Tuesday, 18 February 2025
WORLD

‘กลุ่มบริกส์’ ออกแถลงการ!! ทำงานแบบพหุภาคี เพื่อการพัฒนา ย้ำ!! เป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยกันพัฒนา เพื่อให้โลกมั่นคง

(29 ธ.ค. 67) ผลการดำเนินงานของประเทศรัสเซียในฐานะประธานกลุ่มบริกส์

ในปี 2567 ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของกลุ่มบริกส์ โดยมีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับสมาชิกกลุ่มไว้ว่า จะเสริมสร้างการทำงานแบบพหุภาคีเพื่อการพัฒนาและทำให้โลกนั้นมีความมั่นคงและยุติธรรม” เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของผู้เข้าร่วมทั้งหมด นำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ มีความเคารพซึ่งกันและกัน มีความเท่าเทียมและสามารถเลือกวิธีการในการพัฒนาตัวเองได้อย่างมีอิสระ

ในปีนี้เราได้ทำงานในรูปแบบใหม่และได้ขยายขอบเขตการทำงานออกไปมากยิ่งขึ้น รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มบริกส์ ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สมาชิกใหม่เข้าถึงความเป็นครอบครัวของบริกส์ ได้อย่างรวดเร็วและเรียบง่ายที่สุด เพื่อให้สมาชิกใหม่ได้บรรลุในผลประโยชน์ร่วมกันและเคารพกันและกัน ทุกคนได้เสนอแนวคิดและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตทั้งทางด้าน

การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงการติดต่อด้านมนุษยธรรมระหว่างกัน 
ในระหว่างการทำงานของรัสเซียในฐานะตำแหน่งประธานของกลุ่มบริกส์ได้มีการจัดงานขึ้นมากกว่า 250 งานและหลากหลายระดับ ซึ่งได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนเข้าร่วม เรายังได้จัดงานสาธารณะขึ้นมาอีกมากมาย เช่น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติของกลุ่มบริกส์ การสัมมนาวิชาการบริกส์ภายใต้คำขวัญว่าผู้เล่นใหม่บนกระดานหมากรุกโลก นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนสอนละครบริกส์และการประชุมด้านธุรกิจบริกส์ ครั้งที่ 8 ที่ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์ 

ได้มีการประชุมในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศบริกส์ที่ได้รับเกียรติจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเข้าร่วมงานเมื่อวันที่ 10 – 11 มิถุยายน 2567 ณ เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า 80 กว่าประเทศ (รวมประเทศไทย) ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของกลุ่มบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมการประชุมพรรคการเมืองระหว่างประเทศครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีพรรคการเมืองต่าง ๆ จากกลุ่มบริกส์และประเทศพันธมิตรกว่า 40 พรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน ณ เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย

ในภาพรวมรัสเซียเข้าร่วมประชุมร่วมกับหน่วยงานอัยการ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของบริกส์ การประชุมสร้างสรรค์เรื่องเมืองฝาแฝดและระบบเทศบาลของบริกส์ การประชุมกับหน่วยงานที่ทำงานบริการฉุกเฉิน  การประชุมด้านรัฐสภาบริกส์ครั้งที่ 10 (เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก การประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบสูงสุด การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าหน่วยงานศุลกากร หัวหน้าหน่วยงานด้านภาษี หัวหน้าหน่วยงานมาตรฐานแห่งชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย

ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของการประชุมสุดยอดสื่อมวลชนบริกส์ การประชุมกลุ่มสตรีของบริกส์ ครั้งที่ 1 การประชุมด้านการทำงานดิจิทัลของบริกส์ การประชุมสุดยอดด้านแฟชั่นในบริกส์พลัส และการประชุมของสภาธุรกิจของบริกส์ประจำปี 

รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มยังได้เน้นการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น ได้มีการจัดการประชุมในระดับเทศบาล การอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชน และวิธีการต่างๆ ของคณะกรรมการของเมืองต่าง ๆ จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนของตน 

กิจกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดของบริกส์ในปีนี้ คือ การประชุมสุดยอดบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซียระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2567 และการประชุมครั้งนี้ได้ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ของการพัฒนากลุ่มบริกส์ ซึ่งในการประชุมได้มีคณะผู้แทนจาก 35 ประเทศในโลกเข้าร่วม รวมถึง 6 องค์การระหว่างประเทศ การที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างมีอิสระและมีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง คณะผู้แทนของแต่ละประเทศได้มีความปรารถนาร่วมกันในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นด้านระบบการเงินระดับโลก การต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่น การก่อการร้าย การทุจริตคอร์รัปชัน การค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

ปฏิญญาคาซานของบริกส์ได้สรุปผลการอภิปรายเอาไว้แล้วและได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมทั้งหมดในการสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น มีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นและเป็นระบบที่มีหลายขั้วอำนาจและยึดการทำงานตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ ต่อต้านการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบธรรม

ในการประชุมสุดยอดบริกส์ครั้งนั้นได้มีการกำหนดแนวทางร่วมกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรโดยการเพิ่มการทำงานร่วมกันในลักษณะรัฐคู่ค้า (Partner States) ของกลุ่มบริกส์

เจตนารมณ์ของกลุ่มบริกส์ได้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ของโลกในรูปแบบของการเข้าถึง/บริกส์พลัส (Outreach/BRICS Plus Format) และเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปของบริกส์ในฐานะของผู้เล่นชั้นนำบนเวทีโลก

กลุ่มบริกส์ยังได้สร้างผลงานความสำเร็จอื่นๆ อีก ได้แก่ การริเริ่มสร้างการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ธัญพืช การจัดตั้งระบบด้านเทคโนโลยีและการลงทุนใหม่ๆ การจัดตั้งกลุ่มเพื่อการพัฒนาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทั้งหมดมีแนวโน้มที่ดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การดำเนินงานในโครงการใหม่ ๆ ด้านพลังงาน การขนส่งโลจิสติกส์ เทคโนโลยีขั้นสูง การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และกีฬา การติดต่อกันระหว่างสังคมและกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่และอีกหลายๆ ด้านที่กำลังส่งเสริมและพัฒนา

