Wednesday, 2 July 2025
WORLD

อดเปรี้ยวไว้กินหวาน!! สาวเก็บไอโฟนรุ่นแรก สภาพใหม่กล่องยังไม่แกะ ผ่านไป 16 ปี นำมาประมูลได้กว่า 2.2 ล้านบาท

สาวเก็บไอโฟนตอนออกรุ่นแรกไว้อย่างดีในกล่อง ประมูลขายได้กว่า 2.2 ล้าน!!

เว็บไซต์ nrp.org รายงานว่า คาเรน กรีน หญิงสาวที่เพิ่งได้งานใหม่เมื่อปี ค.ศ.2007 เพื่อนๆ จึงซื้อไอโฟน ซึ่งตอนนั้นเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นแรก  ให้แก่เธอเป็นของขวัญ

และในขณะที่คนทั่วไปต่างเห่อกับไอโฟนรุ่นแรกของโลก แต่สำหรับกรีนแล้ว เธอกลับไม่ได้แกะมันออกมาใช้ เพราะเธอเพิ่งจะเปลี่ยนโทรศัพท์ไปเมื่อไม่นานนี้ อีกทั้งเธอไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนจากค่ายมือถือ เนื่องจากถ้าใช้ไอโฟน จะต้องเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายของเอทีแอนด์ที

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อ 'อเมริกัน' เคลมสูตร 'น้ำมันงู' กูคิดเอง แต่โป๊ะแตก เพราะแอบลอกเลียนสินค้าจีน

ใครๆ ก็รู้จักอับดุลที่มาพร้อมการเร่ขายยา 

แม้รุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าถามคนรุ่นอายุสี่สิบกว่าขึ้นไป รับรองว่ารู้จัก 'อับดุล' แน่นอน   

อับดุลที่ว่านี้ไม่ใช่แขกที่ไหน แต่เป็นปาหี่ขายยาขายเลขเด็ด ไม่ว่าอับดุลจะเร่ขายยาที่ไหน ต้องมีผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมร่างร่างชายไทยไม่ทราบชื่อ มีสั่นบ้างกระตุกบ้างพอให้ตื่นใจ แล้วชายอีกคนคอยร้องถามว่า 'อับดุลเอ๊ย' ซึ่งอับดุลก็ช่างแสนรู้ไปเสียทุกเรื่อง จากนั้นเป็นการขายเลขเด็ดบ้าง ขายยาครอบจักรวาลที่รักษาหายทุกโรคบ้างตามแต่พี่อับดุลจะขาย 

เชื่อไหมว่าอเมริกาก็มี 'อับดุล' การต้มตุ๋นหลอกขายยาเร่แบบนี้ กลายเป็นสำนวนอเมริกาว่า 'Snake Oil'  เป็นคำสแลงไว้เรียกพวกต้มตุ๋นหลอกขายของสินค้า สรุปแล้วมีความหมายในเชิงลบนั่นเอง คงเทียบสำนวนบ้านเราได้ประมาณ 'สิบแปดมงกุฎ' ทำนองนี้

เรื่องการหลอกขายน้ำมันงูนี้ คือเรื่องโกหกพกลมระดับประเทศในยุคปี ค.ศ.1860 เลยทีเดียว ยุคนั้นคือยุคตื่นทอง มีการพบทองคำที่เมืองโคโลม่า โดยรัฐแคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ.1848 ผู้คนจากทั่วสารทิศนับแสนๆ คนหลั่งไหลเข้าไปฝั่งตะวันตก ด้วยความหวังที่จะเป็นเศรษฐีใหม่หมาดจากการขุดและค้าทองคำ

รัฐบาลเลยคิดสร้างทางรถไฟข้ามทวีป จากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตกเป็นระยะทาง 1,800 ไมล์ การสร้างทางรถไฟนั้นต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก ช่วงแรกมีการว่าจ้างกรรมกรอเมริกันและยุโรปมาสร้างทางรถไฟสายประวัติศาสตร์นี้ แต่ต่อมาพวกกรรมการฝรั่งประท้วงเพื่อเรียกร้องค่าจ้างเพิ่ม บริษัทที่รับเหมาการสร้างรางรถไฟเลยตัดปัญหากรรมกรฝรั่งช่างประท้วง ด้วยการนำเข้ากรรมกรจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง  

