Thursday, 2 May 2024
ตำรวจ

‘ตร.’ จับมือ ‘กรมปศุสัตว์’ บุกค้น 16 โกดัง ซุกซ่อนหมูเถื่อน หวั่นนำ ‘โรคอหิวาต์’ จากแอฟริกามาแพร่ระบาดในไทย

(11 พ.ค. 66) ตามที่รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ และเข้ากระบวนการต่าง ๆ เพื่อนำออกสู่ท้องตลาด โดยมิได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับสินค้าอันไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงอาจนำโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) มาแพร่ระบาด ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อสุกรภายในประเทศ และเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559, พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร.และ พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองบริโภค (บก.ปคบ.) ตำรวจภูธรภาค 1, 5 และ 7 ร่วมกับ กรมปศุสัตว์เข้าตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัยทั้งหมด 16 แห่ง ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ

จากการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่นำหมายค้นของศาลอาญาทำการตรวจค้น 16 แห่ง พบว่า จังหวัดนครปฐม 1 จุด สามารถอายัดเนื้อสุกรแช่แข็งรวม 4,070 กิโลกรัมและ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 จุด สามารถอายัดเนี้อสุกรแช่แข็งรวม 11,100 กิโลกรัม ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิด พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอฝากเตือนพี่น้องประชาชน โปรดระมัดระวังในการบริโภคเนื้อสุกร ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่ได้มาตรฐาน และขอความร่วมมือกรณีหากมีเบาะแส / เรื่องร้องเรียนลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียน / เบาะแสโดยตรงได้ที่สายด่วน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โทร.1135 หรือ สายด่วนฉุกเฉิน 191 และสามารถแจ้งผ่านช่องทาง แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ของกรมปศุสัตว์

‘โฆษก ตร.’ แจง ปมเลื่อนยศ ‘ร.ต.อ.หญิง’ เป็นไปตามกฎ ก.ตร. ชี้ เพราะมีคุณวุฒิปริญญาโท ทำให้เลื่อนยศได้เร็วภายใน 2 ปี

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 66 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฎจากสื่อเกี่ยวกับการบรรจุและดำรงตำแหน่ง ร.ต.อ. หญิง นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนว่า หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมา เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอส.) เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งบรรจุจากบุคคลภายนอก เช่น ทายาทตำรวจ ผู้มีวุฒิปริญญาสาขาต่างๆ ผู้มีวุฒิปริญญาในสาขาวิชาที่ขาดแคลน นายแพทย์ รพ.ตร. ตำรวจน้ำ ที่รับโอนมาจากทหารเรือ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ เป็นหลักสูตรตามระเบียบ ตร. ซึ่งกรณีของ ร.ต.อ. หญิง เป็นผู้มีวุฒิปริญญาซึ่งผ่านการคัดเลือก และได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ โดยมีเงื่อนไขเมื่อผ่านการอบรมฯ หลักสูตรตามที่ ตร. กำหนดแล้ว จึงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้รับเงินเดือนตามคุณวุฒิ

สำหรับ ร.ต.อ. หญิง ดังกล่าว ได้ผ่านการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ ใช้วิธีการคัดเลือกตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกหรือการสอบแข่งขันฯ และตรวจสอบคุณวุฒิและคุณสมบัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ จนได้บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ยศสิบตำรวจตรีหญิง (ส.ต.ต. หญิง) ในปี พ.ศ. 2563 ในตำแหน่ง ผบ. หมู่ฯ ต่อมาผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร กอส. ในปี พ.ศ. 2564 และแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศร้อยตำรวจตรีหญิง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 โดยมีคุณวุฒิที่ใช้บรรจุแต่งตั้งนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต (ปริญญาโท) จากนั้นจะใช้ระยะเวลาครองยศ 8 เดือน ได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.ท. หญิง และครองยศ ร.ต.ท.หญิง อีก 1 ปี จะได้รับการเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ. หญิง รวมระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน โดยการเลื่อนยศของ ร.ต.อ. หญิง ดังกล่าว เป็นไปตามตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ พ.ศ.2554 ข้อ 8.2.8 ที่กำหนดให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับยศสูงขึ้น ต้องครองยศตามจำนวนปีที่รับราชการ ยกเว้นผู้ที่บรรจุในคุณวุฒิ ปริญญาโท ให้รับราชการในชั้นยศ ร.ต.ต. 1 ปี และ ร.ต.ท. 1 ปี

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความตั้งใจที่จะดูแลขวัญกำลังใจของกำลังพลในส่วนที่เป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่มีความตั้งใจ มีความรู้ความสามารถที่จะเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร มีการเปิดสอบแข่งขันข้าราชการตำรวจชั้นประทวนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ล่าสุดเมื่อปลายเดือน พ.ค. 66 มีการเปิดรับสมัครตำรวจชั้นประทวนเป็นสัญญาบัตร จำนวน 430 อัตรา สำหรับตำแหน่งทั่วไป และ จำนวน 450 อัตรา สำหรับสายงานสอบสวน

‘เรวดี ศรีท้าว’ อดีตสาวลมกรดทีมชาติไทย โพสต์ข้อความ จบ กอส. เหมือนกัน ย้ำ เป็นผู้กองไม่ต้องรอนาน ถ้ามีคุณสมบัติพร้อม

