติดนโยบายพรรคเพื่อไทยในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องน่าขบขันอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย สืบทอดมาถึง พรรคเพื่อไทย เป็นที่นิยมของคนอีสานและคนทั้งประเทศอย่างมากเพราะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ในขณะที่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้งยังไม่ได้ทำเลยสักนโยบายเดียว เช่น ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ข้าวเจ้าตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 18,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ ฯลฯ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลย แถมยังโฆษณาว่าจะออกนโยบายใหม่ซึ่งประชาชนคงไม่โง่ และน่าจะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้วเพราะขนาดนโยบายเก่าที่เคยหาเสียงไว้ยังไม่ได้ทำเลย

นายพชร กล่าวว่า ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยด้านการบริหารเศรษฐกิจและทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พัฒนาเศรษฐกิจปากท้องเป็นที่ยอมรับกันอย่างมากตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย และต้องขอขอบคุณ พรรคก้าวไกล ที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ โดยการนำภาพอดีต นายกฯทักษิณ ชินวัตร ขึ้นในเวทีประชุมใหญ่ของพรรค อีกทั้งยังมีภาพคนเสื้อแดงที่เป็นสัญลักษณ์และฐานเสียงสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย ยิ่งเป็นการยืนยันประวัติศาสตร์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะเห็นด้วยและช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายในการเลือกตั้งคราวหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้

‘เพื่อไทย’ โว!! ‘ท่อส่งน้ำอีอีซี’ หมัดน็อกรบ. จุดแตกหัก!! ‘กลุ่ม 16’ ไม่ยกมือให้ 'บิ๊กตู่'

(2 ..65) พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส..มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151ว่า...

พรรคเพื่อไทยได้นัดหารือกับ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส..บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 เมื่อวันที่ 28 เม..65 โดยมีนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่, นายดล เหตะกูล รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาร่วมด้วย โดยพรรคเล็กได้สอบถามความพร้อมของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งได้บอกไปว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมมาก

มีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์, เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว, เรื่องท่อส่งน้ำอีอีซี โดยหัวหน้ากลุ่ม 16 เป็นบอร์ดการประปา เป็นหน่วยงานที่ถือหุ้นบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกมาก่อน แบบนี้เป็นการปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน ถ้าพรรคเพื่อไทยมีข้อมูล และอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นจุดแตกหักของรัฐบาล ยกมือให้ไม่ได้ หากในสัปดาห์นี้ ถ้าบริษัท วงศ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด เซ็นสัญญากับกรมธนารักษ์ วันที่ 3 .. จากนั้นวันที่ 4 .. ผมและกลุ่ม 16 นัดทานข้าวเย็น ขณะนี้นายพิเชษฐ และนายมนูญ ยืนยันนัดหมายมาแล้ว ยืนยันว่า มีความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สามารถน็อกรัฐบาลพล..ประยุทธ์ได้แน่ อย่าชิงยุบสภาไปก่อน” นายยุทธพงศ์ ระบุ

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ใช่ พล..ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะเป็นพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน คือการล้มรัฐบาล เมื่อ พล..ประยุทธ์ไป จะมีช่องทางตามกฎหมาย ต้องนำรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ มาดูก่อน พรรคเพื่อไทยยังเหลือชื่อแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ต้องมาในระบบกติกาก่อน แต่ถ้ายังเลือกนายกฯ ในกติกาไม่ได้ ต้องใช้ข้อยกเว้นพิเศษตามรัฐธรรมนูญ ก็ว่ากันไป งานนี้ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว จะยุบสภาไม่ได้ มั่นใจว่าถ้า พล..ประยุทธ์ไม่รีบยุบสภาหนีไปก่อน อาจจะตายกลางสภาได้

‘บิ๊กตู่’ เตรียมพบ ‘โจ ไบเดน’ ถกความร่วมมือในภูมิภาค ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม มีกำหนดพบ โจ ไบเดนและผู้แทนระดับสูงของสหรัฐฯ เตรียมผลักดันความร่วมมือการขับเคลื่อนการฟื้นฟู และการเติบโตอย่างยั่งยืนของภูมิภาค ระหว่างเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ตามคำเชิญของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 นี้ สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสนอจัดขึ้น โดยเสนอทาบทามมาตั้งแต่ปลายปี 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน

นายกฯ พบภาคเอกชนสหรัฐฯ ผลักดัน 3R พา 'ศก.อาเซียน-สหรัฐฯ' ก้าวหน้ายุค Next Normal

'บิ๊กตู่' เผย ไทยเดินหน้า ผลักดัน ความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับ การรักษาสิ่งแวดล้อม