กรรมกรสร้างทางรถไฟร้อยละเก้าสิบเป็นแรงงานกรรมกรจีน ในปี ค.ศ. 1852 มีกรรมกรชาวจีนถึง 25,000 คน แม้จะมีน้ำอดน้ำทนขนาดไหน แต่ถ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้น ย่อมปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นธรรมดา ทีนี้อาเฮียจะอย่างไรล่ะ เมียก็ไม่ได้พามาด้วย บรรดาอาเฮียอาตี๋เลยต้องพึ่งพาน้ำมันงูที่เอามาจากเมืองจีน ไอ้น้ำมันงูแสนวิเศษนี่แหละที่กรรมกรจีนนวดถูตัวทุกคืน ซึ่งมีสรรพคุณคลายเส้นจากการทำงานหนัก   พอตื่นเช้ามา อาเฮียก็ร้องฮ้อ เจี๊ยะข้าวต้มกับน้ำชา แล้วลุยงานหนักต่อได้ทันที

เจ้าน้ำมันงูที่เหล่าอาเฮียพกมาจากเมืองจีน คือยาโบราณที่คนจีนรู้จักดี สกัดจากงูน้ำประเภทหนึ่งที่เรียกว่า 'งูสายรุ้ง' บรรเทาอาการปวดยอกกล้ามเนื้อดีมาก ทีนี้พอคนอเมริกันเห็นสรรพคุณสุดยอดของน้ำมันงูสายรุ้งจากเมืองจีนก็เกิดไอเดีย 'ก็อป' ขึ้นมาทันที

จะว่าไปแล้วก็เหมือนตลกร้าย ในปัจจุบัน ปี ค.ศ.2023 อเมริกาชี้หน้าจีนว่าก็อปสินค้าโน่นนี่ของอเมริกา แต่ในปี ค.ศ.1860 ลุงแซมหน้ามึนก็อปสินค้าของจีน แล้วสินค้าที่มะริกันก็อปจีนก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน มันคือเจ้าน้ำมันงูที่ว่านี่เอง  

สัญญาณอันตราย!! ‘ญี่ปุ่น’ ทุบสถิติ ยอดประชากรเกิดต่ำสุดในรอบ 40 ปี ‘นายกฯ’ ชี้ เป็นวิกฤต สั่งเร่งแก้ไข-เพิ่มงบหนุน 2 เท่า

(1 มี.ค. 66) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ว่า จำนวนการแจ้งเกิดในญี่ปุ่นลดตัวลงอีกครั้ง และทำลายสถิติต่ำที่สุดอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหามานานหลายสิบปี สถิติการเกิดในประเทศล่าสุดที่น่ากังวลนี้ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นในการกระตุ้นการเกิดใหม่ของประชากร แม้จะมีความพยายามอย่างหนักก็ตาม

จากสถิติการเกิดที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ญี่ปุ่นมีจำนวนเด็กทารกเกิดใหม่จำนวน 799,728 คนเมื่อปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนการเกิดของประเทศอยู่ต่ำกว่า 800,000 คน โดยยอดดังกล่าวลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ในอดีตญี่ปุ่นเคยมีสถิติการเกิดมากกว่า 1.5 ล้านคนในปี 1982

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตของปีที่ผ่านมาอยู่ที่กว่า 1.58 ล้านราย ซึ่งทุบสถิติสูงที่สุดในช่วงเวลาหลังเกิดสงคราม

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีอัตราการตายสูงกว่ายอดการเกิดใหม่ของประชาชนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักอึ้งต่อผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

ประชากรของญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟูในช่วงยุค 80 และในปี 2021 ญี่ปุ่นมีประชากรอยู่ที่ 125.5 ล้านคน อ้างอิงข้อมูลตัวเลขล่าสุดของรัฐบาล โดยอัตราการเกิดของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ที่ 1.3 นั้น ต่ำกว่าความคาดหวังของอัตราการเกิดใหม่ของประชากรที่ 2.1 อย่างมาก โดยการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาจำนวนประชากรให้มีคงที่ ในกรณีที่ไม่มีการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ

อีกทั้ง ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรมีอายุขัยมากที่สุดในโลก โดยในปี 2020 ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า สามารถพบคนญี่ปุ่นที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ได้ในอัตราส่วนเกือบ 1 ใน 1,500 คน