9 มิ.ย. 2566 - เรวดี ศรีท้าว วัฒนสิน อดีตนักวิ่งลมกรดทีมชาติไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ดิฉันอบรมหลักสูตร กอส. 11 ถ้าใครเคยทราบพี่เคยเป็นตำรวจ ตอนพี่เรียนจบป.ตรี พี่ได้สมัครเข้าเป็นตำรวจร่วมกับนักกรีฑาทีมชาติหลายคน พี่เป็นรุ่นแรกของนักกรีฑาทีมชาติที่เข้าตำรวจครั้งแรกยศ พลตำรวจ จากนั้นเข้าอบรมในหลักสูตร กอส.แล้วแต่ว่าปีไหนจัดอบรม 3 เดือน หรือ 6 เดือน รุ่นพี่มีนักกีฬายิงปืน นักฟุตบอล ทีมชาติ หลายคน หลักสูตรนี้มีมานานแล้วค่ะ

เอาง่ายๆสมัยพี่อบรมปี 2534 สามีพี่ 2535 อบรมเสร็จก็ติดยศ ร้อยตำรวจตรี ประมาณ 6 เดือนก็เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท และเลื่อนขึ้นเป็นร้อยตำรวจเอก ตามลำดับถ้าได้อยู่ในที่ๆมีตำแหน่ง จึงไม่แปลกอะไร

สำหรับพี่ๆแค่ งง ว่าทำไมมาตีตำรวจเรื่องนี้คือพี่ขำค่ะ เพราะเลื่อนจากร้อยตำรวจตรีเป็นร้อยตำรวจเอก ถ้ามีตำแหน่งมันไม่ต้องรอนานถึง 10 ปี 20 ปีอย่างที่ออกมาพูดมาบอกกันเลยค่ะ

และหลักสูตร กอส.ก็มีไว้สำหรับอบรมตำรวจที่จบปริญญาตรีจากชั้นประทวนขึ้นเป็นสัญญาบัตร คนทั่วไปที่ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจค่ะ พี่จึงขำมาก กับน้องนักร้องคนหนึ่งติดยศจากร้อยตำรวจตรี-ร้อยตำรวจโท-ร้อยตำรวจเอก กลายเป็นประเด็นร้อนเพราะมีเงื่อนงำในหลักสูตร กอส.

‘เนท MyMateNate’ จ้างตำรวจคอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯ ล่าสุด ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบแล้ว เบื้องต้นมีความผิดตามกฎหมาย

จากกรณียูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate จ้างตำรวจ 50 นาย - คอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯร้าง ได้โพสต์คลิปภารกิจการเอาตัวรอดคลิปหนึ่ง พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "จะรอดไหม?!" จนกลายเป็นกระแสสังคมถึงความเหมาะสมนั้น

วันที่20มิ.ย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยว่า อีก 7 วันก็น่าจะรู้เรื่อง ให้ภาค7ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว เบื้องต้น เป็น ตำรวจจำนวน8 นาย ที่อยู่กองบินตำรวจ 2 นาย ตำรวจ ตชด.  6นาย เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ถึง 50 นาย มีแค่ 30 คน นอกนั้นน่าจะเป็นพลเรือน ดูแล้วทางตำรวจที่ไปก็เห็นว่าไม่ได้ขอทางผู้บังคับบัญชา ซึ่งความผิดทางเราก็ไม่ได้เป็นเอาตาย การทำอะไรก็ต้องขออนุญาตก่อน ทางผู้จัดทำยูทูปเบอร์ พูดว่ามีการจ้าง ตร. 50 คน ไปโฆษณาเป็นเรื่องของธุรกิจส่วนตัว  

ซึ่งจะมีความผิดกฎหมายหลายข้อ เช่นการแต่งกายคล้ายตำรวจ ให้ประชาชน เข้าใจผิด ดูแล้วว่าตำรวจไม่ต้องมาทำงานทำการ ไปทำงานที่อื่น มีรถตำรวจด้วย ตอนนี้ให้ฝ่าย กฎหมายตำรวจดูว่ามีการละเมิดหรือไม่

ซึ่งก็จะเรียก youtuber มาให้ปากคำดูเจตนาเค้าด้วย

ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมบริหารราชการ ตร. ครั้งที่ 6/2566

วันที่ 20 มิ.ย.66 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นประธานการประชุมบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2566 ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อาทิ การดำเนินการตามแนวทางการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ, การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด, การสำรวจการก่อสร้างที่ทำการศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ร่วมถึงอาคารที่ทำการ และอาคารที่พักอาศัย และการคัดเลือกตำรวจดีเด่น เป็นต้น โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมฯ

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการประชุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งยังได้มีการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการ หรือผู้บังคับการ ต้องหมั่นดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ระวังอย่าให้ทำผิดกฎหมาย ระเบียบ วินัย ซึ่งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ ที่ไม่ดีกับองค์กร
 

‘ฝรั่งเศส’ ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง ก่อจลาจลเผาเมืองปารีส จากกรณีตำรวจยิงเด็กวัยรุ่น 17 ปี เสียชีวิตคาด่านตรวจ

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66 ตำรวจปราบจลาจลในฝรั่งเศสกว่า 2000 นาย ออกปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงปารีสจำนวนมาก ที่ออกมาประท้วงหนักในกรณีที่ตำรวจฝรั่งเศสยิงวัยรุ่นชายวัย 17 ปีเสียชีวิตในบริเวณด่านตรวจ

การประท้วงได้ยกระดับไปสู่ความรุนแรง มีการจุดไฟเผากองขยะ รถยนต์ข้างทาง อาคารสาธารณะ สถานีตำรวจ และยังทำลายทรัพย์สินราชการเป็นจำนวนมาก ติดต่อกันเป็นคืนที่ 2 แล้ว อีกทั้งมีการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบปรามที่ใช้แก๊สน้ำตา และกลุ่มผู้ประท้วงที่ยิงพลุไฟ และขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ล่าสุดมีผู้ประท้วงถูกจับกุมตัวแล้วไม่ต่ำกว่า 150 ราย

