Monday, 29 April 2024
นายกรัฐมนตรี

‘บิ๊กตู่’ ถามคนหาดใหญ่ ‘รักจังฮู้ไหม’ ป้อนคำหวานบอกวันนี้ ‘เอาตัว หัวใจมาฝาก’

นายกฯ อ้อนคนหาดใหญ่ ถาม ‘รักจังฮู้ไหม’ บอก วันนี้ เอาตัว หัวใจมาฝาก ชี้เป็นเรื่องอนาคตได้นายกฯ แบบไหน อยู่ที่ประชาชนเลือกส.ส. ลั่นยังมีคนชอบสร้างความขัดแย้ง 

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 65 เวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยานกองบิน 56 จังหวัดสงขลา โดยมี ส.ส.ภาคใต้มารอให้การต้อนรับ และเข้าพบประมาณ 30 นาที ที่ห้องรับรองสนามบิน พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับนายกฯ โดยส่วนใหญ่เป็นส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา เขต 1 นายศาตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา เขต 2 นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต 3 นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา เขต 1 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ อดีตผู้สมัครส.ส.สงขลา และยังมี นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายหิมาลัย ผิวพรรณ อดีตเตรียมทหารรุ่นที่ 25 เป็นต้น

ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางต่อด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีขาว หมายเลขทะเบียน ขน 777 สงขลา ไปยังจุดแรกในการตรวจติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 การแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ในการจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ปรับปรุงคลองภูมินาถดำริ (คลองร.1) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยนายกฯ สั่งให้นำข้อเสนอของ ส.ส.มาพิจารณาแก้ไขปัญหาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่

ต่อจากนั้นนายกฯ เดินทางไปตลาดกิมหยงเพื่อทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน โดยมีชาวบ้านตะโกนให้กำลังใจสู้ๆ นายกฯ อยู่ต่อ และขอให้นายกฯ รักษาสุขภาพด้วย ทั้งนี้นายกฯ ยังได้อุดหนุนขนมลอดช่อง และยังได้กล่าวให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าว่า ขอให้เข้มแข็ง ขอให้ต่อสู้ กำลังใจที่ดีจะช่วยให้ก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปได้

ทั้งนี้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ยังได้เข้ามารุมล้อมขอนายกฯ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกพร้อมขอจับมือ ซึ่งนายกฯระบุว่า ไม่ได้สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยโควิด และเปลี่ยนจากการให้จับมือเป็นการใช้ข้อศอกสัมผัสแทน นายกฯ ยังได้สักการะองค์เทพเจ้าที่มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง พร้อมเสี่ยงเซียมซีโดยหยิบขึ้นมาได้ 3 หมายเลข คือ 38 ,52 และ 45

จากนั้นนายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้นายกฯ เอาตัวและหัวใจมาฝาก ที่ผ่านมาเรารู้อยู่แล้วว่าเจอปัญหาหลายๆ อย่างด้วยกัน ทั้งโควิดและสงครามความขัดแย้งที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางให้พวกเราอยู่ได้ ให้เราอยู่รอด คำว่าอยู่รอดคือให้มีพอกินพอใช้ไปก่อน เพราะต้องใช้ค่าใช้จ่ายหลายอย่างโดยเฉพาะค่าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น ทั้งเรื่องพลังงาน น้ำมัน ปัญหามันมาพร้อมกันหมด นั่นคือสิ่งที่ทำให้นายกฯ อยู่ตรงนี้เพื่อแก้ปัญหา ทุกโครงการภาคใต้ตนติดตามมาโดยตลอด รวมถึงเรื่องงบประมาณ

นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นคนกำหนดนโยบาย และสิ่งที่กำหนดโดยประชาชนต้องการ โดยการรับฟังความคิดเห็นขึ้นมาผ่านส.ส. และนายกฯ นำมาประมวลดูว่าโครงการไหนทำได้ก่อน ฉะนั้นรัฐบาลจะทำได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่กำหนดนโยบายและตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าตนตรวจสอบทุกอย่าง ข้อมูลที่ขึ้นมาจาก ส.ส.ต้องนำมาพิจารณากลั่นกรอง ไม่เลือกปฏิบัติเพราะประชาชนเป็นผู้เรียกร้องและเป็นผู้เดือดร้อน