(13 พ.ค. 65) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ณ โรงแรม Willard InterContinental กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมผู้นำและผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนพบปะผู้นำภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา โดยมี นางจีน่า เรมอนโด (Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา และนางแคทเธอรีน ไท่ (Katherine Tai) ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมด้วย 

นายธนกร สรุปคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ไว้ดังนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มาพบหารือ ซึ่งที่ผ่านมามีโอกาสพบปะและพูดคุยกับสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (USABC) ในหลายโอกาส พร้อมชื่นชมภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่สนับสนุน และมีส่วนร่วมที่แข็งขันในการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน จึงทำให้ต้องกลับมาทบทวนเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยไทยให้ความสำคัญกับการสร้าง “พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต” เพื่อให้ภูมิภาคมีการเติบโตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุค Next Normal ต่อไป ซึ่งประเด็นหลักที่อาเซียนกับสหรัฐฯ สามารถร่วมกันผลักดันมี 3 เรื่อง หรือ “3R” ได้แก่

“Reconnect” ส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐฯ สามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเชื่อมโยงนี้ ผ่านการลงทุนขยายฐานการผลิตในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่อาเซียนมีศักยภาพและทรัพยากรรองรับ ซึ่งไทยมีพื้นที่ EEC ที่พร้อมเปิดโอกาส ให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ เข้ามาร่วมลงทุน เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ รวมถึงจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยเพื่อใช้เป็นฐานในการเชื่อมโยงธุรกิจกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยสาขาอุตสาหกรรมที่สามารถร่วมมือกันได้ คือ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการทางการแพทย์ โลจิสติกส์อัจฉริยะ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ

สำหรับสาขาอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมกลางน้ำ และปลายน้ำที่แข็งแกร่ง และมีบริษัทเอกชนสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนแล้วหลายราย จึงขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ พิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ต้นน้ำของเซมิคอนดัคเตอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไทยมีนโยบายมุ่งสู่การเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก โดยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิต EV และผู้พัฒนาระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง อาทิ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และสถานีชาร์จ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ ได้ด้วย

R ที่สอง คือ “Rebuild” ในยุค 4IR ควรมุ่งพัฒนาและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค ซึ่งมีศักยภาพในการขยายตัวได้ถึงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียน เช่น โครงข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีคลาวด์ในอุตสาหกรรมการผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และการให้บริการคอนเทนต์ ตลอดจนการสนับสนุนการพัฒนาและบ่มเพาะธุรกิจดิจิทัลสตาร์ตอัป ทั้งนี้ ไทยมีไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเลย์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ EECi ที่ภาคเอกชนสหรัฐฯ สามารถเข้ามาร่วมพัฒนาธุรกิจดิจิทัล และขยายไปสู่ภูมิภาคได้

‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผลงานให้คนไทยในสหรัฐฯ ฟัง ลั่นทำเพื่อชาติ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ‘ใครจะไล่ได้ก็ไล่ไป’

นายกฯ พบคนไทยในสหรัฐฯ ขอให้รักบ้านเกิด ลั่น ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ใครจะไล่ได้ก็ไล่ไป รับถูกจับตาเยือนสหรัฐฯ เลือกข้าง ยันยึดหลักไม่ขัดแย้งใคร ขออย่าไปฟังพวกไม่มีชาติ

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 65 ตามเวลา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน - สหรัฐฯ (สมัยพิเศษ) โดย นายกรัฐมนตรี ได้นำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลมาเปิด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราอยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน คนไทยเรามีคติว่า ไม่ว่าจะอยู่ไหนคนไทยต้องรักกัน วันนี้อยากจะมาพบ มาพูดคุย สิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ต้องไปสู้อีกหลายการประชุมด้วยกัน จะไปร่วมพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างมีศักยภาพในอาเซียน และทุกคนก็มองว่าประเทศไทยเป็นแกนกลางของอาเซียน เพราะมีคน มีพื้นที่ มีความเจริญเติบโตต่างๆ ที่จะสามารถเติบโตได้เร็วขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งแรกที่ตนมาเจอกันวันนี้คือยินดี สิ่งที่สองตนอยากฝากไว้ด้วยว่า ท่านเป็นตัวแทนของคนไทยในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิดของท่าน รวมไปถึงหน้าที่ที่สอง ที่มีหน้าที่ต่อประเทศของท่านในเวลานี้ ที่มาอยู่ที่นี่ อาจจะเป็นสัญชาติอะไรในทำนองนี้และสิ่งสำคัญคือลูกหลาน จะทำอย่างไรให้ไม่ลืมบ้านเกิดของเรา ไม่ลืมบ้านเกิดของต้นตระกูล วันนี้จะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ โลกปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด การทำงานก็ไม่ได้ง่ายนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการที่จะเสพหรืออ่านเชื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร แต่ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยจะต้องไม่ทุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด นี่คือเป้าหมายของตน ว่าตนทำเพื่อใคร เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง เพื่อตระกูลตน หรือเพื่อใครสักคนเลย ตนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตนรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจ และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นนักการเมืองโดยจำเป็น