ในการประชุมสุดยอดที่เมืองคาซานนั้น เราสามารถยืนยันได้ว่าการประชุมของกลุ่มบริกส์ไม่ใช่การประชุมในรูปแบบปิด แต่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มีแนวคิดค่านิยมเดียวกันกับกลุ่มบริกส์ โดยสมาชิกนั้นพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ต้องได้รับการออกคำสั่งจากภายนอกที่จะกำหนดในแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่แคบมากจนเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มบริกส์จะล้มเหลวจากที่ได้เห็นแนวโน้มความต้องการของโลกที่เพิ่มขึ้นในการสร้างความร่วมมือกันในระดับนี้ 

กลุ่มบริกส์มีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งหมดของสมาชิกบริกส์ เรามีประชากรรวมกันประมาณ 3,640 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 45 ของประชากรโลก

ปัจจุบันบริกส์มีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญและเป็นภารกิจหลักนั่นคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลกเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นอีกของสงครามโลก เราเชื่อว่าเป็นไปได้ในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ 

ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นรากฐานของความมั่นคงสำหรับความร่วมมือที่ดีในอนาคต ต่อไปรัสเซียจะส่งมอบตำแหน่งประธานของบริกส์ให้กับประเทศบราซิลและเราขออวยพรให้ประเทศพันธมิตรบราซิลของเราประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานในฐานะประธานกลุ่มบริกส์ในปีหน้านี้

‘เยาวภา แสงจันทร์’ บล็อกเกอร์สาวไทย เยือน!! 'ฉงชิ่ง' เมืองภูเขา ชี้!! ทีเด็ด ‘หม้อไฟหมาล่า – ผู้ชายหน้าตาดี – บินตรงแค่สามชั่วโมง’

(28 ธ.ค. 67) แม้อากาศจะเย็นยิ่งขึ้นตามการลดลงของอุณหภูมิในฤดูหนาว แต่พื้นที่ชมวิวริมแม่น้ำเจียหลิงในมหานครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเดินเล่นกันอย่างคึกคัก เพื่อรอชมภาพขบวนรถไฟทะลุตึกสูงด้วยตาตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘เยาวภา แสงจันทร์’ หรือ ‘หลี่เพ่ยอิง’ บล็อกเกอร์สาวสายท่องเที่ยวจากไทย

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ สถานีหลีจื่อป้าของทางรถไฟรางเบาในฉงชิ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กชื่อดังบนโลกโซเชียล ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติมาเช็กอินจุด ‘รถไฟทะลุตึก’ กันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ ‘ประวิตร’ ชาวไทยที่เผยว่าการมาเที่ยวฉงชิ่งเหมือนแกะกล่องสุ่ม ที่นี่มีภูมิประเทศแบบภูเขาและตึกสูงเรียงรายซับซ้อนชวนให้ประหลาดใจได้เสมอยามเดินสำรวจ

จีนได้ปรับปรุงนโยบายวีซ่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2024 พร้อมยกระดับความสะดวกสบายด้านการชำระเงิน ภาษา การเดินทาง ฯลฯ เพื่อผลักดันให้ ‘ไชน่า ทราเวล’ (China Travel) หรือ ‘ท่องเที่ยวจีน’ กลายเป็นคำศัพท์ฮิตในตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมื่อไม่นานนี้ จีนประกาศการผ่อนปรนนโยบายเดินทางผ่าน (transit) แบบฟรีวีซ่า ขยายระยะเวลาพำนักที่ได้รับอนุญาตของนักเดินทางชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์จากเดิม 72 และ 144 ชั่วโมง เป็น 240 ชั่วโมง หรือ 10 วัน และสามารถเดินทางข้ามมณฑลได้ทั่ว 24 มณฑล เขตปกครอง และเทศบาลนคร

กระแส ‘ไชน่า ทราเวล’ หรือ ‘ท่องเที่ยวจีน’ ที่ติดลมบนได้เปิดประตูบานใหม่ในการทำความเข้าใจจีน ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยหลงรักการเดินทางท่องเที่ยวจีน ดังเช่น ‘ใจดี’ และเพื่อนๆ ของเธอ ซึ่งเดินทางเยี่ยมชมผาหินแกะสลักต้าจู๋ แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในฉงชิ่ง เล่าว่าพระพุทธรูปแกะสลักที่นี่แตกต่างกับที่ไทย ทำให้ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก

ข้อมูลจากเอเจนซีการเดินทางท่องเที่ยวท้องถิ่นฉงชิ่งพบว่านอกจากย่านใจกลางเมืองแล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยยังชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนอกตัวเมือง เช่น ผาหินแกะสลักต้าจู๋ และระบบชลประทานตูเจียงเยี่ยนของซื่อชวน (เสฉวน) ที่ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ธรรมชาติเป็นเอกลักษณ์ มอบประสบการณ์แปลกใหม่แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ฉงชิ่งยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแม้ล่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว โดยข้อมูลสถิติจากซีทริป (Ctrip) พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเยือนฉงชิ่ง ช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายนของปี 2024 เพิ่มขึ้นราวสามเท่าเมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนกับไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ร่วมกันตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2024

เยาวภา แสงจันทร์ หรือหลี่เพ่ยอิง บล็อกเกอร์สาวไทย เสริมว่าเหตุผลที่ฉงชิ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยคือการเป็นบ้านเกิดของ ‘เซียวจ้าน’ ผู้ชายที่หล่อที่สุดของจีนตามความเห็นของชาวเน็ตจีน โดยเซียวจ้านเป็นดาราจีนที่มีแฟนคลับชาวไทยอยู่มาก และอีกเหตุผลคือ ‘หม้อไฟหมาล่า’ รสชาติเผ็ดร้อนถูกปากชาวไทยสายแซ่บ

ปัจจุบันที่เข้าใกล้ช่วงหยุดยาวปีใหม่สากลและเทศกาลตรุษจีนของจีน สายการบินบางส่วนในฉงชิ่งได้เริ่มเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินโดยสารแบบไปกลับไทย ซึ่งเยาวภาเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางฉงชิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะแค่มี ‘พาสปอร์ตหนึ่งเล่ม’ บวกกับ ‘บินตรงสามชั่วโมง’ ก็สามารถมาสำรวจ ‘เมืองภูเขา’ แห่งนี้ได้แล้ว

มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ ส่อแวว!! เผชิญปัญหาการเงิน ชี้!! ‘ฮาร์วาร์ด’ ก็อาจไม่รอด หากไม่รีบปรับตัว แก้ไขวิกฤต

(28 ธ.ค. 67) บรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสิ่งที่พวกเขาก่อขึ้นเอง ขณะวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่มีขนาดเล็กกว่ากำลังตัดลดพนักงานและโครงการต่าง ๆ ซึ่งจำนวนมากต้องปิดตัวลงฉับพลัน

รายงานยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีความเก่าแก่ 400 ปี เผชิญความไม่แน่นอนว่าจะอยู่รอดถึงปีที่ 500 หรือไม่ โดยปัญหาทางการเงินที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรมอาจผุดโผล่ขึ้นมา หากตลาดกระทิง (bull market) หยุดชะงัก และโดยเฉพาะหากมีการประกาศใช้นโยบายที่เสนอโดยรัฐบาลภายใต้ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ริชาร์ด เอนนิส ที่ปรึกษาทางการลงทุนระดับอาวุโส มองว่าต้นทุนที่สูงและ ‘ความคิดว่าตนเหนือกว่าอันล้าสมัย’ ได้ขัดขวางความก้าวหน้าของกองทุนสะสมทรัพย์ของกลุ่มมหาวิทยาลัยไอวี ลีก (Ivy League) ซึ่งอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 นับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 หากลงทุนในหุ้นและกองทุนผสมแบบดั้งเดิม

ส่วนสองนโยบายของรัฐบาลทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของกลุ่มไอวี ลีก ยิ่งขึ้น โดยนโยบายหนึ่งเป็นการเก็บภาษีเงินได้ร้อยละ 1.4 ตามกฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงาน ปี 2017 สำหรับกองทุนสะสมทรัพย์มูลค่ามากกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17 ล้านบาท) ต่อนักศึกษาในสถานศึกษาที่มีผู้เรียนมากกว่า 500 คน

รายงานเสริมว่ากฎเกณฑ์ด้านวีซ่าอาจทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นหรือไม่ดึงดูดใจนักศึกษาชาวต่างชาติมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยนักศึกษาชาวต่างชาติมักไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ และสถานการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรกของโดนัลด์ ทรัมป์

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม แถลง!! ผลการหารือกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เผย!! พูดคุยประเด็นสำคัญในภูมิภาค เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การสร้างสันติภาพในภาคใต้

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เปิดใจเชื่อ ความเจนจัดของอดีตผู้นำไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีเครือข่ายกว้างขวางไปทั่วภูมิภาคจะเป็นประโยชน์ต่อ 'มาเลเซีย' ที่กำลังจะนั่งในตำแหน่งประธานอาเซียนแบบหมุนเวียนคนใหม่ในปี 2025

และเสริมว่า ผู้นำทั้งสองพบกันในวันพฤหัสบดี (26) โดยบลูมเบิร์กกล่าวว่า ประเด็นการหารือประกอบไปด้วยประเด็นสำคัญของภูมิภาค รวมไปถึงการเสริมสร้างสันติภาพในภาคใต้ของไทยและต่อวิกฤตพม่า

“เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบเคียงของคุณทักษิณไปทั่วทั้งภูมิภาคพร้อมไปด้วยความเชี่ยวชาญที่พิเศษที่โดดเด่นของเขานั้นเป็นเสมือนการสัญญาต่อโอกาสที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับทั้งมาเลเซียและอาเซียน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายด้วยความเชื่อมั่นและความสามารถที่มากขึ้น” 

อันวาร์ซึ่งเรียกอดีตนายกฯ ไทยว่า ‘เพื่อนรัก’ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกวิตกต่อปัญหาทางกฎหมายและการเมืองในไทยที่รุมล้อมอดีตผู้นำไทยที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองนาน 15 ปีจากการโดนทำรัฐประหาร ซึ่งมีประวัติทำความผิดคอร์รัปชันและสามารถรอมชอมกับทหารได้ ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษในเวลาต่อมา

และหลังจากที่นายกฯ อันวาแต่งตั้งทักษิณเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนในฐานะหนึ่งในที่ปรึกษาส่วนตัวในการนั่งทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนครั้งแรกกลับพบกับเสียงวิจารณ์จากทั้งในไทยและในมาเลเซีย และรวมไปสื่อนอกเช่น รอยเตอร์

มีการหยิบยกการเปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเมื่อครั้งการได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและความสัมพันธ์กับฮุนเซน ย้อนให้นึกถึงครั้งที่ ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งจากฮุนเซน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา แต่หลังจากนั้นไม่นานทักษิณประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างของฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากกัมพูชามีข้อพิพาททางทะเลกับไทยในเรื่องเกาะกูด

ขณะที่ฝ่ายค้านมาเลเซียเองออกมาถามอาเซียนจะได้ประโยชน์จริงหรือและจะเสริมภาพลักษณ์ของอันวาร์ได้อย่างไร ซัดตั้งคนที่ถูกพิพากษาจำคุกฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำไมไม่ตั้งนักการทูตหรือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ด้าน ‘ดร.มหาเธร์’ งง ทำไมเลือกทักษิณ ทั้งที่มีคนอื่นมากมาย

ซึ่งการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำมาเลเซีย-ไทยนี้เป็นที่จับตาเป็นวงกว้างโดยเฉพาะจากโลกตะวันตก เกิดขึ้นหลังสื่อ TASS ของรัสเซียรายงานวันพุธ (25) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้ตอบรับการเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (BRICS partner country) ซึ่งเป็นก้าวที่จะนำไปสู่การเป็นสมาชิกเต็มตัวในอนาคต