ฝันร้ายของนักท่องเที่ยว!! โรงแรมญี่ปุ่น ออกมายอมรับทำความสะอาด 6 เดือน/ครั้ง หลังพบมีแบคทีเรียเกินมาตรฐานถึง 3,700 เท่า ในบ่อน้ำพุร้อน

โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นออกมาขออภัยวานนี้ (28 ก.พ.) หลังถูกตรวจพบว่าบ่อน้ำพุร้อน “ออนเซ็น” มีค่าแบคทีเรียเกินมาตรฐานถึง 3,700 เท่า พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาให้พนักงานเปลี่ยนน้ำในบ่อ “ทุกๆ 6 เดือน”

มาโกโตะ ยามาดะ ประธานบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม ไดมารุ เบสโซ (Daimaru Besso) ในจังหวัดฟุกุโอกะ กล่าวขออภัยที่โรงแรมของเขาละเลยเรื่องสุขอนามัย โดยไม่ได้เปลี่ยนน้ำทุกๆ สัปดาห์ตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใส่คลอรีนลงในน้ำอย่างเพียงพอ

ยามาดะ ระบุว่าตนเอง

ไม่ชอบกลิ่นคลอรีน และยอมรับว่ามันเป็นเหตุผลที่ค่อนข้าง “เห็นแก่ตัว”

“เราผิดเองที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของลูกค้า” เขากล่าว

โรงแรมแห่งนี้เริ่มละเลยการเปลี่ยนน้ำในออนเซ็นมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2019 และระหว่างที่โควิด-19 แพร่ระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ยิ่งขาดการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากจำนวนแขกที่เข้าพักลดลงมาก

สายมูต้องลอง ตามรอย ‘รัฐพะโค’ ในเมียนมา ขอพรตามคิด ลิขิตดังใจ

เชื่อได้ว่าใครที่ได้มีโอกาสบินมาเที่ยวเมียนมา มักจะไม่พลาดที่จะแวะเวียนมายัง ‘ย่างกุ้ง’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เอย่า อยากบอกว่ามีอีกหมุดหมายหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ ‘เมืองพะโค’ หรือ ‘เมืองหงสาวดี’ นั่นเอง 

นั่นก็เพราะในหงสาวดีมีจุดหมายหลักๆ 3 ที่ ซึ่งใครมาก็ต้องไป ได้แก่...พระราชวังบุเรงนอง / เจดีย์พระธาตุมุเตา และวัดพระนอนตาหวานชเวตาเลียว แต่ไม่หมดเท่านี้ในรัฐพะโค ยังอุดมไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมายทั้งในเมืองพะโคเองและนอกเมืองพะโค ซึ่งวันนี้เอย่าขอปรับอารมณ์พาผู้อ่านมาทัวร์ชมหมุดหมายที่น่าสนใจ เผื่อใครสนใจจะตามรอย ก็มิว่ากัน…

เริ่มที่ ‘ศาลโบโบจี’ (Shwe Nyaung Bin) ตั้งอยู่บริเวณไฮเวย์มุ่งสู่เมืองพะโค เลยสุสานทหารสงครามโลกมาไม่ไกลนัก โดยศาลนี้ผู้คนชาวพม่ามีความเชื่อว่า ถ้าหากออกรถใหม่ต้องขับรถมาไหว้ขอพรที่นี่เพื่อเป็นสิริมงคลและความปลอดภัยในการขับขี่

ต่อมากับ ‘วัดกองมูดอว์’ (Kaung Mhu Daw Pagoda) ในเมืองตองอู วัดนี้เป็นวัดที่พระเจ้าบุเรงนอง ทรงสร้างขึ้นด้วยความเชื่อว่าถ้าสักการะแล้วจะได้ชัยชนะทุกครั้ง ในวัดมีรูปปั้นบุเรงนองสักการะพระธาตุอยู่ รอบฐานจะมีลานทรายเล็กๆ อยู่ โดยเชื่อว่าถ้าอธิษฐาน แล้วเดินวนในทราย3รอบ คำอธิษฐานจะเป็นผลสำเร็จ (เหล่านักธุรกิจชาวพม่าที่มาสักการะที่นี่จะนิยมเก็บทรายไว้ติดตัวเพื่อความเป็นมงคลในด้านชัยชนะ หากใครทำธุรกิจระหว่างประเทศแนะให้มาสักการะจะเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง)

