Thursday, 2 May 2024
ตำรวจ

ผบ.ตร. สั่งการ PCT ชุดที่ 5 จับกุมแก๊งต่างชาติ ‘ขายเพชรเก๊-ปลอมใบเซอร์’ เสียหาย 16 ลบ.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ 15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงโดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม 21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า ‘ใบเซอร์’ ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียน จนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ ‘เพชรปลอม’ สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

คืบหน้าเมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ประกอบด้วย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง, ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว, จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู และส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย ได้แก่

1.) Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

2.) นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา

ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมพร้อมตรวจยึด 
1.) ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2.) วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3.) ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4.) โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5.) สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6.) นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7.) นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8.) โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9.) เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

จับกุมตัวนายธนะสิทธิ์ได้ที่ บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ

พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า ‘BGROW’ ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ ‘ใบเซอร์’ ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น 

เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง, บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ ให้เหลือเพียง ‘BGROW’, ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง, ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย - อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา 

เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 65 สามารถจับกุม นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล ได้ที่บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ และจับกุม Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึด ตั๋วรับจำนำของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงรับจำนำ ย่งฮวดหลี จำนวน 10 ฉบับ วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม และนามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ

จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้เข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 772/283 คอนโด ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ฟรอนท์ พระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ผลการตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้นำตัวทั้งสองมาขยายผลการจับกุมที่ บก.สส.บช.น. ซึ่งจากการขยายผลตอนนี้ได้ข้อมูลว่าก่อเหตุลักษณะนี้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ซึ่งตำรวจ PCT ชุดที่ 5 อยู่ระหว่างการติดตามประสานงานกับเหยื่อร้านรับจำนำรายอื่นๆ และจากการขยายผลทราบว่า Mr.Sajan หลอกลวงลักษณะนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยได้ทรัพย์สินจากการหลอกลวงไปเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

มีสุนัขเมื่อพร้อม!! 'ตำรวจ' เตือน!! ปล่อยสุนัขกัดผู้อื่น มีความผิด โทษหนักจำคุกสูงสุด 10 ปี

วันที่ 5 พ.ย. 65 เวลา 08.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. เปิดเผย ถึงกรณีที่มีข่าวสุนัขสายพันธุ์ 'พิตบูล' ไล่กัดคนได้รับบาดเจ็บ เหตุจากเจ้าของปล่อยปละละเลยมีโทษทั้งแพ่งและอาญา 

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์หนุ่มวัย 17 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสงคราม ถูกสุนัขพันธุ์พิตบูล 2 ตัว รุมไล่กัดถึงภายในบ้าน เมื่อช่วงบ่าย วันเสาร์ที่ 29 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่า สุนัขของบ้านหลังนี้ ก่อเหตุซ้ำซ้อนมาแล้วหลายครั้ง 

สืบนครบาล รวบพงศ์บะฮี เปิดบัญชีม้าหลอกขายอะไหล่มือสองอ้างส่งข้อมูลส่วนตัวรับฟรี 50 บาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สนองนโยบายสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กวดขัน (ปูพรมสแกน) การกระทำความผิดโดยใช้ช่องทางออนไลน์อย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชาชน

สืบเนื่องจาก 'ชุดลาดตระเวนออนไลน์' สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดร้อนว่า คนร้ายใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า 'พงศกรอะไหล่ โตโยต้า (Autopart)' ได้โพสต์ขายสินค้าประเภทอะไหล่รถยนต์ ในกลุ่มเฟสบุ๊ค 'EG 3D-4D ห้องซื้อ/ขายอะไหล่' เมื่อผู้เสียหายสนใจ โอนเงินชำระค่าสินค้าไปยังบัญชีของคนร้าย คนร้ายจะทำทีเป็นส่งภาพการส่งสินค้า แจ้งสลิปการส่งสินค้าที่ทำปลอมขึ้น จากแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ โดยใช้ชื่อนายพศกร พลเมือง เป็นผู้ส่งสินค้า พร้อมแจ้งให้ลูกค้าทราบ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบในระบบขนส่งกลับไม่พบข้อมูลการจัดส่งและไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่หากินสุจริตจำนวนมาก 

ภายหลังรับเรื่องดังกล่าว 'ชุดลาดตระเวนออนไลน์' สืบสวนนครบาล IDMB ได้สืบสวนติดตามสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว 1 ราย คือ นายวัชระ นาคสุข ซึ่งเป็นตัวการก่อเหตุโดยสร้างบัญชีเฟซบุ๊กโพสต์หลอกขายอะไหล่รถยนต์มือสองในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ กว่า 200 กลุ่ม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา  

