Sunday, 12 May 2024
กระบี่

กระบี่-เรือ นทท.นับร้อยลำแห่เข้าชมความงามอ่าวปิเละพีพีเลแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเกาะพีพี ด้าน อช.พีพี หวั่นเกิดความเสียหายและอุบัติเหตุ 'สั่งล้อมคอก' บูรณาการส่วนราชการและส่วนที่เกี่ยวข้อง ลุยจัดระเบียบเรือเชิญผู้ประกอบการผู้เกี่ยวข้องประชุมหารือเร่งด่วน

วันที่ 5 ก.พ.67 นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายเพิ่มศักดิ์ คงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 สั่งการให้อุทยานแห่งชาติฯ จัดการดูแลสถานที่แหล่งท่องเที่ยว 

โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ให้ควบคุมดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว บริหารจัดการเพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่ให้เกิดภาพความแออัด ให้ท่องเที่ยวอย่างสะดวกและปลอดภัย

โดยช่วงบ่ายวันที่ (5 ก.พ.) หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บูรณาการร่วมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง นำเรือตรวจการณ์สำรวจบริเวณแหล่งท่องเที่ยวอ่าวปิเละ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังรองอันดับ 2 จากอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พบในอ่าวปิเละ มีการสัญจรของเรือหนาแน่น ทั้งมลพิษกลิ่นควันจากท่อไอเสียของเรือ มลพิษด้านเสียง กลิ่นน้ำมัน อีกทั้งนทท.ลงเล่นน้ำนอกแนวเขตทุ่นไข่ปลา หวั่นเกิดอุบัติเหตุอันตรายขึ้นแก่นักท่องเที่ยว จึงเร่งหาแนวทาง"ล้อมคอกก่อนวัวหาย" 

ได้เชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเร่งด่วนถึงแนวทางในการจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยวของเกาะพีพี โดยมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง ,สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ ,สถานีตำรวจท่องเที่ยว 3 กก.2 ,สถานีตำรวจน้ำ 1 กก.9 ,ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จังหวัดกระบี่ ,ศูนย์ควบคุมความมั่งคงท่าเรือกระบี่ ,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ,สถานีตำรวจภูธรเกาะพีพี ,ชมรมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี ,ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะพีพี ,กลุ่มพิทักษ์พีพี ,ชมรมเรือหางยาวเกาะพีพี ,ผู้ประกอบการเรือหางยาว และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมโรงแรม พีพี อันดามัน บีช รีสอร์ท (เกาะพีพี) จังหวัดกระบี่

หน.อช.หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผยอีกว่า ในที่ประชุม อุทยานแห่งชาติฯ ได้รายงานสภาพปัญหาการท่องเที่ยวบริเวณอ่าวปิเละ และศักยภาพการท่องเที่ยวตามหลักวิชาการ โดยอ่าวปิเละ หรือปิเละ ลากูน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่น สวยงาม ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล มีแอ่งน้ำลักษณะคล้ายกับลากูน โดยเป็นแอ่งถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง น้ำทะเลสดใสเขียวมรกต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 

และอยู่ใกล้กับอ่าวมาหยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอุทยานฯ ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวอ่าวปิเละ มีเรือนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวันมีเรือเข้าไปท่องเที่ยว เฉลี่ยประมาณ 120 ลำ ประกอบด้วย เรือหางยาว เรือสปีดโบ๊ท ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่ เป็นการเข้าไปให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ และว่ายน้ำ ด้วยความหนาแน่นของเรือที่เกิดจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย มีภูมิทัศน์ไม่สวยงาม เกิดมลพิษ ทั้งทางด้านเสียงจากเครื่องยนต์เรือ และมลพิษทางอากาศ 

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้าไปได้รับโดยตรง ปัญหาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะหาแนวทางในการจัดการแก้ไขปัญหา ซึ่งต้องบูรณาการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่และต่างพื้นที่ที่เข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อที่จะหาแนวทางกำหนดกฎกติกาในการจัดระเบียบการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ 