‘เจอราลด์ ดาร์มานิน’ รัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศส กล่าวถึงเหตุความไม่สงบในกรุงปารีสเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาว่า “เป็นความรุนแรงที่แสดงออกถึงการต่อต้านสัญลักษณ์ของระบอบสาธารณรัฐ ที่ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป ศาลาว่าการเมืองต่างๆ โรงเรียน และสถานีตำรวจหลายแห่งถูกเผา และทำลาย ซึ่งเราได้จับกุมคนก่อเหตุได้ราว 150 คน”

รัฐมนตรีมหาดไทยยังกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร และหน่วยดับเพลิง ที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์รุนแรงด้วยความกล้าหาญ อีกทั้ง ยังประนามกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงว่า ‘ไร้ยางอาย และปราศจากความยั้งคิด’

สาเหตุที่จุดกระแสการประท้วงในหลายเมืองของฝรั่งเศส เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (27 มิ.ย. 66) ที่เขตนองแตร์ ชานกรุงปารีส เมื่อตำรวจฝรั่งเศสได้เรียกหยุดรถคันหนึ่งเพื่อตรวจค้น โดยตำรวจอ้างว่า มีการขัดขืนและพยายามจะขับรถชนเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ทำให้ ‘Nahel M’ วัยรุ่นชายวัย 17 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณทรวงอกในระยะเผาขนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงขัดกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่คนขับได้หยุดรถแล้ว และตำรวจยืนในตำแหน่งด้านข้างรถ และใช้ปืนจ่อเข้าไปในรถ

เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในหมู่ชุมชนกลุ่มน้อยในฝรั่งเศส ที่เชื่อว่าพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการตัดสินใจใช้ความรุนแรงของตำรวจฝรั่งเศส ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในกรณีคล้ายกับ Nahel M มาแล้วถึง 13 ราย

‘เอมานูเอล มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ Nahel M และยังกล่าวว่า “ประเทศเรามีเยาวชนคนหนึ่งถูกสังหาร ด้วยสาเหตุที่ไม่สามารถอธิบายได้ และให้อภัยไม่ได้เช่นกัน และสั่งให้มีการสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด”

ด้านครอบครัวของวัยรุ่นชายผู้เสียชีวิต เรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสออกมาเดินขบวนประท้วง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับบุตรชาย แต่สุดท้ายกลายเป็นเหตุบานปลายที่มีการเผาทำลายอาคาร ทรัพย์สินราชการในหลายเมือง ทั้งกรุงปารีส เมืองตูลูซ ดีฌง และลียง จนทางการฝรั่งเศสต้องส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมสถานการณ์ และจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้เป็นจำนวนมาก

เรื่องคดีความของวัยรุ่น 17 ปี ก็เรื่องหนึ่ง แต่การใช้ความรุนแรงจนเกือบจะเผาบ้าน เผาเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่สามารถเอามาเฉลี่ยกันได้ เพราะสังคมไม่อาจสงบได้หากเลือกใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์
 

‘ตำรวจ ปส.’ สกัดจับยาบ้ากว่า 22 ล้านเม็ด-ไอซ์ 620 กก. ทลาย 7 เครือข่าย รวบ 17 ผู้ต้องหา จ่อขยายผลจับคนสั่งการ

(7 ก.ค. 66) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามนโยบาย ตร. ประกอบกับการเดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเข้มข้น

ล่าสุดตำรวจ ปส. (NSB) สามารถทลาย 7 เครือข่าย ผู้ต้องหา 17 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 22 ล้านเม็ด ไอซ์ 620 กก. รถยนต์ 12 คัน ยึดทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องจากการค้ายาเสพติด 8 ล้านบาท

คดีที่ 1 ตำรวจ ปส. (NSB) โดยตำรวจ บก.ปส.2 และ บก.ขส. ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. 66 กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในภาคอีสาน จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นจำนวนมาก จาก อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อไปส่งในพื้นที่ตอนใน โดยมีนายสุวิทย์ ใช้รถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นโคโลราโด สีเทา หมายเลขทะเบียน บร 75xx มหาสารคาม เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ ตำรวจ บก.ปส.2 และ บก.ขส. ได้เฝ้าติดตามในพื้นที่ จนพบรถกระบะเป้าหมายดังกล่าวที่บริเวณสี่แยกบ้านธาตุ จ.สกลนคร จึงได้ติดตามไป จนรถเป้าหมายรู้ตัวว่าถูกติดตามและได้หลบหนีเข้าไปในซอยบ้านพักแห่งหนึ่ง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ก่อนจะจับกุมตัวได้พร้อมของกลางยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ในท้ายกระบะ และในห้องโดยสารรถ 5 กระสอบ รวม 2 ล้านเม็ด จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 2 จากการสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ทางภาคเหนือ ทราบว่านายพีรวัฒน์ กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงในการลำเลียงยาเสพติด โดยจะลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ ไปส่งให้กับผู้รับช่วงต่อในพื้นที่ภาคกลาง ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. จึงวางกำลังติดตาม

