Monday, 20 May 2024
จีน

‘เอกชน’ เชื่อ!! จีนยกเลิกคุมโควิด-19 ส่งผลดีต่อไทย คาด!! เศรษฐกิจคึกคัก ผู้ประกอบการเตรียมรับมือ

จีนประกาศยกเลิกมาตรการคุมโควิด-19 การกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ส่งผลดีต่อไทยและเศรษฐกิจไทยทุกด้าน คาดปี 2566 นักท่องเที่ยวเพิ่มเกิน 5 ล้านคน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 นักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 มองว่า จะมีผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยในทุกด้านถือว่าเป็นข่าวดีและสุดยอดอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบแม้จีนจะเปิดประเทศช้า แต่เชื่อว่าแนวทางเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นและเป็นเมืองที่ชาวจีนต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก และไม่เพียงคนจีนเท่านั้น หลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าไทยมีจุดสนใจเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น

ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากจีนยกเลิกมาตรการกักกันโควิด เชื่อว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวในไทยเกินกว่า 5 ล้านคน และยิ่งปัญหาโควิด-19 เบาลงคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากกว่านี้แน่นอน แต่สิ่งที่ภาคเอกชนยังกังวลคือ การเตรียมการต้อนรับของไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพราะในเวลานี้แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4 แต่โดยภาพรวมความพร้อมของภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม สถานที่พักบุคคลกรและอื่นๆของไทยยังไม่กลับมาเต็มที ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวหลายชาติกลับมาเที่ยวในไทย แต่คนไทยยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จะมีปัญหาได้ ภาครัฐบาลจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและเตรียมความพร้อมเป็นการด่วน

'นาซา' ระแวง!! หวั่นจีนอาจอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดวงจันทร์ หากชนะสหรัฐฯ ในสมรภูมิแข่งขันด้านอวกาศ

จีนอาจพยายามเข้าควบคุมตำแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรมากที่สุดบนดวงจันทร์ หากว่าปักกิ่งมีชัยชนะในการแข่งขันเหนืออเมริกา สำหรับดวงดาวบริวารเพียงดวงเดียวของโลกดวงนี้ จากความเห็นของ บิล เนลสัน ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา)

"มันเป็นความจริง เราอยู่ในศึกแข่งขันด้านอวกาศ" เนลสัน ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ ‘โพลิติโค’ เมื่อวันอาทิตย์ (1 ม.ค.) พร้อมเตือนว่า "และมันเป็นความจริงที่เราต้องระแวดระวังมากขึ้นว่าจีนจะไม่เข้าควบคุมสถานที่หนึ่งๆ บนดวงจันทร์ ภายใต้หน้ากากของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และมันไม่ใช่เรื่องเกินเลยในขอบเขตความเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะบอกว่าพื้นที่นี้ห้ามเข้า เราอยู่ที่นี่ นี่คือดินแดนของเรา"

ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า "ปัญหาคือ ณ ตอนนี้มันมีหลายพื้นที่ทางขั้วใต้ของดวงจันทร์เท่านั้นที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราคิด สำหรับกักเก็บน้ำและอื่น ๆ เป็นต้น"

เนลสัน พาดพิงพฤติกรรมของจีนในผืนโลก ในการให้เหตุผลเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่า "ถ้าคุณคลางแคลงใจ คุณลองดูสิ่งที่พวกเขาทำกับหมู่เกาะสแปตลีย์สิ" เขากล่าวอ้างถึงหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งประเทศอื่น ๆ โต้แย้งกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน แต่กองทัพจีนได้เข้าไปจัดตั้งฐานทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในปี 2019 จีนกลายเป็นประเทศแรกที่สามารถลงจอดแบบนุ่มนวลในด้านห่างไกลของดวงจันทร์ ส่วนหนึ่งในภารกิจของยานฉางเอ๋อ 4 และหุ่นยนต์สำรวจขนาดเล็กที่ชื่อ อวี้ทู่ 2 ทั้งนี้ ต่อมามันได้ส่งตัวอย่างดวงจันทร์กลับมายังโลก และทางปักกิ่งคาดหมายว่าพวกเขาจะสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ก่อนปี 2023 และจากนั้นจะจัดตั้งสถานีวิจัยทางวิทยาศาสตร์บนดวงจันทร์เป็นลำดับต่อไป

ช่วงไม่ปีที่ผ่านมา องค์กรอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) ยังประสบความสำเร็จในการส่งยานอวกาศและยานโรเวอร์ไปดาวอังคารด้วยเช่นกัน รวมถึงปล่อยสถานีอวกาศแห่งชาติขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก

เนลสันยอมรับว่า "ภายในทศวรรษที่ผ่านมา จีนประสบความสำเร็จอย่างมโหฬารและมีความก้าวหน้ามากมายในด้านโครงการอวกาศ" 

