Thursday, 3 July 2025
WORLD

ชาวสุยเฟินพบ ‘กวางโรเผือก’ บาดเจ็บ ตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ชี้ เป็นสัตว์หายาก จนท.รุดช่วยชีวิต-ปล่อยคืนสู่ป่า

(20 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูสำหรับเจ้ากวางโร (Roe deer) เผือกตัวหนึ่งในเมืองสุยเฟินเหอ มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ที่ไม่นานมานี้มีชาวบ้านพบเห็นมันบาดเจ็บขณะตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากรักษาแผลให้มันจนหายดีแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยมันคืนสู่ป่าตามเดิม

การเยือน ‘รัสเซีย’ ของ ‘สี จิ้นผิง’ นำมาซึ่งความแน่นแฟ้น พร้อมจับมือสร้าง ‘มิตรภาพ-ความร่วมมือ-สันติภาพ’

การเยือนรัสเซียของสีจิ้นผิง นำทางสัมพันธ์ทวิภาคี และส่งเสริมเสถียรภาพโลก

ปักกิ่ง/มอสโก, 19 มี.ค. (ซินหัว) - การเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่กำลังจะเกิดขึ้น อันเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจีนอีกครั้ง จะเป็นการเดินทางแห่งมิตรภาพ ความร่วมมือ และสันติภาพ

การเยือนครั้งนี้ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. มีเป้าหมายเพื่อวางแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-รัสเซียในยุคใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นการผลักดันความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างสองประเทศ และสร้างแรงขับเคลื่อนอันแข็งแกร่งให้แก่การรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง เพื่อร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

ในห้วงยามนี้ สีจิ้นผิงกำลังจะก้าวเข้าสู่แผ่นดินรัสเซียเป็นครั้งที่เก้าในฐานะประธานาธิบดีจีน ผู้นำของทั้งสองประเทศมีโอกาสได้พบปะกันประมาณ 40 ครั้งตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยการแลกเปลี่ยนอย่างมีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอของผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ให้แนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซียมาโดยตลอด

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ไม่เคยปรากฏในรอบศตวรรษ และโรคระบาดที่ไม่เคยพบเจอ สีจิ้นผิงและปูตินได้รักษาการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านหลากหลายวิธีการ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้า และไม่มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายที่สามใด ๆ ความสัมพันธ์นี้ทั้งมิได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่นใดในโลก และจะไม่ถูกแทรกแซงหรือยั่วยุโดยฝ่ายที่สามเช่นกัน

โลกกำลังมาถึงทางแยกแห่งประวัติศาสตร์อีกครั้ง เราเลือกที่จะย้อนกลับสู่ความคิดแบบสงครามเย็น ยุยงให้เกิดความแตกแยกและเป็นปรปักษ์ ปลุกปั่นให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มก้อน หรือเลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของมนุษยชาติ ส่งเสริมความเสมอภาค การเคารพซึ่งกันและกัน และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน การยื้อยุดไปมาระหว่างสองแนวโน้มนี้ กำลังทดสอบภูมิปัญญาของเหล่านักการเมืองในประเทศใหญ่ทั้งหลาย เฉกเช่นเดียวกับการใช้เหตุผลของมวลมนุษย์ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่เป็นนิจว่าการกดขี่ข่มเหงไม่สามารถชนะใจผู้คน รวมถึงการคว่ำบาตรและการแทรกแซงย่อมล้มเหลว

‘เขมร’ โม้แหลก!! หลังขายลิขสิทธิ์ ‘ซีเกมส์’ ไปกว่า 50% ‘สื่อเวียดนาม’ ชี้!! ขายราคานี้ ระวังโดนกรรมตามสนอง

จากกรณีที่ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งแรก จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ประกาศขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรก จากเดิมที่ปกติแล้วจะมีเพียงค่าธรรมเนียมราว 5000-10000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

โดยมีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากประเทศไทย เป็นมูลค่าสูงสุดถึง 8 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 28 ล้านบาท พร้อมอ้างว่าที่มาของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าการตลาด และการเจรจา พร้อมอ้างว่า กัมพูชา ไม่ได้เป็นผู้ตั้งราคาแต่อย่างใด

ขณะที่ล่าสุด วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เผยว่ามีทั้งหมด เผยว่า มี 5 ชาติ ที่ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดซีเกมส์ เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และกัมพูชา

พร้อมกันนี้ยังระบุว่านี่คือความสำเร็จของการขายลิขสิทธิ์ครั้งนี้ว่า "เราประสบความสำเร็จในเบื้องต้น เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์จาก 10 ประเทศ แม้ยังไม่ถึงช่วงเวลาการแข่งขัน เท่ากับว่า กัมพูชา ได้รับการสนับสนุนถึงครึ่งจากอาเซียน"