กลายเป็นคำถามให้ผู้เชี่ยวชาญว่า กลุ่มอาเซียน 10 ชาติซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1967 นี้จะยังคงวางตัวเป็นกลางอย่างไรในเมื่อ 3 ชาติจากทั้งหมดได้แก่ มาเลเซีย ซึ่งกำลังจะเป็นประธานอาเซียน รวมไทย ที่มีอดีตนายกฯ นั่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียน และอินโดนีเซียนั้นกำลังจะเป็นหุ้นส่วนกับรัสเซีย-จีนผ่านกลุ่ม BRICS

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า นักวิเคราะห์ต่างชี้ว่า ในฐานะเป็นประธานอาเซียน อันวาร์และมาเลเซียจะผงาดบนเวทีโลกในฐานะชาติมหาอำนาจตัวกลาง (middle power) โดยในการจำกัดความที่หมายถึงประเทศที่ยังไม่มีอิทธิพลโดดเด่นในฐานะชาติมหาอำนาจโลก เช่น สหรัฐฯ จีน รัสเซีย แต่ถูกพิจารณาว่ามีอิทธิพลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

การทูตของนายกฯ อันวาร์รวมถึงการไปเยือนอเมริกาใต้เพื่อประชุมเอเปกและการประชุม G-20 สะท้อนถึงการสร้างที่ยืนของมาเลเซียและเขาบนเวทีโลกและแผนสำหรับการนำอาเซียนในปี 2025

เรดิโอฟรีเอเชียชี้ว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มักจะย้ำเสมอในการให้สำคัญต่ออาเซียนและกลไกของอาเซียนต่อเป้าหมายในการทำให้มีความเหมาะสมมากขึ้นสำหรับความพยายามอย่างเคลื่อนไหวภายในโลกขั้วใต้ (Global South) ซึ่งโลกขั้วใต้นี้ปักกิ่งได้ประกาศแสดงความเป็นผู้นำ

และเป็นเสมือนสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำแดนเสือเหลืองที่ต้องทำให้มั่นใจว่า กลุ่มอาเซียนจะไม่เพียงแต่เป็นกลาง แต่ต้องถูกมองให้เป็นเช่นนั้นด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Matthijs van den Broek แสดงความเห็น

และเสริมว่า ในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาข่มขู่ว่าจะตั้งกำแพงภาษีสูงลิ่วต่อประเทศใดๆ ที่เขาเชื่อว่ากำลังเป็นศัตรูกับดอลลาร์สหรัฐ หลังกลุ่ม BRICS วางแผนจะตั้งสกุลเงินใหม่ของตัวเอง

ทั้งจีนและสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการซื้อขายต่างชาติระดับต้นและเป็นพันธมิตรทางการลงทุน ดังนั้นแล้ว มาเลเซียในฐานะประธานต้องเพิ่มความสามารถทางการทูตของตัวเองเพื่อไม่ให้มีการทำให้รู้สึกทอดทิ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

จีนเผยโฉมเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่ ‘ซื่อชวน’ เพิ่มขีดความสามารถสู้รบในน่านน้ำระยะไกล

จีนได้จัดพิธีเปิดตัวเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกไทป์ 076 รุ่นใหม่ลำแรกในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถูกตั้งชื่อตามมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยเรือลำใหม่ที่พัฒนาขึ้นเองนี้มีหมายเลขตัวเรือเป็นเลข 51

(27 ธ.ค.67) รายงานระบุว่าเรือซื่อชวนมีระวางขับน้ำเต็มพิกัดกว่า 40,000 ตันโครงสร้างเก๋งเรือแบบเกาะคู่ ดาดฟ้าเรือเต็มความยาว และใช้เทคโนโลยีเครื่องดีดส่งและอุปกรณ์จับกุมแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้สามารถบรรทุกอากาศยานปีกตรึง เฮลิคอปเตอร์ และอุปกรณ์สะเทินน้ำสะเทินบก

เจ้าหน้าที่กองทัพเรือจีนเผยว่าเรือซื่อชวนเป็นเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นใหม่ของกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน มีบทบาทสำคัญต่อการเดินหน้าการพัฒนาของกองทัพเรือและการเพิ่มพูนขีดความสามารถทางการสู้รบในน่านน้ำทะเลอันไกลโพ้น

ทั้งนี้ เรือซื่อชวนจะต้องผ่านบททดสอบรายการต่าง ๆ ตามแผน ทั้งการทำงานของอุปกรณ์ การจอดเทียบ และการล่องทะเล

จี้ 'ฮุนมาเนต' ยกเลิก MOU44 แนะฟ้องศาลโลกตัดสิน 'เกาะกูด' เหมือนคดีเขาพระวิหาร

(27 ธ.ค.67) สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียภาคภาษาเขมร รายงานว่า นาย อึม สำอาน (Oum Sam An) นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลซึ่งลี้ภัยในสหรัฐเพราะถูกตัดสินจำคุกในข้อหาปลุกปั่นประเด็นเรื่องชายแดน ได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุนมาเนตของกัมพูชา ยกเลิกบันทึกความเข้าใจหรือ MOU44 และหันไปหาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อแก้ไขกรณีข้อพิพาทเหนือเกาะกูด

นาย อึม สำอาน อดีตสส.จาก จ.เสียมเรียบ พรรคพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) กล่าวว่า ประชาชนชาวกัมพูชาจะยังคงชุมนุมประท้วงภายใต้ชื่อ 'ปกป้องเกาะกูด' (Defend Koh Kut) ที่เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 19 มกราคม  และจะประท้วงจนกว่ากัมพูชาจะได้รับพื้นที่บนเกาะกูดคืนอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง โดยเขาชี้ว่าการเจรจาทวิภาคีไม่สามารถทำให้ไทยคืนเกาะกูดได้ และเน้นย้ำว่ากัมพูชาควรใช้แนวทางฟ้องร้องในศาลโลก เช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหารในปี 2505 

“บันทึกความเข้าใจเป็นเพียงพื้นฐาน ดังนั้นกัมพูชาจึงมีสิทธิ์ยกเลิกได้ตลอดเวลา และหลังจากยกเลิกเอ็มโอยู กัมพูชาสามารถอ้างสิทธิ์ของเกาะได้ผ่านการฟ้องร้องประเทศไทยในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เราไม่ควรใช้การเจรจาแบบทวิภาคี เพราะจะไม่มีการคืนเกาะ ไทยควบคุมเกาะกูด 100% อยากให้ดูตัวอย่างกรณีของเขาพระวิหาร ซึ่งในกรณีนั้นถ้าหากสมเด็จพระนโรดมสีหนุไม่นำเรื่องเขาพระวิหารไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ICJ ในปี 1962 เราก็คงไม่ได้เขาพระวิหารคืน” 