จนกระทั่งวันที่ 13 มิ.ย. 66 เวลาประมาณ 12.50 น. พบรถยนต์ต้องสงสัย ทะเบียน บว 54XX สระบุรี ขับขี่ไปถึงเส้นทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) จึงได้สกัดจับกุม ได้ที่บริเวณลานวัดโคกกระต่ายทอง ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายพีรวัฒน์ เป็นผู้ขับขี่ และมีนายพงษ์ นั่งข้างคู่คนขับ จากการตรวจค้นพบไอซ์ 500 กก. ซุกซ่อนอยู่บริเวณที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังคนขับ และซุกซ่อนอยู่ภายในท้ายกระบะ ได้ที่บริเวณลานวัดโคกกระต่ายทอง ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และสามารถสกัดจับกุมนายรักชาติ ผู้ขับขี่รถยนต์ หมายเลขทะเบียน บห 19XX สระบุรี และนายวิชัย (นั่งคู่คนขับ) ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง ในการลำเลียงยาเสพติดครั้งนี้ ได้ที่ บริเวณลานจอดรถตลาดนัด ในพื้นที่ ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง  จ.สระบุรี จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายและออกหมายจับติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนี และบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 18 – 19 มิ.ย. 66 ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายนักค้ายาเสพติด รายสำคัญ จนทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยใช้รถยนต์ขับผ่านเส้นทาง จ.บึงกาฬ, จ.สกลนคร, จ.อุดรธานี, จ.ขอนแก่น, จ.ชัยภูมิ จึงติดตามความเคลื่อนไหว ต่อมาวันที่ 19 มิ.ย.66 พบรถยนต์เป้าหมายวิ่งผ่านถนนหมายเลข 201 ถนนชัยภูมิ-สีคิ้ว บริเวณหน้าบริษัทแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นรถที่มีการบรรทุกสิ่งของอย่างหนัก ก่อนจะจอดรถนานผิดปกติ ตำรวจ ปส.2 จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบนายธนพัฒน์หรือเฟส เป็นผู้ขับขี่ พบไอซ์ บรรจุในถุงชาสีเขียวอ่อน 3 กระสอบ จำนวน 120 ก้อน น้ำหนัก 120 กก. ซุกซ่อนในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ สอบสวนนายธนพัฒน์ รับว่า ลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 5 ครั้ง โดยได้รับค่าจ้างล่วงหน้าบางส่วน เงินที่เหลือจะได้รับเมื่องานสำเร็จ จากนั้นจึงจับกุมและนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. ได้ขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในภาคกลาง จนสามารถจับกุมนายปกรณ์ และนายฉัตรชัย โดยจากการสืบสวนพบว่านายฉัตรชัย จะนำยาเสพติดจากพื้นที่ จ.สุโขทัย ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้เฝ้าติดตามจับกุม จนกระทั่งเมื่อวันที่  28 มิ.ย.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน บม 35XX สุโขทัย กำลังลำเลียงยาเสพติด ที่บริเวณถนนในพื้นที่ จ.อยุธยา จึงได้ทำตรวจค้นจนสามารถ จับกุมนายฉัตรชัย ได้บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ สาขาโก่งธนู  จ.ลพบุรี พร้อมยาบ้าที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ และท้ายกระบะโดยมีผ้าใบสีดำคลุมปิดอำพรางไว้ รวม 3 ล้านเม็ด และสามารถสกัดจับกุมนายปกรณ์ ขับรถยนต์ หมายเลขทะเบียน บน 66XX ตาก ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจด่าน ได้ที่บริเวณริมถนนในพื้นที่ หมู่ 1 ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 66 ตำรวจ ปส. 3 จับกุม นายเจษฎากร และนายอภิเษก พร้อมยาบ้า 6 ล้านเม็ด โดยก่อนการจับกุม ตำรวจ ปส.3 สืบทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดจะลำเลียงยาบ้าจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้ามาซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ก่อนจะส่งมอบให้กับเครือข่าย โดยใช้รถกระบะในการลำเลียง จึงนำกำลังเฝ้าติดตามรถเป้าหมาย พบรถกระบะ บว-66XX สระบุรี จอดอยู่บริเวณท้ายถนนบ้านน้ำลัดซอย 16 หมู่ 3 ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย จนกระทั่งเวลา 23.00 น. พบนายอภิเษก ขับขี่รถจักรยานยนต์และมีนายเจษฎากร ซ้อนท้ายก่อนลงรถจักรยานยนต์ แล้วขับรถกระบะเป้าหมายออกไป ตำรวจ ปส.3 จึงติดตามไปจับกุมได้ที่ บริเวณแยกห้วยปลากั้ง ถ.เลี่ยงเมืองเชียงรายตะวันตก ตรวจค้นในรถพบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่บริเวณในห้องโดยสารและท้ายรถกระบะ รวม 6 ล้านเม็ด และได้ติดตามไปจับกุมนายอภิเษก ได้ที่บริเวณแยกขัวแคร่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 6 เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 ตำรวจ ปส.1 ร่วมกับ บก.ขส. และ ปส.2 จับกุม 6 ผู้ต้องหา คือ นายเจริญชัย หรือโจ, น.ส.เกศินี หรือแกล้ม, นายสุพรรณ หรือเบ็นซ์, น.ส.รัฐชิตา หรือเบ็นซ์, นายโยธณัฐ หรือดรีม และ น.ส.ธิติมา หรือทิพย์ โดยก่อนการจับกุม ตำรวจ ปส.1 สืบสวนทราบว่าเครือข่ายของนายสุพรรณ หรือเบนซ์ จะใช้รถยนต์ 3 คัน ลำเลียงยาเสพติดมาจากริมฝั่งแม่น้ำโขงด้าน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ขับรถมุ่งหน้า จ.นครราชสีมา จึงได้สะกดรอยติดตาม และสามารถสกัดจับได้บริเวณสถานีน้ำมัน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องบริเวณสถานีน้ำมัน (ขาเข้า) ต่อเนื่องบริเวณถนนมิตรภาพ ตรวจค้นภายในห้องโดยสารรถพบยาบ้า 9 กระสอบ และอีก 3 กระสอบ อยู่ด้านท้ายกระโปรงรถยนต์ รวมยาบ้า 5 ล้านเม็ด เบื้องต้นได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่ารวมกว่า 8 ล้านบาท จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ปส.1 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