เพื่อสามารถจัดการแหล่งท่องเที่ยวและใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ได้ดำเนินการของบประมาณในการติดตั้งท่าเทียบเรือลอยน้ำ และทุ่นไข่ปลา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้า-ออกของเรือ และอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงเพิ่มทุ่นจอดเรือให้ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทุกแหล่ง เพื่อป้องกันมิให้มีการทิ้งสมอเรือ หรือท่องเที่ยวที่อันจะเกิดผลกระทบต่อปะการังในแหล่งท่องเที่ยว โดยที่ประชุมดังกล่าวได้ร่วมกันหารือปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และได้มีมติที่ร่วมกันที่ในการจัดระเบียบการท่องเที่ยวในอ่าวปิเละลากูน ในเบื้องต้น ดังนี้

1. ลดจำนวนเรือหางยาวที่ไม่มีนักท่องเที่ยว โดยไม่ให้ เข้าไปจอดหรือดำเนินการเปลี่ยนถ่ายนักท่องเที่ยวจากเรือสปีดโบ๊ทไปยังเรือหางยาวภายในอ่าวปิเละ  ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงสามารถลดปัญหามลภาวะทางเสียงและอากาศในพื้นที่ได้ 

2. จัดโซนเล่นน้ำภายในอ่าวปิเละ ให้เล่นเฉพาะจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้เท่านั้น 

3. จัดทำเสาแสดงระดับน้ำขึ้นลงด้านหน้าอ่าวเพื่อจำกัดช่วงเวลาเข้าออกของเรือทั้งนี้อุทยานแห่งชาติมีแผนงานแก้ไขปัญหาจัดระเบียบเรือในพื้นที่ดังกล่าว  3 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 การจัดการด้านพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว
1.1 เพิ่มทุ่นจอดเรือบริเวณหน้าอ่าวปิเละ เพื่อรองรับการจอดเรือของเรือสปีดโบ๊ท/กรณีน้ำลดลงต่ำที่เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้
1.2 ของบสนับสนุนในการจัดตั้งทุ่นลอยน้ำสำหรับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำอ่าวปิเละ
ในการควบคุมตรวจสอบการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
1.3 ของบประมาณจัดทำทุ่นจอดเรือภายในอ่าวปิเละ เพื่อรองรับการจอดเรือ สำหรับกำหนดรอบในการเข้าไปท่องเที่ยว

มาตรการที่ 2 จัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย 
2.1 ร่วมหารือแนวทางการจัดระเบียบปริมาณเรือที่เข้า-ออก ไปใช้พื้นที่อ่าวปิเละ เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่น และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
2.2 นำความเห็นเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ  (PAC) เพื่อขอมติรับรอง�การดำเนินการตามมาตรการแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวปิเละลากูน ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นี้
2.3 ออกมาตรการกำหนดแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว�ปิเละลากูน พร้อมประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ที่เกี่ยวข้องทราบ
2.4 ดำเนินการมาตรการแนวทางการจัดระเบียบและข้อปฏิบัติในการเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวปิเละลากูน พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานตรวจสอบควบคุม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

มาตการที่ 3 ตรวจสอบร่วมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุม ดูแล การท่องเที่ยวทางเรือ
3.1 เรือที่เข้าไปท่องเที่ยวและให้บริการนักท่องเที่ยว ต้องได้รับอนุญาตประกอบกิจการท่องเที่ยวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
3.2 เรือที่ให้บริการนักท่องเที่ยวต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.3 ผู้ขับเรือ ต้องผ่านการฝึกอบรม เกี่ยวกับการให้บริการนักท่องเที่ยว การช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้นหรือด้านอื่นๆ ที่จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อม

จากการประชุมดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเรือหางยาว ผู้ประกอบธุรกิจบนเกาะพีพี รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่เข้ามาท่องเที่ยว ที่จะดำเนินการตามแนวทางและกฎระเบียบที่กำหนด เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวได้รับการจัดการที่เหมาะสม สามารถใช้อำนวยประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยว ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ตม.จว.กระบี่ ตรวจเข้ม สนองนโยบาย ผบ.ตร. และ ผบช.สตม. บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 13-22 ก.พ. 67 โดยให้ระดมตรวจสอบและการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ  กนกเหมพันธ์  รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,พ.ต.ต.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่ , พ.ต.ต.วิโรจน์ ศรีสภา สว.ตม.จว.กระบี่  จัดกำลังชุดสืบสวนตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 , เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ส.รน.1 กก.9 บก.รน. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ บูรณาการออกตรวจสอบพื้นที่รับผิดชอบ ได้ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด 4 ราย ดังนี้

