Sunday, 12 May 2024
กระบี่

กระบี่ – เตือนภัยรูปแบบใหม่ ดาบตำรวจหนุ่มเมืองกระบี่ โดนหลอกเช่ารถเก๋งป้ายแดงไปถอดชิ้นส่วนอะไหล่ เชื่อทำเป็นขบวนการ

วันที่ 11 พ.ค.2564 ด. ต. ศุภชัย กรรมการ อายุ 44 ปี  ตำแหน่งผบ. หมู่ กก. สส. ภ. จว. กระบี่ อยู่บ้านเลขที่ 296/2 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่  เจ้าของรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว ป้ายแดงทะเบียน  ก 2331 กระบี่  ได้เข้าไปตรวจสภาพความเสียหาย  ของรถคันดังกล่าวภายในศูนย์ริการฮอนด้ามะลิวัลย์กระบี่ ม.2 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ หลังนายพิชานัน  หรือตั้ม  เกียรติโอฬาร  อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 408/13  ถ.อุตรกิจ ต.กระบี่ ใหญ่ อ.เมืองกระบี่   ได้เช่าไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่กลับนำไปจอดที่อู่แห่งหนึ่งใน พื้นที่ ม.2 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่  จึงตามไปเอารถคืนปรากฎว่า รถอยู่ในสภาพห้องเครื่องมีร่องรอยถูกรื้อถอดชิ้นส่วนไปหลายรายการ   จึงได้ติดตามตัวนายพิชานัน มาสอบถาม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้รื้อเอาอุปกรณ์ในรถไปจริง จึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สภ.เมืองกระบี่  เมื่อวันที่9 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมาตรวจสอบความเสียหายของรถและชิ้นส่วนอะไหล่ที่หายไปเพื่อประเมินควรามเสียหายและแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์

เบื้องต้นนายภูวดล ไชยบุญ หัวหน้าช่างประจำศูนย์บริการฯ กล่าวภายหลังการตรวจสภาพรถ ว่า การถอดอะไหล่ในลักษณะดังกล่าวตนไม่เคยเจอมาก่อน เพิ่งพบเป็นเคสแรก จากการตรวจสอบสภาพรถในเบื้องต้น พบว่ามีร่องรอยถอดอุปกรณ์ เช่น  ท่อไอเสีย แคทตาไลติก   และที่ชัดเจนมีชิ้นส่วนถูกถออดออกไป2 รายการ คือ แผ่นกันความร้อนคอท่อหลังเทอร์โบ1 ชิ้น  และแผ่นกันความร้อนเทอร์โบด้านบน 1 ชิ้น ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับตัวเทอร์โบ แต่ยังไม่ทันได้ถอดเทอร์โบ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการใส่อะไหล่มาไม่ครบ และใส่น็อตไม่ตรงด้วย รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น คาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท 

ขณะที่ ด.ต.ศุภชัย เล่าให้ฟังว่า ตนเปิดบริการให้เช่ารถเป็นอาชีพเสริมในตัวเมืองกระบี่ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ค.64 ที่ผ่านมา นายพิชานัน ฯ ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ติดต่อมาขอเช่ารถ พร้อมระบุเป็นรถฮอนด้าซิตี้ รุ่นใหม่ ป้ายแดง ซึ่งตนก็นมีรถรุ่นดังกล่าวเพิ่งซื้อมาได้ประมาณ 5 เดือน จึงได้ตกลงทำสัญญาเช่าเป็นเวลา1 วัน ในราคา 900 บาท โดยผู้ต้องหานัดคืนรถในเช้าวันที่ 9 พ.ค.64  โดยผู้ต้องหาได้โอนเงินมัดจำมาให้ 2 พันบาท และนัดมารับรถที่ ถนนปานุราช เขตเทศบาลเมืองกระบี่  เมื่อตรวจสอบรถในสภาพเรียบร้อย ผ็ต้องหาก็ขับรถไปทันที  ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกันตนสังเกตเห็นสัญญาณจีพีเอสที่ติดตัวรถ หยุดนิ่งผิดปกติเป็นเวลา 4 -5ชม.ที่ปั้มน้ำมันปตท.ไสไทย ก่อนเคลื่อนรถไปที่อู่รถยนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ม.2 ต.ทับปริก และรถจอดที่อยู่ดังกล่าวตั้งแต่4โมงเย็นจนถึงเช้า 