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 10.25 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ  ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.ธนพล มโนสร รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., ด.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล, ด.ต.วุทธิไชย มูลสาร, จ.ส.ต.ประดับ สีสัน, จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ, ส.ต.อ.ปรัชญ์ กมลพัฒนะ, ส.ต.อ.ประกิต ภูมิวงศ์, ส.ต.อ.ศวร เหมหงษา, ส.ต.อ.เกริกพล กันแก้ว, ส.ต.อ.พงษ์ภัค ประทีปทอง ผบ.หมู่.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพงศกร พลเมือง อายุ 20 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 238 หมู่ 4 ตำบลบะฮี อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 551/2565 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2565   

โดยกล่าวหาว่า “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฉ้อโกง”  

สถานที่จับกุมตัว หน้าบ้านเลขที่ 238 หมู่ 4 ตำบลบะฮี อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร กล่าวคือ คดีนี้ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB ชุดจับกุมได้ทำการขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีม้ารับโอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหาย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เข้าตรวจค้นและจับกุม นายวัชระ นาคสุข (คนร้ายซึ่งเป็นตัวการก่อเหตุสร้างบัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์หลอกขายอะไหล่รถยนต์มือสองในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ กว่า 200 กลุ่ม) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

รวบพนักงานสาวอ้างตกงาน รับจ้างเปิดบัญชีม้า เพียงแค่ 4 เดือน พบเงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น ให้เร่งปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ อันส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบแก่พี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง

ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบสวนนครบาล IDMB โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดร้อนเป็นจำนวนมากว่า ถูกกลุ่มแก็งค์ CALL CENTER กลุ่มนี้ หลอกลวงให้ร่วมลงทุนง่ายๆ แต่ได้รับค่าตอบแทนสูง โดยเพียงแค่ลูกค้าโอนเงิน แล้วรอรับเงินปันผลตามอัตราและระยะเวลาที่แจ้งไว้  โดยพบว่ามีเหล่าผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก จึงลงพื้นที่สืบสวน ติดตามเส้นทางจากเหล่าบัญชีม้าที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ จนกระทั่งสืบทราบว่าพบเส้นทางบัญชีต้องสงสัยโดยเพิ่งเปิดบัญชีได้เพียงแค่ 4 เดือน แต่ปรากฏว่ามีเงินเข้าออกหมุนเวียนเพียงบัญชีเดียวกว่า 5 ล้านบาท โดยมีลักษณะหากมีเงินเข้าบัญชี เงินในบัญชีจะถูกถอนออกจากบัญชีทั้งหมดเพียงไม่เกิน 5 นาที เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เกาะติด สืบสวนเส้นทางการเงินของบัญชีดังกล่าว จนแน่ชัดว่าบัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีที่เหล่าแก็งค์ CALL CENTER ใช้เป็นบัญชีม้า

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.65 เวลาประมาณ 13.45 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์รอง ผบก สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.อำนวย เงินนา สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.สส.1 บก.สส.บช.น.เข้าจับกุมตัว 

นางสาวณัฐชา ดาแอร์ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พนักงานออฟฟิศแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ที่ 689/2565 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 

‘ตร.’ เผย เตรียมประสาน ‘INTERPOL’ ล่า 3 นายทุนจีน หลังหลบหนีออกนอกประเทศ

รองผบ.ตร. เตรียมขอตำรวจสากลออกหมายจับ 3 นายทุนจีนเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ที่หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมประสาน ปปง.ตรวจเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ทั้งเครือข่าย

วันที่ (8 พ.ย. 65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาสัญชาติจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงผิดกฎหมายในไทย ว่า การสืบสวนขณะนี้พบว่ามีผู้ต้องหาหลัก 5 คน ตำรวจจับได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 3 คน ได้หลบหนีไปต่างประเทศโดยใช้เครื่องบินส่วนตัวบินหลบหนีไปหลังจากที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา และพัทยา ในห้วง 1-3 วันหลังจากการเข้าตรวจค้นจับกุม 

ทั้งนี้ได้สืบสวนจนพบว่ามีการนำเงินไปฟอกซื้อทรัพย์สิน ห้องพัก คอนโดมิเนียม และรถยนต์หรู อยู่จำนวนมากในกรุงเทพมหานคร จึงเข้าตรวจค้นในหลายแห่งตามหมู่บ้านหรู คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง สามารถยึดทั้งทรัพย์สิน และเงินสดไว้ตรวจสอบได้หลายร้อยล้านบาท