1.นายซิน (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 16 เม็ด
2. นายมิน (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 10 เม็ด
3. นายเซ (สัญชาติเมียนมา) โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
4.นายฤทธิ์ธี (สัญชาติไทย) โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ของกลางยาบ้า จำนวน 50 เม็ด

นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 13 ก.พ.67 ตม.จว.กระบี่ ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้

-จับกุมผู้กระทำผิด พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จำนวน 41 ราย
-จับกุมผู้กระทำผิด พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 จำนวน 2 ราย
-จับกุมผู้กระทำผิด พรบ.ยาเสพติด จำนวน 3 ราย

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

กระบี่-ทกจ.กระบี่ จับมือกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินหน้าขับเคลื่อนชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) กำหนดพื้นที่ 'อ่าวนาวแลนด์มาร์ก' เป็นชุมชนนำร่อง

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุม อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นายสมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.)โดยมี 

นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยว่าที่ พ.ต.ท.สราวุฒิ เกาะกลาง สว.ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมอบรม

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ  เร่งรัดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวประเทศจีนและประเทศคาซัคสถาน เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและส่งเสริมมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและบริหารจัดการแบบบูรณาการอย่างองค์รวม

สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ ได้บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจท่องเที่ยวกระบี่ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันจัดทำโครงการขับเคลื่อนชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง Strong Tourism Community (S.T.C.) โดยได้กำหนดพื้นที่ “อ่าวนางแลนด์มาร์ก” ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เป็นชุมชนนำร่องในการดำเนินโครงการ และดำเนินการจัดอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวในโครงการชุมชนท่องเที่ยวเข้มแข็ง  Strong Tourism Community (S.T.C.) ทั้งชาวไทยและชาวต่าวชาติ ประกอบด้วย พนักงานร้านสะดวกซื้อ (7-11) , พนักงานโรงแรม , พนักงานรักษาความปลอดภัย อ่าวนางแลนด์มาร์ค , และภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ จำนวน  67 คน เข้าร่วมอบรม โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันสร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล, สร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่การท่องเที่ยวในพื้นที่ อีกทั้งเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจในแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ข้อมูลท้องถิ่น การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในกรณีประสบเหตุ 

กระบี่-นักบินกรมฝนหลวง ดับไฟป่าเขาปากเบนวันที่สอง สามารถสกัดจุดใหญ่ไม่ให้ไฟลุกลามได้มาก ลุยต่อปฏิบัติการพรุ่งนี้อีกวัน

วันนี้ ( 11 มีนาคม 2567 )  นักบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ภาคใต้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกปฏิบัติการดับไฟป่าภูเขาปากเบน ม.4 บ้านน้ำโครมโครม ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ เป็นวันที่ 2   โดยมีนายสมปราชญ์ ปราบสงคราม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ติดตามปฏิบัติการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอเมืองกระบี่ สถานีควบคุมไฟป่า ท้องถิ่นในพื้นที่ เป็นต้น  โดยจากการประเมินสถานการณ์ พบว่า บริเวณไฟป่าไหม้อยู่ที่ด้านทิศตะวันออกมีกลุ่มควัน เป็นจุด ๆ ประมาณ 5 จุด ด้านทิศใต้มีกลุ่มควัน1จุด ด้านทิศตะวันตก ด้านบ้านท่าทองหลางบริเวณจุดเดิมที่มีไฟไหม้บนภูเขาได้มีกลุ่มควันขึ้นมาอีก ซึ่งน่าจะมีการลุกลามของเชื้อไฟ โดยลักษณะไฟไหม้ป่าภูเขาหินปูนความสูงชัน 90 องศา เป็นไฟผิวดิน ไม่รุนแรง ลุกไหม้ตามยอดภูเขา แต่มีการลุกลามจำนวนหลายจุด  และในวันนี้ เจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ตำบลเขาทอง ได้ร่วมสำรวจแหล่งน้ำในพื้นที่ตำบลเขาทองแหล่งใหม่ เพื่อลดระยะทางในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งใช้น้ำในสระน้ำบ้านคลองกรวด หมู่ที่ 6 ตำบลเขาทองเป็นแหล่งน้ำในการดับไฟ แทนแหล่งเดิมที่อ่างเก็บน้ำเขาค้อม ที่มีระยะทางไกลกว่า 