ด้านนายสุน ชัย รองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ระบุว่า เกาะกูดเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาติ พร้อมแสดงความหวังว่ารัฐบาลกัมพูชาจะนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเจรจาหรือฟ้องร้องในศาลโลกเพื่อทวงคืนพื้นที่  

ในขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา กล่าวระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยฮิวแมน รีซอร์ส เมื่อ 26 ธ.ค. โดยยืนยันจุดยืนของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน หลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเด็นเกาะกูด โดยย้ำว่ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน  

นักวิเคราะห์ด้านการพัฒนาสังคม ดร.เมียส นี (Meas Ny) ชี้ว่า ปัญหาเขตแดนเป็นเรื่องสำคัญที่นักการเมืองทั้งสองประเทศควรละผลประโยชน์ส่วนตัว และร่วมกันหาทางออกที่เป็นธรรมผ่านช่องทางระหว่างประเทศ โดยมองว่าการฟ้องร้องต่อศาลโลกเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

สภาเกาหลีใต้ลงมติ 192 เสียง ถอด 'ฮันด็อกซู' พ้นรักษาการปธน.

(27 ธ.ค. 67) นายฮันด็อกซู นายกรัฐมนตรีและในฐานะรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกลงมติถอดถอนจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง 192 เสียง หลังจากที่เขารับหน้าที่แทน นายยุนซอกยอล ซึ่งถูกถอดถอนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึก  

พรรคฝ่ายค้านที่ควบคุมเสียงข้างมากในสภา เป็นผู้ยื่นญัตติถอดถอนนายฮันเมื่อวันพฤหัสบดี โดยกล่าวหาว่าเขา “กระทำการเพื่อก่อการกบฏ” ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นหลังนายฮันปฏิเสธการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ 3 คนทันที ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต  

ก่อนการลงมติ ประธานรัฐสภา นายอูวอนชิก ชี้แจงว่า การถอดถอนนายฮันครั้งนี้ต้องการเสียงข้างมาก 151 เสียง ซึ่งเป็นการปรับความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ หลังมีความสับสนในประเด็นนี้ โดยปกติการถอดถอนประธานาธิบดีต้องการเสียง 200 เสียง  

หลังจากนายฮันถูกถอดถอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชอยซังม็อก จะเข้ารับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีตามกฎหมาย สถานการณ์นี้สะท้อนถึงวิกฤตการเมืองในเกาหลีใต้ที่มีแนวโน้มทวีความตึงเครียดขึ้น

นายกฯ กัมพูชายืนยันจุดยืนบูรณภาพแห่งดินแดน หลังมีเสียงวิจารณ์ปมเกาะกูด

ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยฮิวแมน รีซอร์ส เมื่อ 26 ธ.ค. โดยยืนยันจุดยืนของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน หลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเด็นเกาะกูด โดยย้ำว่ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย 

"ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า การที่รัฐบาลไม่ได้ตอบโต้ข้อกังวลบนเฟซบุ๊ก ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ทำงานเพื่อปกป้องและเสริมสร้างบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ หรือส่งเสริมการพัฒนาและยกระดับสถานะของกัมพูชาในเวทีโลก เราทำเรื่องนี้กันทุกวันอยู่แล้ว " นายกฯ ฮุนมาเนต ยังเน้นย้ำว่า "เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องโบกธงหรือตะโกนคัดค้านใดๆ สิ่งที่เราต้องทำคือมุ่งเน้นที่การทำงานของเรา"  

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลของนายฮุนมาเนตเพิกเฉยต่อข้อกล่าวหาเรื่องการสูญเสียดินแดน โดยเฉพาะจากกลุ่มฝ่ายค้านชาวกัมพูชาในสหรัฐฯ ซึ่งเตรียมจัดการประท้วงในชื่อ 'ปกป้องเกาะกูด' (Defend Koh Kut) ที่เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 19 มกราคม  

รายงานจากสำนักข่าว พนมเปญโพสต์ ระบุว่า ประเด็นเกาะกูดกลายเป็นข้อพิพาท เนื่องจากทั้งกัมพูชาและไทยต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะดังกล่าว ขณะที่สื่อไทยรายงานล่าสุดว่า ไทยได้ประกาศอ้างสิทธิเหนือเกาะนี้เช่นกัน  

ขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านในสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน โดยต้องการให้รัฐบาลยืนยันว่าเกาะกูดเป็นดินแดนของกัมพูชาอย่างเป็นทางการ หรือยกระดับประเด็นนี้ให้ถึงขั้นพิจารณาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทอย่างเป็นธรรม

จีนปลด 2 นายพลพ้นสภาฯ เซ่นกวาดล้างทุจริตในกองทัพ

(27 ธ.ค.67) ทางการจีนประกาศปลดนายทหารระดับสูงสองนายอย่างกะทันหันจากการเป็นสมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) โดยไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียด สะท้อนถึงการเดินหน้ากวาดล้างบุคลากรระดับสูงในกองทัพอย่างต่อเนื่อง  

ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนแห่งชาติได้ยกเลิกสมาชิกภาพของ หยู่ ไห่เทา อดีตรองผู้บัญชาการกองทัพบกปลดปล่อยประชาชน และ หลี่ เผิงเฉิง ผู้บัญชาการกองทัพเรือประจำเขตยุทธการภาคใต้ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเขตที่มีข้อพิพาทด้านดินแดน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ จู้ ซินชุน ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าของหลี่ ก็ถูกปลดจากสภาเมื่อปีที่ผ่านมา  

คณะกรรมาธิการระบุเพียงว่า ทั้งสองนายตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าละเมิดกฎหมายและวินัย ซึ่งมักเป็นคำที่พรรคคอมมิวนิสต์ใช้กล่าวถึงการทุจริต การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านการทุจริตในกองทัพ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยเป้าหมายหลักในระยะแรกคือหน่วยจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และกองกำลังขีปนาวุธ  

