Friday, 19 April 2024
ตำรวจ

ตำรวจภูธรภาค 1 ระดมสิ่งของช่วยบรรเทาทุกข์ ครอบครัวตำรวจ - ประชาชน ที่น้ำท่วมจมใต้บาดาล ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคกลาง

วันที่ 12 ตุลาคม ที่ลานด้านหน้าอาคารอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช. ร่วมปล่อยขบวนคาราวานรถยนต์บรรทุกสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 1 ได้สร้างความเสียหาย สร้างความเดือดร้อน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน ตำรวจภูธรภาค 1 จึงเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคสิ่งของ จากผู้มีจิตศรัทธาเพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมทั้งครอบครัวข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เปิดเผยต่อว่า การปล่อยขบวนคาราวานรถยนต์ที่บรรทุกสิ่งของ ทั้ง ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ผักกาดดอง นมกล่อง UHT น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย และกระดาษชำระ ที่รวบรวมได้ ส่งไปช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พี่น้องประชาชนและครอบครัวข้าราชการตำรวจ ในพื้นที่ทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ลพบุรี และสระบุรี ซึ่งประชาชน 69,833 คน และข้าราชการตำรวจ 194 นาย ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อน 

 

เยาวชนปลดแอก โพสต์ ทะลุแก๊สหลายคนลำบาก ตกงาน ไร้บ้าน ฆ่าตัวตาย โบ้ยฝีมือบิ๊กตู่

น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แกนนำเยาวชนปลดแอก และม็อบที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า... 

เยาวชนที่เคยออกไปม็อบดินแดงหลายคนกำลังลำบากอย่างมากจากสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หลายคนต้องตกงาน บางคนต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน เท่าที่ทราบมามีคนพยายามฆ่าตัวตายไม่ต่ำกว่า 7 คน ตอนนี้สำเร็จไปแล้ว 2 คน อีกคนช่วยทันแต่อยู่ในไอซียู

ผบ.ตร. ขอให้ตำรวจทุกนายอยู่ในพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 งดออกนอกพื้นที่เพื่ออวยพรผู้บังคับบัญชา ลดเสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19

วันที่ 19 ธันวาคม 2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ขอให้ข้าราชการตำรวจงดเดินทางออกนอกพื้นที่ เพื่อเข้าอวยพรปีใหม่ผู้บังคับบัญชา เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) และให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกการจราจร งานบริการ หรือช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน และถือว่าเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ที่ตำรวจทุกนายมอบให้แก่พี่น้องประชาชนอีกด้วย

“ ตร.เตรียมความพร้อม ดูแลประชาชนเดินทางไป-กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ”

วันนี้ (29 ธ.ค.2564) เวลา 16.30 น. ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ได้มอบนโยบายแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการจราจร โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.น. กว่า 14,000 นาย ช่วยอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะถึงนี้

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่าได้กำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้อำนวยความสะดวกการจราจร ป้องกันอุบัติเหตุจราจรให้กับพี่น้องประชาชน และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเดินทางไป – กลับภูมิลำเนา เพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รักอย่างปลอดภัยและมีความสุข ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เตรียมความพร้อมการปฏิบัติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยจัดกำลังข้าราชการตำรวจ จำนวน 14,000 นายเศษ ไว้คอยดูแลความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณเส้นทางเข้า – ออกกรุงเทพมหานคร, สถานีขนส่ง, สนามบิน และจุดเชื่อมต่อเส้นทางหลักให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดร่วมกับ บขส. เพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ การตั้งจุดกวดขันวินัยจราจร เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยมอบนโยบายเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติดังนี้

1) ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในทุกส่วน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชน โดยเน้นเส้นทางเข้า - ออก กรุงเทพมหานคร, สถานีขนส่ง, สถานีรถไฟ และสนามบิน ตลอดจนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบประกอบในการวางแผนการเดินทาง

2) ขอความร่วมมือจากประชาชนในทุกภาคส่วน ให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรโดยเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่

3) จัดให้มีจุดบริการประชาชน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4) จัดเตรียม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนกรณีมีเหตุฉุกเฉิน เช่น  รถยก, 
รถกู้ภัย, รถฉุกเฉินทางการแพทย์ เป็นต้น