โดยนักบินกรมฝนหลวง เริ่มปฏิบัติการภารกิจโปรยน้ำเวลา 11.00 น. ในทิศตะวันตก บ้านคลองกรวด ได้จำนวน 1 เที่ยวบิน แต่มีปัญหาอุปสรรคไม่สามารถปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าต่อได้ เนื่องจากวาล์วปิด – เปิดถังดับน้ำหล่นหายในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องวางแผนหาอุปกรณ์ทดแทน และเริ่มปฏิบัติการอีกครั้งในเวลา 15.20 น รวมตักน้ำดับไฟได้จำนวน 18 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 500 ลิตร ได้ปริมาณน้ำ จำนวน 9,000 ลิตร และหยุดปฏิบัติภารกิจ เวลา 16.55 น ผลการปฏิบัติการสามารถดับไฟป่าได้จำนวน 2 จุดในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลเขาทอง ซึ่งสามารถสกัดไฟไม่ให้ลุกลามได้เป็นอย่างมากในบริเวณที่ลุกลามช่วงกลางวันของวันนี้  ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดับไฟป่าในระดับพื้นที่ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาทองและอบต.เขาทอง ก็ยังได้จัดเวรยามเตรียมพร้อมเฝ้าระวังไฟลุกลามตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย  และในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.67) จะมีการปฏิบัติการดับไฟป่าต่อเป็นวันที่สาม 

สำหรับไฟไหม้ป่าบริเวณเขาปากเบน เกิดไฟไหม้ป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม โดยขยายลุกลามกินพื้นที่ไปแล้ว กว่า 100 ไร่ พบผลกระทบฝุ่นปกคลุมพื้นที่หมู่ที่ 1,2,6 ตำบลเขาทอง และหมู่ที่ 2 ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ และเนื่องจากเป็นพื้นที่เทือกเขาสูงชัน ทำให้การดับไฟป่าเป็นไปได้ยากและใช้เวลาหลายวัน...

กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน  

กระบี่-อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ ถึงกระบี่แล้ว

กระบี่ จัดพิธีรับพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก จากจังหวัดอุบลราชธานี ถึงจังหวัดกระบี่แล้วเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะได้ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคมนี้

เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เครื่องบิน ซี 130 ของกองทัพอากาศ ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ได้เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 21 อุบลราชธานี ถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ก่อนที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นางปอโลมี ตริปาฐี อุปทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดกระบี่ ต้อนรับ

จากนั้น ผู้แทนจากอินเดียวได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะลงจากเครื่องบินไปประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์
และเจริญชัยมงคลคาถา ณ ห้องรับรอง ภายในสนามบิน โดยมีพระสงฆ์ และฝ่ายไทยและอินเดียร่วมพิธี ก่อนจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐานยังห้องมั่นคงภายใน ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล หรือ วัดบางโทง ตำบลนาเหนือ อำเภออำอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ และในวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 07.00 น.ทางจังหวัดได้จัดขบวนอัญเชิญยิ่งใหญ่ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 415 สายนาเหนือ - พนม ประกอบด้วย ขบวนช้างเทิดพระเกียรติ และนางรำมโนราห์กว่า 600 คน ข้าราชการ และประชาชนกว่าพันคน ร่วมในขบวน และในเวลา 12.00 น.จะเปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะ ตั้งแต่วันที่ 15-18 มีนาคมนี้

ทั้งนี้ การเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ทางจังหวัดกระบี่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการะ ณ บริเวณพระวิหาร โดยจะจัดเตนท์ให้บริการประชาชน และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุได้รอบละ 100 คน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในทุกๆ ช่วงเย็นเวลา 18.00 – 19.00 น. จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจะหยุดพักไม่อนุญาตให้ขึ้นสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ บนพระวิหารแต่บริเวณเจดีย์พุทธคยาและภายในเจดีย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธเมตตา และสักการะบูชาพระพุทธรูปบริเวณรอบๆ เจดีย์ได้ และจะปิดการเข้าสักการะในเวลา 20.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมสักการะฯ ประมาณวันละ 100,000 คน นอกจากนี้ ในทุกๆ ช่วงค่ำตลอดระยะเวลา 15-18 มีนาคม 2567 จะมีการส่องไฟเสริมความสวยงามให้กับเจดีย์พุทธคยา อีกด้วย..