นายกฯ กล่าวอีกว่า เวลาใครมาหาเสียงจะให้โน่นให้นี่ แค่เงินที่ดูแลแรงงาน เช่น คนละพันกี่หมื่นล้านแล้ว เราจึงต้องเร่งสร้างรายได้ให้ประเทศเศรษฐกิจฐานรากเหมือนที่ตลาดกิมหยง เราต้องช่วยกันถ้าจะให้เปล่าไปตามหลักการมันไม่ได้ ทั้งนี้อะไรที่ตนทำให้ได้จะทำให้จบให้ได้ ให้สิ้นสุดให้ได้ ตนก็รับฟังจากส.ส.ของเรา ตัวแทนของพวกเรา โดยจังหวะนี้ประชาชนได้ปรบมือชอบใจ พร้อมตะโกนว่านายกฯ สู้ๆ

ขณะที่นายศาตรา ที่ยืนอยู่ข้างๆ นายกฯ ได้ยกมือแสดงสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้ประชาชน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและโค้งตัวไหว้ประชาชน นายกฯ จึงพูดแซวว่า “เฮ้ย นี่มาหาเสียงหรือเปล่าวะเนี่ย” ก่อนกล่าวอีกว่า แหย่เล่น วันนี้มีความสุข นายกฯ ไม่มีความสุขหลายวันแล้ว เพราะมีหลายปัญหา มีแต่ปัญหาๆ เข้ามา จึงอยากจะแก้ให้เสร็จทุกอย่าง

โดยจังหวะนี้มีชาวบ้านตะโกนว่า “ลุงหล่อมากคะวันนี้” นายกฯ ตอบกลับว่า “เหรอ วันนี้กลับไปไม่ทานข้าวแล้ว” พร้อมบอกอีกว่า แก่จะแย่แล้ว ขณะชาวบ้านตะโกนอีกว่ารักลุงตู่ สู้ๆ นายกฯ จึงตอบกลับไปว่า “รักจังฮู้ไหม”

โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯปลื้ม ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับเมืองสวยงามของไทย หลัง Forbes advisor จัดให้ อยุธยา เป็น 1 ใน 50 เมืองทั่วโลก ที่ควรเดินทางเยือนช่วงหลังโควิด – 19

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “Forbes advisor” เว็บไซต์ในเครือนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ "อยุธยา" เป็น 1 ใน 50 เมืองทั่วโลก ที่ควรเดินทางเยือนภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด – 19

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบผลการจัดอันดับดังกล่าว ขอบคุณที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับสถานที่ที่สวยงามเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งเชื่อมั่นว่า ด้วยเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่หลากหลาย และได้รับความนิยมตลอดมา ประกอบกับศักยภาพการบริหารจัดการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ และการควบคุมโรคทางสาธารณสุข จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเดินทางในประเทศไทยอย่างคึกคักในเร็ววันนี้ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 50 เมือง ทั่วโลก ที่ควรเดินทางเยือนในช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด – 19 และยังเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับเท่านั้น ทั้งนี้ Forbes advisor ได้ยกย่อง "อยุธยา" ว่าเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 ซึ่งเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

โดยสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่หากมีโอกาสค้างคืนก็จะได้เห็นภาพวัดต่าง ๆ ในช่วงเช้า และช่วงเย็น ที่เงียบสงบ ในส่วนของเมืองอื่นๆ ในเอเชียที่ได้รับการจัดอันดับ ได้แก่ ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศภูฏาน อัสสัม ประเทศอินเดีย ลอมบก ประเทศอินโดนีเซีย ไทเป ไต้หวัน ประเทศอุซเบกิสถาน และโดฮา ประเทศกาตาร์

นายกฯ พบภาคเอกชนสหรัฐฯ ผลักดัน 3R พา 'ศก.อาเซียน-สหรัฐฯ' ก้าวหน้ายุค Next Normal

'บิ๊กตู่' เผย ไทยเดินหน้า ผลักดัน ความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับ การรักษาสิ่งแวดล้อม