5) การบังคับใช้กฎหมาย โดยให้มีการตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจร, จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์, เพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้กับประชาชน โดยเน้นพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

6) จัดกำลังพลตรวจตราการจัดงาน/กิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งร้านอาหาร สถานประกอบการ ให้ปฏิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการควบคุมโรค เช่น การจำกัดจำนวนคนเข้ารับบริการ การเว้นระยะห่างไม่แออัดจนเกินไป และการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร

โฆษกรัฐบาล เปิดรายละเอียด แก้หนี้ 8 กลุ่ม รวม ครู-ตร. ย้ำคำ นายกฯ '65 ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โพสต์ผ่านเพจ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Cha-o-cha" ย้ำความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี ผลักดันให้ปี 2565 นี้ เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ให้สำเร็จให้ได้  ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมรับว่า วิกฤตโควิด-19 ซ้ำเติมให้ปัญหา"ปัญหาหนี้สินครัวเรือน"  มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ นายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าทุกวิถีทาง เพื่อช่วยบรรเทาภาระและความเดือดร้อนของทุกกลุ่มลูกหนี้  ล่าสุดได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 21 ธันวาคม 64  ผลักดันร่างพ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....   เข้าสู่รัฐสภาพิจารณา  โดยหวังจะได้รับความร่วมมือสมาชิกรัฐสภา ผ่านร่าง พ.ร.บ. โดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อการแก้หนี้นักเรียน นักศึกษาและผู้คำ้ประกันกว่า 5 ล้านคน

นายธนกร กล่าวว่า ความก้าวหน้าของคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรีฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เป็นประธาน ในการดำเนินการตามข้อสั่งการของพล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ครอบคลุม 8 กลุ่มหนี้ ได้แก่ 

1) การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา  (กยศ.)  ปฏิรูปรูปแบบการชำระหนี้ อาทิ การปรับปรุงรูปแบบการจ่ายชำระหนี้คืน จาก “รายปี” เป็น “รายเดือน” เป็นชำระคืนค่างวดแบบเฉลี่ย “เท่ากันทุกเดือน” ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระจาก 15 ปี เป็น 25 ปี  การเริ่มชำระหนี้ ให้ผูกกับ “การมีงานทำ” ปรับปรุงลำดับการตัดชำระหนี้ โดยนำไปตัด “เงินต้น” ก่อน แล้วจึงนำมาตัด “ดอกเบี้ย”  ปรับลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เหลือ 2% ต่อปี ยกเลิกผู้ค้ำประกันตั้งแต่ปีการศึกษา พ.ศ. 2564 เป็นต้น

2) การกำหนดให้การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ผ่านกลไกธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินของรัฐ โดย ธปท. จะออกประกาศเรื่อง “การปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจอย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยให้ SFIs สามารถปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ได้โดยไม่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการถูกลงโทษตามกฎหมาย  ประกาศของ ธปท. และข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป

3) การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์  เช่น การประกาศกรอบอัตราค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ที่ช่วยคุ้มครองลูกหนี้ ไม่ให้ถูกเรียกเก็บเงินในการทวงถามหนี้เกินความจำเป็น  โดยอัตราค่าทวงถามหนี้กรณีทั่วไปรวมจำนำทะเบียน ให้คิดไม่เกิน 50 บาทต่อรอบการทวงถามกรณีค้างชำระ 1 งวด และคิดไม่เกิน 100 บาทต่อรอบการทวงถาม กรณีค้างชำระมากกว่า 1 งวด   คิดอัตราค่าทวงถามหนี้สำหรับปฏิบัติการลงพื้นที่ติดตามถามหนี้ สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ไม่เกิน 400 บาทต่อรอบการทวงถาม  กำหนดค่างวดที่ถึงกำหนดชำระที่ต่ำกว่า 1,000 บาท ไม่ให้มีการเก็บค่าทวงถามหนี้ 

4) การแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการโดยเฉพาะข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ อาทิ การยุบยอดหนี้โดยใช้ทรัพย์สินและรายได้ในอนาคตของครู   การปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเหลือไม่เกิน 5% เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อหักเงินเดือนข้าราชการที่มีความเสี่ยงต่ำ   การปรับลดค่าธรรมเนียมทำประกันชีวิตและการค้ำประกันโดยบุคคลที่ไม่จำเป็น การยกระดับระบบการตัดเงินเดือนของข้าราชการให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น 