‘UK’ อ่วม!! เงินเฟ้อ-สินค้าแพงเป็นประวัติการณ์ สวนทาง ปชช.ต้องอดมื้อกินมื้อ เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ดูเหมือนว่าวิกฤติเงินเฟ้อจะดันราคาอาหารในสหราชอาณาจักรพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ประชาชนยังคงต้องทนทุกข์ทรมานกับวิกฤตค่าครองชีพ 

จากผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันอังคาร (28 ก.พ.) ราคาอาการพุ่งสูงขึ้น 17.1% ในช่วง 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลของคันทาร์ (Kantar) บริษัทที่ปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและแบรนด์ มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน หลังติดตามราคาสินค้ามากกว่า 75,000 รายการ

ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดตามการบันทึกของคันทาร์ ซึ่งเริ่มทำการสำรวจในปี 2008

"บรรดานักช็อปปิงทั้งหลายกำลังเผชิญกับราคาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาสักพักแล้ว มันกำลังส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตผู้คน" เฟรเซอร์ แม็คเควิตต์ หัวหน้าฝ่ายเจาะลึกด้านค้าปลีกและการบริโภคของคันทาร์ระบุ

ผลการสำรวจของคันทาร์ยังพบว่าเงินเฟ้อราคาของชำ เป็นประเด็นการเงินหนักหนาที่สุดอันดับ 2 ของชาวสหราชอาณาจักร รองจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง

ครั้งที่ทำการสำรวจข้อมูลผู้บริโรคเกือบ 10,000 คนในเดือนมกราคม คันทาร์ พบว่ามีถึงราว 1 ใน 4 ของครัวเรือนทั้งหลายที่ประสบปัญหาทางการเงิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตอนนี้มี 1 ใน 5 ของครัวเรือนที่ประสบปัญหาทางการเงิน

'ตัวเลขล่าสุดนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง' โรซิโอ คอนชา ผู้อำนวยการด้านนโยบายขององค์กร Which กลุ่มกดดันเพื่อผู้บริโภค 'บางครัวเรือนถึงขั้นเว้นมื้ออาหารเพื่อประทังชีวิต'

หุ้นของโอคาโด ดิ่งลง 12.2% ในวันอังคาร (28 ก.พ.) หลังกลุ่มซูเปอร์มาร์เกตออนไลน์สัญชาติสหราชอาณาจักรแห่งนี้บอกว่าราคาที่พุ่งสูงกระทบยอดขาย ผลคือทำให้ตัวเลขขาดทุนสุทธิเมื่อปีที่แล้วเพิ่มเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ ทางกลุ่มเผยว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นของตนเองเช่นกัน

‘กัมพูชา’ ยัน!! ไม่มีเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสด ‘ซีเกมส์ 2023’ จากไทย

(1 มี.ค. 66) จากกรณี กัมพูชา เจ้าภาพการแข่งขันซีเกมส์ 2023 เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด 28 ล้านบาท ล่าสุด เลขาธิการคณะกรรมการจัดซีเกมส์ กัมพูชาออกมาระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง สื่อไทยเข้าใจผิด

โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาย วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดซีเกมส์ (CAMSOC) กล่าวว่า ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันซีเกมส์ 2023 จำนวน 28 ล้านบาท ที่สื่อไทยรายงานนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากทางหน่วยงานของ CAMSOC และทางการไทย ยังอยู่ระหว่างการเจรจา

‘ทำเนียบขาว’ สั่ง จนท.รัฐ ลบแอป ‘TikTok’ ขีดเส้นตายภายใน 30 วัน หวั่นโดนล้วงข้อมูล

สำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาวออกคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางดำเนินการลบแอปพลิเคชันติ๊กต๊อกออกจากอุปกรณ์ทุกชนิดของรัฐบาลภายใน 30 วัน หลังสหรัฐ อเมริกา ยกระดับการตรวจสอบติ๊กต๊อกของบริษัทไบต์แดนซ์จากจีน ด้วยข้อวิตกด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ OMB ระบุว่า การออกแนวทางปฏิบัติดังกล่าวในวันจันทร์ (27 ก.พ.) เป็น 'ขั้นตอนสำคัญในการแก้ปัญหาความเสี่ยงที่ติ๊กต๊อกมีต่อข้อมูลที่อ่อนไหวของรัฐบาล' โดยหน่วยงานบางส่วน เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงการต่างประเทศ และทำเนียบขาวได้สั่งห้ามใช้ติ๊กต๊อกอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่การออกแนวทางดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลที่เหลือปฏิบัติตามภายใน 30 วัน

พนันออนไลน์ ระบาด!! ไม่เว้นแม้ในเมียนมา ประเทศที่ปักธงเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกม.

การเล่นการพนันของเมียนมาเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกฎหมายมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในเมียนมาจะมีการได้รับอนุญาตให้เปิดคาสิโนตามชายแดน ซึ่งนั่นก็เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากผู้เล่นต่างชาติอย่างไทยหรือจีนนั่นเอง 

ขณะเดียวกันด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้คนรวยในเมียนมาที่อยากเล่นการพนันเลือก ก็จะเดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศมากกว่าที่จะเลือกนั่งรถ 8-10 ชม. จาก ‘ย่างกุ้ง’ มา ‘เมียวดี’

ทว่า เมื่อยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู หลายสิ่งหลายอย่างได้รับการพัฒนา รวมถึงการลงทุนด้านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งแม้มันจะนำมาซึ่งความสะดวกสบายของชาวเมียนมา แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้การพนันออนไลน์ในเมียนมาเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการพนันออนไลน์ที่เฟื่องฟูขึ้นเป็นดอกเห็ด

‘ผอ.CIA’ เย้ย ‘จีน’ ยากยึดไต้หวันภายในปี 2027 ฟาก ‘จีน’ เชื่อ!! ไต้หวัน ไม่เหมือน ยูเครน!!

(28 ก.พ. 66) ไม่นานมานี้ วิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักหน่วยข่าวกรองสหรัฐ (CIA) ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ (26 ก.พ. 66) ว่า สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่เตรียมจะยกพลบุกไต้หวันอย่างแน่นอนภายในปี 2027 นั้น เริ่มกังวลถึงแสนยานุภาพของกองทัพจีนว่าจะทำสำเร็จหรือไม่?

แม้ทุกคนรู้ว่า จีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และต้องการผนวกดินแดนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2027 ในยุคสมัยของ สี จิ้นผิง แต่สิ่งที่ ผอ. CIA คนนี้ได้ตั้งข้อสงสัยว่า หาก สี จิ้นผิง มีความคิดที่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดครองไต้หวันจริง ๆ ผู้นำจีนจะยังมั่นใจอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ ที่กองทัพจีนจะสามารถยึดไต้หวันได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ 

เพราะจากตัวอย่าง สงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ที่ผ่านมา ซึ่งเคยคาดว่า กองทัพรัสเซียจะสามารถยึดเมืองเคียฟได้อย่างง่ายดาย แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเสียแล้ว จากความช่วยเหลือด้านอาวุธของสหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตก ที่เสริมให้กองทัพยูเครนมีศักยภาพเพียงพอที่จะยื้อการสู้รบกับกองทัพรัสเซียได้นานเป็นปี และสร้างความบอบช้ำให้กับรัสเซีย ทั้งในด้านการทหาร และเศรษฐกิจอย่างมาก 

ผ.อ. CIA ผู้นี้ได้ให้สัมภาษณ์ย้ำชัดอีกว่า จากผลลัพธ์ของสงครามในยูเครน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็จะไม่ยอมให้จีนยกกองทัพรุกรานไต้หวันอย่างเด็ดขาด และพร้อมจะใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซงเหมือนกัน ถ้าเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว 

วิลเลียม เบิร์นส มั่นใจ ว่าหากสหรัฐอเมริกาแสดงจุดยืนแข็งกร้าวกับจีนในข้อพิพาทไต้หวัน จะทำให้จีนต้องกลับมาประเมินศักยภาพกองทัพตัวเองใหม่ เพราะการเปิดศึกครั้งนี้ จะไม่ง่ายอย่างที่รัฐบาลจีนคิดอีกต่อไป 

ความขัดแย้งระหว่างจีน และไต้หวัน เกิดขึ้นในปี 1949 เมื่อกองทัพคอมมิวนิสต์จีน ของ เหมา เจ๋อตุง ชนะสงครามกลางเมืองและจัดตั้งรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่ง พรรคก๊กมินตั๋งของ เจียง ไคเช็ก จึงลี้ภัยมาจัดตั้งรัฐบาลของตนเองบนเกาะไต้หวัน 