(13 พ.ค. 65) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ณ โรงแรม Willard InterContinental กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมผู้นำและผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนพบปะผู้นำภาคเอกชนสหรัฐอเมริกา โดยมี นางจีน่า เรมอนโด (Gina M. Raimondo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา และนางแคทเธอรีน ไท่ (Katherine Tai) ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมด้วย 

นายธนกร สรุปคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี ไว้ดังนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มาพบหารือ ซึ่งที่ผ่านมามีโอกาสพบปะและพูดคุยกับสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (USABC) ในหลายโอกาส พร้อมชื่นชมภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่สนับสนุน และมีส่วนร่วมที่แข็งขันในการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน จึงทำให้ต้องกลับมาทบทวนเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยไทยให้ความสำคัญกับการสร้าง “พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต” เพื่อให้ภูมิภาคมีการเติบโตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุค Next Normal ต่อไป ซึ่งประเด็นหลักที่อาเซียนกับสหรัฐฯ สามารถร่วมกันผลักดันมี 3 เรื่อง หรือ “3R” ได้แก่

“Reconnect” ส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งภาคเอกชนสหรัฐฯ สามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเชื่อมโยงนี้ ผ่านการลงทุนขยายฐานการผลิตในภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่อาเซียนมีศักยภาพและทรัพยากรรองรับ ซึ่งไทยมีพื้นที่ EEC ที่พร้อมเปิดโอกาส ให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ เข้ามาร่วมลงทุน เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ รวมถึงจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทยเพื่อใช้เป็นฐานในการเชื่อมโยงธุรกิจกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยสาขาอุตสาหกรรมที่สามารถร่วมมือกันได้ คือ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการทางการแพทย์ โลจิสติกส์อัจฉริยะ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ

สำหรับสาขาอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมกลางน้ำ และปลายน้ำที่แข็งแกร่ง และมีบริษัทเอกชนสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนแล้วหลายราย จึงขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนสหรัฐฯ พิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ต้นน้ำของเซมิคอนดัคเตอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไทยมีนโยบายมุ่งสู่การเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก โดยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิต EV และผู้พัฒนาระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง อาทิ แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนสำคัญ และสถานีชาร์จ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ ได้ด้วย

R ที่สอง คือ “Rebuild” ในยุค 4IR ควรมุ่งพัฒนาและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค ซึ่งมีศักยภาพในการขยายตัวได้ถึงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมกล่าวเชิญชวนภาคเอกชนสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในอาเซียน เช่น โครงข่ายอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีคลาวด์ในอุตสาหกรรมการผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และการให้บริการคอนเทนต์ ตลอดจนการสนับสนุนการพัฒนาและบ่มเพาะธุรกิจดิจิทัลสตาร์ตอัป ทั้งนี้ ไทยมีไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเลย์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ EECi ที่ภาคเอกชนสหรัฐฯ สามารถเข้ามาร่วมพัฒนาธุรกิจดิจิทัล และขยายไปสู่ภูมิภาคได้

‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผลงานให้คนไทยในสหรัฐฯ ฟัง ลั่นทำเพื่อชาติ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ‘ใครจะไล่ได้ก็ไล่ไป’

นายกฯ พบคนไทยในสหรัฐฯ ขอให้รักบ้านเกิด ลั่น ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ใครจะไล่ได้ก็ไล่ไป รับถูกจับตาเยือนสหรัฐฯ เลือกข้าง ยันยึดหลักไม่ขัดแย้งใคร ขออย่าไปฟังพวกไม่มีชาติ