การแก้ไขปัญหาหนี้ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอความร่วมมือไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในการพักชำระหนี้เงินต้น การปรับลดอัตราการถือหุ้นรายเดือน การจัดทำโครงการปล่อยเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิกในครอบครัว และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกที่มีหนี้เงินกู้

หน่วยงานต้นสังกัดเร่งปรับปรุงและยกระดับระบบการตัดเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ อาทิ กำหนดยอดเงินที่ข้าราชการสามารถกู้ได้โดยไม่เกินศักยภาพในการชำระคืนจากเงินเดือน กำหนดกติกาว่าหลังหักชำระหนี้ ข้าราชการต้องเหลือเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 30% เพื่อป้องกันการกู้ยืมนอกระบบ  

 5) การปรับลดและทบทวนโครงสร้างและเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม และการออกมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ของลูกหนี้ ล่าสุดกระทรวงการคลังได้ปรับลดเพดานเงินกู้สินเชื่อ PICO Finance ลงจาก 36% เหลือ 33% สำหรับลูกหนี้ที่วางหลักประกัน  ล่าสุด  16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ธปท. ได้ออกมาตรการแก้ไขหนี้สินระยะยาวเพิ่มเติม ด้วยการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์ (Refinance) และการรวมหนี้ (Debt Consolidation) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี หรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19  สามารถนำหลักประกันของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว นอกจากนี้  ธปท. ลดข้อจำกัดการทำ   รีไฟแนนซ์ (Refinance) หนี้ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันของสถาบันการเงินในการรวมหนี้ให้กับลูกหนี้ควบคู่ไปด้วย 

6) การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล มีการจัดตั้ง “คลินิกแก้หนี้” เพื่อเป็น platform กลางในการแก้ไขปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ปกติมักมีเจ้าหนี้หลายราย ที่ผ่านมาช่วยเหลือแก้หนี้หลายหมื่นบัญชี    ธปท. ยังจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์  ได้ช่วยประชาชนรายย่อยมากกว่าสองแสนราย  

เปิดข้อมูลตำรวจไทยเป็นหนี้สินบาน 3.2 แสนล.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้ข้าราชการตำรวจและครู ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รายงาน สถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับข้าราชการตำรวจ จากข้อมูล ณ 15 พ.ย. 2564 มีกำลังพลทั้งสิ้น 205,448 ราย มีหนี้สินจำนวน 164,291 คน คิดเป็น 80 % ของกำลังพลทั้งหมด รวมจำนวนเงินหนี้ทั้งสิ้นกว่า 322,032 ล้านบาท ประกอบด้วยหนี้สหกรณ์ 231,435 ล้านบาท และหนี้สถาบันการเงินจำนวน 90,596 ล้านบาท 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินโครงการแก้หนี้สินข้าราชการตำรวจเป็นระยะ ๆ รวมมีผู้เข้าร่วมโครงการแล้ว 7,333 ราย สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ จำนวน 2,778 ราย เป็นเงินจำนวน 4,041 ล้านบาท ขณะนี้ยังคงค้างอยู่ในโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 4,555 ราย

'ผบ.ตร' เป็นประธานอบรมพนักงานสอบสวน และทีมงานสหวิชาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานแก่คนต่างด้าว

ที่ห้องประชุมออคิดบอลรูม  โรงแรมพูลแมนขอนแก่น จว.ขอนแก่น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ประธานพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวน และทีมงานสหวิชาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานแก่คนต่างด้าว และการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงาน อันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์
 

"รอง ผบ.ตร. ปิดการประชุม Cybercrime อาเซียน ปลื้มได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศ

    เมื่อวันที่ (19 พ.ค.65) ที่ รร. แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา เมอร์ลิน บีช จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เป็นประธานพิธิปิดการประชุม Cybercrime Conference for Law Enforcement Agencies and Partners โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ คู่เจรจานอกอาเซียน 7 ประเทศ ตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึง หน่วยงาน Partners ของ Interpol เช่น Facebook, Microsoft, Trend Micro, Binance และ Meta เข้าร่วมประชุม 
    หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวว่า หลายประเทศที่มาร่วมประชุมประสบปัญหาเกี่ยวกับ Cybercrime คล้ายๆ กันในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน ผู้คนเปลี่ยนวิถีชีวิตมาซื้อขายของออนไลน์มากขึ้น 
    

ตำรวจ ยัน มีความพร้อมดูแลความสงบเรียบร้อย เลือกตั้งท้องถิ่น กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนชี้แจง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา

ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ฯ ได้มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา จว.ชลบุรี ในอาทิตย์วันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 ข้อ 51 เมื่อกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนายกเมืองพัทยา ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นฯ ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อขอให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเจ้าพนักงานรักษาความปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยการจัดการการเลือกตั้งประจำที่เลือกตั้ง

เพื่อให้ภารกิจการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปกำกับดูแล จัดประชุมเตรียมความพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมติดตามประเมินสถานการณ์ด้านการข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง รวมถึงภารกิจการรักษาความสงบในพื้นที่ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาใช้บริการตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ อย่างเต็มความสามารถ และได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) และจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการการเลือกตั้งในระดับกองบัญชาการ ของ บช.น. และ ภ.2 รวมทั้งกำหนดให้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมและประเมินสถานการณ์ ด้านการข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้ง ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ในวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.30 น. และ เวลา 17.00 น. และในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2564 เวลา 10.30 น. และ เวลา17.00 น. เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เลือกตั้งอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงก่อนการเลือกตั้งได้มีการจัดชุดเฉพาะกิจออกตรวจตราป้องกันมิให้มีการกระทำความผิด และกรณีมีเหตุเกิดในบริเวณหน่วยเลือกตั้งหรือใกล้เคียงจะมีชุดเคลื่อที่เร็วเตรียมความพร้อมในการเข้าระงับเหตุได้ในทันที รวมถึงการรักษาความปลอดภัยในการย้ายหีบบัตรเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และดูแลการจราจรแก่ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงมาตรการควบคุมโรค ให้ประชาชนเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง

ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี บช.น. และ ภ.2 ได้ประสานกับ กกต.และสำนักงานเขตในพื้นที่ทำการจัดอบรมให้ความรู้กฎหมายและขั้นตอนการปฏิบัติที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับมอบหมายสามารถทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำที่เลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยก่อนวันเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง  อีกทั้งให้จัดชุดทำการสืบสวนหาข่าวและจัดชุดเคลื่อนที่เร็วในพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมจัดการการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำเส้นทางแก่ประชาชนที่เดินทางมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมและมีการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว รวมถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง ประสานการปฏิบัติกับ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับการดูแลรักษาความปลอดภัยหีบเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง  โดยแบ่งภารกิจเป็นก่อนเลือกตั้ง ขณะเลือกตั้ง

พร้อมได้กำชับให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงประสานกับ กกต. วางแนวทางป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งฯ และหากตรวจพบการกระทำความผิดก็ให้ประสานกับ กกต. ทำการร้องทุกข์ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทำการเร่งรัดการสืบสวนสอบสวน พิสูจน์ทราบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ตร. ห่วงใย การคุกคามทางเพศ Sexual Harassment ชาย หญิง หรือเพศทางเลือก ก็เป็นตกเหยื่อได้ อย่าเพิกเฉย ให้แจ้งความดำเนินคดี

       วันที่ 4 มิ.ย.2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น
     สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอโอกาสนี้ในการนำพี่น้องประชาชนไปรู้จักกับอาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้ ไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ หรือ เพศทางเลือก ซึ่งอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวก็คือ Sexual Harassment หรือภาษาไทยคือ การคุกคามทางเพศ ซึ่งหมายถึง การกระทำหรือการแสดงออกในทางเพศ ทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม ผ่านการใช้สายตา ท่าทาง เสียง คำพูด ร่างกาย หรือสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าของการกระทำนั้น รู้สึกเดือดร้อนรำคาญ อึดอัด ไม่พอใจ เครียด หวาดระแวง หวาดกลัว และรู้สึกไม่ปลอดภัย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top