ด.ต.ศุภชัย กล่าวอีกว่า ขณะรถจอดที่อู่ดังกล่าว พบความผิดปกติ คือสัญญาณจีพีเอสหายไปประมาณ3 ชม. ตั้งแต่5โมงเย็นถึง3ทุ่ม เมื่อเห็นผิดสังเกตุ จึงโทรศัพท์ไปสอบถามผู้ต้องหาว่าจะคืนรถตามกำหนดหรือไม่ผู้ต้องหาก็รับปาก ตนจึงถามต่อว่าทำไมมาจอดที่อู่ ผู้ต้องหาตอบว่ามาดูรถที่ซ่อมไว้ ตนจึงกำชับว่าอย่าถอดอะไหล่รถที่ให้เช่าเขาก็รับปาก ต่อมาเช้าวันที่9 พ.ค.ถึงเวลานัดรับรถคืนแต่ไม่มาตามนัด  ตนพยายามโทรติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ประสาน ผช..ผญบ  ม.2 ทับบปริก มาร่วมตรวจสอบที่อู่ดังกล่าวปรากฎว่าพบรถจอดอยู่ในสภาพไม่ล๊อคประตู และเปิดไฟในรถทิ้งไว้ ตัดสัญญานภาพกล่องบันทึก ในรถออก มีร่องรอยการถอดอุปกรณ์ โดยมีน๊อตตกอยู่ในกะโปรงรถ และร่องรอยการขันน๊อตหลายจุด พร้อมพบคราบน้ำมัน ของเหลว ภายในห้องเครื่อง จึงได้นำรถ มาตรวจสอบที่ศูนย์บริการดังกล่าว

เชื่อว่าผู้ต้องหาต้องการจะถอดเทอร์โบแต่ถอดไม่ทัน จากการประมวลเหตุการณ์ตนเชื่อว่านายพิชานันไม่ได้ลงมือเพียงคนเดียว อาจจะมีผู้ร่วมขบวนการ 2-3 คน และทางเจ้าของอู่น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำดำเนินคดีตามกฎหมาย  และให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลว่ามีผุ้ร่วมขบวนการหรือไม่อย่างไร  และอยากฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้บริการให้เช่ารถได้ระมัดระวังด้วย เพราะตอนนี้มิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบ ด.ต.ศุภชัย กล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรี

 

กระบี่ – ฮือฮา ! อีกครั้ง เจ้าของร้านจำหน่ายอะไหล่ยนต์ชื่อดัง ผุดไอเดียร์ สุดบรรเจิด ให้รถฉุกเฉิน รพ.เปลี่ยนยางฟรี ไม่มีคิดเงิน

หลังจากที่สร้างความฉือฮา มาแล้ว ติดสติกเกอร์ชื่อร้าน ท้ายรถ ปะยางฟรีตลอดชีพ หวังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ รพ.ช่วงวิกฤติโควิด 19

วันที่ 12 พ.ค.64 หลังจากที่นายจักรพันธ์ วรรณประเสริฐ อ.47 ปี เจ้าของเจ้าของร้านประดับยนต์ ชื่อร้าน ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 304 ม.6 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้สร้างความฮือฮาให้แก่ลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการของร้าน ด้วยไอเดียร์สุดแปลกแหวกแนว มาแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมา แปะสติกเกอร์ชื่อร้านท้ายรถ (ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์) ปะยางฟรีตลอดชีพ และล่าสุดทางเจ้าของร้านได้ผุดให้เดียร์ใหม่ อีกแล้ว โยได้ประกาศผ่านเฟสบุค ให้รถฉุกเฉิน ของ โรงพยาบาลในจังหวัดกระบี่ทุกโรง นำรถมาเปลี่ยนยงฟรี ไม่คิด พร้อมดูแลหลังการขายปะยางให้ฟรีตลอดชีพด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าว พบว่าทางร้านกำลังเปลี่ยนยางให้ รถฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลอ่าวลึก จากการสอบถามนายอรัญ คชาวุธ อายุ 52 ปี พนักงานขับรถ โรงพยาบาลอ่าวลึก ทราบว่า วานนี้ 11 พ.ค.ทางหัวหน้าฝ่ายของ รพ.อ่าวลึก ได้โทรมาแจ้งให้ตนนำรถไปเปลี่ยนยางที่ร้านส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เหนือคลอง โดยบอกว่าทางเจ้าของร้านยินดี เปลี่ยนยาง ให้รถฉุกของ รพ.ฟรี ทุกโรงที่อยู่ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งตนเห็นว่ารถที่ตนขับอยู่ยางเริ่มสึกหรอ เพื่อความปลอดภัยจึงรีบนำรถมาเปลี่ยนยาง ซึ่งรถของตนได้เปลี่ยนยงเป็นคันแรก 