'สื่อไต้หวัน' ปูด!! มังกรน้อยส่งกล้องสำรวจ Hsiung Feng III ขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียงไปซ่อมในจีน

เมื่อวันพุธ (4 ม.ค.) สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ Chung-Shan (NCSIST) ยอมรับว่า กล้องสำรวจของขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียง 'สยงเฟิง 3' (Hsiung Feng III) ซึ่งถูกซื้อในปี 2564 จากบริษัท Leica ของสวิตฯ ได้ถูกส่งกลับไปยังผู้ผลิตเพื่อทำการซ่อมแซมเมื่อไม่นานมานี้ หลัง Mirror Media Weekly สื่อไต้หวันออกมาแฉข้อมูล

สถาบันวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไต้หวันถอดการ์ดหน่วยความจำของเครื่องออกก่อนส่งไปซ่อม โดยขอให้ตัวแทนส่งชิ้นส่วนดังกล่าวไปสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี บริษัท Leica แจ้งว่าศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับภูมิภาคเอเชียอยู่ในจีน จึงจำเป็นต้องส่งไปแผ่นดินใหญ่

“NCSIST ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลบนอุปกรณ์ทันที และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการติดตั้งมัลแวร์ ดังนั้น จึงสามารถขจัดข้อกังวลด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ” แถลงการณ์ระบุ

‘สตม.’ รวบชาวจีนสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศ หลังหนีหมายจับคดีฉ้อโกง เสียหายกว่า 1,400 ลบ.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ  สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.

คดีที่ 1 'รวบหนุ่มแดนมังกรสวมรอยเป็นนักธุรกิจต่างประเทศชักชวนหลอกลงทุนความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท' เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.สตม, กก.1 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุมตัว MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ในข้อหา 'เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต' 

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามบุคคล ราย MR.Shangguan หรือ นายฉางกวน อายุ 44 ปี ซึ่งได้รับการขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญจากสำนักงานกงสุล(ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุณหมิง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าว ได้ฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหาย กว่า 1,400 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศและทำการชักชวนให้ประชาชนเข้าทำการลงทุน ซึ่งเป็นการหลอกลวง ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบบุคคลมีตำหนิรูปพรรณคล้าย MR.Shangguan จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ผู้ต้องหารับว่าตน คือ MR.Shangguan อายุ 44 ปี ไม่มีหนังสือเดินทางจริง และรับว่าได้หลบหนีเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาที่ประเทศไทย  จึงได้ให้ดูหมายจับประเทศจีน รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันในหมายจับดังกล่าวจริง และจากการตรวจค้นตัว พบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาจากประเทศจีน,เอกสาร

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงข้อกังวลกรณีชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทย ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น

(16 ม.ค. 66) เวลา 9.30 น.พลตำรวจตรี  อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงข้อกังวลกรณีชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทย ว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวว่า ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารย่านเยาวราชมีข้อกังวลประเด็นชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทย โดยระบุว่า กลุ่มชาวจีนรุ่นใหม่ที่มาลงทุนโดยใช้นอมินี หรือมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทในย่านเยาวราช เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าขาย ฯลฯ ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ เม็ดเงินต่างๆ จะกระจายสู่ท้องถิ่นน้อยลง และผู้ประกอบการไทยจะประสบปัญหาในระยะยาว ขณะที่รูปแบบการใช้จ่ายจะใช้จ่ายผ่านระบบของจีนระหว่างคนจีนกับคนจีนด้วยกัน รวมถึงสามารถเปิดบัญชีได้ แต่ไม่ทราบว่าปลายทางของเงินจะกลับไปอยู่ที่ประเทศต้นทางของเขาหรือไม่ แต่ที่เห็นชัดคือ ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกับนักธุรกิจชาวไทยนั้น 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่มีโทษทางอาญา และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะหน่วยงานตรวจสอบและบังคับใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พุทธศักราช 2522 สรุปดังนี้

1) คนต่างด้าวถือหนังสือเดินทางสัญชาติจีน สามารถเข้าประเทศไทยได้โดยสามารถขอรับการตรวจลงตราที่ท่าอากาศยาน VOA Visa on arrival ประเภทการท่องเที่ยว 15 วัน ซึ่งปัจจุบันมีมติคณะรัฐมนตรี และประกาศกระทรวงมหาดไทย ขยายให้อยู่เป็นจำนวน 30 วัน และเจ้าของพักอาศัยหรือผู้ครอบครองจะต้องแจ้งที่พักอาศัยให้เจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อรับคนต่างด้าวเข้าพักในประเทศไทย

‘จีน’ ชี้!! คุณภาพ ‘อากาศ-น้ำ’ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2022