คดีที่ 7 เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. ร่วมกันสืบสวนขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในภารอีสาน ทราบว่า เครือข่ายนี้จะขนยาเสพติดล็อตใหญ่ไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ตอนใน จึงร่วมกันสืบสวนจับกุม จนกระทั่งวันที่ 5 ก.ค.66 เวลาประมาณ 08.00 น. พบรถกระบะต้องสงสัย ทะเบียน ผว xxxx ขอนแก่น ขับขี่ผ่าน จ.มุกดาหาร มุ่งหน้าไป จ.มหาสารคาม และ จ.นครราชสีมา น่าเชื่อว่ามีการลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าตามข้อมูลที่มี จึงได้สกัดจับกุม ได้ที่บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.โตนด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมี นายอิสระ เป็นผู้ขับขี่ จากการตรวจค้นพบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระบะติดตั้งตู้ทึบ จำนวน 15 กระสอบ จำนวน 6,000,000 เม็ด จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดของกลาง รถกระบะ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมบุคคลในเครือข่ายมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับเดือน มิ.ย. 66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 18 คดี  ผู้ต้องหา 30 คน ของกลาง ยาบ้า 18 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,983 กก., เฮโรอีน 46 กก. และ ยาอี 5,865 เม็ด โดยยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

‘Texas Rangers’ หน่วยบังคับใช้กฎหมายแห่งมลรัฐเท็กซัส ก่อตั้งมาแล้วกว่า 200 ปี เพื่อธำรงความสงบของบ้านเมือง

200 ปีแห่งการก่อตั้ง Texas Rangers 
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของมลรัฐเท็กซัส

ด้วยระบบตำรวจของบ้านเราเป็นระบบที่เรียกว่า ‘ตำรวจแห่งชาติ’ (National police) เช่นเดียวกับฝรั่งเศส แคนาดา ญี่ปุ่น และอีกหลาย ๆ ประเทศ เราคนไทยจึงไม่ค่อยรู้จักระบบตำรวจที่แตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งผมเคยเขียนไว้ใน The States Times เมื่อ 2 ปีมาแล้ว ในบความ “ไขบทบาท ‘ตำรวจมะกัน’ ผู้บังคับใช้กฎหมาย – กระบวนการยุติธรรมแห่งสหรัฐอเมริกา” https://thestatestimes.com/post/2021091807

โดยที่ตำรวจไทยทุกนายเป็นตำรวจแห่งชาติ เพราะรูปแบบการปกครองของบ้านเราเป็นแบบรัฐเดี่ยว ดังนั้น ตำรวจไทยทุกนายตั้งแต่ชั้นยศพลตำรวจไปจนถึงชั้นยศพลตำรวจเอก จึงสามารถจับกุมผู้ที่กระทำความผิดซึ่งหน้า หรือมีหมายจับได้ตั้งแต่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เหนือสุดของประเทศไปจนถึงอำเภอสุไหงโกลกจังหวัดนราธิวาสใต้สุดของประเทศ สำหรับระบบตำรวจสหรัฐฯ มีความแตกต่างกันด้วยระบอบการเมืองการปกครอง เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า สหรัฐอเมริกาเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วย 50 รัฐ ทำให้มีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายราว 18,000 หน่วย โดยราว 15,000 หน่วย อยู่ภายใต้รัฐบาลมลรัฐและองค์กรปกครองระดับท้องถิ่น มีเจ้าหน้าที่กว่า 500,000 นาย

‘Texas Ranger Division’ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ‘Texas Rangers’ และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘Los Diablos Tejanos’ (ภาษาสเปน : the Texan Devils) เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสืบสอบสวนที่มีเขตอำนาจศาลทั่วทั้งมลรัฐเท็กซัส มีกองบัญชาการตั้งอยู่ในนครออสติน เมืองหลวงของมลรัฐเท็กซัส นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น ‘Texas Rangers’ ได้สืบสวนคดีอาชญากรรม ตั้งแต่การฆาตกรรมไปจนถึงการทุจริตทางการเมือง ทำหน้าที่ควบคุมการจลาจล และเป็นนักสืบ ทีมอารักขาผู้ว่าการมลรัฐเท็กซัส ติดตามผู้หลบหนีคดี ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญของมลรัฐเท็กซัส

‘Stephen F. Austin’ ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘บิดาแห่งมลรัฐเท็กซัส’

‘Texas Rangers’ ถูกก่อตั้งโดย ‘Stephen F. Austin’ (ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘บิดาแห่งมลรัฐเท็กซัส’) ใน ปี ค.ศ. 1823 หลังจากผ่านไปหนึ่งทศวรรษ ในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1835 ‘Daniel Parker’ ได้เสนอมติต่อสภาถาวร เพื่อจัดตั้งกองทหารพรานเพื่อปกป้องชาวเม็กซิกัน ต่อมาหน่วยนี้ถูกยุบโดยหน่วยงานของรัฐบาลกลางหลังสงครามกลางเมืองในช่วงยุคฟื้นฟู แต่ได้รับการปฏิรูปอย่างรวดเร็วเมื่อมีการคืนสถานะของรัฐบาลแต่ละมลรัฐในประเทศ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1935 จนปัจจุบันองค์กรนี้เป็นแผนกหนึ่งของสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งมลรัฐเท็กซัส (Texas Department of Public Safety (TxDPS))