ตร. บุกตรวจจับกุมค้าปืนออนไลน์ 10 จุดทั่วกทม. ยึด ‘ยาเสพติด - ปืน 40 กระบอก - กระสุน 2,000 นัด’

(9 พ.ย. 65) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น., พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์, พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.ชยุต ยอดยิ่งนาทกุล รองผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ต.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. แถลงผลระดมปิดล้อมตรวจค้นผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์การกระทำความผิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 10 จุด 

ได้จับกุมนายเรืองวิทย์ คุปตพันธ์ อายุ 25 ปี, นายนพเก้า สายโสภา อายุ 33 ปี, นายศิรศิลป์ ศรีมะเริง อายุ 32 ปี, นายอัฐพันธ์ คงสกุล อายุ 20 ปี, นายเอ อายุ 16 ปี และนายธัญพิสิษฐ์ บุณยธรรม อายุ 24 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดปืนพกสั้น 28 กระบอก ปืนลูกซอง 12 กระบอก ปืนยาวไรเฟิล 1 กระบอก แม็กกาซีน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 5 อัน กระสุนปืนรวม 2,248 นัด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 48.64 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 59 เม็ด จับกุมได้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา 

พล.ต.ต.นิตินันท์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทางออนไลน์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการเพื่อป้องเหตุที่จะเกิดขึ้นช่วงประชุมเอเปก จากการสืบสวนทางชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ทำการขออนุมัติศาลขอหมายค้น 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย อาวุธปืน 41 กระบอก กระสุนปืน 2,248 นัด ยาเสพติดจึงนวนหนึ่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีการสั่งปืนออนไลน์จากผู้กระทำความผิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยได้จับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงได้มีการขยายผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

‘เพื่อไทย’ จี้ถาม!! ปมผับจีนเถื่อน เสพยานรก ซัด!! รัฐปล่อยให้ธุรกิจสีเทาเกลื่อนเมืองได้อย่างไร?

‘ยุทธพงศ์’ ข้องใจธุรกิจสีเทาเกลื่อนเมือง - บริจาคเงินให้พรรคการเมือง ด้าน ‘บิ๊กช้าง’ แจงคาดผลสอบออกสัปดาห์หน้า โยนกกต. ตอบเงินบริจาค 3 ล้านให้พรรคการเมือง ยัน ‘นายกฯ’ ไม่ยอมให้ใครทำประเทศเสียหาย 

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แล้ว เข้าสู่วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยกระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องผับลับชาวจีน ธุรกิจสีเทา กลางเมืองหลวง ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาตอบคำถามแทน

นายยุทธ์พงศ์ ถามว่า จากกรณีการเข้าจับกุมผับสีเทาของนายทุนจีนที่ย่านยานนาวา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตู้เซฟพบยาเสพติดจำนวนมาก ทั้งเฮโรอีน และยาอี มีเงินหมุนเวียน 3-5 ล้านบาททต่อคืน 

ทั้งนี้ ซองยาเสพติดได้เขียนชื่อติดไว้ หากเสพไม่หมดฝากไว้ได้ ธุรกิจสีเทาของนายทุนจีน อยู่ในย่านยานนาวา รัชดา และห้วยขวาง ตนจึงขอถามว่า นายกฯ ปล่อยให้มีการเปิดผับสีเทากลางเมืองหลวงได้อย่างไร และอยากทราบว่าขยายผลถึงไหนแล้ว และดำเนินการอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันยังมีนักการเมืองใหญ่แถว ๆ ภาคกลางเปิดบ่อน ท่านจะจัดการหรือไม่ 

พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า การกวาดล้าง และจับกุมธุรกิจผิดกฎหมาย นายกฯ ได้สั่งการกำชับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ดำเนินการจับกุมตามพยานหลักฐาน ส่วนเครือข่ายผิดกฎหมาย และบ่อนการพนัน ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการแล้ว ซึ่งหากมีหลักฐานว่าใครกระทำผิดกฎหมาย ทั้งคนไทย และต่างชาติ ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด หากเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะจัดการ รัฐบาลไม่ยอมให้ใครใช้ประเทศไทยเป็นที่ก่ออาชญากรรม และทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด 

ส่วนความคืบหน้า กรณีผับย่านยานนาวาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ได้ตรวจยึดรถหรู และยาเสพติด นอกจากนี้ยังได้ออกหมายค้นทุกจังหวัดที่มีความเกี่ยวข้อง โดยสามารถยึดทรัพย์สินได้กว่า 100 ล้านบาท ส่วนต่างชาติที่มีความเกี่ยวข้อง ทาง ตร. ได้ขึ้นบัญชีดำ และประสานอินเตอร์โพลเพื่อจับกุมตัวแล้ว