(18 ม.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน รายงานว่าคุณภาพอากาศและน้ำของจีนดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2022

เจี่ยงหั่วหัว เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ แถลงข่าวว่าสัดส่วนวันที่มีคุณภาพอากาศดีในเมืองระดับแคว้นขึ้นไปของจีนในปี 2022 อยู่ที่ร้อยละ 86.5 ขณะสัดส่วนวันที่มีมลพิษทางอากาศรุนแรงอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 1 เป็นครั้งแรก

ความหนาแน่นเฉลี่ยของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม2.5 (PM2.5) อยู่ที่ 29 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลดลงร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งต่ำกว่า 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูล

สัดส่วนน้ำผิวดินตั้งแต่ระดับ 3 (Grade III) ขึ้นไปจากระบบวัดคุณภาพน้ำ 5 ระดับของประเทศเพิ่มขึ้น 3 จุด เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ร้อยละ 87.9 ในปี 2022 ขณะสัดส่วนน้ำผิวดินต่ำกว่าระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด อยู่ที่ร้อยละ 0.7 ลดลง 0.5 จุดจากปี 2021

‘อินเดีย’ ขึ้นแท่น ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก สวนทาง ‘จีน’ ที่ประชากรลดลงในรอบ 60 ปี

อินเดียมีประชากรมากที่สุดในโลกแซงหน้าจีนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่จีนมีประชากรลดลงในรอบ 60 ปี

World Population Review องค์กรอิสระที่ศึกษาสำมะโนประชากรคาดการณ์ว่าอินเดียมีประชากรถึง 1.417 พันล้านคนแล้วในช่วงสิ้นปี 2022 และกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดแซงหน้าจีนแล้วเรียบร้อย

จากจำนวนประชากรของอินเดียตามที่คาดการณ์ที่ 1.417 พันล้านคน ทำให้อินเดียมีประชากรมากกว่าจีนอยู่เกิน 5 ล้านคนก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า ขณะนี้จีนมีประชากรอยู่ 1.412 พันล้านคน ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ตั้งแต่ช่วงปี 1961

องค์การสหประชาชาติได้คาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดแซงหน้าจีนภายในปีนี้ แต่จากคาดการณ์ของ World Population Review อินเดียมีประชากรถึง 1.432 พันล้านคนแล้ว ส่วนองค์กรวิจัย Macrotrends คาดว่าตัวเลขประชากรล่าสุดของอินเดียอยู่ที่ 1.428 พันล้านคนแล้ว ทั้งนี้ ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการจากอินเดียเนื่องจากโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถสำรวจตัวเลขประชากรได้

World Population Review ยังคาดการณ์ว่าแม้ประชากรของอินเดียจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2050 

ครึ่งหนึ่งของประชากรอินเดียมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ทำให้นายกรัฐมนตรี Narendra Modi เร่งสร้างงานให้คนในประเทศมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ เพราะอินเดียแม้จะมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชียและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ได้ดี แต่ประชากรราว 800 ล้านคนยังพึ่งพาโครงการจัดหาอาหารของรัฐบาลอยู่

อินเดียเป็นประเทศที่อยู่ได้ด้วยการผลิตอาหารภายในประเทศ เป็นผู้ผลิตข้าว ข้าวสาลี และน้ำตาลใหญ่เป็นอันดับ 2 เป็นประเทศที่บริโภคน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำหรับรับประทานมากที่สุด อินเดียยังเป็นตลาดที่ใช้ทองและเหล็กกล้ามากเป็นอันดับที่ 2 และเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 3 รวมทั้งเป็นประเทศที่มีตลาดการบินภายในประเทศใหญ่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

ขณะที่อินเดียมีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จีนกลับมีประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ข้อมูลจาก National Statistics Bureau เผยว่า ประชากรจีนลดลง 850,000 คนในปี 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021

Soft Power ไทยสายบู๊ กู่ก้องในแดนมังกร หลังคนจีนจำนวนไม่น้อย ปลื้มมวยไทย

(19 ม.ค. 66) เพจ ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความนิยมของมวยไทยในประเทศจีน ว่า…

#ครูสอนมวยไทยในจีน #ไทย #จีน

ที่ค่ายมวยหรงซี เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน ‘ครูลู’ (库鲁 ชื่อเล่นในจีน) กำลังสอนมวยไทยให้กับคนจีนด้วยเสียงดัง เพื่อกระตุ้นความกล้าหาญของนักเรียน ดูแล้วคึกคักมาก 

ครูลูมาจากเมืองไทย อายุ 42 ปี ได้รับใบอนุญาตสอนมวยไทยระดับ A ในปี 2016 สอนมวยไทยมา 14 ปีแล้ว เคยเปิดค่ายมวยในไทย และยังเคยสอนมวยไทยที่บราซิล ออสเตรเลียและสิงคโปร์ 

