Thursday, 2 May 2024
ตำรวจ

‘ตร.’ เตือนประชาชนระวังแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ ตุ๋นหมดตัว แฉกลโกง ใช้รูปผู้บริหาร-โลโก้บริษัทใหญ่มาล่อเหยื่อให้ติดกับ

(23 ส.ค. 66) สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. / หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงนี้มีคนร้ายแอบอ้างชื่อหรือใช้โลโก้ของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ต่างๆ แล้วหลอกให้ลงทุน เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 กรกฎาคม 2566 รับแจ้ง 300,000 กว่าเคส ความเสียหายกว่า 41,000 ล้านบาท สถิติการรับแจ้งความหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในห้วงเวลาเดียวกัน รับแจ้ง 24,000 กว่าเคส คิดเป็น 8.14 % ของสถิติการรับแจ้งทั้งหมด ความเสียหายกว่า 12,000 ล้านบาท คิดเป็น 35 % ของความเสียหายทั้งหมด สำหรับสถิติการหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ในห้วงสัปดาห์ที่แล้วอยู่อันดับ 6 สัปดาห์นี้พุ่งมาอยู่อันดับ 4 โดยรับแจ้ง 274 เคส ความเสียหาย 188 กว่าล้านบาท

จึงได้เชิญ นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และ ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ประเทศไทย บ.อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด มหาชน มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. กล่าวว่า การหลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นมากในช่วงเดือน พฤษภาคม - กรกฎาคม 2566 คนร้ายใช้วิธีการหลอกผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ 5 อันดับ ดังนี้

1.) Facebook 145 เคส 107,593,333.39 บาท
2.) Website 34 เคส 8,604,561.4 บาท
3.) Line 7 เคส  815,7381.30 บาท
4.) Twitter 1 เคส 7,000 บาท
5.) TikTok 1 เคส 60,6000 บาท

โดยนำรูปผู้บริหารและใช้โลโก้บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น CP AMATA คาราบาวแดง และเครื่องหมายและมีโลโก้ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ ช่วงแรกหลอกให้ลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ได้ผลตอบแทน 30-70% เมื่อเหยื่อหลงเชื่อทักไปสอบถาม จะเป็นการสนทนาทาง Messenger (ส่วนใหญ่เป็นระบบอัตโนมัติ) จากนั้นจะแนะนำอาจารย์ หรือโค้ด หรือโบรกเกอร์ เพื่อให้คุยทาง Line หรือเข้ากลุ่ม Open Chat พูดคุยกับสมาชิก แล้วให้เริ่มลงทุน โดยมีหน้าม้าอ้างว่าลงทุนตามที่ได้มีการแนะนำสามารถสร้างกำไรได้ โพสต์ภาพสลิปรับโอนเงินผลตอบแทนให้เหยื่อหลงเชื่อ

ในช่วงแรกเมื่อเหยื่อโอนเงินเพื่อลงทุน คนร้ายจะโอนเงินทุนพร้อมกำไรคืนให้เหยื่อ จากนั้นจะชวนเข้ากลุ่ม VIP มีสมาชิก 5-6 คน เพื่อร่วมกันลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนมากขึ้น โดยมีผู้แนะนำการลงทุน 1 คน ที่เหลือก็จะเป็นหน้าม้า ร่วมกันหลอกเหยื่อให้โอนเงินลงทุน หากเหยื่ออยากยกเลิกการลงทุน หน้าม้าจะอ้างว่าหากยกเลิกหรือถอนการลงทุน จะทำให้คนอื่นไม่สามารถถอนเงินได้ และผลประโยชน์ที่ลงทุนไปพร้อมผลตอบแทนที่ปรากฏในหน้าเว็บไซต์ (ปลอม) ก็จะไม่ได้รับคืน จึงต้องลงทุนเพิ่ม สุดท้ายเสียเงินไปจำนวนมาก

โดยมีจุดสังเกต ดังนี้
1.) มี Blue Badge หรือเครื่องหมายบัญชีทางการ สีน้ำเงินหรือสีเขียวหลังชื่อเพจ ที่ส่วนใหญ่บริษัทที่มีตัวตนจริงจะยืนยันข้อมูลไว้กับทาง facebook