ด้านนายจักรพันธ์ (เจ้าของร้านฯ)เปิดเผยว่า ทางร้านเปิดให้บริการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ยางรถยนต์ ล้อแม็กซ์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซ่อมช่วงล่าง ยกสูง โหลดเตี้ย และประดับยนต์มากว่า 14 ปี มีลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนี้ เป็นช่วงวิกฤติโควิด 19 ตนเห็นว่ารถฉุกเฉินของโรงพยาบาล แต่ละแห่ง ถูกนำออกมาวิ่งใช้งานรับส่งผู้ป่วยกันอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ทำให้ยางรถสึกเร็วกว่าปกติ ตนจึงเกิดไอเดียร์ เปลี่ยนยางรถให้ฟรี ไม่คิดเงิน เฉพาะ รพ.ในจังหวัดกระบี่ พร้อมบริการหลังการขายฟรี ไม่ว่าจะเป็นตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ ทุก 1 หมื่น กม.

นายจักรพันธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เกิดวิกฤติโควิด 19 ถึง 2 รอบ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับทางร้าน มีจำนวนลดลง ตนก็เลยปิ้งไอเดียร์ ขึ้นมาว่ารถทุกคัน ที่มีสติกเกอร์ “ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์”ติดอยู่ที่รถ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ หากว่ารถล้อรั่ว ซึม เข้ามาใช้บริการปะยาง ทางร้านก็จะปะให้ฟรี ไม่คิดเงิน ซึ่งเหมือนกับว่าทางร้านได้ช่วยดูแลสังคมอีกด้านหนึ่ง ในการลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า และตอนนี้เกิดวิกฤติโควิด 19 ระบาดระลอก 3 ตนก็เลยอยากช่วยแบ่งเบาโรงพยาบาล ที่เห็นบุคลากรทุกคนทำงานกันอย่างหนัก คิดไอเดียร์ โดยการเปลี่ยนยางให้ฟรี ไม่คิดเงินแม้บาทเดียว     

นายจักรพันธ์ ยังกล่าวถึงผลกระทบในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยว่า ทางร้านได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากการเข้าใช้บริการของลูกค้าลดน้อยลง แต่ทางร้านก็ได้มีการแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายขอส่วนลดพิเศษเพื่อมาช่วยสนับสนุนเป็นส่วนลดให้แก่ลูกค้า โดยพบว่าช่วงนี้ลูกค้าหายไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีข้อดี ทางร้านสามารถดูแลให้บริการลูกค้าหลังการขายได้อย่างเต็มที่


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - พบศพแล้ว นายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี หายตัวปริศนา

เจ้าหน้าที่พบรถเก๋งของนายสุชาติถูกเผาฝังดินในสวนปาล์มแ ห่างจากบ้านบังพิตผู้ต้องสงสัย ประมาณ 300เมตร  และห่างกัน200มเมตร พบอีกหลุม คาดว่าเป็นจุดฝังศพแต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ญาติไปดูจุดที่ฝังรถมั่นใจ ว่าเสียชีวิตแล้ว

จากกรกรณีที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่เข้าแจ้งความที่สภ.ลำทับ  หลังผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อคือนายสุชาติ  ขาวล้วน  อายุ 54 ปี   หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์  ญาติพยายมช่วยกันโพสต์ในโซเชี่ยลให้ช่วยตามหา แต่ยังไม่พบ จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้แล้ว ที่สภ.ลำทับ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา  เบื้องต้น นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขับรถขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่  ออกจากบ้านเพียงลำพัง โดยบอกว่าจะทวงเงินที่ เพื่อ ที่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่  โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าไปทวงหนี้จำนวน3แสนบาท จากบังพิต  ทราบชื่อจริงต่อมา คือนายสุริบส  เริงสมุทร  อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41  ม.1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ก่อนหายตัวไปพร้อมรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่มีการข่าวผ่านสื่อ ได้มีบุคคลลึกลับ แชทข้อความไปหาญาติ นายสุชาติ พร้อมระบุว่านายสุชาติถูกฆ่าตายฝังดิน ในสวนปาล์ม พร้อทมกับรถแล้ว และให้ญาติเลิกค้นหา มิฉะนั้นจะถูกฆ่ายกครัว

