Sunday, 12 May 2024
กระบี่

กระบี่ - จนท.กองป้องกันอบจ.กระบี่ เร่งพ่นยาฆ่าเชื้อ ท่าเรือโดยสารไปเกาะพีพี และสถานนีขนส่งกระบี่

หลังพบนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก ช่วงสงกรานต์ ขณะทีมสอบสวนโรค นำเด็กนักเรียนโรงเรียนดัง ที่มีความเสี่ยงสูง จำนวนกว่า 60 ราย ไปตรวจหาเชื้อพร้อมกักตัว 14 วัน   หลังพบครูสอนภาษาชาวต่างชาติ ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นรายที่ 5  

วันที่  13 เม.ย. 64 เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ. โควิค-19. กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.กระบี่ พ่นย่าฆ่าเชื้อ ที่บริเวณท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว ปากคลองจิหลาด  อบจ.กระบี่  ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ รวมทั้งบนเรือโดยสาร หลังมีนักท่องเที่ยวใช้บริการเดินทางไปยังเกาะพีพี รวมไปถึงสถานีขนส่งจังหวัดกระบี่จำนวนมาก ในช่วงวันสงกรานต์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19  

ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลกระบี่ อ.เมืองกระบี่ ทางจนท.ได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามจุดต่าง ๆ ภายในบริเวณโรงเรียน และภายในห้องเรียน โรงอาหาร ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังพบครูสอนภาษา เพศหญิงวัย 27 ปี สัญชาติบราซิล ที่สอนอยู่ในโรงเรียนติดเฃื้อไวรัสระลอกใหม่ เป็นรายที่ 5 ของจังหวัดกระบี่  นอกจากนี้ทางทีมสอบสวนโรค สนง.สาธารณสุข จ.กระบี่  ได้นำเด็กนักเรียนที่สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนกว่า 60 คน ไปตรวจหาเชื้อและกักตัวเป็นเวลา 14 วัน 

สำหรับสานการการณ์สถานการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ระลอกใหม่ ในจังหวัดกระบี่  ตั้งแต่วันที่ 1-12 เม.ย. 64 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด -19  จำนวน 5 ราย ในอำเภอเมืองกระบี่ 4 ราย อ.เหนือคลอง 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 30 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ระลอกใหม่พุ่งไม่หยุด เพิ่มอีก6 ราย เป็น 21 ราย

ด้านผวจ.กระบี่ เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มแห่งที่2  รองรับผู้ป่วยได้ 140 เตียง ขณะที่สสจ.ประกาศ! ผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ทภูเก็ต-กระบี่ ในรอบ15:00 น. วันที่ 5 เม.ย.64 และเกาะพีพี- กระบี่  ในรอบเวลา 15:00 น. วันที่ 7 เม.ย.64  ขอให้ไปรายงานตัว ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ด่วน 

วันที่ 16  เม.ย.64 ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19  จังหวัดกระบี่ ได้รายงานสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด19 ในจังหวัดกระบี่ ระลอกใหม่  ตั้งแต่วันที่ 1-15  เม.ย.64  พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 6 ราย จากเดิม 15 ราย รวม เป็น 21 ราย รอผลตรวจ อีก 60 ราย  ทีมสอบสวนโรคสำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ อยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงมาตรวจคัดกรองหาเชื้อ  โดยในนจำนวนนี้มี 5 รายเป็นเด็กนักเรียนหญิงวัย 8- 9 ขวบ   ที่รับเชื้อจากครูสอนภาษา ต่างชาติ วัย 27  ปี  โดยไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง อาทิ กทม.  เชียงใหม่  ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น  และมีความเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง

ขณะที่สำนักงานสาธารสุขจังหวัดกระบี่ ได้ออกประกาศ! ผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ท ภูเก็ต -  กระบี่ ใน รอบ 15:00 น. วันที่ 5 เม.ย.64 และผู้โดยสารเรือสปีดโบ้ท  เกาะพีพี - กระบี่  ในรอบเวลา 15:00 น. วันที่ 7 เม.ย.64  ขอให้ไปรายงานตัว ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ด่วน 