แม้มีความพยายามไม่เปิดเผยมูลค่าลิขสิทธิ์ของชาติต่าง ๆ ที่ซื้อไป แต่รายงานระบุว่าประเทศสิงคโปร์ใช้เงินซื้อในราคา 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 17.5 ล้านบาท

ทั้งนี้สื่อในเวียดนามได้รายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งมีแฟนกีฬาเข้าไปตำหนิการกระทำของ กัมพูชา เป็นอย่างยิ่ง ว่าผิดธรรมเนียมการเป็นเจ้าภาพ และการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ กัมพูชา และชาติอาเซียนอื่น ๆ นี่แหละที่จะเดือดร้อน หากประเทศไทย คิดมูลค่าการขายลิขสิทธิ์เหมือนซีเกมส์ 2023

เปิดเหตุผลที่ ‘เมียนมา’ แห่ทะลักมาทำงานในไทย แม้ต้องเข้ามาแบบผิดกฎหมาย...ก็ยอม!!

ช่วงนี้เอย่าได้อ่านข่าวเรื่องการตรวจจับคนเมียนมาข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน

เหตุเพราะตอนนี้ คนเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปัญญาชนหรือไม่ใช่ปัญญาชน ต่างก็มุ่งจะออกไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้วิธีที่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย 

ซึ่งปลายทางในการเดินทางผิดกฎหมายที่พบในข่าวฝั่งเมียนมามากที่สุดคือ ไทย รองลงมาคือ มาเลเซีย  

คำถาม คือ แล้วทำไมเป็นประเทศไทย ที่แรงงานเมียนมาอยากมามากที่สุด

วันนี้เอย่าจะนำข้อมูลที่ได้มาจากกลุ่มแรงงานที่เดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายในไทยมาให้ทราบกัน...

>> ประการแรกคือ ประเทศไทยนั้นมีเอเยนต์ที่คอยการข้ามแดนของพวกเขา เมื่อชาวเมียนมาเข้ามาแล้ว ก็จะไปวิ่งเต้นในการทำบัตรแรงงานต่างด้าวหรือที่เรียกกันว่าบัตรชมพูให้ด้วย 

ซึ่งนั่นจะทำให้แรงงานเมียนมาที่ข้ามมาได้แล้ว (ได้บัตรชมพู) ทุกอย่างก็จบพวกเขาสามารถทำงานได้เลยเพราะบริษัทหรือห้างร้านในไทยไม่ได้ตรวจสอบการเดินทางเข้ามาเพียงแต่ตรวจสอบเรื่องการมีบัตรชมพูหรือไม่เท่านั้นเอง

>> ประการต่อมา ในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเข้าเมืองมาแบบใด ไม่ว่าจะมาแบบมีวีซ่าทำงาน หรือ ท่องเที่ยว หรือ แรงงานก็ตาม หากไปทำเรื่องที่สถานทูตเมียนมาก็สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้กับธนาคารที่มีการดีลกับสถานทูตไว้ ซึ่งนี่เป็นอภิสิทธิ์อีกอย่างหนึ่งให้แก่คนเมียนมา

กลับกันหากเป็นในประเทศอื่น การเดินทางเข้าเมืองแบบไม่ถูกต้อง หรือมาแบบท่องเที่ยว การจะเปิดบัญชีธนาคารนั้นจะยากมาก เนื่องจากตามกฎหมายในหลาย ๆ ประเทศไม่อนุญาตให้กระทำ

‘ทูตจีน’ เผยสัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ แข็งแกร่ง ท่ามกลางปั่นป่วนบนโลก ยิ่งต้องแน่นแฟ้น

มอสโก, 18 มี.ค. (ซินหัว) — จางฮั่นฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนเมื่อไม่นานนี้ว่า ยิ่งโลกเผชิญความปั่นป่วนมากเท่าใด ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียก็ยิ่งจำเป็นต้องก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

จางระบุว่าไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สถานะหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านแห่งความร่วมมือในยุคใหม่จีน-รัสเซียจะยังคงเดินหน้าต่อไปในระดับสูงขึ้น ภายใต้การชี้แนะเชิงกลยุทธ์ของผู้นำทั้งสอง

เมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. ตามคำเชิญของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

จางกล่าวว่าผู้นำจีนและรัสเซียยังคงรักษาการติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิด และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศและหลักยึดในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

จางเผยว่าสีจิ้นผิงและปูตินได้บรรลุฉันทามติเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญหลายประการในการส่งเสริมการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี การรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค และการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ โดยความร่วมมือทวิภาคีบรรลุผลลัพธ์ใหม่ ขณะการประสานงานเชิงกลยุทธ์ก้าวสู่ระดับใหม่

จางเน้นย้ำว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-รัสเซียได้ยืนหยัดต่อแรงกดดันและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อันยืดเยื้อ วิวัฒนาการของสถานการณ์ระหว่างประเทศที่สลับซับซ้อน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