นายยุทธพงศ์ ถามต่อว่า กรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ เป็นผู้บริจาคเงิน 3 ล้านบาท ให้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ตนจึงอยากถามนายกฯ ว่า นายชัยณัฐร์ เป็นใคร และได้สอบสวนไปถึงไหนแล้ว และเงินบริจาคถูกกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ ตนมีหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติจากจีนเป็นไทยของนายชัยณัฐร์ ที่ออกเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2558 เหตุใดจึงออกกันได้ง่ายเช่นนี้ และสรุปแล้วนายชัยณัฐร์ ถือกี่สัญชาติ

'ตำรวจ' รวบ นักลวงผ่านแอปฯ ไลน์ พบประวัติหลอกเหยื่อออนไลน์โชกโชน

วันที่ 12 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.ดูแลงานสืบสวน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. จับกุมนายเอกชัย คนึงคิด อายุ 26 ปี ชาวจ.พะเยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 271/2564 ลงวันที่ 5 ต.ค. พ.ศ.2564 ข้อหา 'ฉ้อโกง' จับกุมตัว บริเวณลานจอดรถ ภูผาทองอพาตเม้นท์ หมู่ 6 ทางคู่ขนาน ถนนพหลโยธิน ต. เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 เวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา      

สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อบัญชี 'รับจำนำรถยนต์' ทักไปลวงผู้เสียหายซึ่งได้มีการไปโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ส่วนตัวซึ่งหายไปเมื่อประมาณปี 2562 ในเพจซื้อขายรถยนต์มือสองต่างๆ พร้อมกับให้ข้อมูลติดต่อกลับไว้ 

เมื่อผู้ต้องหาเห็นโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ของผู้เสียหาย จึงได้ใช้แอปพลิเคชันไลน์ชื่อบัญชี 'รับจำนำรถยนต์' ทักไปแจ้งกับผู้เสียหายว่ารถยนต์คันที่ผู้เสียหายตามหานั้น ณ เวลานั้นอยู่กับตนโดยเป็นรถที่มีคนนำมาจำนำและหลุดจำนำแล้ว ถ้าผู้เสียหายอยากได้รถคือให้ผู้เสียหายมาติดต่อรับด่วน โดยได้ให้ผู้เสียหายส่งเอกสารเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวให้ แต่ต้องโอนเงิน จำนวน 75,000 บาท (โดยแบ่งเป็นเงินต้น 70,000 บาท และดอก 5,000 บาท) มาให้เพื่อรับรถคืน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวน 75,000 บาท ให้คนร้ายครบ คนร้ายจึงได้ทำการปิดกั้นการติดต่อกับผู้เสียหาย 

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตลอดจนการซักปากคำรับสารภาพของผู้ต้องหายังพบข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน คนร้ายที่ถูกจับกุมยังมีพฤติกรรมสร้างบัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปหลอกขายอาวุธปืนผิดกฎหมายในกลุ่มคนเล่นปืนกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มสมาคมคนรักปืน, กลุ่มสมาคมคนรักอาวุธปืน V.1, กลุ่มสหายคนรักปืน, กลุ่มชมรมคนรักลูกโม่, กลุ่มสมาคมคนรักGUN 

‘ตำรวจ’ รวบเครือข่ายชาวม้งลอบขนยาเสพติด จับกุมได้พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 1.6 ล้านเม็ด

(23 พ.ย. 65) จากนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด เดินหน้าเชิงรุกทุกมิติการทำงาน เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน ทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุม รวมทั้งขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. / รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., ได้สั่งการให้ทุกหน่วยใน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นจับกุมและสืบสวนขยายผลการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั่วประเทศ 

ล่าสุด ช่วงวันที่ 20 - 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา คือ 
1.) นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง อายุ 22 ปี
2.) นายนพเดช แซ่ซ้ง อายุ 28 ปี
3.) นายเอกภพ แซ่เฮ่อ อายุ 35 ปี ลำดับ (1-3 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดตาก)
4.) นายจักรกฤษณ์ สวยรักษ์ อายุ 53 ปี 