Texas Rangers ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 234 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสัญญาบัตร 166 นาย และเจ้าหน้าที่สนับสนุน 68 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ธุรการศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงชายแดน ศูนย์ปฏิบัติการ และหน่วยข่าวกรองร่วม และทีมอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ (SWAT/SRT) โดย Texas Rangers มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อทำหน้าที่ ทีมอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ (SWAT) และทีมตอบโต้พิเศษเฉพาะพื้นที่ (SRT's) ทีมลาดตระเวน หน่วยเจรจากรณีวิกฤต และทีมเก็บกู้วัตถุระเบิด ปัจจุบันหน่วย Texas Rangers มีการประสานงานด้านความมั่นคงชายแดนผ่านศูนย์ปฏิบัติการข่าวกรองและศูนย์ความร่วมมือ (JOICs) จำนวน 6 แห่งตามแนวชายแดนเท็กซัส - เม็กซิโก และพื้นที่ชายฝั่งของรัฐฯ

Texas Rangers รับผิดชอบในการสืบสวนอาชญากรรมดังต่อไปนี้ : (1.) การสืบสวนอาชญากรรมที่สำคัญของมลรัฐ (2.) การสืบสวนอาชญากรรมในมลรัฐที่ยังไม่สามารถปิดคดีได้ (3.) การสืบสวนอาชญากรรมต่อเนื่องในการกระทำที่เป็นการทุจริตต่อสาธารณะในมลรัฐ (4.) การตรวจสอบความสมบูรณ์ของการดำเนินคดีที่เป็นสาธารณะของมลรัฐ (5.) การดำเนินงานด้านความปลอดภัยภายในมลรัฐ และ (6.) การดำเนินงานด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ว่าการมลรัฐเท็กซัส

เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการบังคับใช้กฎหมาย Texas Rangers ได้จัดตั้ง หน่วยต่อต้านการทุจริตสาธารณะ และโครงการสืบสวนอาชญากรรมที่ยังไม่สามารถปิดคดี โดยในปี ค.ศ. 2019 Texas Rangers ได้มีการสอบสวนคดีทั้งหมด 2,235 คดี ซึ่งส่งผลให้มีการจับกุมผู้กระทำความผิด 993 คดี รับสารภาพ 562 คดี คดีอาชญากรรมต่าง ๆ มีการตัดสินลงโทษกว่า 537 คดี ซึ่งส่งผลให้มีการตัดสินประหารชีวิต 3 คดี จำคุกตลอดชีวิต 76 คดี และคดีต่าง ๆ ถูกตัดสินจำคุกทั้งหมดรวม 8,531 ปี ในระหว่างการสืบสวนคดีโดยหน่วย Texas Ranger มีการใช้กระบวนสอบสวนด้วยการสะกดจิต 9 ครั้ง

‘ประธานาธิบดี William Howard Taft’ และ ‘Porfirio Díaz ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก’ ในปี ค.ศ. 1909

เหล่าสมาชิกของ Texas Rangers มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดหลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มลรัฐเท็กซัส เช่น การหยุดยั้งการลอบสังหารประธานาธิบดี William Howard Taft และ Porfirio Díaz ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก ใน El Paso และในคดีอาญาที่มีชื่อเสียงที่สุดบางคดีในประวัติศาสตร์ เช่น John Wesley Hardin มือปืนชื่อดัง Sam Bass จอมโจรนักปล้นธนาคาร Bonnie และ Clyde ขุนโจรคู่สามี-ภรรยา

‘Chuck Norris’ ในบท ‘Cordell Walker’
สมาชิก Texas Rangers ในภาพยนตร์โทรทัศน์ Walker

มีหนังสือมากมายหลายเล่มที่เขียนเล่าเกี่ยวกับ Texas Rangers ตั้งแต่ผลงานสารคดีที่ได้รับการค้นคว้ามาอย่างดีไปจนถึงนวนิยายและเรื่องแต่งอื่น ๆ ทำให้ Texas Rangers มีส่วนร่วมสำคัญในตำนานของ Wild West, The Lone Ranger อาจเป็นตัวอย่างซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดของตัวละครจาก Texas Rangers โดยใช้นามแฝงของผู้แต่งจากประสบการณ์ที่เคยเป็นสมาชิกของ Texas Rangers ตัวอย่างที่รู้จักกันดีอื่น ๆ ได้แก่ Tales of the Texas Rangers และอีกหลายบทบาทใน Texas Rangers รวมถึงพระเอกนักบู๊ Chuck Norris ที่แสดงเป็น Cordell Walker ในภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด Walker, Texas Ranger และทีมเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ของมลรัฐเท็กซัสได้รับการตั้งชื่อตาม Texas Rangers ด้วย นอกจากนั้นแล้ว Texas Rangers ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมในมลรัฐ Texas โดยมีพิพิธภัณฑ์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติกับ Texas Rangers ที่รู้จักกันในชื่อ ‘Texas Ranger Hall of Fame and Museum’ ในเมืองเวโก