จางกล่าวว่าปี 2022 การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและรัสเซียพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.44 ล้านล้านบาท) พร้อมเสริมว่าการค้าพลังงานมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในการค้าทวิภาคี ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องกลและไฟฟ้า ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ของจีนไปยังรัสเซียล้วนมีการเติบโตอย่างมาก

จางเผยว่าสัดส่วนการชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธนาคารรัสเซียดำเนินธุรกิจโดยใช้สกุลเงินหยวนอย่างกว้างขวาง

จางกล่าวถึงความร่วมมือระดับท้องถิ่นระหว่างจีนและรัสเซียที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา โดยชี้ว่าสถาบันและผู้ประกอบการท้องถิ่นจากสองประเทศ มีส่วนร่วมแข็งขันในงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) งานกว่างโจวแฟร์ (Canton Fair) การประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (EEF) และการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) ซึ่งช่วยประสานความต้องการความร่วมมือและปลดปล่อยศักยภาพความร่วมมืออย่างเต็มที่

จางเปิดเผยว่าสะพานทางหลวงข้ามพรมแดนเฮยเหอ-บลาโกเวชเชนสค์ สะพานทางรถไฟข้ามพรมแดนถงเจียง-เนซเนียลีนินสกอย และสะพานข้ามแม่น้ำบริเวณพรมแดนแห่งอื่นๆ ต่างทยอยเปิดให้สัญจร ส่วนช่องทางขนส่งและโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนมีการขยับขยายเพิ่มเติมเช่นกัน

หลังจากจีนเพิ่มประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พิธีการทางศุลกากรที่ท่าเรือของจีนและรัสเซียได้ทยอยกลับสู่รูปแบบเดียวกับก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งช่วยรับรองการแลกเปลี่ยนของทั้งบุคลากรและสินค้าระหว่างสองฝ่ายว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น

“การค้าทวิภาคีเติบโตอย่างแข็งแกร่งช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ โดยมูลค่าสูงถึง 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นที่ดี” จางกล่าว “ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่ารากฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคียังคงแข็งแกร่ง”

ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน จีนและรัสเซียมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันทางการเมืองอย่างแน่นแฟ้น มีความเกื้อกูลกันทางเศรษฐกิจในระดับสูง และมีศักยภาพในการร่วมมือที่ดีเยี่ยม ทำให้บริษัทรัสเซียจำนวนมากขึ้นแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะร่วมมือกับฝ่ายจีน

จางเชื่อมั่นว่าการค้าจีน-รัสเซียจะพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในปี 2023 พร้อมมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายทางการค้าที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าไว้ที่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.81 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้

จางเสริมว่าความร่วมมือระหว่างประชาชนมีบทบาทสำคัญมาตลอดประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

‘แซม นีล’ นักแสดงจูราสสิค พาร์ค เผยเป็น ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ ได้เข้ารับการรักษาแล้ว แต่ต้องรับเคมีบำบัดตลอดชีวิต

แซม นีล นักแสดงดังชาวนิวซีแลนด์ วัย 75 ปี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการรับบทเป็นดอกเตอร์ อลัน แกรนท์ ในภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่อง “Jurassic Park” หรือ จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ ในปี 1993 ออกมาเปิดเผยว่า เขากำลังรักษาตัวจากการป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กิน ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งในระบบน้ำเหลืองในระยะ  3

นีลเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อกในชีวิตครั้งนี้ ในหนังสือบันทึกความจรงจำ ” Did I Ever Tell You This?” ของเขาที่จะวางจำหน่ายในสัปดาห์หน้าว่า “ผมอาจกำลังจะตาย” จากการป่วยด้วยโรคนี้ที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาอาจจะต้องเร่งทำอะไรให้เร็วขึ้น

‘การเหยียดเพศ’ พฤติกรรมฝังรากของ ‘ชาวตะวันตก’ ที่เชื่อฝังหัวว่า ‘ขัดหลักศาสนา’ ฝากบาดแผลทุกยุคสมัย

ก่อนที่เราจะกลับบ้าน เราถามไมเคิลกับเจมส์ว่าจะให้ไปส่งบ้านไหม เขาทั้งสองบอกว่าก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่กลับ ระหว่างทางไมเคิลกับเจมส์ก็เอ่ยปากชวนเราไปทานอาหารแถวบ้านพวกเขาในวันอังคารที่จะถึง ส่วนเราพอได้ยินแบบนั้นก็รีบตอบตกลงไปทันที เพราะตื่นเต้นจะได้มีเพื่อนไปทานอาหารตอนกลางคืน เพราะส่วนใหญ่ตัวเราจะไม่ค่อยทานอาหารเป็นเรื่องเป็นราว เรามักจะทานโดนัทหรือขนมขบเคี้ยวที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเสมอๆ

เมื่อถึงวันอังคาร เรารีบทำการบ้านจากโรงเรียนสอนภาษาให้เสร็จ เนื่องจากเรารู้ว่าเจอสองคนนี้ต้องพูดคุยกันจนถึงดึกแหง ๆ เราขับรถไปหาไมเคิลกับเจมส์ที่หน้าบ้านเขา เมื่อพวกเขาลงมาไมเคิลก็บอกให้หาที่จอดได้เลย ร้านอยู่ไม่ไกลนัก เดินประมาณห้านาทีจากบ้านเขาก็ถึง 

ประจวบเหมาะว่าวันนี้เป็นวันที่มีคอนเสิร์ตในบริเวณนั้นด้วย พวกเราเลยวนหาที่จอดรถประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเราจะได้ที่จอดรถ ซึ่งห่างจากร้านอาหารพอสมควร ต้องเดินกันเกือบสิบห้านาที เราก็บอกกับทั้งสองว่าดีเหมือนกันเราได้ออกกำลังก่อนทานอาหารค่ำ ระหว่างที่เดินไปนั้นเราก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ อย่างเมามัน สักครู่เราสามคนก็ได้ยินคนทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนมาจากข้างหลัง เราหันขวับไปเห็นเด็กหนุ่มผิวสีอายุไม่ถึงสิบแปดเดินควงสาวทำลอยหน้าลอยตาแล้วกล่าวว่า ‘Three fags on the road’ ซึ่งหมายถึง ‘ตุ๊ดสามนางบนถนน’

ไมเคิลบอกว่าไม่ต้องไปสนใจให้เดินต่อไป แต่เจมส์อดรนทนไม่ไหวหันกลับไปต่อคำว่า “Grow up” คล้าย ๆ กับว่า “โตซะบ้างได้แล้ว” ทันทีที่เจมส์หยุดพูด ไอ้หนุ่มปากเปราะรี่เข้ามาหาเจมส์และชกเขาล้มไป ไมเคิลโกรธจนหน้าแดงเลยวิ่งไปจะช่วยสู้กับเจ้าตัวร้าย 

ส่วนสาวที่ไอ้หนุ่มน้องควงมาด้วย ก็พยายามเข้ามาห้ามทัพ ตะโกนบอกให้หยุด ๆ หลายครั้ง ไอ้ตัวแสบได้สติเลยวิ่งหนีไป ทั้งไมเคิลและเจมส์รีบวิ่งตามไป แต่สองคนนั้นวิ่งหายเข้าไปในตึกอพาร์ตเมนต์ ส่วนเราสามคนที่วิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้ไม่ให้เข้า โดยให้เหตุผลว่าพวกเราไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในตึกนั้น พวกเราทั้งสามหัวเสียไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ดึงดันจะเข้าไป พออารมณ์เย็นลงก็มาคิดกันว่าจะทำอย่างไรต่อดี ไมเคิลบอกว่าควรจะไปแจ้งตำรวจที่โรงพัก เราเลยขับรถมุ่งไปที่โรงพักใกล้ ๆ แถวที่เกิดเหตุ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นสิ่งที่ชนกลุ่มน้อยเผชิญอยู่ทุกวันในอเมริกา มันคือการเหยียด (discrimination) ประเทศนี้มีการเหยียดหลายอย่าง เช่น เหยียดสีผิว เหยียดเพศหลากหลาย เหยียดอายุ เหยียดความพิการ 

แต่ในที่นี้ขอเน้นแค่การเหยียดเพศหลากหลาย ประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดมาจากการก่อตั้งของพวก Puritan pilgrims พวกเขาคือชาวอังกฤษที่เคร่งศาสนาคริสต์และมุ่งมั่นที่จะตัดพิธีกรรมของคาทอลิกออกจากนิกายของอังกฤษ (Church of England) อย่างสิ้นเชิง เมื่อทางรัฐบาลอังกฤษไม่น้อมเอนตามอุดมการณ์ของพวกเขา พวกเขาจึงหนีมาตั้งถิ่นฐานในดินแดนใหม่ในช่วงต้นคริสต์ศักราช 1700 เพื่อจะได้มีอิสระในการนับถือศาสนาตามแนวคิดของตน 

ต่อมาแนวคิดทางศาสนาของพวกเขาได้พัฒนาเป็นนิกาย Evangelical ที่เข้มงวดในการปฏิบัติตามคำสอนพระคัมภีร์ไบเบิลทุกประโยค พวกเขาตีความว่าชาวเพศหลากหลายนั้นไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า เพราะชาวคริสเตียนควรที่จะเกิดมาเพื่อสืบพันธุ์และเผยแพร่ศาสนา ความต้องการทางเพศที่ไม่ได้ลงเอยด้วยการเกิดบุตรธิดานั้นเป็นการขัดต่อคำสอนของพระคัมภีร์และเป็นบาป 

ความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาเป็นฐานการสร้างกฎหมายของประเทศ คนที่ไม่ได้เป็นหญิงชายตามหลักความเชื่อถูกจัดว่าเป็นคนลักเพศและควรจะถูกลงโทษตามกฎหมาย พ่อแม่เห็นลูกมีแนวโน้มที่จะชอบเพศเดียวกันก็จะจับลูกเข้าไปทำบำบัดเปลี่ยนความชอบทางเพศ (conversion therapy) ซึ่งบางทีใช้ไฟช็อต, เฆี่ยน, ขู่ หรือใช้ยากล่อมประสาท ผู้ที่ไม่ยอมทำตามที่สังคมกำหนดให้เดินมักจะสังสรรค์กันในสถานที่ลับ 

บ่อยครั้งที่ตำรวจได้เบาะแส พวกเขาก็จะไปบุกทำลายสถานที่นั้นและใช้กำลังเกินกว่าเหตุเพื่อจับกุมผู้ร่วมชุมนุม สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) เมื่อตำรวจเข้าไปบุกบาร์ใน Stonewall Inn ณ มหานครนิวยอร์ก ชาวเพศหลากหลายในบาร์นั้นไม่สามารถทนถูกกดขี่อีกต่อไปจึงฮึดสู้กับเหล่าตำรวจจนกลายเป็นจุดเริ่มของการเรียกร้องเสรีภาพทางเพศจนประสบความสำเร็จในหลายเดือนให้หลัง 

หลังจากนั้นพวกเขาได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายของรัฐที่มีความคิดก้าวหน้า เช่น แมสซาชูเซตส์ กฎหมายคุ้มครองขยายจากทีละรัฐจนกลายเป็นกฎหมายของประเทศ ทางรัฐบาลจกำหนดว่าการทำร้ายผู้ที่อยู่ในกลุ่มเพศหลากหลายเป็นอาชญากรรมที่เกิดการความเกลียด (hate crimes) ที่ควรจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ถ้าอยากทราบรายละเอียดสามารถอ่านได้ที่: https://www.justice.gov/hatecrimes/learn-about-hate-crimes 

นอกจากนั้นปี 2015 (พ.ศ. 2558) ชาวอเมริกันในกลุ่มเพศหลากหลายได้รับสิทธิที่จะแต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามพวกเคร่งศาสนาพยายามที่จะลิดรอนสิทธิ์ของชาวเพศหลากหลายมาโดยตลอด 

และการเหยียดทางเพศทะลุสถิติอีกครั้งหลังจากที่ Donald Trump เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 (พ.ศ. 2559) ข้อมูลจากข่าวของโทรทัศน์ช่อง NBC สถิติการทำร้ายชาวเพศหลากหลายเพิ่มขึ้น 50% ในหนึ่งปีหลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง  อ่านเพิ่มได้ที่: https://www.nbcnews.com/feature/nbc-out/anti-lgbtq-homicides-nearly-doubled-2017-report-finds-n840011 

ไม่แปลกเลยที่การเหยียดต่อชาวกลุ่มน้อยต่างพวกจะทะลุเป้าในช่วงที่ทรัมป์อยู่ในทำเนียบขาว เพราะตัวเขาเองซึ่งเป็นผู้นำก็โป้ปดมดเท็จให้ร้ายกับชาวผิวสีและคนจีน 

พลเมืองที่เลียนแบบทรัมป์ โดยเฉพาะสาวความคิดอนุรักษ์นิยมอายุสามสิบต้น ๆ ในนาม Libs of TikTok ใน Twitter ได้กุเรื่องว่าชาวเพศหลากหลายพยายามจะหลอกเด็ก ๆ มาเลี้ยงเพื่อต้องการล้างสมองให้เป็นคู่นอน 

นอกจากนั้นยังหาว่าสาว ๆ ที่ข้ามเพศมาจากชายจะแต่งตัวเป็นหญิงเพื่อแอบปล้ำผู้หญิงที่เข้าห้องน้ำ ที่ร้ายที่สุดก็คือปั้นน้ำเป็นตัวว่าโรงพยาบาลเด็กในบอสตันทำลายอวัยวะเพศของเด็กเพื่อผ่าตัดข้ามเพศ คนที่คิดตามโพสต์ของนางบางคนหลงเชื่อ จนเกิดโมหะและพากันตราหน้าหรือขู่ทำร้ายพวกเพศหลากหลาย แถมยังขู่วางระเบิดโรงพยาบาลเด็กสองครั้งติด ๆ กันเพื่อที่จะป้องกันเด็กไม่ให้ข้ามเพศ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.boston.com/news/crime/2022/11/16/boston-childrens-hospital-bomb-threat-gems-program-gender-multiservices-anti-trans/ 

