‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงก์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็บหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