Monday, 6 May 2024
น้ำมัน

BRICS มหาอำนาจน้ำมันใหม่ กดดัน 'ดอลลาร์' สูญค่า!!

‘BRICS’ ได้กลายเป็นมหาอํานาจด้านน้ำมันอย่างเป็นทางการของโลกแล้ว ทำให้ตอนนี้ ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ ต้องสะดุ้งสะเทือน เพราะว่าตําแหน่งของความเป็น reserve currency (สกุลเงินสำรอง) กําลังสั่นคลอน

ปัจจุบันประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกก็คือ สหรัฐอเมริกา ผลิตได้ 20 เปอร์เซ็นต์ของโลก ส่วนในกลุ่มประเทศ G7 ก็มีแคนาดาผลิตได้ 6 เปอร์เซ็นต์ของโลก ทำให้ 2 ประเทศนี้รวมกัน 26 เปอร์เซ็นต์

ทางด้าน BRICS สมาชิกดั้งเดิม ได้แก่ รัสเซีย จีน บราซิล โดย 3 ประเทศนี้ผลิตรวมกันได้ 27 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ได้รับสมาชิกเข้ามาใหม่ นําโดยซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน แค่เฉพาะซาอุดีอาระเบีย ก็คือผลิตได้ 12 เปอร์เซ็นต์ อาหรับเอมิเรตส์ 4% อิหร่าน 4% รวมกันผลิตได้ 20 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้นถ้า BRICS ดั้งเดิมรวมกับสมาชิกใหม่ จะผลิตน้ำมันได้ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของโลก เกือบครึ่งหนึ่งของโลก ทำให้ BRICS มีอํานาจในการตั้งราคา กําหนดปริมาณการผลิตน้ำมันทั้งหมด

ซึ่งสิ่งนี้สะเทือน reserve currency ของดอลลาร์สหรัฐ ยังไง?

เดิมทีสหรัฐฯ เคยมีข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 1971 ว่าจะต้องขายน้ำมันให้สหรัฐอเมริกา และทั่วโลก โดยใช้เงิน ‘ดอลลาร์’ เท่านั้น โดยมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกันว่า สหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือด้านการทหาร อาวุธ แปลว่าถ้าใครอยากจะได้น้ำมันก็จะต้องมีเงินดอลลาร์ไว้ในมือ

ซึ่งความต้องการที่แท้จริงของคน คือต้องการน้ำมัน ไม่ใช่ดอลลาร์ จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนจําเป็นจะต้องมีดอลลาร์เป็นสกุลเงินสํารองระหว่างประเทศ เหมือนดูจากแนวโน้มในช่วงนี้แล้ว เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังหมดความสำคัญลงเรื่อย ๆ

เหตุผลที่สนับสนุนเรื่องนี้คือ ปัจจุบันซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้อยากจะพึ่งพาดอลลาร์แล้ว โดยเลือกทิ้งบอนด์ของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ และเริ่มทำมาแล้วตั้งแต่ปี 2020 หรือ 3 ปีมาแล้ว และที่สําคัญประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย ซื้อน้ำมันจาก UAE ด้วยเงินรูปี โดยซื้อมากถึง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนจีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียเป็นเงินหยวนอยู่แล้ว

และรายงานจากบลูมเบิร์กได้ระบุว่ายังมีอีก 24 ประเทศทั่วโลกที่อยากจะเข้าเป็นสมาชิกของ BRICS ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ‘ประเทศไทย’ ด้วย

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 9 - 13 ต.ค. 66  จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้แนวโน้ม 16 - 20 ต.ค. 66