เมื่อเดือนที่ผ่านมา จีนได้สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดด้านการทหารที่มีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธาน นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม จีนได้สร้างความประหลาดใจอีกครั้งด้วยการแต่งตั้งผู้ตรวจการทางการเมืองคนใหม่ประจำกองทัพบก  

การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการเสริมสร้างความโปร่งใสและความเป็นระเบียบในกองทัพ ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคและการเฝ้าจับตามองจากนานาชาติ

เครมลินออกโรงป้องเหตุเครื่องบินอาเซอร์ไบจานตก ปัดโยงมิสไซล์รัสเซีย ชี้รอผลการสอบสวนก่อนสรุป

( 27 ธ.ค.67) จากเหตุเครื่องบินแบบ embraer 190 ของสายการบิน Azerbaijan Airlines ตกใกล้เมืองอัคเตา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของคาซัคสถาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากบินออกนอกเส้นทางโดยไม่ทราบสาเหตุ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย บาดเจ็บจำนวนมากนั้น

ภายหลังการเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อาเซอร์ไบจานและสหรัฐฯ เชื่อว่าเครื่องบินโดยสารของอาเซอร์ไบจานที่ประสบเหตุร้ายแรงถูกยิงตกโดยขีปนาวุธพื้นสู่อากาศของรัสเซีย

จากรายงานข่าวของสื่อระบุว่าพบหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิดและร่องรอยจากการถูกยิงด้วยขีปนาวุธบริเวณปลายหางท้ายลำของเครื่องบิน ส่งผลให้เครื่องบินไม่สามารถควบคุมได้ นักบินจึงต้องนำเครื่องร่อนลงจอดฉุกเฉินนั้น มีชิ้นส่วนของขีปนาวุธแบบ Pantsir-S ซึ่งเป็นมิสไซล์จากภาคพื้นสู่อากาศของรัสเซียปะปนอยู่กับเศษซากของเครื่องบินด้วย

สอดคล้องกับอดีตผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของฝรั่งเศส (BEA) ที่ระบุว่า ความเสียหายของซากเครื่องบินดูเหมือนจะมีร่องรอยจาก 'สะเก็ดระเบิด'  

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและการทหารบางคนคาดการณ์ว่า เครื่องบินอาจถูกระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียยิงตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากบริเวณที่เครื่องบินบินผ่านมีการรายงานการเคลื่อนไหวของโดรนยูเครน  

เขากล่าวโดยไม่เปิดเผยตัวตนว่า ความเสียหายดังกล่าว 'คล้ายกับ' กรณีเครื่องบิน Malaysia Airlines เที่ยวบิน MH17 ที่ถูกขีปนาวุธยิงตกโดยกลุ่มกบฏที่รัสเซียสนับสนุนในยูเครนตะวันออกเมื่อปี 2014  

ขณะที่สำนักข่าว Kazinform ของคาซัคสถานรายงานว่า มีการกู้กล่องดำบันทึกการบินสองกล่องจากที่เกิดเหตุได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องรอการสอบสวนต่อไป 

ทั้งนี้ หลังมีรายงานข่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวอาจประสบเหตุตกจากขีปนาวุธของรัสเซีย ทางด้านโฆษกเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “อย่าเพิ่งเชื่อสมมติฐานใดๆ มันอาจจะผิดหากสรุปการคาดเดาใด ๆ ก่อนการสอบสวนจะเสร็จสิ้น”

ยานพาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ระยะห่างเพียง 6.1 ล้านกิโลเมตร

(26 ธ.ค. 67) ยานอวกาศปาร์คเกอร์ โซลาร์ โพรบ (Parker Solar Probe) ของนาซา (NASA) ได้สร้างสถิติใหม่ในการเคลื่อนตัวเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะประชิดมากที่สุดเมื่อวันอังคาร (24 ธ.ค.) ที่ผ่านมา

นาซาระบุว่าปาร์คเกอร์ โซลาร์ โพรบ เคลื่อนตัวผ่านพื้นผิวดวงอาทิตย์ด้วยระยะห่าง 3.8 ล้านไมล์ (ราว 6.1 ล้านกิโลเมตร) เมื่อวันอังคาร (24 ธ.ค.) ซึ่งเป็นระยะใกล้กว่าทุกภารกิจก่อนหน้าที่เคยทำมาถึง 7 เท่า

อนึ่ง ปาร์คเกอร์ โซลาร์ โพรบ ที่ส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศตั้งแต่ปี 2018 ได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างภารกิจบินผ่านดวงอาทิตย์ 21 ครั้ง ซึ่งกำกับดูแลร่วมกันโดยนาซากับห้องปฏิบัติการฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยจอหน์ส ฮอปกินส์

ภารกิจบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์นี้มุ่งเก็บภาพและข้อมูลชี้วัด เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของลมสุริยะ รวมถึงการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในอวกาศที่ส่งผลต่อชีวิตและเทคโนโลยีบนโลก

ไบเดนทิ้งทวนออกกม. ห้ามสส.รับบำนาญหากมีความผิด พร้อมประกาศ 'อินทรีหัวขาว' เป็นนกประจำชาติ

(26 ธ.ค. 67) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายจำนวน 50 ฉบับเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม ซึ่งรวมถึงการประกาศให้อินทรีหัวขาวเป็นนกประจำชาติของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ และการออกกฎหมายห้ามสมาชิกรัฐสภารับเงินบำนาญหากถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา

นอกจากนี้ ไบเดนยังได้ลงนามในกฎหมายที่กำหนดมาตรฐานต่อต้านการรับน้องแบบรุนแรงของรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงและการเสียชีวิตในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้ลงนามในกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากปารีส ฮิลตัน ดาราเรียลลิตี้ทีวีและทายาทตระกูลฮิลตัน ซึ่งกำหนดให้ศูนย์บำบัดและสถานดูแลเยาวชนต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยและคุณภาพการบริการ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในต้นเดือนนี้ ไบเดนได้ใช้สิทธิ์วีโต้กฎหมายที่เสนอให้แต่งตั้งผู้พิพากษาใหม่ 66 คน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในศาลรัฐบาลกลางทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ไบเดนยังได้ลดโทษประหารชีวิตของนักโทษในแดนประหารจำนวน 37 คน จาก 40 คน และเปลี่ยนเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา พร้อมทั้งได้อภัยโทษอย่างเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไขให้กับฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขา

การลงนามในกฎหมายต่างๆ เกิดขึ้นในช่วงที่ไบเดนกำลังเร่งผลักดันนโยบายสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง ก่อนที่จะส่งมอบอำนาจให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 มกราคม 2568

ทั้งนี้ ไบเดนยังอยู่ในช่วงสรุปโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สภาคองเกรสอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงการจัดสรรเงินทุนสำหรับการจัดหาอาวุธให้กับยูเครนก่อนที่เขาจะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง

ทรัมป์ลั่นดันกม.ประหารชีวิต เอาผิดนักโทษคดีข่มขืนและฆาตกรโหด

(26 ธ.ค. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศว่า หลังเข้าสู่ทำเนียบขาว เขาจะมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามกฎหมายเพื่อผลักดันโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ข่มขืนและฆาตกรที่ใช้ความรุนแรง

“เมื่อผมเข้ารับตำแหน่งในวันที่เข้าพิธีสาบานตน ผมจะสั่งให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันโทษประหารชีวิตเพื่อปกป้องครอบครัวและเด็กๆ ของชาวอเมริกันจากผู้ข่มขืน, ฆาตกร, และอาชญากรสุดโหด เราจะกลับมาเป็นประเทศที่มีระเบียบและกฎหมายอีกครั้ง!” ทรัมป์ระบุผ่าน Truth Social ตอบโต้หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศอภัยโทษประหารชีวิตต่อฆาตกรที่ทำร้ายเด็กและฆาตรกต่อเนื่องหลายราย

“โจ ไบเดนเพิ่งลดโทษประหารชีวิตให้กับ 37 ฆาตกรที่โหดเหี้ยมที่สุดในประเทศของเรา เมื่อคุณได้ยินการกระทำของแต่ละคน คุณจะไม่เชื่อว่าเขาทำเช่นนี้ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ญาติและเพื่อนๆ ของพวกเขาถูกทำลายยิ่งกว่าเดิม พวกเขาไม่เชื่อว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น!” ทรัมป์เขียนในโพสต์โดยวิจารณ์การตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46

ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2024 ทรัมป์ได้เรียกร้องให้มีโทษประหารชีวิตสำหรับผู้อพยพที่ฆ่าประชาชนชาวอเมริกันหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขายังกล่าวว่าโทษประหารชีวิตยังควรถูกใช้ต่อผู้ค้ายาเสพติดเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสหรัฐด้วย

อย่างไรก็ตาม ในบรรดา 37 นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ไบเดน ไม่ได้ลดโทษให้คือ ดโจคาร์ ซาร์นาเอฟ ผู้ก่อเหตุระเบิดในงานมาราธอนบอสตันเมื่อเดือนเมษายน 2013 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน, ดายแลน รูฟ นักเหยียดผิวผู้ก่อเหตุยิงคนผิวสี 9 คนในโบสถ์ที่ชาร์ลสตันเมื่อเดือนมิถุนายน 2015, และโรเบิร์ต เบาเวอร์ส ผู้ก่อเหตุยิงที่โบสถ์ยิวในพิตต์สเบิร์กเมื่อเดือนตุลาคม 2018 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน

ย้อนรอยการซื้อดินแดนของสหรัฐฯ หลังทรัมป์หวังผนวกกรีนแลนด์

(26 ธ.ค. 67) จากกรณีว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความสนใจอยากได้กรีนแลนด์มาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ โดยทรัมป์มีแนวคิดยื่นข้อเสนอซื้อกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก ซึ่งแม้จะไม่ชัดเจนว่าเป็นมูลค่าเท่าใด แต่ดูท่าทางเดนมาร์กจะไม่มีวันยอมขายดินแดนกรีนแลนด์ให้สหรัฐอย่างแน่นอน

หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา เคยใช้วิธีการจ่ายเงินเพื่อซื้อดินแดนมาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐมาแล้วในหลายครั้ง โดยมีเหตุการณ์สำคัญดังนี้

การซื้อดินแดนลุยเซียนา เมื่อปี 1803 ประธานาธิบดีโทมัส เจฟเฟอร์สัน ลงนามข้อตกลงกับฝรั่งเศส ซื้อดินแดนลุยเซียนา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 2.14 ล้านตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีเริ่มต้นจากอ่าวเม็กซิโกจรดทางใต้ของแคนาดา ด้วยเงินจำนวน 15 ล้านดอลลาร์ในยุคนั้น พร้อมยกหนี้กว่า 3.7 ล้านดอลลาร์ให้ราชสำนักฝรั่งเศส หากคิดเป็นมูลค่าในปัจจุบัน ราคาดินแดนนี้จะสูงถึง 340 พันล้านดอลลาร์

การซื้ออะแลสกา ในปี 1867 สหรัฐฯ เคยซื้อดินแดนอะแลสกาจากจักรวรรดิรัสเซีย ในรัชสมัยของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ด้วยราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากคิดเป็นค่าเงินปัจจุบันจะอยู่ที่กว่า 109 ล้านดอลลาร์ การซื้อครั้งนี้คุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่สหรัฐขุดพบในห้วงเวลาต่อมา

สนธิสัญญากัวดาลูปอีดัลโก ในปี 1848 หลังสงครามเม็กซิโก-อเมริกา สหรัฐฯ และเม็กซิโกได้ลงนามในสนธิสัญญากัวดาลูปอีดัลโก ซึ่งระบุให้สหรัฐฯ จ่ายเงิน 15 ล้านดอลลาร์แก่เม็กซิโก เพื่อแลกกับการครอบครองดินแดนทางฝั่งตะวันตก เช่น แคลิฟอร์เนีย และรัฐอื่นๆ พร้อมกำหนดให้แม่น้ำริโอแกรนด์เป็นพรมแดนธรรมชาติ 