ภาพหมู่สมาชิกของหน่วย Texas Rangers
ในโอกาสการก่อตั้งหน่วยครบ 200 ปี

คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นสมาชิกของหน่วย Texas Rangers นอกเหนือจากคุณสมบัติที่จำเป็น สำหรับการเข้าทำงานกับสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐเท็กซัส แล้วยังมีข้อกำหนดพิเศษต่อไปนี้ คือ การเป็นหน่วย Texas Rangers ผู้สมัครแต่ละคนจะต้องเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา มีสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม และมีประวัติที่โดดเด่นอย่างน้อย 8 ปี ในประสบการณ์กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีส่วนร่วมในการสืบสวนอาชญากรรมที่สำคัญ โดยปัจจุบันผู้สมัครจะต้องทำงานกับสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐเท็กซัส ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตรอย่างน้อยระดับ Trooper II

ผู้สมัครจะต้องมีภูมิหลังภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนิสัย และความประพฤติที่ดี ผู้สมัครจะต้องมีใบขับขี่ของมลรัฐเท็กซัส โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ที่จะกระทบต่อความสามารถของผู้สมัครในการปฏิบัติหน้าที่ มีการสอบเข้า และผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการ เพื่อสัมภาษณ์ด้วยปากเปล่าก่อนการคัดเลือกขั้นสุดท้าย

‘Jason Taylor’ หัวหน้าหน่วย Texas Rangers คนปัจจุบัน

สมาชิกของหน่วย Texas Rangers จะต้องเข้าร่วมการฝึกอบรมอย่างน้อย 40 ชั่วโมงในทุก 2 ปี แต่สำหรับสมาชิกของหน่วย Texas Rangers ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกอบรมเกินมาตรฐาน สมาชิกของหน่วย Texas Rangers บางนายอาจได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ เช่น การสะกดจิตเชิงสืบสวน ซึ่งมีความสำคัญต่อการสืบสวนในคดีอาญาบางคดี ในปี ค.ศ. 2020 อายุเฉลี่ยของสมาชิกของหน่วย Texas Ranger อยู่ที่ 44 ปี

ณ วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2020 Texas Ranger Division มีเจ้าหน้าที่สัญญาบัตร 166 นาย สำหรับทั้งมลรัฐ โดยแบ่งออกเป็น 6 หน่วย โดย
- หน่วย A อยู่ที่เมือง Houston
- หน่วย B อยู่ที่เมือง Garland
- หน่วย C อยู่ที่เมือง Lubbock
- หน่วย D อยู่ที่เมือง Weslaco
- หน่วย E อยู่ที่เมือง El Paso
- หน่วย F อยู่ที่เมือง Waco
และมีสมาชิก Texas Rangers ระดับสัญญาบัตรประจำการตามเมืองต่าง ๆ ทั่วทั้งมลรัฐ โดย Texas Rangers ระดับสัญญาบัตรแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบอย่างน้อย 2 ถึง 3 เทศมณฑล ซึ่งบางแห่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าเสียด้วยซ้ำ

สมาชิก Texas Rangers ยุคใหม่ (เช่นเดียวกับรุ่นก่อน ๆ ของพวกเขา) ไม่มีเครื่องแบบที่กำหนด แม้ว่ารัฐเท็กซัสจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายของสมาชิก Texas Rangers ที่เหมาะสม รวมถึงข้อกำหนดให้สมาชิก Texas Rangers สวมเสื้อผ้าที่มีลักษณะแบบตะวันตก ปัจจุบัน การแต่งกายที่นิยม ได้แก่ เสื้อเชิ้ตและเน็กไทสีขาว กางเกงขายาวสีกากี/สีแทน หรือสีเทา หมวกแบบตะวันตกสีอ่อน เข็มขัดของ ‘Texas Rangers’ และรองเท้าบูทคาวบอย ในอดีต ตามหลักฐานรูปภาพสมาชิก Texas Rangers สวมเสื้อผ้าอะไรก็ได้ที่พวกเขาสามารถจ่ายได้หรือรวบรวมได้ ซึ่งมักจะสึกหรอจากการใช้งานหนัก ในขณะที่สมาชิก Texas Rangers ยังคงจ่ายค่าเสื้อผ้าเองของพวกเขาในปัจจุบัน แต่พวกเขาก็ได้รับค่าตอบแทนเริ่มต้น เพื่อชดเชยบางส่วนสำหรับค่ารองเท้าบูท เข็มขัดคาดปืน และหมวก

สำหรับปฏิบัติภารกิจบนหลังม้า สมาชิก Texas Rangers ได้ดัดแปลงอุปกรณ์และอุปกรณ์ส่วนตัวให้เหมาะกับความต้องการของพวกเขา จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 อิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจาก Vaqueros (คาวบอยเม็กซิกัน) อานม้า เดือย เชือก และเสื้อกั๊กที่สมาชิก Texas Rangers ใช้ ล้วนแต่มีรูปแบบตามแบบของวาเกอโร สมาชิก Texas Rangers ส่วนใหญ่ชอบสวมหมวกปีกกว้างมากกว่าหมวกคาวบอย และพวกเขานิยมสวมรองเท้าบูทยาวถึงเข่า ทรงเหลี่ยมที่มีส้นสูงและหัวแหลมในสไตล์สเปนมากกว่า ทั้ง 2 กลุ่มใช้ซองปืนในลักษณะเดียวกัน โดยเป็นซองหนังอยู่ในตำแหน่งสูงรอบสะโพกแทนที่จะอยู่ต่ำที่ต้นขา ตำแหน่งนี้ทำให้ง่ายต่อการชักออกมาในขณะกำลังขี่ม้า