2.) การโอนเงินลงทุนใดๆ ที่ใช้เงินน้อย รายได้ดี มีผลตอบแทนสูง ไม่มีอยู่จริง หากผลตอบแทนสูงมากขนาดนี้ คนร้ายคงลงทุนด้วยตนเอง

3.) ในการลงทุน คนร้ายให้เหยื่อกดลิงก์เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันปลอม ที่คนร้ายสร้างขึ้นมาให้เหมือนของจริง (เหมือนเฉพาะรูปภาพ แต่ URL จะต่างจากของจริง) และเมื่อเหยื่อโอนเงินลงทุน ในระบบจะขึ้นยอดเงินแสดงให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นยอดเงินจริง ซึ่งความจริงแล้วเป็นเพียงตัวเลขในอากาศที่คนร้ายนำมาหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อเท่านั้น

วิธีการในการป้องกัน คือ

1.) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์โฆษณาแปลกปลอม หรือกดเพิ่มเพื่อนไลน์ในรูปแบบสแกน QR Code หรือเพิ่มเพื่อนไลน์ทาง ID Line จากคนที่ไม่น่าเชื่อถือ

2.) หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store เท่านั้น อย่าเชื่อคำแนะนำของคนร้ายให้กดเข้าบราวเซอร์อื่น

3.) ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  https://www.set.or.th

4.) ทำการ copy URL จากเว็บไซต์ลงทุนที่คนร้ายให้มาในใส่ในเว็บไซต์ https://whois.domaintools.com จะเห็นอายุ (Dates) ของเว็บไซต์ว่าเปิดมานานเท่าไรแล้ว  หากเพิ่งเปิดมาร 2-3 เดือน ก็ไม่น่าเชื่อถือ

ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรมและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่มีเพจปลอมยังระบาดต่อเนื่อง สร้างผลกระทบให้กับประชาชน ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง อมตะ มีความไม่สบายใจ และไม่เคยนิ่งนอนใจ อมตะได้มีการติดตามและดำเนินการทางกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด จนสามารถมีความคืบหน้าในการจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะให้สังเกตเพจของกลุ่มมิจฉาชีพจะมีการตั้งขึ้นมาใหม่ มีอายุไม่นาน ในขณะที่เว็บไซต์ และเพจของกลุ่มอมตะ มีการจดทะเบียนและก่อตั้ง ในปี 2012 ซึ่งมีอายุการดำเนินงานมากกว่า 10 ปี เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของอมตะ และขอให้สังเกตจากเครื่องหมาย Blue Badge หรือเครื่องหมายถูกสีฟ้า ที่แสดงบัญชีทางการว่าเป็น Page หลักของอมตะ

ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เน้นย้ำการเชิญชวนเพื่อลงทุนใด ๆ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์อย่างเคร่งครัด และผ่านตัวแทนโบรกเกอร์ หรือที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่มีการเสนอ หรือเชิญชวนให้ประชาชน มาลงทุนผ่าน Facebook หรือติดต่อผ่านระบบ Line ที่ใช้วิธีการจูงใจให้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่สูงผิดปกติจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะใช้ชื่อเพจว่าอะไรก็ตาม

ดังนั้น ขอให้ประชาชนมีการตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน หากมีข้อสงสัย ให้สอบถามมายังเจ้าหน้าที่ของบริษัท ที่จะสามารถตอบข้อเท็จจริงและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการลงทุนที่ต้องเสียเงินและทรัพย์สิน
ทั้งนี้ ประชาชน และนักลงทุน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 061-035-0007 และ 02-792-0000

นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับปัญหาของภัยหลอกลงทุนซึ่งมีหลากหลายรูปแบบและแพร่ระบาดเป็นวงกว้างมากขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินการในหลายมิติ ทั้งการแจ้งเตือนผู้ลงทุนผ่านช่องทางเว็บไซต์ ก.ล.ต. ในหัวข้อ ‘Investor Alert’ การดำเนินคดีตามกฎหมายกรณีแอบอ้างชื่อหรือโลโก้ของ ก.ล.ต. การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ รวมถึงช่องทางของเครือข่ายหน่วยงานในตลาดทุนเพื่อกระจายข่าวสารแจ้งเตือนภัยหลอกลงทุนให้ขยายวงกว้างออกไปยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ไม่ได้รับรองหรือรับประกันผลิตภัณฑ์ ผลการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจ หรือผลตอบแทนในการลงทุน ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถเช็กรายชื่อผลิตภัณฑ์ บุคคล หรือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตได้ที่ แอปพลิเคชัน SEC Check First หรือ