ตลาดน้ำมันดิบ เฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 13 ต.ค. 66 ผันผวน โดยราคา ICE Brent เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบ Dubai และ NYMEX WTI ลดลง 1.21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 0.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ ดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดย Al Jazeera รายงานผู้เสียชีวิตในอิสราเอล 1,400 คน ในปาเลสไตน์ 2,670 คน อาคารบ้านเรือนเสียหาย 64,283 หลัง และมัสยิดเสียหาย 18 แห่ง ขณะที่กองทัพอิสราเอลรายงานตัวประกัน 155 คน ถูกจับ และได้ปิดล้อม ฉนวนกาซากั้นการลำเลียงอาหาร เชื้อเพลิงและไฟฟ้า รวมถึงแจ้งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพจากตอนเหนือลงสู่ตอนใต้ ใกล้ชายแดนอียิปต์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงสนับสนุนอิสราเอล และเร่งรัดให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายงบประมาณทางทหารเพื่อช่วยเหลืออิสราเอลโดยด่วน ขณะที่รัฐบาลอิหร่านเตือนอิสราเอลหยุดการกระทำรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ มิเช่นนั้นจะเผชิญการต่อต้านครั้งใหญ่ ตลาดวิตกสงครามอาจลุกลามกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 6 ต.ค. 66 เพิ่มขึ้น 10.1 MMB WoW อยู่ที่ 424.2 MMB สูงสุดในรอบ 1 เดือน

บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย Saudi Aramco แจ้งผู้ซื้อในเอเชียเหนืออย่างน้อย 4 รายว่าจะส่งมอบน้ำมันดิบในเดือน พ.ย. 66 ปริมาณเต็มตามสัญญา (ระยะยาว: Term) โดยโรงกลั่นน้ำมันในจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของซาอุฯ แจ้งปริมาณส่งมอบรวมอยู่ที่ 47 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับในเดือน ต.ค. 66 ที่ระดับ 50 ล้านบาร์เรล

คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยมี War Risk Premium ประมาณ 5-10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จับตาการก่อการร้ายทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาทิ วันที่ 15 ต.ค. 66 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งปิดทำการพิพิธภัณฑ์ Musée du Louvre และอพยพนักท่องเที่ยวจากพระราชวัง Château de Versailles เนื่องจากถูกขู่วางระเบิด รวมถึงสถานีรถไฟ Gare de Lyon เนื่องจากพบพัสดุต้องสงสัย

'พีระพันธุ์' เผยข่าวดี!! ลดแก๊สโซฮอล์ 2.50 บาท คิกออฟ 7 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ตรึงสามเดือน

(31 ต.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เดิม ผมในฐานะ รมว. พลังงาน จะเสนอที่ ประชุม ครม.รับทราบการปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลงในอัตรา 2.50 บาทต่อลิตร โดยใช้วิธีปรับลดภาษีสรรพสามิตเช่นเดียวกับกรณีของน้ำมันดีเซลตามที่ ครม. เห็นชอบในหลักการไว้ แต่เมื่อลงไปทำงานพบว่า อัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทเป็นอัตราเดียวกันหมดมิได้แยกอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ไว้ต่างหาก 

วันนี้จึงจำเป็นต้องให้ ครม. พิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลงแต่เพียงในอัตรา 1 บาทต่อลิตร และแบบอี 10 ลดลง 90 สตางค์ อี 20 ลดลง 80 สตางค์ และ อี 85 ลดลง 15 สตางค์ โดยกระทรวงการคลังเสนอให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงานไปบริหารจัดการให้ปรับลดราคาสำหรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลงอีกลิตรละ 1.50 บาท ให้เป็นลิตรละ 2.50 บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเคยเสนอไว้ วันนี้ ครม. พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบโดยกระทรวงการคลังเสนอให้เป็นมติว่าให้กองทุนนำ้มันไปบริหารจัดการชดเชยเงินที่ต้องใช้จ่ายในส่วน 1.50 บาทต่อลิตรดังกล่าวเองในภายหลัง มีกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่ 7 พ.ย. 2566 

ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชน และขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี  กระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านทุกฝ่ายอีกครั้งครับ

‘SINOPEC SUSCO’ ปั๊มน้ำมันน้องใหม่เลือดผสม ‘ไทย-จีน’  ปักหมุดสาขาแรก ‘รัชดาภิเษก’ ตั้งเป้าขยายครบ 5 สาขาในปีนี้