ด้านพันตำรวจโทหม่อมหลวงกิติบดี  ประวิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  กล่าวว่า  เนื่องจากสถานการการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทวีความรุนแรง และเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว  ขณะที่โรงพยาบาลสนามที่แรก คืออาคารโกเมน ในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ สามารรองรับผู้ป่วยได้เพียง  110 เตียง  คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ได้ทำการสำรวจโรงพยาบาลสนามแห่งที่2  ภายในค่ายกองพันทหารราบที่ 1  กรมทหารราบที่ 15  (ร.15พัน1 ) พื้นที่อำเภอคลองท่อม  จ.กระบี่  เป็นอาคารชั้นเดียว  สามารถรองรับผู้กักตัวได้จำนวน 40 คน, เกรงว่าจะไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากได้ จึงต้องหาสถานที่ใหม่ ซึ่งเป็นอาคารกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ในค่าย ร.15พัน1  ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ 140 เตียงโดยไม่แออัด  ทั้งมีห้องนำห้องสุขากว้างขวาง เป็นอาคารที่อยู่กลางโล่งแจ้ง แต่ทั้งนี้ทางคณะกรรมการจะได้ทำหนังสือขออนุมัติใช้จากกองทัพบกโดยเร่งด่วนแล้ว

ในขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ได้สั่งการให้กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำชุด ฉก.covid19 ออกพ่นยาฆ่าเชื้อในสถานที่ ราชการ ท่าเรือคลองจิหลาด โรงเรียน  สถานที่กลุ่มเสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อติดเชื้อ เพื่อเป็นการ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในจังหวัดกระบี่


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง 

กระบี่ - โซเชียลแห่แชร์เรื่องราวความน่ารักน่าเอ็นดู ของหนูน้อย 3 ขวบ ขณะว่ากล่าวเตือนพ่อหลังรถมอเตอร์ไซค์ประสบอุบัติเหตุ จนได้รับบาดเจ็บทั้งพ่อทั้งลูก

วันที่ 18 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า โลกโซเชี่ยลฯต่างแสดงความเอ็นดุเด็กชายวัย3 ขวบ และให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ขณะนั่งปลอบและสั่งพ่อหลังประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม บริเวณยูเทิร์น หน้าห้างแม็คโคร ถนนเพชรเกษม  ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่  โดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “แพร แพร์” ได้โพสต์ภาพสองพ่อลูก ขณะนั่งอยู่บนรถกู้ภัย พร้อมข้อความบอกเล่าเรื่องราวที่สองพ่อลูกสนทนากันว่า ได้ยินน้องคุยกับพ่อ ถึงเรื่องอุบัติเหตุ ที่ฟังแล้วน่าเอ็นดูเด็กน้อยเป็นอย่างมากที่พยายามที่จะเตือนผู้เป็นพ่อ   พร้อมเล่าเรื่องราวที่พ่อลูกสนทนากันเป็นสำเนียงภาษาใต้ดังนี้

น้อง :  พ่อครับพ่อเจ็บม้าย พ่อเจ็บตรงไหนม้าย เเต่น้องก็เจ็บนะ น้องมีเลือดออกด้วย แต่ว่าน้องเป็นห่วงพ่อมากนะครับ

พ่อ: พ่อไม่เจ็บครับ พ่อขอโทษนะลูกนะ

น้อง: น้องจะไม่ชวนพ่อแหลงแล้วนะเวลาพ่อขับรถ

เมื่อพาน้องขึ้นรถเพื่อไปส่งรพ.ผ่านจุดเกิดเห็น น้องได้ชี้ไปที่เกิดเหตุที่ฟุตบาตที่ชน

น้อง: พ่อจำไว้เลยนะ พ่อไม่ชนตรงนี้แล้วนะ พ่อไม่ขับรถเร็วแล้วนะทีนี้ น้องเจ็บน้องกลัวเลือด