นักการเมืองที่ทะเยอทะยานอยากได้คะแนนเสียงจากพวกที่เหยียดชาวเพศหลากหลายพากันออกกฎหมายลิดรอนสิทธิ์เสรีภาพของพวกเขา เช่น Florida ลงโทษพ่อแม่ที่สนับสนุนให้ลูกข้ามเพศ โดยทางรัฐจะเอาเด็กไปให้ญาติหรือคนรู้จักที่ไม่เห็นด้วยต่อการข้ามเพศดูแลแทนพ่อแม่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.eqfl.org/Anti-Trans-Care-Bill-Filed-Senate 

ทาง Texas จะออกกฎหมายห้ามไม่ให้ทุกคน (ทั้งเด็กและผู้บรรลุนิติภาวะ) ผ่าตัดข้ามเพศ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.cbsnews.com/news/texas-bill-ban-gender-affirming-care-transgender-adults/ 

ส่วนที่ Tennessee เพิ่งออกกฎหมายห้ามไม่ให้นักแสดงแต่งตัวข้ามเพศต่อหน้าสาธารณชนและเด็ก อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.npr.org/2023/03/06/1161452175/anti-drag-show-bill-tennessee-trans-rights-minor-care-anti-lgbtq-laws 

‘สี จิ้นผิง’ เตรียมบินลัดฟ้า เดินทางเยือน ‘รัสเซีย’ หลังได้รับคำเชิญจาก ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ 

สี จิ้นผิงเตรียมเดินทางเยือน ‘รัสเซีย’ อย่างเป็นทางการ

ปักกิ่ง, 17 มี.ค. (ซินหัว) — วันศุกร์ (17 มี.ค.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. ตามคำเชิญของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

ย้อมแมวข้าวไทย!! ‘พาณิชย์’ แจง ปมข้าวไทย โดนจีนก๊อบปี้-ใส่สารแต่งกลิ่น เผย ภาครัฐจีนสั่งปิดโรงงานแล้ว เร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

(17 มี.ค. 66) นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวโรงงานข้าวในจีนปลอมข้าวหอมมะลิไทย โดยใช้ข้าวที่ปลูกในจีน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้าวไทย มาใส่สารปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอมเหมือนกับข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งโรงงานดังกล่าวถูกสั่งปิดไปแล้ว โดยการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสินค้าอาหารของจีน ซึ่งกำหนดว่าข้าวสารเป็นสินค้าที่ไม่อนุญาตใช้สารเติมแต่งอาหาร

กรมฯ ได้ประสานกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ให้ติดตามข้อมูลว่ามีการปลอมแปลงตราสินค้าและเครื่องหมายรับรอง ข้าวหอมมะลิไทย และมีผลกระทบต่อตลาดข้าวไทยในจีนหรือไม่ รวมทั้งการหยิบยกขึ้นหารือกับหน่วยงานภาครัฐของจีน ให้สอดส่องมิให้เกิดการปลอมข้าวหอมมะลิไทยอีกในอนาคต ในเบื้องต้นได้รับแจ้งว่า ภาครัฐของจีน จะดำเนินคดีกับบริษัทตามข่าวต่อไป แต่ยังไม่พบข้อมูลว่ามีการปลอมตราเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

นักวิทย์จีน ผุดเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ หนุน ‘รถยนต์ไร้คนขับ’ เรียนรู้เองขณะขับขี่

ปักกิ่ง, 17 มี.ค. (ซินหัว) — ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิงหัว พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้ยานยนต์สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองขณะขับขี่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คุ้นเคย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขข้อกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ แมชชีน อินเทลลิเจนซ์ (Nature Machine Intelligence) ระบุว่าเทคโนโลยีข้างต้นช่วยให้ยานยนต์ปรับปรุงสมรรถนะได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมระหว่างขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการดั้งเดิมที่มุ่งฝึกให้รถยนต์เรียนรู้สถานการณ์การขับขี่หลายแบบล่วงหน้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบดั้งเดิมใช้อัลกอริทึมที่รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมผ่านการฝึกฝนที่ใช้ระยะเวลานาน และตัวรถยนต์จะถูกตั้งค่าแผนรับมือล่วงหน้าในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งทำให้ยานยนต์อาจไม่รู้วิธีการตอบสนองในสถานการณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมา และอาจก่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัยขณะขับขี่

ปล่อยล้มไม่ได้!! 11 แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ อัดฉีด 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ยื่นมือช่วยเสริมสภาพคล่อง ‘เฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์’

ธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีท 11 แห่ง ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ประกาศอัดฉีดเงินรวมกันมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ

กลุ่มธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีท 11 แห่งได้ตกลงที่จะฝากเงิน ใน FRB เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารแห่งนี้ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน จะฝากเงินใน FRB รายละ 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะฝากเงินใน FRB รายละ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล, พีเอ็นซี, ยูเอส แบงคอร์ป, สเตทสตรีท และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน จะฝากเงินใน FRB รายละ 1 พันล้านดอลลาร์