สถานีบริการน้ำมัน ‘SINOPEC SUSCO’ ปั๊มน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติ ‘ไทย-จีน’ เปิดตัว ‘สาขาแรก’ ในประเทศไทย ปักหมุด ‘รัชดาภิเษก’ เป็นที่เรียบร้อย โดยมาพร้อมกับสโลแกน Fuel To The Max ที่พร้อมเติมพลังให้เต็มแมกซ์ในทุกวัน เลือกพิกัดดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น ศูนย์บริการรถยนต์ B-Quik, ร้านสะดวกซื้อ Lawson108 และร้านชาวดอยคอฟฟี่ ฯลฯ

หลี่ เว่ย กรรมการผู้จัดการบริษัท เปิดเผยว่า เลือกพิกัดรัชดาภิเษก เนื่องจากอยู่ในโซนตัวเมือง และเขตชุมชน พร้อมตั้งเป้าขยายสาขา ให้ครบ 5 สาขาภายในปีนี้

ทั้งนี้ ปั๊มน้ำมันดังกล่าว เป็นของบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SUSCO ถือหุ้น 51% กับบริษัท ไซโนเปค (ฮ่องกง) 49% ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SINOPEC Group ยักษ์พลังงานจีน

สำหรับดีลดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2565 ที่คณะกรรมการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นชอบขายหุ้น บริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด (SDA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SUSCO ในสัดส่วน 49% ให้แก่ ไซโนเปค (ฮ่องกง) บริษัทลูกในเครือไซโนเปค ด้วยมูลค่า 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ1,175.18 ล้านบาท

บริษัทร่วมทุนนี้ จะมีสถานีบริการน้ำมัน และ น้ำมันอากาศยาน รวมไปถึงการขยายโอกาสธุรกิจในอนาคต

ขณะที่ SUSCO ได้รับซื้อสินทรัพย์ของสถานีบริการน้ำมันกลับไปจำนวน 14 สถานี ทำให้บริษัทร่วมทุน SDA มีสถานีบริการน้ำมันเหลืออยู่ 25 แห่ง พร้อมกันนี้ SDA ได้เช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 10 แปลงเป็นเวลา 20 ปี ด้วยค่าเช่ารวมประมาณ 278.40 ล้านบาท

โดยมีสถานีบริการน้ำมันภายใต้การบริหารของบริษัท 25 แห่ง มีเป้าหมายจะเปลี่ยนเป็นสถานีบริการน้ำมัน SINOPEC SUSCO ต่อไป ซึ่งมีอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัด เช่น พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สระบุรี ชลบุรี และนครราชสีมา

หลังเปิดตัวด้วยการอัดโปรโมชั่น ลดราคาน้ำมันลิตรละ 1 บาท ถึงสิ้นเดือนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันส่วนใหญ่ เท่ากับแบรนด์เจ้าตลาด และยังมีโปรบัตรเครดิต รวมถึงโปรเติม 900 แจกน้ำ 1 ขวด เหมือนเช่นปั๊ม SUSCO ก่อนหน้านี้ด้วย

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 30 ต.ค. - 3 พ.ย. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 6 - 10 พ.ย. 66

ราคาน้ำมันดิบชะลอตัว หลังนักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ

• ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลเศรษฐกิจจีน ซึ่งล่าสุดสำนักสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Managers’ Index: PMI) ในเดือน ต.ค. 66 ลดลง 0.7 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 49.5 จุด ทั้งนี้ ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด บ่งชี้ภาวะหดตัว

• กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานอัตราว่างงาน (Unemployment Rate) ในเดือน ต.ค. 66 เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 3.9% สูงสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 65 และภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว หลังสหภาพแรงงานยานยนต์ (United Auto Workers: UAW) ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 400,000 ราย มีการประท้วงหยุดงานจำนวน 46,000 ราย เพื่อขอขึ้นค่าจ้างและสวัสดิการ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 66

• วันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. 66 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% และมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 12 - 13 ธ.ค. 66

• ให้ติดตามการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ ซึ่งล่าสุดดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (USDX) เทียบกับเงินสกุลหลักโลก 6 สกุล อยู่ที่ 104.8 จุด ต่ำสุดตั้งแต่ 20 ก.ย. 66 โดย CEO ของบริษัทจัดการลงทุน DoubleLine Capital ในสหรัฐฯ นาย Jeffrey Gundlach คาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flows) จากเงินสกุลดอลลาร์สู่สกุลเงินต่างประเทศอื่น ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะผลักดันอุปสงค์ของประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน

• รมว. กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เจ้าชาย Abdulaziz bin Salman ประกาศซาอุดีอาระเบียจะคงมาตรการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจปริมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 66 (เริ่มตั้งแต่ ก.ค. 66) แม้ว่าจะเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งตลาดกังวลว่าจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ทั้งนี้ ปัจจุบันซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน

‘นายกฯ’ ลั่น!! สางปมปั๊มขึ้นป้ายน้ำมันหมด กำชับ ‘ก.พลังงาน’ ปล่อยน้ำมันขาดไม่ได้

(9 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีบางสถานีบริการน้ำมันหลายแห่งขึ้นป้ายว่าน้ำมันหมด ภายหลังมีมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซิน ว่า…

“ได้ยินเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กำชับให้ตรวจสอบแล้วว่าขาดไม่ได้ โดยกระทรวงพลังงานจะเร่งกำกับดูแลเรื่องนี้ให้เหมาะสมต่อไป”

เมื่อถามว่าการกักตุนเพื่อเก็งกำไรสินค้าหรือไม่? นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “คงเป็นเรื่องของการอยากมีกำไรมากขึ้น แต่เรายอมรับไม่ได้ ต้องบริหารจัดการไป”

'ลดราคาน้ำมัน' นโยบายจากรัฐช่วยลดภาระประชาชน 3 เดือน ช่วงแรก 'น้ำมันหมด' จุดเสียงก่นด่า แต่เป็นการกรุยทางปรับลดระยะยาว

ขณะนี้นโยบาย ‘ลดภาระค่าใช้จ่ายราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมัน’ กำลังดำเนินไป และมีการปรับลดราคาน้ำมันลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กลุ่มน้ำมันเบนซิน ที่มีการปรับลดราคาลงในคราวเดียว 2.50 บาท ต่อ ลิตร เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 ที่ผ่านมา โดยเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ส่วน E85 และ E20 ลดลง 0.80 บาทต่อลิตร ซึ่งมีผลในวันที่ 7 พ.ย. 66 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป

แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นมา สถานีบริการน้ำมัน หลายแห่ง ขึ้นป้าย ‘น้ำมันหมด’ โดยเฉพาะ กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ส่งผลกระทบต่อการเดินทางสัญจรของประชาชน จนมีกระแสข่าวว่า สถานีบริการน้ำมันกักตุนน้ำมันไม่ยอมนำออกมาจำหน่าย

ซึ่งหากติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผ่านมา ย่อมเข้าใจได้ว่า หลัง มติ ครม. ที่ให้ปรับลดราคาน้ำมัน ผ่านกลไกภาษีสรรพสามิต และบริหารจากกองทุนน้ำมันฯ โดยปรับลดราคาน้ำมันสูงสุด 2.50 บาท ต่อลิตร นาน 3 เดือน มีผล 7 พ.ย. 66 สถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ ย่อมต้องบริหารสต๊อกน้ำมัน เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ชดเชยส่วนต่างที่ปรับลงอย่างรุนแรงให้ ส่งผลให้แทบไม่มีสถานีบริการน้ำมันใด สั่งน้ำมันมาจำหน่ายในช่วงก่อนปรับลดราคา

และในวันที่ 9 พ.ย. 66 ก็มีการปรับลดราคาน้ำมันลงอีก 60 สตางค์ต่อลิตร หากสถานีบริการใด ที่ยังสต๊อกน้ำมันที่ซื้อก่อนวันที่ 6 พ.ย. 66 เท่ากับว่า ราคาลงไป 2.50+0.6 = 3.10 บาท ต่อลิตร นั่นหมายความว่า หากลองคำนวณว่า ยังมีน้ำมันคงเหลือ 10,000 ลิตร ปั๊มก็จะขาดทุนทันที 31,000 บาท ปรากฏการณ์น้ำมันหมด จึงเกิดขึ้นแทบทุกพื้นที่

การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนตามต่างจังหวัด ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางเป็นจำนวนมาก ย่อมได้รับเสียงชื่นชมนโยบายนี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 3 เดือน แต่ย่อมเริ่มเห็นทิศทางในการปรับกลไกราคาน้ำมัน ให้สอดคล้องตามต้นทุน และสามารถพยุงช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน ให้เหมาะสม

'น้ำมันหมด' ปรากฏการณ์สั้น ๆ ที่อาจได้รับเสียงก่นด่า จากผู้ที่เข้าเติมน้ำมันตามสถานีบริการ ในช่วงเวลานี้ ที่จะทำให้ประชาชนเริ่มยิ้มได้ กับ สถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่มีแนวโน้มลดลงในระยะยาว

เรื่อง: The PALM

‘พีระพันธุ์’ ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา ลั่น!! ตอนนี้ทุกปั๊มมีน้ำมันพร้อมให้บริการ

(13 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า จากกรณีที่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำมันในสถานีบริการมีไม่เพียงพอต่อการจำหน่ายเนื่องจากประชาชนตอบรับนโยบายลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ทำให้ก่อนวันลดราคาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ประชาชนชะลอการเติม และมาเติมพร้อมกันในวันที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งมียอดเติมน้ำมันเบนซินทุกชนิดรวมกันสูงถึงเกือบ 70 ล้านลิตรในวันเดียว จากปกติมีการเติมเฉลี่ยวันละ 30 ล้านลิตร

โดยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังทราบปัญหา จึงได้มีการสั่งการตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันขึ้นทันที และมีการจัดประชุมในเย็นวันเดียวกันเพราะเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสำนักงานพลังงานจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ก็ได้เร่งลงพื้นที่ พร้อมกำชับสถานีบริการน้ำมันที่มีน้ำมันไม่เพียงพอจำหน่ายเร่งซื้อน้ำมันเข้ามาเติมเพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ 

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ที่เร่งดำเนินการแก้ปัญหา รวมทั้งขอบคุณเจ้าของสถานีบริการน้ำมันและผู้ค้าน้ำมัน ที่เร่งดำเนินการ ทั้งการเพิ่มรอบส่งน้ำมัน การปรับแผนกระจายน้ำมันให้ทั่วถึง จากการตรวจสอบก็พบว่า สถานีบริการที่อยู่ในเมือง สามารถแก้ปัญหาได้ภายใน 1-2 วัน ยกเว้นสถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่จำเป็นต้องจ้างรถเอกชนเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ใน 3-4 วัน

"ผมยังยึดมั่นคำเดิม อะไรที่ทำได้ ทำก่อน อย่างกรณีวันแรก (7 พ.ย.66) ทันทีที่มีการแชร์ข้อมูลเรื่องสถานีบริการมีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการจำหน่าย ผมได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันขึ้นทันที ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน และส่งข้อมูลเข้าส่วนกลาง เพื่อแจ้งไปยังกรมธุรกิจพลังงานให้เร่งประสานผู้ค้าน้ำมันในการเพิ่มรอบการส่ง กระจายปริมาณน้ำมันจากคลังให้เพียงพอและทั่วถึง ซึ่งบางสถานีบริการอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงอาจเกิดความล่าช้าในการขนส่ง และบางสถานีระบบสั่งจ่ายน้ำมันก็เกิดเหตุขัดข้อง ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาและสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว กระทรวงพลังงานจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบว่าปัญหาเรื่องการจำหน่ายน้ำมัน สามารถแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงพลังงาน โทร 02-140-7000” นายพีระพันธุ์กล่าว

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 13 - 17 พ.ย. 66  จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 20 - 24 พ.ย. 66

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงจากนักลงทุนเทขายทำกำไรและความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีนผ่อนคลาย 

-ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีนผ่อนคลาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 66 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden และประธานาธิบดีจีน นาย Xi Jinping ได้ตกลงที่จะฟื้นฟูการเจรจาทางทหารระดับสูงตลอดจนการหารือระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ในการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation (APEC) ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐฯ

-สำนักสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานโรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Throughput) ในเดือน ต.ค. 66 ลดลงจากเดือนก่อน  2.8% MoM อยู่ที่ 15.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากอุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวและค่าการกลั่นลดลง ส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศลดลงจากเดือนก่อน 0.6% อยู่ที่ 4.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

-กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซื้อน้ำมันดิบปริมาณรวม 1.2 ล้านบาร์เรล เพื่อเติมคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) โดยได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท 2 ราย ด้วยราคาเฉลี่ย 77.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และจะออกประมูลซื้อเพิ่มเติมอย่างน้อยจนถึงเดือน พ.ค. 67

-รายงานฉบับเดือน พ.ย. 66 ของ OPEC คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน  2.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 102.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรลต่อวัน จากคาดการณ์ครั้งก่อน) และในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 104.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้น 50,000 บาร์เรลต่อวัน จากคาดการณ์ครั้งก่อน)

-คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ $80-85/BBL ติดตามบันทึกการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ วันที่ 20 พ.ย. 66 ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา นาย Jerome Powell ส่งสัญญาณว่า Fed ไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจับตาการประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) ในวันที่ 26 พ.ย. 66 โดย ตลาดคาดการณ์ซาอุดีอาระเบียจะขยายเวลาอาสาลดการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม 1 MMBD จากเดิมสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 66 (เริ่มต้นเดือน ก.ค. 66) ไปจนถึงอย่างน้อยไตรมาส 1/67 หรืออาจขยายถึงครึ่งแรกของปี 2567 และมองว่า OPEC+ จะมีมติคงนโยบายลดการผลิตน้ำมันดิบรวม 3.66 MMBD ไปจนถึงสิ้นปี 2567

‘ก.พลังงาน’ เอาจริง!! ขู่ ‘ผู้ค้าน้ำมัน’ คุมค่าการตลาด ‘เบนซิน’ หากไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมผนึก ‘ก.พาณิชย์’ ใช้กฎหมายบังคับ

(22 พ.ย. 66) นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า หลังจากที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับค่าการตลาดน้ำมันเบนซินของผู้ค้า ที่สูงกว่าที่กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ ให้ปรับลดราคาขายปลีกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน และได้มีการศึกษามาแล้วว่า ถึงแม้ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจาก ค่าแรง ค่าเช่า อัตราภาษีที่ดิน ตลอดจนค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น ผู้ค้ายังควรต้องรักษาระดับค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม และเป็นธรรมกับผู้บริโภค

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์การปรับขึ้น-ลงค่าการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางช่วงก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 บาท แต่ในบางช่วงก็อยู่ในระดับที่สูงกว่า 2 บาท พบว่า ค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน มีค่าสูงเกินค่าที่เหมาะมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด 4.8 บาทต่อลิตร และกระทรวงพลังงานได้ขอให้ผู้ค้าให้ความร่วมมือ ไม่ให้ค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซินในภาพรวมสูงเกินกว่า 2 บาทเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านราคาน้ำมันให้แก่ประชาชน ซึ่งหากมีความจำเป็น กระทรวงพลังงานจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ใช้มาตรการด้านกฎหมายในการเข้ากำกับดูแล

ทั้งนี้ ค่าการตลาด คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน

“ผมได้ขอให้ผู้ค้าน้ำมันทุกราย ควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เป็นธรรมกับทั้งผู้ค้าน้ำมันและประชาชนผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันจะมีการปรับขึ้น-ลงค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยทุกชนิด ซึ่งบางช่วงก็ต่ำกว่า 2 บาท และบางช่วงก็สูงกว่า 2 บาท แต่ในช่วงนี้ ค่าการตลาดสูงเกินไป ถึงแม้ว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวน แต่อยากให้ผู้ค้าน้ำมันคำนึงถึงประชาชน ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันในช่วงนี้”

ดังนั้น หากยังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมัน อาจจำเป็นต้องประสานกับกระทรวงพาณิชย์ในการใช้มาตรการด้านกฎหมายเข้ากำกับดูแล

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะสร้างสมดุลด้านราคา โดยเฉพาะค่าการตลาด ระหว่างผู้ค้าน้ำมันกับผู้บริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นไปตามข้อกฎหมาย แต่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top