หลังสืบทราบว่า กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาในอำเภออุ้มผางและพบพระ จังหวัดตาก มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียงเป็นประจำ วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่าจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยจะใช้รถกระบะ และรถยนต์ใช้ในการขนส่ง กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยติดตามรถของขบวนการซึ่งตรงตามที่สืบทราบมา จนเวลาประมาณ 16.00 น. สามารถสกัดจับรถต้องสงสัยคือ รถกระบะ ISUZU D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค 394 พิษณุโลก ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และรถยนต์ HONDA CIVIC หมายเลขทะเบียน กย 2637 ลำปาง มี นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง, นายนพเดช แซ่ซ้ง และนายเอกภพ แซ่เฮ่อ เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ ตรวจสอบในรถพบยาบ้า ถูกซุกซ่อนมาในกระเป๋า 16 ใบ รวม 1,600,000 เม็ด ภายในรถกระบะ 

นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, ไอแพดสีดำ 1 เครื่อง ทั้งหมดรับว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งลูกค้าตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ‘ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน’ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนกำแพงเพชร-สุโขทัย ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร 

‘ตำรวจ’ เตือน!! ‘SMS อนุมัติให้กู้เงิน’ กลับมาระบาดหนัก แนะทริกสังเกต เพื่อไม่ตกหลุมพรางแก๊งหลอกลวง

วันนี้ (23 พ.ย. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยกรณี รองโฆษกรัฐบาล ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่ง SMS อนุมัติกู้เงิน ก่อนหน้านี้นั้น  

​พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมายังสายด่วนไซเบอร์ 1441 ว่าพบ พฤติการณ์คนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ แล้วโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ส่งอีเมล หรือ ส่ง SMS หาเหยื่อโดยตรงว่ามีสิทธิได้รับสินเชื่อจากธนาคารพร้อมกับลิงก์เพื่อดาวน์โหลดแอป หรือให้แอดไลน์คุยกัน นอกจากไม่ได้เงินแล้ว ยังเสียเงินโดนหลอกเอาเงินประกัน หรือ เงินค่าดำเนินการจากเหยื่อ ซึ่งได้มีการประชาสัมพันธ์เตือนภัยเป็นระยะ แต่พบว่า กลับมาระบาดหนักอีกในระยะนี้ มักอ้างกับกลุ่มบริษัทสินเชื่อภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลัง

พล.ต.ต.อาชยนฯ กล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถสังเกตและป้องกันได้ ดังนี้

1.) ขอข้อมูลเชิงลึกมากผิดปกติ เช่น เลขบัตรประชาชน, เลขบัตรเครดิต, เลขบัญชีธนาคาร, วันเดือนปีเกิด, รหัส ATM, Password รวมถึงรหัส OTP ในการทําธุรกรรม ซึ่งการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ขอข้อมูลเชิงลึกมากขนาดนี้ 

2.) SMS ข้อความแจ้งเตือน เพื่อให้อัปเดต หรือ ให้เปลี่ยนรหัสทันที พร้อม ลิงก์ เมื่อคลิก ลิงก์ จะปรากฏหน้าเว็บไซต์ที่ให้กรอก Username/Password ในหน้าแรก ซึ่งผิดปกติ 

3.) ถ้าคลิกเข้าเว็บไซต์ ลิงก์ที่พาไปมักมีชื่อแปลก ๆ พยายามเลียนแบบชื่อเว็บไซต์จริงของธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ใช้ภาพโลโก้ มาสร้างโปรไฟล์ ให้เหมือนจริง แม้กระทั่งข้อความส่งไปจะเป็นภาษาทางการเงินของทางธนาคารต่างๆ เพื่อให้ผู้เหยื่อสับสน และหลงเชื่อว่าเป็นข้อความจากธนาคารจริง ควรตรวจสอบตัวสะกดลิงก์เว็บไซต์ต่าง ๆ ในช่องเว็บเบราเซอร์ ว่าถูกต้องตรงตามจริง

4.) ข้อความชวนเชื่อว่า กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยต่ำ ใช้เอกสารน้อย ไม่ต้องมีหลักประกัน ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้

5.) ไม่รู้ว่าผู้ส่งคือใคร เมื่อได้รับ SMS แปลก ๆ ที่ส่งมาชวนกู้เงิน อย่ารีบกดลิงก์หรือกรอกข้อมูล ควรเช็กให้ชัวร์ก่อน จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบหรือหลอกลวง

6.) การติดต่อจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่จะให้เงินกู้ทุกครั้ง ควรตรวจสอบจากเบอร์กลางของหน่วยงานนั้นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตส่วนใหญ่จะไม่ทักประชาชนมาในลักษณะนี้ ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่ผู้ให้กู้ในระบบหรือเปล่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนใช้บริการ ดังนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top