ข้อมูลข่าว / ภาพ 
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

กระบี่ จัดขบวนช้าง 10 เชือก อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ขึ้นประดิษฐานบนวิหาร วัดบางโทง

กระบี่ จัดริ้วขบวนช้าง 10 เชือก พร้อมนางรำกว่า 600 คน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ขึ้นประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล พร้อมเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเป็นสิริมงคล 15-18 มีนาคมนี้ ขณะที่ พุทธศาสนิกชนต่างสวมใส่ชุดขาวจับจองพื้นที่กันเพื่อกราบสักการะอย่างเนืองแน่น

เทปโทรทัศน์ บรรยากาศที่วัดมหาธาตุวชิริมงคล อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ในวันนี้ได้จัดขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก อย่างยิ่งใหญ่ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ภายในวิหารมณฑป วัดมหาธาตุวชิรมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีอัญเชิญ

สำหรับขบวนประกอบด้วย ขบวนช้าง 10 เชือก ขบวนนางรำกว่า 600 ชีวิต และขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี ขบวนรถบุษบกประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ โดยได้เคลื่อนขบวนจากถนนทางหลวงหมายเลข 415 สายนาเหนือ - พนม ผ่านถนนทางเข้ามายังทางเข้าวัด เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานสู่พระวิหารมณฑป
ให้ประชาชนได้สักการะ ระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.ซึ่งเมื่อขบวนเข้ามายังภายในบริเวณวัดพุทธศาสนิกชนที่มารอต้อนรับได้กล่าว สาธุๆ พร้อมกัน ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณวัด 

จากนั้น ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ เคลื่อนถึงหน้าเจดีย์พุทธคยาและหยุดที่หน้าเจดีย์
ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 1 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า และภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย คนที่ 2 ได้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ลงจากรถบุษบก เข้าสู่พระวิหารเพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนจะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าสักการะในเวลา 12:00 น. ของวันนี้

ขณะที่ บรรยากาศโดยทั่วไปภายในวัดยังคงมีพุทธศาสนิกชนจาก 14 จังหวัดภาคใต้สวมใส่ชุดขาวหลั่งไหลเดินทางมาเพื่อร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ และพระอรหันตธาตุ อย่างเนืองแน่น คุณลุงโอภาส คงคชวัน อายุ 81 ชาวอำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาพร้อมกับนางอารีย์ ศิริรัตน์ อายุ 80 ปี และลูกๆหลานอีก 8 คน เล่าให้ฟังว่ารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ซึ่งหลังจากที่ทราบข่าวก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแม้อายุมากแล้วแต่ก็ตื่นมาตั้งแต่ตีสองเพื่อเดินทางมาที่วัดบางโทงแห่งนี้ พร้อมทั้งกล่าว่า เกิดมาชาติหนึ่งต้องได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ เป็ญบุญยิ่งนักที่ท่านมาถึงบ้านเรา พุทธศาสนิกชนที่มาร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ 2 คน

ทั้งนี้ การเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ทางจังหวัดกระบี่ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการะ ณ บริเวณพระวิหาร โดยจะจัดเตนท์ให้บริการประชาชน และเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุได้รอบละ 250 คน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. และในทุกๆ ช่วงเย็นเวลา 18.00 – 19.00 น. จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ซึ่งจะหยุดพักไม่อนุญาตให้ขึ้นสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ บนพระวิหารแต่บริเวณเจดีย์พุทธคยาและภายในเจดีย์จะเปิดให้ประชาชนเข้าไปไหว้สักการะพระพุทธเมตตา และสักการะบูชาพระพุทธรูปบริเวณรอบๆ เจดีย์ได้ และจะปิดการเข้าสักการะในเวลา 20.00 น. และขอความร่วมมือประชาชนที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้แต่งกายด้วยชุดสุภาพ งดเว้นสีดำ โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมสักการะฯ ประมาณวันละ 100,000 คน นอกจากนี้ ในทุกๆ ช่วงค่ำตลอดระยะเวลา 15-18 มีนาคม 2567 จะมีการส่องไฟเสริมความสวยงามให้กับเจดีย์พุทธคยา อีกด้วย

ข้อมูลข่าว / ภาพ
มโนธรรม ใจหาญ กระบี่  รายงาน 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top