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 65 ตามเวลา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน - สหรัฐฯ (สมัยพิเศษ) โดย นายกรัฐมนตรี ได้นำคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลมาเปิด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราอยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน คนไทยเรามีคติว่า ไม่ว่าจะอยู่ไหนคนไทยต้องรักกัน วันนี้อยากจะมาพบ มาพูดคุย สิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ต้องไปสู้อีกหลายการประชุมด้วยกัน จะไปร่วมพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะเป็นประเทศที่ค่อนข้างมีศักยภาพในอาเซียน และทุกคนก็มองว่าประเทศไทยเป็นแกนกลางของอาเซียน เพราะมีคน มีพื้นที่ มีความเจริญเติบโตต่างๆ ที่จะสามารถเติบโตได้เร็วขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งแรกที่ตนมาเจอกันวันนี้คือยินดี สิ่งที่สองตนอยากฝากไว้ด้วยว่า ท่านเป็นตัวแทนของคนไทยในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิดของท่าน รวมไปถึงหน้าที่ที่สอง ที่มีหน้าที่ต่อประเทศของท่านในเวลานี้ ที่มาอยู่ที่นี่ อาจจะเป็นสัญชาติอะไรในทำนองนี้และสิ่งสำคัญคือลูกหลาน จะทำอย่างไรให้ไม่ลืมบ้านเกิดของเรา ไม่ลืมบ้านเกิดของต้นตระกูล วันนี้จะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ โลกปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด การทำงานก็ไม่ได้ง่ายนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการที่จะเสพหรืออ่านเชื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร แต่ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยจะต้องไม่ทุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด นี่คือเป้าหมายของตน ว่าตนทำเพื่อใคร เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง เพื่อตระกูลตน หรือเพื่อใครสักคนเลย ตนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตนรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจ และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นนักการเมืองโดยจำเป็น

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า การเดินทางมาประชุมอาเซียน - สหรัฐฯ (สมัยพิเศษ) ครั้งนี้ หลายคนก็จับตาว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีจะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหน เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเราจะไม่เสียหาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ นอกจากนี้ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เราเดินทางร่วมประชุมในเรื่องนี้ รวมไปถึงมีความสัมพันธ์ร่วมกันกว่า 200 กว่าปี ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ ที่ถือว่าได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมคนไทยทุกคน นั่นคือความเป็นมาของเรา โดยการประชุมจะมีการหารือในหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เศรษฐกิจดิจิทัล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะได้พบปะกับผู้นำอาเซียน และผู้นำสหรัฐรวมถึงอีกหลายหน่วยงาน

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในประเทศก็ดีขึ้น ประเทศไทยได้รับความชื่นชมและเป็นลำดับต้นๆ ของโลก บางอย่างอันดับ 1 ของโลก แต่ในประเทศด่าตนเรื่อย ด่าทุกวัน ย้ำว่าไม่มีอะไรที่ทุกคนพอใจ แต่ทำให้มากที่สุดให้ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของตน ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมนายกฯ ต้องประกาศเอง นายกฯ ไม่ใช่หมอ แต่นายกฯ เป็นผู้บริหารถ้าให้หมอทำคนเดียวเขาทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะเขาสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอตนบูรณาการตรงนี้ก็หาว่าเผด็จการไปอีก ทั้งที่ทุกประเทศทำแบบนี้หมด อยากจะบอกว่าเขาเลียนแบบตนด้วยซ้ำไป

ควันหลง ‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ ‘สกลนคร’ รับฟังปัญหาด้วยตัวเอง – เร่งบรรเทาความเดือดร้อนปปช.

เก็บตกจากสกลนคร! ‘บิ๊กตู่’ ได้หารือนอกรอบ ผู้ว่าฯ จุรีรัตน์ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ พร้อมให้เร่งแก้ความเดือดร้อนประชาชน

หลายคนอาจค่อนขอดการลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อสำรวจคะแนนนิยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสั่งการให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าสำรวจและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน

ขณะที่ในแต่ละจุดที่ นายกรัฐมนตรี ได้แวะเยี่ยมเยือน ยังได้สั่งการอย่างเป็นระบบอีกด้วย 

โดยจุดที่ 1 ที่ได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) และโอกาสความก้าวหน้าของสกลนครในการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณานิคม ได้สั่งการให้

1) การใช้ประโยชน์จากข้อมูล TPMAP โดยให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางในการยกระดับการเก็บข้อมูลประชากรให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และนำข้อมูลดังกล่าวมากำหนดแนวทางในการวางแผนโครงการและการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

2) การยกระดับและพัฒนาคุณภาพการผลิตสมุนไพร ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงองค์ความรู้จากงานวิจัยมาพัฒนา มาช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตสมุนไพรให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การดำเนินการ และผลักดันการพัฒนาศักยภาพของผู้ปลูกสมุนไพรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ 