หรือ สอบถามหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ โทร 1207

นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า  ปัจจุบันมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เป็นสื่อกลางทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก ครอบคลุมลักษณะและประเภทธุรกิจที่หลากหลาย มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น  สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)  หน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดต่อสาธารณะชน โดยกำหนดให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นธุรกิจบริการที่ต้องแจ้งให้ทราบ รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลและการควบคุมดูแลเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลแพลตฟอร์ม ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลจัดทำแนวปฏิบัติที่ดี หรือมีกลไกในการกำกับดูแลตนเองที่เหมาะสมสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพระราชกฤษฎีกานี้ได้เริ่มบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2566

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม โดยคนร้ายโฆษณาผ่านเพจ facebook ปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์ เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจาก facebook ทำให้เพจขึ้นมาในในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจ facebook ก็จะคุยกับระบบ AI  และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินแล้ว พบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่ว่าเงินยังฟอกไม่สำเร็จ และรู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้ จากนั้นส่งต่อให้หัวหน้าของคนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่  IT อ้างว่า ขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม เว็บพนันออนไลน์ แต่จะช่วยโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าวให้ โดยให้เหยื่อสมัครและเล่นในเว็บไซต์พนัน โดยอ้างว่า ไม่ได้พามาเล่นการพนันแต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ โดยจะทำการโจมตีให้เหยื่อ แต่มีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเองยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว ทำได้แต่บางช่วงเวลาของวันเท่านั้น ไม่งั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจพบ และ ขอหักเงิน 10% เพื่อเป็นค่าทนาย จากรายได้ที่ได้จากการโจมตี เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม

โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้

1.) ไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดให้ประชาชนโอนเงิน เพื่อเล่นเว็บพนันออนไลน์หรือโอนเงินให้ทำอะไรก็ตาม 
เพื่อให้ได้เงินคืน

2.) หากต้องการแจ้งความออนไลน์ให้แจ้งความผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com หรือแจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ได้ทั่วประเทศ

3.) หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามหรือขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1441 หรือ 191

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าปัจจุบันคนร้ายยังคงใช้วิธีการหลอกโดยอาศัยกลโกงเดิมๆ แต่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ดังนั้น เพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com

‘ตร.’ ตามรวบ ‘คู่รัก’ สุดแสบ!! ตระเวนล้วงกระเป๋าทั่วกรุงเทพฯ เผย ใช้แผนเบี่ยงเบนความสนใจ พบก่อเหตุมาแล้วนับร้อยครั้ง

(27 ส.ค. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. จับกุมนายบูย หรือ ‘บอย ยางฮา’ อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา และ น.ส.แมรี่ หรือ ‘ส้มจีน’ อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต

พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ลักทรัพย์มา และชุดที่ใช้ในการก่อเหตุรวมกว่า 36 รายการ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้องพักเลขที่ 310 อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์สินของชาวบ้านในปัจจุบัน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปราม พร้อมอีกทั้งได้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.สส.บช.น. เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว

ต่อมาได้สืบสวนจนพบกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกลาดตระเวนวิ่งราวทรัพย์ล้วงกระเป๋า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวน จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้คือ ผู้ก่อเหตุจะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมาก ทั่ว กทม. โดยมีวิธีการก่อเหตุคือจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน

โดยคนหนึ่งจะทำการประชิดตัวผู้เสียหายเพื่อทำการเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่อีกคนหนึ่งจะทำการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไปก่อนจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถพบได้ว่ากลุ่มของผู้ก่อเหตุได้โดยสารรถประจำทางมาจากบริเวณห้างอิมพีเรียล สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ต่อมาวันที่ 26 ส.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวได้พักอาศัยที่ อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อภายหลังคือ นายบูย หรือบอย ยางฮา อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา และ น.ส.แมรี่ หรือส้ม จีน อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา

โดยระหว่างสืบสวนได้พบว่า ทั้งสองคนนั้นได้เดินเข้า-ออกบริเวณห้องพักของตนจำนวนหลายครั้ง อีกทั้งมีการเก็บเสื้อผ้าคล้ายจะเตรียมทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง

จากการสอบสวผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2565 ตนทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงได้วางแผนร่วมกันก่อเหตุล้วงกระเป๋า โดยได้มีการซักซ้อมกันจนชำนาญ ก่อนที่จะออกก่อเหตุตามบริเวณห้างสรรพสินค้า

และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมากในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้ก่อเหตุรวมมากกว่า 100 ครั้ง หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัว นายบูย และ น.ส.แมรี่ เบื้องต้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘ตร.’ รวบ คู่สามีภรรยาชาวจีน หนีหมายจับคดีฉ้อโกงในจีน หลังหลอกเหยื่อระดมทุน เสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

(29 ส.ค. 66) ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก. (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

บก.สส.สตม. รวบชาวจีนสามีภรรยาหลอกระดมทุน หนีหมายจับ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม.พิจารณาดำเนินการกรณี สาธารณรัฐประชาชนจีน มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้จับกุมตัว ‘นายหวาง’ (นามสมมติ) และ ‘นางชาง’ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา ฉ้อโกงลักษณะอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยผู้ต้องหาได้จัดตั้งบริษัทระดมทุนชื่อว่า ‘Tianjin Wusetu’ หลอกให้ผู้เสียหายร่วมระดมลงทุน และแอบอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าปกติ ซึ่งมีผู้เสียหายในเมืองปักกิ่งและเทียนจินตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.5 พันล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่านายหวางและนางชาง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แล้วขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวังไว้ บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนติดตามตัวนายหวางและนางชางเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่านายหวางและนางชาง ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนนางชางปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่า เขตวังทองหลาง กทม. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูบริเวณที่พักอาศัยจนพบบุคคลลักษณะคล้ายนายหวางบริเวณหน้าโรงแรมที่พัทยา จ.ชลบุรี ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายหวางรับทราบ พร้อมยึดรถยนต์ที่มีชื่อนางชางเป็นเจ้าของรถ จำนวน 1 คัน

ส่วนนางชาง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายค้นบ้านเช่าของนางชาง จนพบนางชางอาศัยอยู่ภายในบ้านกับแฟนใหม่ชาวจีน ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้รับทราบ และควบคุมตัวบุคคลทั้งสองรายนำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘บิ๊กเด่น’ เผยแต่งตั้ง ‘ผบ.ตร.’ คนใหม่ กลาง ก.ย.นี้ คาด!! ทำได้ตามกรอบเวลา ไม่ต้องตั้ง รักษาการผบ.ตร.

(5 ก.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) คาดว่าน่าจะรอให้คณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และแถลงนโยบายก่อน ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณกลางเดือนอาจจะมีการนัดหมายการประชุมอีกครั้งหนึ่ง ส่วนการประชุมกลั่นกรองการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจจะต้องรอให้มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ก่อน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางนายกรัฐมนตรี ขอรอให้ใกล้ ๆ เวลาอีกสักนิด

ส่วนกรณีที่ได้ให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.ทั้ง 4 คน จัดทำผลการปฏิบัติงานที่เห็นว่ามีความสำคัญ และเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วเป็นการส่งผลงาน เพราะตามกฎหมายพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ บอกว่าให้ทางนายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจในการคัดเลือกพิจารณาจากรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือจเรตำรวจแห่งชาติซึ่งเทียบเท่ารองผบ.ตร. โดยจะต้องคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบการโดยเฉพาะประสบการณ์ด้านการสืบสวนและป้องกันปราบปรามซึ่งจะต้องพิจารณาในหลากหลายมิติ

ส่วนกรอบระยะเวลาจะทันตามกำหนดหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ถามต่อว่าจะถึงขั้นต้องแต่งตั้งรักษาการผบ.ตร. ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่ต้อง เพราะคาดว่าคงทำทันแน่นอน หลังมีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและแถลงนโยบายแล้ว ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจประจำปี 2566 จะต้องรอการพิจารณาร่วมกันกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่

เปิดปมสังหาร ‘สารวัตรหนุ่มอนาคตไกล’ หลังปฏิเสธ ‘กำนันนก’ ไม่จัดหาตำแหน่งให้หลานชาย ฉีกหน้ากลางงานเลี้ยงโชว์บารมี