“การที่กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐพร้อมใจกันอัดฉีดเงินรวมกัน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มธนาคารรายใหญ่มีความเชื่อมั่นใน FRB และธนาคารทุกขนาด และยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธนาคารต่าง ๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าต่อไป”

กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของวอลล์สตรีท ระบุในแถลงการณ์

นายจิม เฮอร์เบิร์ท ประธานบริหารของ FRB และนายไมค์ รอฟเฟอร์ ซีอีโอของ FRB แถลงว่า “ตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันนั้น เงินฝากจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ จะอยู่ในบัญชีของ FRB เป็นเวลา 120 วัน เราขอขอบคุณธนาคารทั้ง 11 แห่งที่ช่วยกอบกู้วิกฤตให้กับเราในครั้งนี้”

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ พร้อมด้วยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาร์ติน กรุนเบิร์ก ประธานบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ได้ออกแถลงการณ์ขานรับธนาคารทั้ง 11 แห่งที่ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องวงเงินสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ FRB

“ความเคลื่อนไหวของบรรดาธนาคารรายใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจที่จะสนับสนุนระบบธนาคารของสหรัฐ และยังแสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารยังคงแข็งแกร่ง”

นางเยลเลน, นายพาวเวล และนายกรุนเบิร์ก ระบุในแถลงการณ์ร่วม

‘ซาอุฯ’ ขู่ระงับขายน้ำมัน หากถูกกำหนดราคาเหมือนรัสเซีย ชี้ นโยบายชาติตะวันตกซ้ำเติมความผันผวนแก่ตลาดน้ำมันโลก

(17 มี.ค. 66) เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งซาอุดีอาระเบีย เตือนบรรดาชาติตะวันตก ต่อการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของเมืองริยาด ระบุ ความพยายามใด ๆ ดังกล่าว จะต้องเจอกับการระงับขายและลดกำลังผลิต

พระองค์ทรงตรัสอีกว่า บรรดาชาติผู้ผลิตน้ำมันรายหลักอื่น ๆ มีความเป็นไปได้ว่าจะดำเนินการแบบเดียวกัน “ถ้ามีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันส่งออกของซาอุดีอาระเบีย เราจะไม่ขายน้ำมันแก่ประเทศไหน ๆ ที่กำหนดเพดานราคาอุปทานของเรา และเราจะลดกำลังผลิตน้ำมัน และผมจะไม่ประหลาดใจเลยหากว่าชาติอื่น ๆ จะทำตามแบบเดียวกัน” เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน ตรัสเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย ตรัสต่อว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่นโยบายเพดานราคาน้ำมัน ได้ซ้ำเติมความไม่มั่นคงและความผันผวนแก่ตลาด และจะส่งผลกระทบทางลบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันทั้งมวลทั่วโลก

พระองค์เปรียบเทียบมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน กับร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า ‘NOPEC’ โดยเน้นย้ำว่า มีความเป็นไปได้ ว่ามาตรการทั้งสองอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันไม่ต่างกัน

ทั้งนี้ ‘NOPEC’ (กฎหมายไม่มีเครือข่ายผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน) จะถอดกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ ‘โอเปก’ ออกจากการได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ เปิดทางให้โอเปก และบรรดาบริษัทน้ำมันแห่งชาติทั้งหลายสามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ สำหรับความพยายามขัดขวางการแข่งขันที่จำกัดอุปทานน้ำมันโลก และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบตามมา

ในเดือนธันวาคม ‘อียู’ และบรรดาสมาชิกกลุ่มจี 7 รวมถึงพันธมิตรได้ร่วมกันกำหนดมาตรการแบนการส่งออกน้ำมันทางทะเลของรัสเซีย เช่นเดียวกับกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันรัสเซียเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดีเซลและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา

ธนาคารกลางยุโรป เมินวิกฤตแบงก์ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สู้เงินเฟ้อ

เพจ World Maker โพสต์ข้อความระบุว่า  ถือว่าผิดคาดนักลงทุนหลายคนไม่น้อย !!! เพราะแม้ว่าจะมีวิกฤต Bank Run ของ SVB เกิดขึ้นและยังเสริมกับความตึงเครียดของ Credit Suisse แต่ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยังตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยถึง +0.5% จากเดิม 2.5% กลายเป็น 3% ตามหลัง FED มาติด ๆ เลยทีเดียว !