3) การส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยทางโลจิสติกส์ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการรวมกลุ่มทางโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อย เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

4) การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติกัญชาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้กับประชาชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการนำกัญชาไปใช้จนเกิดโทษแก่ร่างกาย 

ขณะที่ จุดที่ 2 เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร ได้มอบหมายให้

1) การส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ปศุสัตว์ และนวัตกรรมทางการเกษตร 
    - ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาและสร้างความหลากหลายของสายพันธุ์ปศุสัตว์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น และตรงความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายการเพาะพันธุ์กระต่ายให้มากขึ้นโดยอาจดำเนินการในรูปแบบของธนาคารกระต่าย
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างเคร่งครัด

‘บิ๊กตู่’ ลั่น อยากลดราคาน้ำมันจะตายอยู่แล้ว ติดเป็นปัญหาทั้งโลก

(29 มิ.ย.65) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด FTI EXPO 2022 : SHAPING FUTURE INDUSTRIES FOR STRONGER THAILAND โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงวิกฤตพลังงานว่า…

วันนี้ปัญหาราคาพลังงาน ค่าขนส่งแพงขึ้น เพราะน้ำมันราคาแพงขึ้น ซึ่งเราซื้อเขามาและต้องผ่านกลไกต่าง ๆ อยู่แล้ว ทั้งหมดมีข้อบังคับและระเบียบเยอะแยะไปหมดและมีมาตรฐาน อีกทั้งนอกจากวันนี้พลังงานสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ก็มีปัญหาเงินเฟ้ออีก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินการคลังของต่างประเทศด้วย

อดีตบิ๊กศรภ. ชี้!! ถ้ายังมี 'โทนี่' ก็ต้องมี 'นายกตู่' ต่อไป เพื่อไทยไม่มีทางได้แลนด์สไลด์ เพราะ 'อุ๊งอิ๊ง' แน่นอน

10 ก.ค. 65 -​ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

ตราบใดยังมี 'โทนี่' ตราบนั้น 'ตู่' ก็ยังเป็นนายกฯ ต่อไป

ภาพการเมืองไทยในปัจจุบัน มองดูแล้วก็ขาดความตื่นเต้นเร้าใจครับ ทุกอย่างแทบไม่มีทางเป็นไปแบบที่สื่อมวลชนส่วนหนึ่งเห็นว่าจะมีเหตุรุนแรงถึงขั้น นายกต้องหลุดจากตำแหน่ง และยังมองข้ามไปอีกว่าจะเกิดแลนด์สไลด์ขึ้นจาก 'อุ๊งอิ๊ง' อีกด้วย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ลุงตู่ลอยลำ แม้คะแนนจะไม่มาที่ 1 แพ้ลุงป้อม หรือคุณอนุทิน นิดหน่อยก็เป็นเรื่องตามปกติ ของพวกมีเส้นสาย และจะมี รมต.บางคน ที่คะแนนตกต่ำลง ไปบ้างก็ไม่เป็นไร สบายๆ ครับ

เลขา ครป. ซัด!! 3 แกน 'นายกตู่' ต้นเหตุของปัญหาในไทย เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ

เลขา ครป. ชี้ 3 แกนของนายกฯ เป็นต้นเหตุความเหลื่อมล้ำและความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ หยุดสร้างหนี้และหลอกขายฝันประชาชน

10 ก.ค. 65 – นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอ 3 แกนแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทยว่า ตนเองเห็นว่าความคิดของประยุทธ์ เพ้อเจ้อ หลอกขายฝันประชาชนไปวันๆ ทั้งๆ ที่ 8 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์ เป็นแก่นแกนแห่งความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ ถามว่าวันนี้นายกฯ ไปกู้เงินมากี่ล้านล้านบาทแล้ว ทำไมประชาชนไทยยังจน