ความคืบหน้าเมือเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64  พ.ต.อ.พิษณุ  อัชนะพรกุล  รองผบก.ภ.จว. กระบี่   พ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง  พ.ต.อ.เสกสรร  แก้วสว่าง  ผกก.สภ.ลำทับ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน  ภ.จว.กระบี่   เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ได้นำรถแบ็คโฮ  เข้าทำการขุดหลุมต้องสงสัย ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านหนองแบก ม.1 ต.หนองทะเล  ห่างจากบ้านนายสุริยา  หรือบังพิต ประมาณ 300 เมตร   หลังจนท.สังเกตุบริเวณจุดกังกล่าวมี รอยขุดหลบฝังกลบ ขนาดใหญ่ ร่องรอยไฟไหม้ทางปาล์ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า2 ชั่วโมง ก็พบซากรถต้องสงสัย ฝังในดินลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง6เมตร  จึงได้ใชรถแบ็คโฮดึงขึ้นมา  ตรวจสอบเบื้องต้น เป็นรถเก๋โตโยต้าโคโรนา คันที่ นายสุชาติ ขับออกจากบ้านก่อนหายตัวไป  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบป้ายทะเบียน กน 6552 กระบี่ สภาพถูกรอยเผาไหม้วางอยู่หลังเบาะนั่งคนขับ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์หรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลุมที่มีรอยฝังกลบห่างจากจุดหลุมที่พบซากรถประมาณ 200เมตร  ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา  ซึ่งหน้าที่อยู่ระหว่าง วางแผนขุดหลุมดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามรถมารถระบุได้ว่า เป็นจุดที่ฝังศพนายสุชาติหรือไม่

ทั้งนี้ภหลังจากที่จนท.นำซากรถเก๋งขึ้นมาตรวจสอบทางญาติ ๆ นายสุชาติก็มาดูที่รถเก๋งที่ขุดขึ้นมา โดยนาง วารุณี  จันทร์ส่องแสง อายุ36 ปี หลานสาวนายสุชาติ  ยืนยันว่า เป็นรถของนายสุชาติ  และเชื่อว่านายสุชาติเสียชีวิตแล้ว 

 ด้านพ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ ไปตรวจค้น ที่บ้านพักของนายสุริยาหรือบังพิตแต่ไม่พบอะไร  พบเพียง ยาไอซ์จำนวนหนีงอยู่ขางบ้าน และจนท.ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายสุริยาไปทำการสอบปากคำที่ สภ.อ่าวนาง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

กระบี่ - ว้าว ..อยากกิน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ร้านทุเรียนดังกระบี่ คนต่อแถวยาวเยียด กว่า 8 ปี มาถึงวันนี้เคยล้มลุกคลุกคลาน แต่ใจรัก...ต้นทุนเป็นคนชอบกินทุเรียน เผยเคล็ดลับจนมีลูกค้าแน่นร้าน

วันที่ 16 พค 2564 ร้านทุเรียน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ซึ้งเป็นร้านทุเรียนชื่อดังกระบี่ ตั้งอยู่ที่ ม.4 ทางไปสระมรกต ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ้งมีลูกค้ายืนเข้าแถวซื้อทุเรียนในแต่ละวัน ผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามเจ้าของร้านดังกล่าว ชื่อ นส เพ็ญนภา ท้าวคำมา ชื่อเล่น 146 /3ม.4ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อมจ.กระบี่ ชื่อพี่ยุ้ยจ่ะ อายุ36 ปี เป็นแม่ค้าขายทุเรียนมากว่า 8 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อในแต่ละวันไม่ขาดสาย ทั้งลูกค้าประจำในพื้นที่ และต่างจังหวัด ยอดขายในวันละวันทะลุเฉียดแสนบาท เผยเคล็ดลับว่าทำไมมีลูกค้ามาที่ร้านแน่นขนัดทุกวัน และยอดสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะเป็นคนชอบกินทุเรียนอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกลูกค้า ว่าต้องการทุเรียนอร่อย คุ้มราคาที่ต้องจ่าย ทุเรียนทุกลูกที่ขาย ต้องคัดสรรค์ลูกทุเรียนที่ตรงใจและอย่างดีให้กับลูกค้า ชิมก่อนจ่าย ถ้าไม่ถูกใจ สามารถเปลี่ยนลูกใหม่ได้ โดยไม่คิดหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และด้วยประสบการณ์สั่งสมมากว่า 8 ปี ไม่ว่าเป็นการไปรับที่สวนทุเรียนเอง และการเเลือกทุเรียนที่มีความสุกงอม กรอบนอกนุ่มใน ให้กับลูกค้าจนเป็นที่ถูกอกถูกใจ จนเป็นที่ยอมรับและเป็นร้านทุเรียนชื่อดังในพื้นที่