(7 ก.ย. 66) รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ ผู้มีอิทธิพลใน จังหวัดนครปฐม นั้น จากแนวทางสืบสวนพบเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ สนิทสนมใกล้ชิดกับอดีตนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ รู้จักตำรวจใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่มากมาย จึงมักนัดพบดื่มสังสรรค์กันที่บ้านพักกันประจำ ประกอบมีแผนการจะฝากฝังหลานชายที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ให้ได้ย้ายตำแหน่งหน้าที่ จึงวางแผนนัดหมายให้ พ.ต.ต.ศิวกร มาร่วมสังสรรค์ที่บ้านพักในวันนี้เพื่อจะโชว์บารมีว่าตนเองรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน คล้ายกับบีบให้ พ.ต.ต.ศิวกร ยอมทำตาม

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าบ้าน มีการจัดโต๊ะนั่งรับประทานอาหาร จำนวน 2 โต๊ะ โดยโต๊ะกลมเป็นสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่นั่ง มี นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม, พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสง ผกก.กก.2 บก.ทล., พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร. ผกก.สน.พญาไท, พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.ชนาณัฐ วุฒิยากร ผบ.หมู่ บก.ทล. โดยมี จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. และ จ.ส.ต.เมทิศกร พันศ์สีจันทร์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. คอยบริการผสมเครื่องดื่มให้ ส่วนโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่งจะเป็นโต๊ะยาวเรียงต่อกัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก กก.2 ทล., เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จากโรงพักใกล้เคียง รวมถึง นายธนัญชัย มือปืน และกลุ่มลูกน้องของ นายปวีณ คนอื่นๆ นั่งอยู่ ซึ่งงานดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 20.00 น.

กระทั่งผ่านไป 1 ชั่วโมง เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ผู้คนกำลังดื่มกินกันตามปกตินั้น นายประวีณ หรือ ‘กำนันนก’ ก็ได้เริ่มเปิดฉากพูดคุยกับ พ.ต.ต.ศิวกร เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการให้ช่วยสับเปลี่ยนตำแหน่ง จ.ส.ต.พิสิฐ หลานชาย ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร จากสายตรวจรถวิทยุ มาเป็นสายตรวจจักรยานยนต์ แต่ทาง พ.ต.ต.ศิวกร ได้ตอบปฏิเสธไปอ้างว่าต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำหน้าที่นั้นเกษียณก่อน ทำให้นายประวีณ ไม่พอใจและรู้สึกเสียหน้า ก่อนนายประวีณ จะพูดขึ้นมาในลักษณะไม่พอใจ ว่า “ขอมันคนเดียว มันเป็นหลานผม” แต่ทาง พ.ต.ต.ศิวกร ก็ยังแสดงทีท่าปฏิเสธอยู่ ยิ่งทำให้นายปวีณ ไม่พอใจหนักขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน และ ตบโต๊ะ พร้อมย้ายไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งที่ลูกน้องของตัวเองนั่งอยู่

ระหว่างนั้น พ.ต.ต.ศิวกร และ จ.ส.ต.พิสิฐ เห็นท่าไม่ดีจึงลุกเข้าไปขอโทษนายประวีณ แต่นายประวีณ ก็ทำท่าทีไม่สนใจ พร้อมพูดไล่ให้ พ.ต.ต.ศิวกร กลับไป พ.ต.ต.ศิวกร จึงกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม ส่วน จ.ส.ต.พิสิฐ นั้นนั่งคุยกับนายประวีณ อยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วไหว้อำลา จากนั้นจึงเดินออกจากโต๊ะไปที่ลานจอดรถเพื่อกลับบ้าน

ให้หลังจากนั้นไม่นานประมาณ 5 นาที นายธนัญชัย มือปืน ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินเข้าไปยืนทางด้านข้างของ พ.ต.ต.ศิวกร ห่างประมาณ 1 เมตร ก่อนชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ พ.ต.ต.ศิวกร จำนวนหลายนัด จน พ.ต.ต.ศิวกร ล้มฟุบไป ขณะเดียวกันกระสุนยังถูก พ.ต.ท.วศิน ที่นั่งอยู่ติดกับ พ.ต.ต.ศิวกร ผู้ตาย ได้รับบาดเจ็บไปด้วยอีกราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนตำรวจจึงเร่งช่วยกันพาตัว พ.ต.ต.ศิวกร และ พ.ต.ท.วศิน นำส่งโรงพยาบาลนครปฐม ก่อนที่ พ.ต.ต.ศิวกร จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนตัว นายธนัญชัย อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไป

ทั้งนี้ ล่าสุด ‘กำนันนก’ ได้เข้ามอบตัวแล้ว

โยก ‘รอย’ ไป สมช. ลดแรงเสียดทาน ‘บิ๊กต่อ’ ขึ้นแท่น!! เชื่อ!! เต็งจ๋าไม่พลิก แม้มีมือดีหาเรื่องดิสเครดิตกันระวิง

ถ้าจำกันได้ เมื่อเดือน ก.ย.เมื่อปี 2554 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ขณะนั้น ก็เคยถูกคำสั่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ไปนั่งตำแหน่งใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล คือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยโยกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.ไปนั่งตบยุ่งในตำแหน่งที่ปรึกษา

ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อเปิดทางให้ พี่สาวของคุณหญิงอ้อ ‘พจมาน ดามาพงศ์’ อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผงาดขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.เพราะเหลือเวลาปีเดียว

ไม่น่าเชื่อ… กรณีย้ายนายถวิลโดยมิชอบดังกล่าว ทำให้ เดือน พ.ค. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และถูกดำเนินคดี… หนีหมายศาลอยู่จนทุกวันนี้ นอกเหนือจากคดีจำนำข้าว

ร่ายมาซะยาว… เพียงเพื่อจะโยงเข้าเรื่องว่า โยกย้ายตำรวจปีนี้ ‘บิ๊กตู่’ อดีตประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.คนเก่า (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) ไม่กล้าทุบโต๊ะเหมือนย้ายทหาร ส่งมอบให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธาน ก.ตร.คนใหม่ บริหารจัดการเอง… ว่า 4 แคนดิเดต ผบ.ตร.จะให้ที่ประชุมเลือกใคร… 

มีรายงานข่าวน่าเชื่อถือว่า… รัฐบาลเสี่ยนิดจะโยก พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ที่อาวุโสสูงสุด แต่จะเกษียณปี 2567 ไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณปีนี้… ทำให้แคนดิเดต ผบ.ตร.เหลือ 3 คน มีอาวุโสตามลำดับคือ… 

- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ เกษียณปี 2569
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ เกษียณปี 2574 
- พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บื๊กต่อ’ เกษียณปี 2567

ชื่อ ‘บิ๊กต่อ’ นั้นเป็นเต็งหนึ่งมาโดยตลอด… ถ้า พล.ต.อ.รอย นั่งอยู่ที่เดิมแปลว่าต้องข้ามอาวุโสถึงสามคน แต่พอท่านรองรอยลุกไป ก็จะข้ามแค่สองคน อยู่ปีเดียวแล้วลุกจากไป… ปีหน้าเปิดทางให้ บิ๊กต่าย กับ บิ๊กโจ๊ก และรอง ผบ.ตร.คนใหม่อีกคนไปลุ้นกัน… 

เรื่องอาวุโสก็เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่เป็นปัจจัยชี้ขาด ยังมีปัจจัยความรู้ความสามารถความเหมาะสมด้วย… เพียงแต่ระบบราชการไทยโดยเฉพาะแวดวงสีกากี ไม่มีใครไว้ใจใครได้ ถ้ามีโอกาสก็จะต้องคว้าเอาไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน… เพราะปล่อยไปวันหน้าการเมืองเปลี่ยน… ไม่มีอะไรที่แน่นอน… 

แม้แต่กรณีบิ๊กโจ๊กที่จะเกษียณอีก 8-9 ปีข้างหน้า ดูแล้วก็คงไม่พลาด เก้าอี้ ผบ.ตร.ไม่มีไปไหนแน่… 

แต่เอาเข้าจริง… ไม่มีอะไรแน่นอน

ดังนั้น สรุปรวมความนาทีนี้… เต็งจ๋าไม่น่าจะแปรเป็นอื่นก็คือ ‘บิ๊กต่อ’ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม ที่เพิ่งไปดูการวิสามัญ ‘หน่อง ท่าผา’ มือปืนที่ฆ่าสารวัตรทางหลวงอย่างอุกอาจเมื่อไม่กี่วันก่อน…