นั่นทำให้นักลงทุนหลายคนต้องจับตามองว่าทาง FED ซึ่งขึ้นดอกเบี้ยมาถึง 4.75% ในตอนนี้จะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่ ? เพราะถ้าขึ้นต่อไปอีก +0.25% ก็จะอยู่ที่ 5% แล้ว ! โดยนักลงทุนในตลาดต่างพากันคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหรือแม้แต่ปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ! เพราะว่าระดับปัจจุบันเริ่มทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ ECB ล่าสุดนี้เน้นย้ำให้เห็นว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะ Focus ไปยังเป้าหมายหลักคือการควบคุมเงินเฟ้อ มากกว่าที่จะอุ้มตลาดหุ้นหรือเศรษฐกิจ ทำให้เริ่มมีคนไม่แน่ใจแล้วเช่นกันว่า FED จะหยุดหรือลดดอกเบี้ยในปีนี้จริงหรือไม่ ?

หุ้นสหรัฐฯ และกลุ่มธนาคารในยุโรปเปิดตลาดมาอยู่ในโซนเขียวคืนนี้ หลังมีข่าวว่าหน่วยงานของรัฐบาลและธนาคารกลางกำลังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังมีการประสานงานกันเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามเหมือนมะเร็งร้าย

โดยรัฐบาลและธนาคารกลางของสวิสเซอร์แลนด์ก็ประกาศว่ากำลังหารือกับ Credit Suisse, UBS Group ซึ่งเป็น 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรป พร้อมกับกล่าวว่าสภาพคล่อง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (2 ล้านล้านบาท) ที่มอบให้ Credit Suisse ไปนั้นยังไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ เพราะธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอ เพียงแต่เป็นการมอบให้เพื่อรับประกันความเสี่ยงไม่ให้ตลาด Panic !

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสี่ยงและแรง Panic ยังครอบคลุมตลาดอยู่ไม่น้อย และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่แห่เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารไปเป็นจำนวนมาก โดยทาง Financial Times รายงานว่านักลงทุนเทหุ้น Bank ทิ้งไปเป็นมูลค่าสูงถึง 1.65 แสนล้านดอลลาร์หรือ -5.7 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้วนับตั้งแต่เกิดวิกฤต Bank Run ที่ทำให้มีการ Panic Selling ตามมา

ทางด้าน Janet Yellen ขุนคลังสหรัฐฯ พยายามออกมาสร้างความมั่นใจว่าระบบธนาคารของสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีแบงก์ล้มไป 3 แห่งในเวลาไม่ถึง 1 เดือนก็ตาม ซึ่งเธอกล่าวว่าลูกค้าและชาวอเมริกันสามารถมั่นใจได้ว่าเงินฝากจะยังอยู่ดีและสามารถถอนได้เมื่อต้องการ

แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่เชื่อคำกล่าวของเธอ ! โดยเฉพาะกลุ่มที่โปรจีน-รัสเซีย ซึ่งกำลังมองว่าระบบการธนาคารของสหรัฐฯ-ตะวันตกจะล่มสลายและเกิดเป็นวิกฤตใหญ่ โดยมีการโหมข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตอนนี้

‘นาซา’ เผยโฉมชุดนักบินอวกาศใหม่ ในภารกิจอาร์ทิมิส 3 เตรียมส่งนักบินอวกาศ เยือนดวงจันทร์อีกครั้งในรอบ 50 ปี

‘องค์การนาซา’ กับบริษัท ‘แอกเซียม สเปซ’ พัฒนาชุดนักบินอวกาศรุ่นใหม่ สำหรับโครงการอาร์ทิมิส 3 ที่จะส่งนักบินอวกาศไปลงดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี

(16 มี.ค. 66) องค์การนาซา (NASA) และบริษัทแอกเซียม สเปซ (Axiom Space) เปิดตัวชุดอวกาศรุ่นใหม่ สำหรับการส่งนักบินอวกาศกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งในภารกิจอาร์ทิมิส 3 ในปี 2568 ที่ ซึ่งชุดนี้สวมใส่โดย นายเจมส์ สไตน์ หัวหน้าวิศวกรของบริษัท แอกเซียม สเปซ

องค์การนาซา ทำสัญญากับบริษัท แอกเซียม สเปซมูลค่า 228 ล้านดอลลาร์หรือราว 7,870 ล้านบาท ในการออกแบบและผลิตชุดนักบินอวกาศโครงการอาร์ทิมิส 3 ที่จะไปสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี

จีนส่ง ‘ดาวเทียมทดลอง’ ดวงใหม่ สู่วงโคจรสำเร็จ เตรียม ‘สำรวจทรัพยากรดิน-วางผังเมือง-ป้องกันสาธารณภัย’

(16 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมทดลองดวงใหม่จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันพุธ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่าดาวเทียมซื่อเยี่ยน-19 (Shiyan-19) ถูกปล่อยจากศูนย์ฯ ตอน 19:41 น. ตามเวลาปักกิ่ง โดยจรวดขนส่งลองมาร์ช-11 (Long March-11) และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดไว้สำเร็จ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top