นส.เพ็ญนภา ท้าวคำมา หรือน้องยุ้ย เปิดเผยว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ จนทำให้ร้านตนมีชื่อเสียงดังขนาดนี้ เคยล้มลุกคลากคลาน เริ่มแรกเดิมทีเป็นคนชอบกินทุเรียนจึงตัดสินใจมาขาย ใหม่ ๆ ลองผิดลองถูก ได้ทุเรียนดิบมาบ้าง น้ำหนักขาดบ้าง ปีสองปีแรกขาดทุน หมดเงินไปกว่า 2-3 แสนบาท เพราะยังไม่ชำนาญในการเลือกทุเรียน แต่ด้วยใจรัก จึงพยายามเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าเป็นคัดเลือกทุเรียนเอง เทคนิคการเปาะทุเรียน ลูกไหนสุกลูกไหนอ่อน  และใช้ประสบการณ์มากว่า 8 ปี สั่งสมประสบการณ์ จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นร้านทุเรียนชื่อดัง ซื้อมาแล้วไม่เคยทำให้ผิดหวัง และเทคนิคต่าง ๆ ในการคัดสรรค์ทุเรียนให้กับลูกค้าตรงใจลูกค้าที่ต้องการ และในราคาที่ไม่แพง ปัจจุบันราคาทุเรียน อยู่ที่ 140-160 บาทต่อหนึ่งกิโลถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงกว่าท้องตลาด ในแต่ละวันมียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เผย 2 วันขายทะลุหลักแสนกว่าบาท ถือว่าเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดีในช่วงหน้าฤดูกาลทุเรียน และภาวะช่วงโควิด-19 ที่หลาย ๆ อาชีพได้รับผลกระทบ และยังเป็นงานที่ตนรัก และเป็นคนชอบกินทุเรียนเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกค้าเป็นอย่างดี น้องยุ้ยกล่าว

 


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

กระบี่ - ปชช.ต่อคิวยาว แห่รับของบริจาค สุดเศร้าของบริจาค มีจำกัด บางคนกลับด้วยความผิดหวัง

วันที่ 28 พ.ค.64 การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ออนเซน แอนสปา ถ.นาเตย ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ นายกฤชกร ศิลปวิสุทธิ์ปธ.กรรมการ บ.เอทีโคโค่ ฟรุ๊ต จำกัด พร้อมด้วยนายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช บุญชิน ผู้บริหารออนเซนกระบี่ และกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพ สู้ภัยโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 235 ชุด โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนเข้าแถวรอ ยาว กว่า 200 เมตร โดยมี จนท.มูลนิธิประชาสันติสุขกระบี่ มาช่วยเหลือตรวจวัดอุณภูมิ และแจกเจลล้างมือ ก่อนเข้ารับสิ่งของบริจาคทุกคน

นายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช กล่าวว่า ทาง ออนเซนกระบี่ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด 19 ขึ้น ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่าน โดยทำข้าวกล่องบริจาค ซึ่งก็มีบรรดาผู้ใจบุญ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของและเงิน สมทุน จำนวนหนึ่ง โดยมีการทำขอ้าวกล่องแจกไปทั้งสิ้นกว่า 1 หมื่นกล่อง และในวันนี้ 28 พ.ค.ครบ 1 เดือนเศษ ทางออนเซนและกลุ่มเพื่อน ๆ ได้จัดชุดยังชีพแจก จำนวน 235 ชุด พร้อมกับปิดศูนย์ฯชั่วคราว และขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน จนทำให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ที่มารับของบริจาคบางคน ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่มารับของบริจาคด้วย ทาง จนท.ไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากของบริจาคมีจำนวนจำกัด จนท.ต้องจัดให้กับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนทำให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เป็นภาพที่เห็นแล้วสุดที่จะน่าสงสาร