แล้วหลังจากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ประกาศตนเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนใหญ่บนเวทีโลก แต่สุดท้ายในปี 1978 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศรับรองรัฐบาลปักกิ่งเป็นรัฐบาลจีนเดียว ตามมาด้วยการถอนการรับรองสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในสมัยของประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ที่ทำให้ไต้หวันถูกลดบทบาท กลายเป็นดินแดนปกครองตนเองที่ถูกจีนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายจีนเดียวนับแต่นั้นมา

‘มะกัน’ กลับลำ!! ตราหน้า ‘จีน’ ต้นเหตุโควิดระบาด แม้ภายในสหรัฐฯ ยังไร้ข้อยุติ หลุดจากแล็บอู่ฮั่นจริงหรือไม่

(27 ก.พ. 66) จีนปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า โรคระบาดใหญ่โควิด-19 มีสาเหตุจากการรั่วไหล หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งของปักกิ่ง ภายหลังสื่อมวลชนตะวันตก รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สรุปแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่ากรณีนี้จะเป็นต้นตอของโรคระบาด ทั้งที่ทางทำเนียบขาวและประชาคมข่าวกรองของอเมริกายังไม่ฟันธงในเรื่องนี้

ข้อสรุปดังกล่าว ซึ่งบันทึกอยู่ในรายงานลับสุดยอดของสำนักงานของนางแอฟริล เฮนส์ (Avril Haines) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ถือเป็นการกลับลำของกระทรวงพลังงานอเมริกา ที่ก่อนหน้านี้ เคยระบุว่ายังไม่ได้ข้อสรุปว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลและนิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างผู้คนที่ได้อ่านรายงานลับสุดยอดดังกล่าว ระบุกระทรวงพลังงานลงความเห็นในเรื่องนี้ภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ เป็นการตอกย้ำว่าหน่วยงานต่าง ๆ ยังคงมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโควิด-19 และโรคระบาดใหญ่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งว่ากันว่ามีพื้นฐานจาก ‘ข้อมูลข่าวกรองใหม่’ ก็ยังนับว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานนั้น กำกับดูแลเครือข่ายห้องปฏิบัติการแห่งชาติ รวมถึงห้องแล็บบางแห่ง ซึ่งทำการศึกษาวิจัยด้านชีวภาพในระดับก้าวหน้า

ข้อสรุปนี้ ทำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่เชื่อว่า โควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกือบ 7 ล้านคน มีต้นตอจากความผิดพลาดในห้องแล็บของจีน ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จอห์น เคอร์บี (John Kirby) โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อวันจันทร์ (27ก.พ. 66) ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงไม่บรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าโรคระบาดใหญ่ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร แม้มีรายงานข่าวอ้างกระทรวงพลังงาน สรุปว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่าไวรัสจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในจีน

“ประชาคมข่าวกรองและหน่วยงานที่เหลือของรัฐบาล ยังคงตรวจสอบเรื่องนี้” นายจอห์น เคอร์บีกล่าว

“ยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะพูด หรือผมควรรู้สึกเช่นไร ที่ผมต้องออกมาปกป้องรายงานข่าวของสื่อมวลชน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อบ่งชี้ในเบื้องต้น สิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการคือ ข้อเท็จจริง”

โพลิติโก (Politico) เว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ รายงานด้วยว่า มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ หลายแห่ง ที่เห็นแย้งกับข้อสรุปของทางกระทรวงพลังงาน โดย 4 หน่วยงานลงความเห็นภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ ว่า ไวรัสติดต่อโดยธรรมชาติผ่านสัตว์ ส่วนอีก 2 หน่วยงาน ในนั้นรวมถึง ซีไอเอ (CIA) ยังไม่ลงความเห็นในข้อสรุประหว่าง 2 ทฤษฎีแหล่งที่มาของโควิด-19

นายเจค ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่า ยังคงมีมุมมองในหลากหลายในประเด็นนี้

“ในตอนนี้ ยังคงไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนที่ปรากฏออกมาจากประชาคมนานาชาติ ในเรื่องเกี่ยวกับคำถามดังกล่าว” นายเจค ซัลลิแวน กล่าวกับซีเอ็นเอ็น

ในส่วนของจีน ได้ออกมาปฏิเสธอีกรอบ โดย นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้ “หยุดโหมกระพือคำกล่าวอ้างว่า โควิดมีต้นตอจากการรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการ หยุดป้ายสีจีน และหยุดเล่นการเมืองในประเด็นแกะรอยหาแหล่งที่มาโควิด”