ขณะการซื้อฟลอริดา หรือที่รู้จักกันในชื่อ สนธิสัญญาอดัมส์–โอนิส (Adams–Onís Treaty) เป็นข้อตกลงที่ลงนามในปี ค.ศ. 1819 ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสเปน สนธิสัญญานี้มีความสำคัญในการโอนดินแดนฟลอริดาจากสเปนมายังสหรัฐฯ  โดยสหรัฐจ่ายเงินมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์แก่ราชสำนักสเปนเพื่อโอนกรรมสิทธิ์การครอบครองดินแดนฟลอริด้า

ภายใต้สนธิสัญญานี้ สเปนได้ยินยอมสละสิทธิ์ในฟลอริดา พร้อมทั้งปรับปรุงขอบเขตของดินแดนในทวีปอเมริกาเหนือเพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างสองประเทศ การโอนดินแดนนี้ช่วยเสริมอำนาจและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป ในขณะที่สเปนเลือกที่จะมุ่งเน้นอำนาจไปที่ดินแดนในอเมริกาใต้แทน

แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีประวัติศาสตร์การซื้อดินแดนที่สำคัญหลายครั้ง แต่ในกรณีของกรีนแลนด์ ดูเหมือนว่าการเจรจานี้จะไม่ง่าย เพราะเดนมาร์กยังคงยืนกรานไม่ขายดินแดนดังกล่าวให้สหรัฐฯ อย่างชัดเจน

ย้อนเปิดยุทธศาสตร์จากยุคปธน.ทรูเเมน 'เเปซิฟิกมีอะเเลสกา เเอตเเลนติกก็ควรมีกรีนเเลนด์'

(26 ธ.ค. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 เคยเสนอให้สหรัฐฯ ซื้อกรีนแลนด์จากเดนมาร์กในช่วงปี 2019 ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก แต่แนวคิดดังกล่าวถูกปฏิเสธจากเดนมาร์ก โดยชี้ว่า "กรีนแลนด์ไม่ใช่สินค้าที่สามารถขายได้" ล่าสุดในปี 2024 ทรัมป์ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเสนอชื่อนายเคน ฮาวเวอรี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสวีเดน และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำเดนมาร์กคนใหม่ โดยทรัมป์มั่นใจว่าฮาวเวอรีจะทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

ทรัมป์ยังได้ย้ำผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล Truth Social โดยระบุถึงความสำคัญของการเป็นเจ้าของกรีนแลนด์ โดยมองว่าเพื่อเสริมความมั่นคงและเสรีภาพทั่วโลก สหรัฐฯ ควรมีอำนาจในการครอบครองและควบคุมพื้นที่กรีนแลนด์

ดินแดนกรีนแลนด์ ถูกจัดว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่เหนือสุดของโลกในแถบขั้วโลกเหนือ มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง2,175,900 ตารางกิโลเมตร และมีสถานะเป็นดินแดนในคุ้มครองของเดนมาร์ก มีประชากรอยู่ราว 57,000 คน กรีนแลนด์เพิ่งมีสถานะเป็นดินแดนเอกราชปกครองตนเองในปี 2009 ประชาชนมีการเลือกรัฐบาลท้องถิ่นเป็นของตนเอง พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรีนแลนด์เต็มไปด้วยน้ำแข็งและดินแดนอันเวิ้งว้างที่หนาวเหน็บ แต่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย

ข้อมูลจากรายงานที่มีชื่อว่า "The Greenland Gold Rush: Promise and Pitfalls of Greenland’s Energy and Mineral Resources" ระบุว่า ในขณะที่โลกกำลังเผชิญสภาวะโลกร้อน แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อกรีนแลนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. การละลายของน้ำแข็งในอาร์คติกส่งผลให้ทรัพยากรอันมีค่าหลากหลายชนิดของกรีนแลนด์ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดเพราะเข้าถึงได้ง่าย อาทิ แร่เหล็ก ตะกั่ว สังกะสี เพชร ทองคำ องค์ประกอบธาตุหายาก (แรร์เอิรธ์) ยูเรเนียม และน้ำมัน

การที่กรีนแลนด์สามารถมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อปกครองตนเอง ที่เป็นอิสระจากรัฐบาลกลางเดนมาร์ก ส่งผลให้กรีนแลนด์สามารถแสวงหาผลประโยชน์เหล่านี้ได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน .. แต่ก็ใช่ว่ากรีนแลนด์จะขุดทุกอย่างออกมาขาย ด้วยวิถีการดำเนินเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง กรีนแลนด์จึงระมัดระวังอย่างมากในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้ 

แม้ทรัมป์จะไม่เคยกล่าวถึงเหตุผลชัดเจนว่าทำไมเขาต้องการกรีนแลนด์ แต่สามารถคาดเดาได้ว่าเพราะเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มากมายรอการขุดค้น ขณะที่ยังมีอีกเหตุผลด้านความมั่นคง  

แนวคิดการซื้อกรีนแลนด์ด้านความมั่นคงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้น เพราะในปี 1946 สมัยประธานาธิบดีแฮร์รี่ ทรูแมน ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 33 ก็เคยเสนอซื้อกรีนแลนด์จากเดนมาร์กด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ภายใต้แนวคิด "หากทางแปซิฟิกมีอะแลสกา ทางแอตแลนติกก็ควรมีกรีนแลนด์" แต่ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธทั้งจากเดนมาร์กและประชาชนในกรีนแลนด์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงจากสหรัฐฯ 

แม้การซื้อกรีนแลนด์จะไม่สำเร็จ แต่สหรัฐฯ ยังคงรักษาอิทธิพลในกรีนแลนด์ผ่านข้อตกลงการตั้งฐานทัพทูล (Thule Air Base Agreement) เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคงทางยุทธศาสตร์จ  ให้ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังคงมีฐานทัพอากาศ Thule Air Base ประจำการในกรีนแลนด์มาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเป็นฐานทัพอากาศสำคัญในการป้องกันการรุกรานจากสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น และยังเป็นฐานทัพอากาศสหรัฐที่ตั้งอยู่ในบริเวณเหนือสุดของโลกอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top