พ่อ: ครับลูก 

เครติด#สาวกู้ภัยมิราเคิลออฟไลฟ์กระบี่

ภายหลังเผยแพร่เรืองราวดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห้นและชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของหนูน้อยคนดังกล่าว และแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.รัตนมณี  สายนุ้ย  "น้องแพร" นามเรียกขาน มิราเคิล32 อายุ 19  ปี เป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกูู้ชีพมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ จ.กระบีี่ ในสังกัดรพ. สต.บ้านไสไทย ที่ออกช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ  ทราบว่า  เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา ประมาณ2ทุ่มเศษ หลังรับแจ้งจาก ศูนย์นพรัตน์  ออกตรวจสอบเหตุ ว.40 รถจยย. ล้มเอง บริเวณยูเทรินห้างแมคโคร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นพ่อลูกกัน   โดยผู้เป็นพ่อ อายุ 33 ปี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณ หัวแม่เท้าด้านซ้าย มีแผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย รายที่ 2 เป็นลูกสาว อายุ 12 ปี ปวดข้อแขนด้านซ้าย แผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย และรายที่3 ลูกชาย อายุ 3 ขวบ  มีแผลถลอกทั่วไปตามร่างกาย.มีรอยฟกช้ำที่หน้าผาก จนท.ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลก่อน นำส่ง รพ.กระบี่ ซึ่งระหว่างที่จนท.หามผู้เป้นพ่อขึ้นบนรถกู้ภัย ลูกชาย3ขวบที่นั่งข้างๆ ก็พูดกับพ่อในลักษณะดังกล่าว ได้ยินแล้วรูู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของน้อง  3 ขวบ ที่พยายามที่จะเตือนพ่อขณะที่ตัวเองด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ตัวเองในขณะทีี่ตัวเองก็เจ็บจากอุบัติเหตุเช่นกัน 


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - นายก อบจ.กระบี่นำทีม ฉก.โควิด-19 พ่นยาฆ่าเชื้อย่านการค้าชุมชนกลางเมือง"โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด19 สร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายสัจพร จันทร์ศรีนวล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ และคณะผู้บริหาร ได้นำชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิด-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ระดมกำลังกวาดล้างทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้โครงการท้องถิ่นรวมใจสู้ภัยโควิด-19 โดยนำรถยนต์บรรทุกน้ำยาฆ่าเชื้อขนาดบรรจุ 600 ลิตร และกำลังเดินเท้า 22 คน ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสภายในตลาดสดมหาราชเทศบาลเมืองกระบี่ ตลาดซิตี้ ตลาดลานปูดำหน้าเมืองกระบี่ ย่านการค้ามหาราชทั้ง 15 ซอย บนถนนมหาราชตั้งแต่ทางขึ้นวัดแก้วโกรวารามพระอารามหลวงจังหวัดกระบี่ ไปจนถึงสี่แยกเสือเขี้ยวดาบ และถนนอุตรกิจตั้งแต่สามแยกด่านศุลกากรไปจนถึง สามแยกลานประติมากรรมปูดำหน้าเมืองกระบี่ รวมพื้นที่ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส ระยะทาง 3 กิโลเมตร รวมน้ำยาฆ่าเชื้อ 5,000 ลิตร

ทั้งนี้เพื่อการการเฝ้าระวังและป้องกันพร้อมทำลายการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสาม ไม่ให้มีการแพร่ระบาดไปในวงกว้างของพื้นที่จังหวัดกระบี่ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ว่าจังหวัดสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวไม่ให้ขยายออกไปในวงกว้างทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกระบี่ เกิดความมั่นใจว่ามาเที่ยวกระบี่แล้วมีความปลอดภัยจากเชื้อโรคดังกล่าวอบย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่รอบสามในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 1 – 19 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยสะสมยืนยันรวม 33 คน แยกเป็นคนไทย 30 คน ชาวต่างชาติ 3 คน รักษาตัวในโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ 22 คน โรงพยาบาลอำเภอลำทับ 3 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 1 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน โรงพยาบาลเอกชน 2 คน และโรงพยาบาลสนาม 4 คน มีผู้สัมผัสและมีความเสียงสูงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 231 คน ไม่พบเชื้อ 14 คน พบเชื้อ 4 คน รองลการตรวจ 213 คน


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง 

กระบี่ - ชุด ฉก.ความมั่นคงภายในกระบี่จับหนุ่มบ้านห้วยครามยึดยาบ้า 137 มัด 2 แสนกว่าเม็ด

ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศาลากลางจังหวัดกระบี่ พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ พันตำรวจเอก ศิริศักดิ์ สงพะโยม ผู้กำกับการสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และพันตำรวจโท ก้องภพ โพธิ์แสน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 462 จังหวัดกระบี่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มวัย 30 ปี พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัด เป็นเครือขายรายสำคัญทางภาคเหนือ พร้อมของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด

ด้วยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ นำกำลังชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ จับกุมตัวนายรณกร หรือเบล เกลี้ยงบุตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ได้ริมถนนสายเหนือคลอ - เขาพนม บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ต่อเนื่องภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 3 บ้านใหม่ ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ และต่อเนื่องที่บ้านพักของนายรณกร ยึดของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด สมุดบัญชีรายการลูกค้ายาเสพติด 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์เอ็มเอ็กเอส ทะเบียน 1 กค 4842 กระบี่ โดยแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ สืบทราบว่านายรณกร เกลี้ยงบุตร เป็นพ่อค้ารายใหญ่ใหญ่ที่ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกระบี่มาช้านาน และเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ทางภาคเหนือ และเป็นเครือข่ายกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา จึงได้วางแผนจับกุมโดยล่อซื้อยาบ้า 20 มัด 4 หมื่นเม็ด ราคา 6 แสนบาท โดยให้นำยาบ้ามาจำหน่ายก่อนแล้วค่อยทยอยส่งเงินให้ จึงนัดส่งยาบ้าที่เกิดเหตุดังกล่าวข้างต้น สามารถจับกุมตัวได้พร้อมด้วยยาบ้าตามที่นัดกันเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลจนตามตรวจยึดยาบ้าได้อีก 117 มัด 234,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ยึดได้ 137 มัด 274,000 เม็ด

จากการสอบสวนปากคำในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นายรณกร เกลี้ยงบุตร ให้การรับสารภาพว่าถูกจับกุมในคดียาเสพติดและพึ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำจังหวัดกระบี่มาได้ 1 เดือนเศษ จากนั้นนายวรันธร หรือเค ฝอยทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 / 9 ถนนเมืองเก่า ตำบลกระบี่ใหญ่ อำเภอเมืองกระบี่ และนายสุโกมล หรือโก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 6 บ้านควนออก ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ได้ติดต่อขอให้เข้าร่วมเครือข่ายลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งบุคลทั้งสองมีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ไม่ต่ำกว่า 5 หมาย โดยหลบหนีอยู่ในฝั่งพม่าด้านท่าขี้เหล็กจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรับปากและเริ่มค้ายาอีกครั้ง โดยสั่งยาบ้าทางออนไลน์ 2 ครั้งแรกนำยาบ้าเข้ามา 10 – 20 มัด และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามนำยาบาเข้ามา 490 มัด 9 แสน 9 หมื่นเม็ด และไปรับยาที่บ้านบางเภา อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นำส่งขายไปแล้ว 363 มัด จนกระทั้งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้และยึดยาบ้า 137 มัด หากขายได้ทั้งหมดจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - รองผู้ว่ากระบี่ ลงเยี่ยมเตรียมพร้อม โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รองรับผู้ป่วย 40 เตียง

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 เวลา 14.30 นาฬิกา นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ณ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อำเภอคลองท่อม  

พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ร้อยตำรวจเอกหญิง ศิริพร เนตรพุกกะนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ด้านสาธารณสุข และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ เข้าดูพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผน

มอบหมายหน้าที่ ในการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่  นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปสำรวจแหล่งสมาคมกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ซึ่งใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดกระบี่ ขนาด 40 เตียง และกองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่เตรียมรับทหารใหม่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น จะใช้เป็นโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่รองรับผู้ป่วย 140 เตียง อยู่ระหว่างการขออนุมัติการใช้อาคารจากกองทัพบก

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 เตรียมความพร้อมของอาคารแหล่งสมาคมดังกล่าวให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 ห้อง กั้นรั้วรวดหนาวห่างจากตัวอาคาร 50 เมตร จัดกำลังพลดูแลความปลอดภัยรอบตัวอาคาร และยานพาหนะในการสนับสนุน ให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ก่อสร้างห้องน้ำและห้องสุขาเพิ่มเติมอีก 4 ห้อง พร้อมติดตั้งระบบประปา สถานที่พักตากเสื้อผ้าของผู้ป่วย และระบบน้ำเสีย ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาคลองท่อม เช็คระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายในและภายนอกตัวอาคาร และเสริมแสงสว่างตลอดแนวรั้วรวดหนาม