‘ปอท.’ เตือน!! โพสต์-แชร์ข้อมูล เชิงคุกคามในโลกโซเชียล เรียกทัวร์ลงผู้อื่น ข่มขู่ให้หวาดกลัว ระวังโดนคดีทั้งแพ่ง-อาญา

(22 ก.ค. 66) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบก.ปอท.) ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่าในปัจจุบัน การใช้สื่อสังคมออนไลน์แทบจะถือได้ว่าเป็นวิถีชีวิตประจำวันอย่างหนึ่งของคนไทย ซึ่งมักจะใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร รูปภาพ ตลอดจนคลิปวิดีโอต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งอาจมีการด่าทอ หยอกล้อ หรือล้อเลียนผู้อื่น ด้วยความสนุก คึกคะนอง จนอาจเกินเลยสร้างบาดแผลทางจิตใจ หรือสร้างความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับบุคคลอื่น ซึ่งในกรณีดังกล่าวมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิของผู้อื่นมิให้ถูกละเมิด 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จึงขอเตือนพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการด่าทอ ล้อเลียน กลั่นแกล้ง กลั่นแกล้ง หรือ ข่มขู่ผู้อื่นทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่ผู้กระทำผิดอาจถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดที่ได้กระทำ ดังนี้

1.) การโพสต์ใส่ความบุคคลอื่นต่อบุคคลที่สามในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.) การโพสต์หมิ่นประมาทบุคคลอื่นโดยการโฆษณา (การโพสต์เป็นสาธารณะหรือบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้) อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.) การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 16 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4.) การข่มขู่ ขู่เข็ญ ผู้อื่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว ตกใจ อาจเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5.) การส่งต่อ แชร์ รีทวีต หรือรีโพสต์ ที่เข้าข่ายเป็นความผิด อาจเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้โพสต์ ในฐานะตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หรือ 86 แล้วแต่กรณี

ซึ่งนอกเหนือจากความผิดที่มีโทษทางอาญาแล้ว หากผู้เสียหายสามารถพิสูจน์ได้ว่าการกระทำของผู้กระทำผิด ทำให้ผู้นั้นได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นต่อชีวิตร่างกาย ทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรือทางทำมาหาได้ ผู้ที่กระทำความผิดอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 หรือมาตรา 423 แล้วแต่กรณีอีกด้วย

ดังนั้น พี่น้องประชาชนจะต้องระมัดระวังในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการโพสต์หรือเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจสร้างความเสียหายแก่บุคคลอื่น เพราะหากบุคคลที่ถูกกล่าวถึงไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว และได้รับความเสียหายจากการกระทำนั้น ท่านอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการล้อเลียน กลั่นแกล้ง หรือหมิ่นประมาท ทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือสถานีตำรวจในท้องที่ที่ท่านทราบการกระทำความผิด ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘สมศักดิ์’ ร่วมถก ‘ป.ป.ส.-ตร.’ หาแนวทางขจัดยาเสพติด เล็งใช้มาตรการยึด-อายัดทรัพย์ควบคู่แผนปราบปราม

(8 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.ยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้หารือกับ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อรับฟังความคิดเห็นถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปีของพรรคเพื่อไทย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงนโยบายการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปภายใน 1 ปีนั้น วันนี้ตนจึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด มาอธิบายถึงแนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่ผ่านมา เพื่อให้สส.พรรคเพื่อไทยได้ช่วยกันแสดงความคิดเห็น ก่อนจะนำไปปรับเป็นนโยบายที่จะใช้ปราบปรามยาเสพติดภายใน 1 ปี 

ทั้งนี้ สส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ได้สะท้อนว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยมีมาตรการที่เด็ดขาดแบบในสมัยรัฐบาลอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่สามารถปราบปรามยาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงอยากให้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นตอ อย่างผู้มีอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ด้วย ขณะเดียวกันก็เห็นด้วยที่จะเดินหน้ามาตรการยึด อายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด แต่อยากให้ทำควบคู่กับมาตรการปราบปรามด้วย 

ด้านนายปิยะศิริ กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง แต่เราใช้มาตรการยึดทรัพย์ไปกดดันเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด อย่างปี 2562 ยึดอายัดทรัพย์ได้เพียง 956 ล้านบาท แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ เพิ่มมาตรการยึดทรัพย์ ทำให้ปี 2564 ยึดอายัดได้ 7,346 ล้าน ปี 2565 ยึดอายัดได้ 11,003 ล้านบาท และปี 2566 ยึดอายัดได้มากกว่า 20,000 ล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่าแนวทางการยึดอายัดทรัพย์ เห็นผลอย่างชัดเจน จึงควรส่งเสริมแนวทางนี้ ในการปราบปรามยาเสพติดต่อไป 

พล.ต.ต.ธนรัชน์ กล่าวว่า ปัจจุบันขบวนการค้ายาเสพติด ได้หันมาใช้ระบบขนส่งเป็นจำนวนมากขึ้นแล้ว เพราะมีความสะดวก และมีหลากหลายวิธี แต่หลังมีกฎหมายยาเสพติดใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุมพร้อมขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก โดยจะไม่ใช่ยึดทรัพย์ซึ่งหน้าเท่านั้น แต่จะคำนวณมูลค่าของยาเสพติด ที่ขนส่งในอดีตมาคำนวณยึดทรัพย์ย้อนหลังด้วย ทำให้มาตรการยึดทรัพย์น่ากลัวสำหรับผู้ค้ายาเสพติดเป็นอย่างมาก 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top