ครูลูบอกว่า เมื่อ 6 ปีก่อนได้เข้าเมืองจีนเป็นครั้งแรก มีประสบการณ์สอนมวยไทยที่เมืองซีอานมณฑลส่านซี เมืองหลานโจวมณฑลกานซู่ มณฑลจี๋หลินภาคเหนือของจีนและมณฑลกุ้ยโจวภาคใต้ของจีน เมื่อเข้ามาเมืองจีนรู้สึกตกใจที่คนจีนจำนวนมากชอบมวยไทย

'โซนี่’ ย้ายสายการผลิตกล้องถ่ายรูปจากจีนมาไทย สำหรับขายในตลาด ‘สหรัฐฯ-ยุโรป-ญี่ปุ่น’

(29 ม.ค.66) เว็บไซต์ นสพ. Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น เสนอข่าว Sony separates production of cameras for China and non-China markets ระบุว่า โซนี่ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ตัดสินใจแยกสายการผลิตกล้องถ่ายรูปสำหรับจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป และประเทศญี่ปุ่น ย้ายออกจากจีนมายังประเทศไทย เพื่อปกป้องระบบห่วงโซ่อุปทานโดยการลดการพึ่งพาจีน โดยโรงงานโซนี่ที่ประเทศจีนจะผลิตกล้องสำหรับจำหน่ายในตลาดจีน

ในปัจจุบัน กล้องของโซนี่ถูกส่งออกจากโรงงานในจีนและไทย ไซต์ดังกล่าวจะคงไว้ซึ่งโรงงานผลิตบางส่วนเพื่อนำกลับมาออนไลน์ในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โซนี่ได้ย้ายสายการผลิตกล้องถ่ายรูปสำหรับตลาดสหรัฐฯ เป็นแห่งแรก ต่อมาจึงเป็นการย้ายสายการผลิตสำหรับตลาดญี่ปุ่นและยุโรปในช่วงปลายปี 2565

รายงานของยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor) บริษัทวิจัยตลาดข้ามชาติซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ พบว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา กล้องถ่ายรูปแบบมิเรอร์เลสของโซนี่ ซีรีส์อัลฟา ขายไปได้ถึง 2.11 ล้านตัว แต่ในจำนวนนี้มาจากตลาดจีนเพียง 1.5 แสนตัว ส่วนที่เหลืออีกราวร้อยละ 90 เป็นตลาดอื่น ๆ นั่นหมายความว่าสายการผลิตกล้องของโซนี่ส่วนใหญ่ย้ายจากจีนไปไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางโซนี่ได้ชี้แจงว่า ยังให้ความสำคัญกับตลาดจีนและยังไม่มีแนวคิดเรื่องการออกจากตลาดดังกล่าว นอกจากนั้น โรงงานของโซนี่ในจีน จะยังคงผลิตสินค้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ เครื่องเล่นวีดีโอเกม และเลนส์กล้องถ่ายรูป สำหรับส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ

จีนพบยานบินลึกลับโผล่เหนือน่านฟ้า ด้านกองทัพพร้อมสอย ไม่ต้องรออ้างอิงสัญชาติ

สื่อจีนได้รายงานว่า พบยานบินปริศนาโผล่เหนือน่านฟ้าจีน บริเวณทะเลปั๋วไห่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือชายฝั่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หนึ่งในท่าเรือขนส่งที่คับคั่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลก 

หน่วยนาวิกโยธินแห่งนครชิงเต่ารายงานว่าพบยานบินปริศนาไม่ทราบสัญชาติ ลอยอยู่บนฟ้าใกล้เขตสนามบินนานาชาติรื่อจ้าว ในขณะที่กำลังทำการซ้อมรบในบริเวณช่องแคบปั๋วไห่ ที่เชื่อมต่อกับทะเลเหลือง เมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.พ. 66) ที่ผ่านมา ด้านฝ่ายกองทัพจีนแถลงว่า พร้อมที่จะส่งเครื่องบินขับไล่ ทำลายยานบินปริศนาลำดังกล่าว ให้ตกลงที่กลางทะเลปั๋วไห่แล้ว 

โดยได้ประกาศแจ้งเตือนชาวประมงที่อยู่ในน่านน้ำทะเลปั๋วไห่ ไม่ให้เข้าใกล้บริเวณที่พบยานบินปริศนาลำนี้ จนกว่าจะมีการยืนยันว่าได้ทำลายยานบินลำดังกล่าวไปแล้ว และหากมีเรือประมงลำใดพบเศษซากของวัตถุปริศนาที่ตกสู่ทะเลนี้ ขอให้ถ่ายภาพ และคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะขอความร่วมมือช่วยกู้ซากนำส่งให้กับทางการจีนต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top