ให้บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัดสำนักงานกระบี่  ติดตั้งเดินสายสื่อสารพร้อมกล้องวงจรปิดภายในอาคารทั้ง 7 ห้อง และภายนอกอาคาร ให้สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บของเสียที่ผู้ป่วยใช้ไปกำจัดเพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการแพทย์ และให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ติดตามเรื่องการขออนุญาตใช้กองบังคับการกองร้อยอาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนเตียงสนามผู้ป่วยซึ่งเป็นเตียงกระดาษได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอสซีจีจำกัดมหาชน จำนวน 100 เตียง

ขณะนี้จังหวัดกระบี่ได้นำผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ณ ตึกโกเมน บ้านคลองแห้ง หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 14 คน

โดยโรงพยาบาลกระบี่ทั้งนี้จังหวัดกระบี่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล คือต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและของประเทศ ให้สอดคล้องกับแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคควบคู่ความปลอดภัยสูงสุด


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

กระบี่ - ระดมเร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยง เขตเทศบาลตำบลปลายพระยา จ.กระบี่

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุลนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สั่งการ ให้ ชุดเฉพาะกิจ covid19 องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โดยกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ได้ออกทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ตามสถานที่ราชการ และชุมชน  ในเขตเทศบาลเขตเทศบาลตำบลปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่  หลังพบผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อระลอกใหม่เพิ่มอีก 4 ราย ทำให้ติดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ เพิ่มเป็น 53 ราย จากเดิม 49 ราย โดย 4 รายล่าสุด เป็นบุคคลในครอบครัว  พ่อ แม่ และลูก 2 คน วัย 1 ขวบ และ 3 ขวบ  คาดว่าได้รับเชื้อจากญาติที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด มาเยี่ยมที่บ้าน เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา  ขณะนี้จนท.ได้ทำการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง  22 คน เบื้องต้นทางอำเภอปลายพระยาได้ ส่งไปกักตัวเป็นเวลา 14 วันแล้ว

ขณะที่ อบต.อ่าวนาง ร่วมกับ ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี กลุ่มพิทักษ์เกาะพีพี และผู้ประกอบการโรงแรม ได้ระดม กำลังจนท. และอาสาสมัคร ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด19  ตามโรงแรม  สถานที่ราชการ และย่านชุมชน ในเกาะพีพี ม.7  ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่   เพื่อสร้างความั่นใจประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเกาะพีพี จังหวัดกระบี่  ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการ บนเกาะพีพียืนยันว่า ในพื้นที่เกาะพีพี ยังไม่มีการปิดเกาะ สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้  โดยมีเรือโดยสารวิ่งให้บริการทุกวัน

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ รุนแรงกว่า และแพร่เชื้อง่ายกว่าครั้งที่ผ่านมามาก ซึ่งวันนี้จะมีการหารือคณะกรรมการโรคติดต่อเพื่อยกระดับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นมากขึ้น และขอให้ทุกคน อย่าประมาทป้องกันตนเองสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง   และปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ฉบับที่ 7/2564  อย่างเคร่งครัด  เช่น  ผู้ที่มาจากพื้นที่สีแดง กรณีเป็นคนกระบี่มีบ้านที่จ.กระบี่ ต้องลง QT14 รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่และกักต14 วันที่หรือตามระยะเวลาที่พำนักไม่ถึง14 วัน เช่นกลับมา 3 วันแล้วกลับไปพื้นที่สีแดงก็กัก3 วันแล้วเดินทางออกจากจังหวัดไปเลย  การเข้าไปในชุมชนให้แจ้งอสม.หรือผู้ใหญ่บ้าน ถ้าเข้าพักที่โรงแรมแจ้งโรงแรม ทุกคนที่เดินทางเข้าจังหวัดจะต้องลงทะเบียนในระบบQT14  ทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวกระบี่ ยกเว้นผู้ที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ มีใบรับรองผลตรวจโควิดแบบ Swab เป็นลบ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ในวันเดินทางมาถึง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

กระบี่ – นายกสมศักดิ์ นำชุด ฉก.โควิด ปูพรหม...ฉีดพ้นกวาดล้างเชื้อไวรัส แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยว ย่านการค้าอ่าวนาง

นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามไวรัสโควิ-19 กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สนธิกำลังร่วมกับนายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง รวม 30 คน ปูพรหมกวาดล้างทำความสะอาดออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในย่านธุรกิจอ่าวนางแลนด์มาร์ก หน้าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และย่านธุรกิจการค้าหน้าชายหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 บ้านอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ทั้งใช้รถยนต์และกำลังเดินเท้าออกฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส บนทางเท้าหน้าร้านค้า ตามร้านค้า ตลาดสด ร้านนวด ร้านค้าแผงลอย ลานเอนกประสงค์ และท้องถนน รวมเนื้อที่กว่า 4 ,000 ตารางกิโลเมตร ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นถึง 15,000 ลิตร

สาเหตุที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ต้องปูพรหมทำความสะอาดในย่านธุรกิจการค้าทั้งสองแห่ง เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่มาจากพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงและพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยและพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงได้พักอาศัยค้างคืนเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของคณะกรรมการสืบสวนโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยงสูง มาแพร่กระจายเชื้อในพื้นที่ดังกล่าวทำให้มีผู้มีความเสี่ยงรวมถึงผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งผลจากการคัดกรองตรวจเอาสารคัดหลังโพรงจมูก พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายคน

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบสามพันธุ์ใหม่ วันที่ 1 – 25 เมษายน 2564 ล่าสุดมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มอีก 2 คนเป็น 55 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3 คน คงเหลือผู้ติดเชื้อ 52 คน เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 2 คน เป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังบริการ สถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง พื้นที่ระบาด 54 คน จาการค้นหาเชิงรุกผู้ที่สัมผัสเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 1 คน เป็นคนไทย 52 คน ต่างชาติ 3 คน แยกเป็นอำเภอเมืองกระบี่ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด  25 คน โรงพยาบาลเอกชน 5 คน โรงพยาบาลสนาม 16 คน โรงพยาบาลอำเภอปลายพระยา 5 คน โรงพยาบาลอำเภอเหนือคลอง 1 คน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ และประชาชนที่สมัครใจเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มแรกเพิ่มอีก 538 คนรวม 7,378 คน เข็มที่สองลงทะเบียนฉีดวัคซีน 4,000 คน มารับบริการแล้ว 678 คน ซึ่งจังหวัดกระบี่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม รวม 176 เตียง รับผู้ป่วยแล้ว 52 เตียง เหลืออีก 124 เตียง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - จับบังรอน ขาใหญ่ในพื้นที่ตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมยาบ้า 9,947 เม็ด เก็บไว้ในตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจป้องกันของสูญหาย

พ.ต.ต.ธรรมนูญ  ศรีประไพ จนท.ปฏิบัติการฝ่ายข่าว กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ ร.ต.อ.นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หน.ชปส.กก.ตชด.42/จนท.กอ.รมน.จังหวัดกระบี่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้เข้าทำการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์  มุกดา หรือ รอน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 หมู่ที่ 2 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และนายสุริยา ผิวเหลือง หรือโอ  อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่

พร้อมของกลาง ยาบ้า 9,947 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ถุงพลาสติกชนิดกดปิด-ดึงเปิดสำหรับแบ่งบรรจุยาเสพติดจำนวน 1 ห่อ อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวน 1 ชุด รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่

ทั้งนี้ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่รายสำคัญ จึงได้ทำการล่อซื้อยา จากนายสุรศักดิ์ และนายสุริยา โดยนัดแนะส่งยาบ้าบริเวณริมถนนหน้าโดมรีสอร์ท หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เมื่อถึงเวลานัดหมาย มีรถยนต์ โตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บม 6894 กระบี่ มาจอด ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่ง

จากนั้นได้ขยายผลการจับกุมตรวจคุ้น บ้านเลขที่ 157 หมู่ที่ 1 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านนายสุรศักดิ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน บริเวณห้องโถงพบตู้เย็น ล็อคด้วยกุญแจ อย่างแน่นหนา ทางเจ้าหน้าที่เลยให้นายสุรศักดิ์  ไขกุญแจ ซึ่งภายในตู้เย็บพบอุปกรณ์การเสพ กล่องกระดาษจำนวน 2 กล่อง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ให้นายศุรศักดิ์แกะกล่องดังกล่าวพบยาบ้าบรรจใส่ถุงจำนวน 4 มัด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด  9,947 เม็ด

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตู้เย็นเป็นของตนเอง ไม่มีใครสามารถมาเปิดได้ เพราะตนเองได้ล็อคกุญแจกเอาไว้ เพื่อใส่ยาบ้าและอุปกรณ์การเสพ จะเอาออกมาก็ต่อเมืองเอายาบ้าออกส่งขาย และเสพเองเท่านั้น

ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการจับกุม ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

กระบี่ - โลกโซเชียลแห่ชื่นชม ทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลกระบี่ ผ่าคลอดหญิงป่วยโควิด-19 ได้สำเร็จ เป็นรายแรกของจ.กระบี่ ปลอดภัยทั้งแม่และลูก เผยต้องใช้ทีมแพทย์ พยาบาล และจนท. ถึง15คน

วันที่ 8 พ.ค.64  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีการแชร์ และชื่นชมกันเป็นจำนวนมาก  เมื่อผู้ใช้เฟซบุค “Jiravan Phaipana”  ได้โพสต์  ภาพและคลิปเรื่องราวที่สุดประทับใจ ขณะทีมแพทย์พยาบาล กำลังนำคนไข้หญิงที่ป่วยโควิด-19 ออกมาจากห้องผ่าตัดได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางการแสดงความยินดี  พร้อมข้อความระบุว่า “ภารกิจวันนี้ สำเร็จ ลุล่วงผ่านไปด้วยดีค่ะผู้ป่วย COVID-19 ผ่าตัดทำคลอดเคสแรก ของประวัติศาสตร์ รพ.กระบี่ #บันทึกในความทรงจำ เผื่อแจ้งเตือนในวัยเกษียณ #ขอบคุณในความเป็นทีมเวิร์คครั้งยิ่งใหญ่ค่ะ” หลังจากที่เธอได้โพสต์รื่องราวดังกล่าวออกไป ปรากฏว่ามีเพื่อน ๆ และเพื่อนชาวโซเชียล  ต่างเข้ามาแสดงความชื่นชมให้กำลังใจ แสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก ที่สามรถผ่าคลอด ผู้ป่วยโควิด-19  ได้สำเร็จ นับเป็นรายแรกของจังหวัดกระบี่ 

ผู้สื่อข่าวสอบถาม ไปยังน.ส. จิราวรรณ ไพพะนา ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งเป็นพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาลกระบี่ ได้รับการเปิดเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายนี้เป็นผู้หญิง อายุ 33 ปี  อายุครรภ์ 39 สัปดาห์ ได้เข้ามารักษาตัวที่รพ. เมื่อวันที่ 5 พ.ค.64  ที่ผ่านมา และผู้ป่วยมีอาการเจ็บท้องคลอดสูตินรีแพทย์ประเมินว่ามีความจำเป็นต้องผ่าตัด และได้นำผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัด เมื่อวานนี้ (7.พ.ค.64) ซึ่งได้มีการวางแผนซักซ้อมเป็นอย่างดี เพราะต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย ใช้เวลาในห้องผ่าตัดนาน 30 นาที ก็ทำการผ่าคลอดสำเร็จ เป็นทารกเพศหญิงสภาพร่างกายสมบูรณ์  จากนั้นผู้ป่วยก็อยู่ที่ห้องพักฟื้น30 นาที  ก่อนพากลับไปยังหอผู้ป่วย เบื้องต้นคนไข้ ไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ

น.ส. จิราวรรณ เปิดเผยอีกว่า การผ่าคลอดและดูแลต่อ ต้องใช้บุคลากรถึง 15 คน ในห้องผ่าตัด 5 คน ประกอบด้วยหมอผ่าตัด 1 คน  พยาบาลช่วยส่งเครื่องมือ 1 คน  วิสัญญี 1 คน พยาบาลผู้ช่วยดมยา 2 คน นอกจากนั้น ยังมีทีมรับเด็กไปตึกหลังคลอด 3 คน หมอเด็กอีก 1 คน พยาบาลเด็ก 2 คน ทีมเปล 3 คน และทีมพยาบาลดูแลอีก 3 คน 

“รู้สึกภูมิใจมากที่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้ เป็นนครั้งแรกของกระบี่ แม้จะต้องมีความกดดันบ้าง แต่ก็ได้มีการซ้อมเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความปลอดภัยของบุคลากร รวมทั้งแม่และเด็ก จนสำเร็จปลอดภัย แต่ก็พร้อมใจในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงเพียงใด แต่ด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พร้อมที่จะช่วยเหลือคนป่วย คนไข้ทุกรายแน่นอน และขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนด้วย” น.ส. จิราวรรณ กล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top