แต่ล่าสุดสายข่าวตะแล็บแก๊บรายงาน ‘เล็ก เลียบด่วน’ มาว่า ขณะที่เดินหน้าลุยงานโน่น นี่ นั่น ปรากฏว่ามีมือดีพยายามปฏิบัติการเผยแพร่เอกสารโจมตี ‘บิ๊กต่อ’ ข้อหาต่างๆ… โยงใยเรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องชายแดน...เป็นเรื่องเสียๆ หายๆ ในทางลบ...

พร้อมๆ กับจุดกระแสว่า… อาจจะมีการพลิกโผ ผบ.ตร.

เรื่องของเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่านสารวัตร...แต่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่เชื่อหรอกว่าจะพลิก...

คนที่มาพลิกนั่นแหละ… จะพลิกแทน!!

สวัสดี

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงค์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็ดหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงก์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็บหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

‘บิ๊กหิน’ สั่งสอบ 25 ตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงกำนันนก พร้อมเร่งขยายผล จี้!! ต้องเสร็จเรียบร้อยภายใน 15 วัน

(14 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย กรณีเหตุคนร้ายยิงสารวัตรตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในบ้านพักกำนันนก พื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า ขณะนี้ผ่านมาแล้วหลายวัน ประกอบกับเซิร์ฟเวอร์เพิ่งกู้ได้ จะมีการเร่งรัดให้เร็วที่สุด ตนได้มอบให้หัวหน้าจเรตำรวจรับไป ซึ่งยังไม่ได้มีการรายงานขึ้นมา แต่มีการกำชับไป เพราะทำให้เสื่อมเสีย เสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทบต่อความเชื่อมั่นของหน่วยงาน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความจริงให้ปรากฏ 

ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องที่อุกอาจมาก มีการกระทำความผิด ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าธารกำนัล และก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุหลายนาย ไม่ได้ทำการจับกุม ละเว้นการปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างยิ่ง เลยกำชับให้ชุดทำงานให้เร่งรัดเร็วที่สุด จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เสียหายทุกอย่าง และกำชับให้ดำเนินการเร็วที่สุด ทำความจริงให้กระจ่าง พร้อมขยายผลไปด้วยว่าทำไมอย่างไรถึงไปที่งานเลี้ยง ไปทำไม ไปบ่อยไหม ไปเพราะเรื่องอะไร และรายงานผลให้ทราบภายใน 15 วัน

‘บิ๊กโจ๊ก’ จ่อแจ้งข้อหา 14 ตร. ร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนก ผิด 157-ให้การเท็จ ไร้ความละอายใจต่อเกียรติภูมิตำรวจ

(17 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยทางโทรศัพท์ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับตำรวจที่ร่วมงานเลี้ยงบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ว่า จากการประชุมสรุปผลการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดประกอบสำนวนคำให้การของตำรวจทุกนายที่เข้าร่วมงานเลี้ยงและประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ทำให้สามารถสรุปได้ว่ามีข้าราชการตำรวจที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 และให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน โดยไม่ละอายใจต่อเกียรติภูมิความเป็นตำรวจ จึงต้องดำเนินคดีกับตำรวจทุกนายที่มีพฤติกรรมกระทำผิด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีตำรวจที่เข้าข่ายกระทำความผิดรวม 14 นาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า เป็นกลุ่มตำรวจที่ไม่ให้การช่วยเหลือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงก์ และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. อาทิ พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จหรือให้การเท็จนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รวมถึง พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากเสียชีวิตไปแล้ว พนักงานสอบสวนจะระบุท้ายสำนวนว่าเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ.ต.ท.วศิน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาฐานแจ้งความเท็จ แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบสำนวนคำให้การและภาพประกอบวงจรปิด พบว่าคำให้การนั้นตรงกันและอยู่ในฐานะผู้เสียหายจึงรอดไม่ถูกดำเนินคดี

รองผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 14 นาย เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ เป็นหัวหน้าชุดในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้ โดยจะเรียกตำรวจทั้ง 14 นาย มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top