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า การเดินทางมาประชุมอาเซียน - สหรัฐฯ (สมัยพิเศษ) ครั้งนี้ หลายคนก็จับตาว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีจะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหน เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเราจะไม่เสียหาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ นอกจากนี้ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เราเดินทางร่วมประชุมในเรื่องนี้ รวมไปถึงมีความสัมพันธ์ร่วมกันกว่า 200 กว่าปี ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ ที่ถือว่าได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมคนไทยทุกคน นั่นคือความเป็นมาของเรา โดยการประชุมจะมีการหารือในหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะได้พบปะกับผู้นำอาเซียน และผู้นำสหรัฐรวมถึงอีกหลายหน่วยงาน

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศก็ดีขึ้น ประเทศไทยได้รับความชื่นชมและเป็นลำดับต้นๆ ของโลก บางอย่างอันดับ 1 ของโลก แต่ในประเทศด่าตนเรื่อย ด่าทุกวัน ย้ำว่าไม่มีอะไรที่ทุกคนพอใจ แต่ทำให้มากที่สุดให้ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของตน ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมนายกฯ ต้องประกาศเอง นายกฯ ไม่ใช่หมอ แต่นายกฯ เป็นผู้บริหารถ้าให้หมอทำคนเดียวเขาทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะเขาสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอตนบูรณาการตรงนี้ก็หาว่าเผด็จการไปอีก ทั้งที่ทุกประเทศทำแบบนี้หมด อยากจะบอกว่าเขาเลียนแบบตนด้วยซ้ำไป

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลง ย้ำการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สนับสนุนการสร้าง “อาเซียนสีเขียว” อย่างยั่งยืนและสมดุล ลั่น “เราหมดเวลาสำหรับความล้มเหลวแล้ว”

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 65 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับนางคามาลา เดวี แฮร์ริส รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และและผู้แทนระดับสูงสหรัฐฯ ได้แก่ นายจอห์น เคอร์รี (John Kerry) ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันของอาเซียนกับสหรัฐฯ ในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จเพื่อโลกใบนี้และอนาคตของลูกหลานของทุกคน โดยอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การมีสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน และชุมชนที่มีภูมิต้านทาน โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นร้อยละ 23 ภายในปี ค.ศ. 2025 และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงถึงการสนับสนุนความมุ่งมั่นของภูมิภาค และของโลกในเรื่องดังกล่าว ไทยได้ประกาศเป้าหมายในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 หรือก่อนหน้านั้น ซึ่งจะพลิกโฉมประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง

ไขข้อสงสัย!! แชร์ ‘บิ๊กตู่’ อ่านกระดาษเปล่า ที่แท้เป็นเอกสารระดับสูง ไม่พิมพ์ 2 ด้าน

ภายหลังโลกโซเชียลมีการจับผิดการเยือนญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ซึ่งออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุม International Conference on the Future of Asia (Nikkei Forum) ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤษภาคม 2565 โดยปรากฏภาพนายกฯ นั่งอ่านแต่หน้ากระดาษเปล่าๆ เพื่อสร้างภาพว่าขยันทำงานนั้น

ล่าสุด เฟซบุ๊ก 'Pat Sangtum' ได้โพสต์ข้อความไขข้อข้องใจถึงกรณีดังกล่าวที่มีการวิจารณ์ ‘บิ๊กตู่’ เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า...

เว้ยเฮ้ย ลุงตู่อ่านเอกสารเข้าเล่ม กระบืออวดเก่ง จับผิดว่ากระดาษเปล่า 5555 ไอ้ฟราย อายเป็นไหม

เป็นกระบือ อย่าปรือตา แหกตาดูซะว่า นายกฯ กำลังอ่านแฟ้ม ซึ่งเป็นเอกสารเย็บเข้าเล่ม

ในการทำงานระดับบริหาร ไม่มีใครจะสั่งพิมพ์กระดาษ 2 ด้าน หน้า-หลัง

อีกทั้งด้านหลังที่ว่าง ใช้เขียนโน๊ต หรือ remarks ต่างๆ ได้

แยกไม่ออกระหว่าง แฟ้มรายงานกับ บ้านและสวน

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามหลักความเหมาะสม การถ่ายภาพที่ติดข้อความโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความจากเอกสารทางราชการที่มีความสำคัญนั้น ไม่ควรถ่ายภาพให้เห็นหรือติดข้อความใดๆ เลยด้วยซ้ำ


ที่มา: เฟซบุ๊ก Pat Sangtum


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top