นายเมธา กล่าวต่อว่า นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้ช่องว่างการกระจายรายได้ระหว่างคนจน-คนรวยแย่ที่สุดในโลก 3 แกนการพัฒนาของนโยบายประชารัฐ โดยให้เอกสิทธิ์กลุ่มทุนพวกพ้องเข้ามาช่วยทำ นำไปสู่ประชาชนไทยเป็นหนี้ และยากจนลง จึงต้องมีโครงการแจกเงินคนจนหมุนเวียนรายเดือน เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบนไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวในที่สุด ทำให้คนจนจนลง เกิดการกระจุกตัวของความร่ำรวยเฉพาะบางกลุ่ม

นายเมธา ระบุว่า ข้อเสนอของประยุทธ์ แกนที่ 1 คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ให้สัมปทานเฉพาะเจ้าสัวกลุ่มทุนผูกขาดที่อิงแอบกับรัฐบาล ยึดทรัพยากรของรัฐ ไฟฟ้า พลังงาน ไปให้สัมปทานเอกชน บางโครงการให้งบรัฐไปอุดหนุน กำไรเอกชนเอาไป ยกตัวอย่างแอร์พอร์ตลิ้งค์ที่รัฐลงทุนหลายหมื่นล้านก็จะยกให้เอกชนไป การที่รัฐเป็นเจ้าของ 100% แล้วจ้างเอกชนบริหารจัดการไม่เหมือนกับยกให้เอกชนร่วมเป็นเจ้าของทรัพย์สินแล้วบริหารเอากำไร จริงๆ แล้ว ปตท.กระทรวงการคลังควรถือหุ้น 100% แทนคนไทยทั้งชาติแล้วจ้างบริษัทมหาชนบริหารจัดการได้

"แต่รัฐพยายามยกเอกสิทธิ์ทุกอย่างให้กลุ่มทุนผูกขาดผลประโยชน์แทนคนไทย โดยอ้างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะมีประโยชน์อะไรถ้าโครงสร้างตึกรามใหญ่โตนั้นรัฐไม่ได้เป็นเจ้าของแล้วประชาชนต้องจ่ายราคาแพง ทั้งค่าน้ำมันราคาแพง ค่ารถไฟฟ้าขึ้นราคา ค่าทางด่วนไม่รู้กี่ทอด ทั้งยังค่าไฟขึ้นราคาอีก ผูกขาดไปทุกระบบ ผลประโยชน์ตกกับกลุ่มทุน รัฐเป็นหนี้มหาศาลและมากที่สุดในประวัติศาสตร์” นายเมธา ระบุ

นายกรัฐมนตรี-ครม. ร่วมรณรงค์วันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 

นายกรัฐมนตรี-ครม. ร่วมรณรงค์วันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 

วธ.นำเด็ก เยาวชนโชว์พูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทยดีเด่น พร้อมยกขบวนผู้ได้รับรางวัลเพชรในเพลงเข้าพบนายกฯ พร้อมจัดงานใหญ่ (26 ก.ค.) นี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

วันที่ (18 กรกฎาคม 2565) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม. ร่วมชมกิจกรรมประชาสัมพันธ์การส่งเสริมการใช้ภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการส่งเสริมการใช้ภาษาไทย นิทรรศการหนังสือเก่าหายาก เรื่อง นามพรรณพฤกษา สัตวาภิธาน และนิติสารสาธก ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับเด็กและเยาวชนผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นด้านการพูด การอ่าน การเขียน และผู้ได้รับรางวัลการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) ประจำปี 2565 ด้วย

นายอิทธิพล กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ อีกทั้งปีนี้ถือเป็นวาระพิเศษ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงอภิปรายเรื่อง "ปัญหาการใช้คำไทย" ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถึงปัจจุบันครบ 60 ปี วธ. ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายต่าง ๆ จึงจัดกิจกรรมเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติขึ้น เพื่อน้อมนำพระบรมราโชบายและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงงาน เพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริด้านภาษาไทยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตระหนักในความสำคัญ คุณค่าของภาษาไทย การใช้ให้ถูกต้องต่อไป 

ทราบดีว่า ท่านชื่นชมคนทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผมโน่นนี่ ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน

ทราบดีว่า ท่านชื่นชมคนทำงานมาก่อน ว่าดีกว่าผมโน่นนี่ ไม่เป็นไรครับ ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
กล่าวชี้แจงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่อาคารรัฐสภา
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top