นางเหมา หนิง กล่าวระหว่างแถลงข่าวอีกว่า “ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ที่ร่างโดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญร่วมจากจีนและองค์การอนามัยโลก ไม่พบความเป็นไปได้ของการรั่วไหลหลุดจากห้องปฏิบัติการ”

‘โนเกีย’ เปลี่ยนโลโก้ใหม่ครั้งแรกในรอบ 60 ปี สลัดภาพจำแบรนด์มือถือ ลุยธุรกิจเครือข่ายเต็มรูปแบบ

(27 ก.พ. 66) 'โนเกีย' ซึ่งเป็นบริษัทที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยอดนิยมในอดีต ได้เปลี่ยน' โลโก้' ใหม่ของบริษัท เพื่อสลัดภาพจำที่คนทั่วไปเข้าใจว่า 'โนเกีย' ผลิตแต่โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว

เพ็กก้า ลุนด์มาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโนเกีย ได้เปิดตัว 'โลโก้ใหม่' ของบริษัท ที่งาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นการออกแบบและเปลี่ยน 'โลโก้ใหม่' ครั้งแรกในรอบ 60 ปีของ 'โนเกีย' เพื่อสะท้อนกลยุทธ์การทำธุรกิจและทิศทางใหม่ของบริษัท ซึ่งคนทั่วไปยังคงเข้าใจว่าธุรกิจหลักของโนเกีย คือ การผลิตโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากในอดีต โนเกีย คือ ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 จนกระทั่งถึงยุคของสมาร์ตโฟน จึงทำให้สินค้าของโนเกียได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ

‘โนเกีย’ เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ‘G22’ พ่วงคุณสมบัติให้ผู้ใช้งาน 'ซ่อมเองได้'

(26 ก.พ.66) สำนักข่าว CNBC สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Nokia launches smartphone you can fix yourself, jumping on ‘right to repair’ trend ระบุว่า 'โนเกีย (Nokia)' แบรนด์โทรศัพท์มือถือชื่อดังจากประเทศฟินแลนด์ เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ 'จี22 (G22)' มาพร้อมกับหน้าจอ 6.5 นิ้ว และกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล วัสดุทำจากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ตอบโจทย์ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แต่ที่น่าจะฮือฮาที่สุด คือมือถือโนเกีย จี22 มาพร้อมกับ 'คู่มือสอนการซ่อมพร้อมเครื่องมือที่ต้องใช้ (Tools and Repair Guides)' ผู้ใช้สามารถถอดและเปลี่ยนฝาหลัง แบตเตอรี่ หน้าจอ และพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์ได้ 

โดย อดัม เฟอร์กูสัน (Adam Ferguson) หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ HMD Global ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือกิจการของโนเกีย กล่าวว่า กระบวนการนี้จะมีต้นทุนโดยเฉลี่ยน้อยกว่าการเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องเก่าด้วยเครื่องใหม่ถึงร้อยละ 30

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า บรรดาบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือกำลังทำงานมากขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภายุโรป กำลังเรียกร้องให้ออกกฎหมายที่จะบังคับให้ผู้ผลิตให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ด้วยตนเอง ซึ่งมาจากการรณรงค์ของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิผู้บริโภค ต้องการให้ผู้ผลิตเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถซ่อมมือถือเองได้ง่ายขึ้น

ข้อตกลงใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมาธิการยุโรปพยายามที่จะทำให้ประเทศสมาชิกเดินหน้าสู่แนวคิด 'เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)' ภายในปี 2593 ทำให้สินค้าทางกายภาพเกือบทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ซ่อมแซม ใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลเพื่อลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ่อมโทรศัพท์มีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่และส่วนประกอบอื่น ๆ ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาด้วยกาว

รถยนต์ไฟฟ้าใน 'เมียนมา' 'ถึงเวลา' หรือ 'มาก่อนกาล'

ถ้ากล่าวถึงประเทศไทยวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรานั้นมาถึงยุคของรถไฟฟ้าแล้ว เพราะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนับได้ว่าดีวันดีคืนจนค่ายรถเกือบทุกสำนักต้องเข็นรถยนต์ไฟฟ้าออกมายึดหัวหาดในตลาดนี้ และด้วยเหตุผลทางเศรษฐสถานะของคนไทยไม่ว่าจะเรื่องค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ไม่สามารถลดลงได้ ทำให้การเลือกเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่สามารถใช้ได้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมียนมาได้เลย เพราะประเด็นของเมียนมา ณ วันนี้คือ ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศไม่ใช่จากภาวะต้นทุนน้ำมัน และภาวะการขาดแคลนไฟฟ้า รวมถึงภาวะการที่รัฐไม่สามารถจ่ายไฟให้มีระดับโวลต์ที่คงที่ได้ นี่ต่างหากที่คืออุปสรรคของการทำตลาดรถไฟฟ้าในเมียนมา

แต่อย่างไรก็ดีค่ายรถจีน ก็ยังมองว่าเมียนมาเป็นประเทศที่มีศักยภาพสำหรับที่จะเปิดตลาดรถไฟฟ้า โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง NETA ที่เข้าไปเปิดตลาดในเมียนมาร์ก่อนแล้วตอนนี้ตามมาด้วย BYD ซึ่งเอาใจผู้ใช้รถชาวพม่าโดยออกรถ SUV ที่เป็นรถยอดนิยมในหมู่ชาวพม่าออกมาเพื่อแย่งตลาดผู้ใช้รถ SUV ในเมือง ด้วยราคาเปิดตัวที่ประมาณ 100 ล้านจ๊าตหรือประมาณ 1.2 ล้านบาทไทยซึ่งเท่าๆ กับราคา ของ BYD ในไทย น่าจะทำให้เศรษฐีเมืองพม่าหลายคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องไฟตก ไฟเกิน เข้าถึงได้ไม่ยากนัก

‘เซเลนสกี’ ผู้นำยูเครน เผย อยากพบ ‘สี จิ้นผิง’ หารือช่วยเจราสงบศึก หวัง จีนไม่ส่งอาวุธช่วย ‘รัสเซีย’

(25 ก.พ. 66) ‘ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี’ แห่งยูเครนประกาศวานนี้ (24 ก.พ.) ว่า อยากจะพบ’ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง’ ของจีน หลังปักกิ่งออกมาเสนอ ‘แผนสันติภาพ 12 ข้อ’ เพื่อนำไปสู่การยุติสงครามยูเครนโดยด่วน

“ผมมีแผนที่จะพบกับ สี จิ้นผิง” เขาให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเคียฟในวาระครบรอบ 1 ปีที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาตนพยายามอย่างยิ่ง ที่จะขัดขวางไม่ให้จีนส่งอาวุธช่วยรัสเซีย เพราะอาจนำไปสู่ ‘สงครามโลกครั้งที่ 3’ ได้

“มันสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของโลก” เซเลนสกี กล่าว

ผู้นำยูเครนไม่ได้เอ่ยชัดเจนว่าจะพบกับ สี ที่ไหนและเมื่อไหร่ แต่แสดงความคาดหวังให้ปักกิ่งช่วยสนับสนุนยูเครน และ ‘สันติภาพที่เป็นธรรม’ (just peace)

“ผมอยากจะเชื่อจริง ๆ ว่า จีนจะไม่ส่งอาวุธให้รัสเซีย นี่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผม” เขากล่าว

เซเลนสกี ยังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าประเทศที่ถูกรุกรานเท่านั้นที่มีสิทธิ ‘เสนอแผนริเริ่มเพื่อสันติภาพ’

กระทรวงการต่างประเทศจีนได้เผยแพร่แผน 12 ข้อ เพื่อยุติสงครามและฟื้นฟูสันติภาพในยูเครน แต่ปรากฏว่า โดนชาติตะวันตกวิจารณ์แหลก ว่าเป็นข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้รัสเซียมากกว่า แถมยังส่งสัญญาณปรามปักกิ่งว่า อย่าได้ส่งอาวุธให้มอสโกเป็นอันขาด

สำหรับแผนสันติภาพที่กระทรวงการต่างประเทศจีน เผยแพร่เมื่อเช้าวันศุกร์ (24 ก.พ.) มีใจความสำคัญเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหยุดกระพือความขัดแย้งและความตึงเครียด เพื่อไม่ให้สงครามยูเครนทวีความรุนแรงหรือลุกลามจนไม่อาจควบคุมได้ โดยรายละเอียดของแผนทั้ง 12 ประการ มีดังต่อไปนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top