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - รพ.กระบี่ ส่งนักรบชุดขาว ไปปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด รพ.สนามบุษราคัม เมืองทองธานี

วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน  2564  ณ บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ โรงพยาบาลกระบี่ นายแพทย์สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกระบี่ ร่วมส่งทีมนักรบชุดขาว เพื่อแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 7 – 22 มิถุนายน 2564  โดยได้มี มอบเงินขวัญถุง มอบช่อดอกไม้ และมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ทีมนักรบชุดขาว

โรงพยาบาลกระบี่ ได้จัดทีมบุคลากรด้านการแพทย์ ร่วมปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม จำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1.นางสาวเพ็ญวดี สกลกิติวัฒน์  นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

2.นางสาวฐิตากร ทิพย์มณี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

3.นางณัฏฐนันท์ สิงห์บุตรดี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ

4.นางสาวจุรี สาระวารี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

5.นางสาวกีรัตติกานต์ จำนงลักษณ์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

6.นางสาวดรุณวรรณ ท่าดี พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

7.นางสาวชลธิดา มณีสุวรรณ เภสัชกรปฏิบัติการ

โดยทุกคนมีความรู้ ความสามารถ เสียสละ และมีจิตอาสาเพื่อแผ่นดิน จะเดินทางไปเป็นทีมสนับสนุนและผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฯ และหลังจากปฏิบัติหน้าที่ครบกำหนดเวลา บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะถูกกักตัวในพื้นที่พิเศษ ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถ้าตรวจไม่พบสารพันธุกรรมโควิด-19 จึงจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

สำหรับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี จะรองรับผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางกลุ่มสีเหลือง จากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 3,000-5,000 เตียง ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมเมืองทองธานี สำหรับใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - แม่ค้าขายทุเรียน โดนเอง สั่งซื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จากล้งทุเรียนรายใหญ่ 3 รอบ เจอทุเรียนอ่อนปะปนมากกว่า 500 กก.

วันที่ 24 มิ.ย.64 หลังจากที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดกระบี่ ได้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ สุ่มตรวจแผงจำหน่ายทุเรียน ในพื้นที่ จ.กระบี่ เพื่อป้องกันการนำทุเรียนอ่อน ออกมาจำหน่าย ได้รับการร้องเรียนจากแม่ค้าบางรายว่า ถูกพ่อค้าทุเรียนรายใหญ่ ขายทุเรียนอ่อนปะปนมากับทุเรียนแก่ เมื่อนำมาขายให้กับลูกค้า ก็ถูกลูกค้าเอาทุเรียนมาคืน เนื่องจากรับประทานไม่ได้ ทำให้ขาดทุนแล้วหลายหมื่นบาท 

นางอรจิตร พันทรภาค แม่ค้าทุเรียนรายย่อย ในพื้นที่ จ.กระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้สั่งซื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากล้งทุเรียนรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร มาประมาณ 3 ครั้ง ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเพื่อมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ครั้งละ 1-2 ตันพบว่ามีทุเรียนอ่อนปะปนมาด้วยทุกครั้ง รวมแล้วกว่า 500 กิโลกรัม คิดเป็นเงินกว่า 60,000 บาท

นางอรจิตร กล่าวอีกว่า สำหรับแม่ค้ารายย่อย ไม่ได้มีเจตนาจะจำหน่ายทุเรียนอ่อน และหากว่าลูกค้าที่ซื้อทุเรียนไปเจอทุเรียนอ่อนตนก็จะให้นำมาคืนทุกราย ซึ่งปัญหาทุเรียนอ่อนที่พบอยู่ทำแผงขายทุเรียนปัญหาเกิดจากต้นทางก็คือล้งทุเรียนรายใหญ่ เพราะทุกครั้งที่พวกตนสั่งซื้อไม่สามารถที่จะเข้าไปเลือกทุเรียนได้ ทางล้งหรือพ่อค้ารายใหญ่ก็จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด

นางสมถวิล กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัด เฝ้าระวังและติดตามการจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าว โดยพบว่าทุเรียนที่พ่อค้าแม่ค้า นำมาจำหน่ายตามแผงขาย ได้สั่งซื้อมาจากล้งในจังหวัดชุมพร โดยมีทุเรียนอ่อนปะปนมาด้วย แต่พบว่าพ่อค้า แม่ค้า ได้ทำการเก็บไม่ได้นำออกมาจำหน่าย และเตรียมส่งคืนให้กับล้ง เบื้องต้นได้กำชับห้ามนำออกจำหน่ายอย่างเด็ดขาด


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่- นายอำเภอคลองท่อม สั่งปิดโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกโรงเรียน ในเขตตำบลคลองท่อมใต้ จ.กระบี่ หลังพบครูและเด็กนักเรียนติดเชื้อโควิด-19

จากคลัสเตอร์งานฌาปนกิจ ที่วัดคลองที่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พบผู้ติดเชื้อแล้ว 23 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสมทั้งจังหวัด 388 ราย

นายไพศาล ศรีเทพนายอำเภอคลองท่อม ได้ออกประกาศแจ้งปิดโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่พบผู้ป่วยจำนวนมากในกลุ่มผู้ที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพที่วัดคลองท่อม ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาและมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดไปยังผู้ปกครองครูพี่เลี้ยงเด็กและผู้ที่ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพตามวันเวลาสถานที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง และเพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดคัตเตอร์ในกลุ่มครูบุคลากรทางการศึกษานักเรียนครูพี่เลี้ยงเด็กวัยก่อนเรียน ผู้ปกครองนักเรียนทางอำเภอคลองท่อมจึงขอความร่วมมือในการปิดโรงเรียนทุกโรงทุกสังกัดและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งในเขตตำบลคลองท่อมใต้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2564

สำหรับคลัสเตอร์งานบำเพ็ญกุศลศพที่วัดคลองท่อม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ทำการค้นหาเชิงรุก ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ทั้งหมดในพื้นที่กว่า 500 ราย ตั้งแต่วันที่ 21 -23 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจำนวน 23 ราย ซึ่งในซึ่งในจำนวนนี้มี ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และมีนักเรียนที่ต้องไปกักตัวในสถานที่รัฐอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19

ส่วนคลัสเตอร์จากมัรกัสยะลา พบผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งหมด 22 ราย แยกเป็นนักเรียนฮาฟิซ 18 คน  และชาวบ้านที่มาจากพื้นที่ในจ.ยะลา 4 คน ซึ่งได้มีการกักตัวกลุ่มเสียผู้สัมผัสเสียงสูงเป็นเวลา 14 วัน

อย่างไรก็ตามจะสถานการณ์ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในจังหวัดกระบี่ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 388 ราย  รักษาตัวที่รพ. 73 ราย รักษาหายและออกจาก รพ.315 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่ - สื่อท้องถิ่นจิตอาสา ร่วม สาธารณสุขคลองท่อม ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ สสอ.คลองท่อม พร้อมเผยทาง สสจ.กระบี่ กำลังรวบรวมหลักฐานสาวโรงงานซิอิ้ว จ.ตรัง แจ้งความเอาผิดฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ที่หน้าโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ นายอนันต์ ลู่เกียง สาธารณสุขอำเภอคลองท่อม พร้อมด้วยสื่อท้องถิ่น สถานีวิทยุกระเสียง รถแห่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพคลองท่อม ได้ร่วมกันปล่อยรถแห่ประชาสัมพันธ์เชิงรุก จำนวน 4 คัน เพื่อประชาสัมพันธ์คำสั่งประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ ในพื้นที่อำเภอคลองท่อม เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารข้อมูลได้อย่างถูกต้อง พร้อมกันนั้นได้กระจายเสียงตามสถานีวิทยุท้องถิ่น หลาย ๆ คลื่น เช่น Fm 91.0 เหนือคลอง 95.0 พรุดินนา 102.75 คลองท่อม 101.0 ลำทับ ในกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนตระหนัก และให้ความร่วมือเข้าใจต่อสถานการณ์ในพื้นที่  

สืบเนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 คัตเตอร์ใหม่พบผู้ป่วยจำนวนมากในกลุ่มผู้ที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ วัดคลองท่อมซึ่งจัดงานในระหว่างวันที่ 12 ถึง 17 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาและมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดในพื้น อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ผลการตรวจวิเคราะห์ การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 11/1 ภูเก็ต จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก(Active case finding) ณ.วัดคลองท่อม วันที่ 26 มิถุนายน 2564 จำนวน 1287 ราย ผลปกติ 1286 ราย ติดเชื้อ 1 ราย ทางสาธารณสุขได้ดำเนินการประสานและดำเนินการเข้าสู่กระบวนการรักษา และสอบสวนโรค เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายอนันต์ ลู่เกียง สาธารสุขอำเภอคลองท่อม พร้อมเผยทาง สสจ.กระบี่ กำลังรวบรวมหลักฐานสาวโรงงานซิอิ้ว จ.ตรัง แจ้งความเอาผิดฝ่าฝืน พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งได้ฝ่าฝืนเดินทางมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ ที่วัดคลองท่อม เมื่อวันที่ 12-17 มิย 2564 ที่ผ่านมา และมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดไปยังผู้ปกครองครูพี่เลี้ยงเด็กและผู้ที่ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพในพื้นที่ อ.คลองท่อม ตามวันเวลาสถานที่ดังกล่าว และยังคงรักษามาตรการอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือบ่อย ๆ จนกว่าผ่านสถานการณ์นี้ จนถึงวันที่ 9 กรกฏาคม 2564 จากคำสั่งประกาศคณะกรรมการควบคุมโรค จ.กระบี่ ฉบับที่ 23/2564 โดย พ.ต.ท มล.กิติบดี ประวิตร  ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ 


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่  รายงาน

กระบี่ - ธนบัตร 500 ปลอมระบาด !! ซ้ำเติมแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ ในพื้นที่ ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดนไป 1 ใบ

วันที่ 28 มิ.ย.64 นางอำสา สกุลหลัง อ.58 แม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ อยู่บ้านเลขที่ 25/1 ม.1 ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้นำธนบัตรฉบับละ 500 บาท ที่ได้จากลูกค้ามาให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งลักษณะสีคล้ายของจริงมาก แต่ขนาดเล็กกว่า ใกล้เคียงกับธนบัตรใบละ 100 บาท ไม่มีลายน้ำ และหากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่รู้ว่าเป็นแบงก์ปลอม ตอนแรกเข้าใจว่า เป็นธนบัตรใบละ 500 บาท ออกใหม่ แต่เมื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียดพบว่าเป็นของปลอม ถึงกับเข่าอ่อน เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ลูกค้ามีน้อย

ผู้เสียหาย เล่าว่า ได้ตั้งแผงขายน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก่ อยู่บริเวญตลาดคลองหิน ม.1ต.คลองหิน โดยแต่ละวันมีทั้งลูกค้าขาจรและขาประจำ แวะเวียนมาอุดหนุน มากบ้างน้อยบ้างไม่แน่นอน เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้นำเงินจากกระเป๋าที่ได้จากการขายน้ำเต้าหู้ ฉบับละ 500 บาท ออกมาให้ลูกไปซื้อของที่ตลาด หลังจากนั้นลูกก็กลับมาบอกว่า ธนบัตรฉบับดังกล่าว มีลักษณะแปลก ๆ ได้ช่วยกันตรวจดูอย่างละเอียด โดยเทียบกับธนบัตรของจริง จึงพบว่าเป็นธนบัตรปลอม

เชื่อว่าเป็นของลูกค้าที่มาซื้อน้ำเต้าหู้อย่างแน่นอน เพราะตนไม่มีรายได้จากอื่นนอกจากการขายน้ำเต้าหู้และปลาท่องโก่ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าได้มาเมื่อใด เพราะตนไม่ได้สังเกตุ มารู้ตอนที่ลูกสาวกลับมาบอก จึงได้สังเกตดู และแน่ใจว่าเป็น ธนบัตรปลอม เบื้องต้นได้แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจป้อมยามคลองหิน และอยากฝากเตือนพ่อค้าแม่ค้าให้ระมัดระวัง เพราะไม่อย่างนั้นจะตกเป็นเหยื่อได้เหมือนกับตน


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top