Wednesday, 2 July 2025
WORLD

‘เกาหลีเหนือ’ เร่งสอบสวน ‘เรือพิฆาตใหม่’ รั่วกลางพิธี ชี้ความเสียหายไม่หนัก แต่ผิดพลาดใหญ่หลวง

(23 พ.ค.68) สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ทางการเริ่มการสอบสวนเหตุอุบัติเหตุระหว่างพิธีเปิดตัวเรือรบลำใหม่ขนาด 5,000 ตัน ที่อู่ต่อเรือชองจิน เมื่อวันที่ 21 พ.ค. โดยเรือประสบความเสียหายรุนแรงบริเวณกราบขวาและมีน้ำทะเลรั่วเข้าส่วนท้ายของเรือ

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นชี้ว่าไม่มีรูรั่วที่ใต้ท้องเรือ แต่จำเป็นต้องใช้เวลา 2-3 วันในการปรับสมดุลของเรือ และใช้เวลาราว 10 วันในการซ่อมแซมอย่างเต็มรูปแบบ

คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางของพรรคแรงงานเกาหลีออกแถลงการณ์ว่า แม้ความเสียหายจะไม่ร้ายแรง แต่ถือเป็น 'อาชญากรรมที่มิอาจให้อภัยได้' และยืนยันว่าจะตามหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบให้ได้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค. มีการเรียกตัวฮงกิลโฮ ผู้จัดการอู่ต่อเรือชองจิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและดำเนินการทางกฎหมายแล้ว

สหรัฐฯ คว่ำบาตรซูดานรอบใหม่ เพราะเมินกฎเหล็ก ใช้ ‘อาวุธเคมี’ โจมตีใส่พลเรือนและฝ่ายตรงข้าม

(23 พ.ค. 68) สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรซูดานรอบใหม่ หลังพบการใช้ 'อาวุธเคมี' ในสงครามกลางเมือง โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพซูดานใช้สารเคมีในปี 2024 ระหว่างสู้รบกับกลุ่มกึ่งทหาร RSF (Rapid Support Forces) โดยจะมีการจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังซูดาน และจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เริ่มมีผลตั้งแต่ 6 มิถุนายนนี้

แม้ก่อนหน้านี้ ทั้งกองทัพซูดานและ RSF ต่างถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมสงคราม ล่าสุดยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่าสหรัฐฯ พบอาวุธเคมีชนิดใด แต่รายงานจาก New York Times ระบุว่าซูดานเคยใช้ก๊าซคลอรีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงถึงชีวิต

สหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลซูดานยุติการใช้อาวุธเคมีและปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC) โดยย้ำถึงเจตนารมณ์ในการเอาผิดผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายของอาวุธดังกล่าว ทั้งนี้ ซูดานเป็นหนึ่งในสมาชิกอนุสัญญาฯ ขณะที่อียิปต์ เกาหลีเหนือ และซูดานใต้ยังไม่เข้าร่วม

สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาสองปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150,000 คน ประชาชนกว่า 12 ล้านคนต้องพลัดถิ่น และอีก 25 ล้านคนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหาร สหรัฐฯ เคยคว่ำบาตรซูดานมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยระบุว่าผู้นำทั้งสองฝ่ายมีส่วนทำลายความหวังในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประเทศ

‘จีน’ เปิดตัวระบบเข้ารหัสควอนตัมไฮบริด ‘รายแรกของโลก’ปกป้องการสื่อสารและข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ ระยะ 1,000 กม.

(23 พ.ค. 68) บริษัท ไชน่าเทเลคอม ควอนตัม กรุ๊ป ของจีน เปิดตัวระบบเข้ารหัสแบบไฮบริดเชิงพาณิชย์ระบบแรกของโลก ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต โดยระบบนี้ผสานการกระจายกุญแจควอนตัม (Quantum Key Distribution - QKD) เข้ากับการเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography - PQC) เพื่อปกป้องการสื่อสารแบบเรียลไทม์และข้อมูลสำคัญ

ในขั้นสาธิต บริษัทได้ดำเนินการโทรศัพท์ผ่านการเข้ารหัสควอนตัมเป็นครั้งแรกของโลก ระหว่างปักกิ่งและเหอเฟย ครอบคลุมระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร โดยใช้ระบบเข้ารหัสแบบผสาน ที่สามารถตรวจจับการดักฟังและทนทานต่ออัลกอริธึมควอนตัม ซึ่งอาจล้มล้างระบบเข้ารหัสสาธารณะแบบเดิมในอนาคต

ระบบไฮบริดของไชน่าเทเลคอมประกอบด้วยสามชั้นหลัก ได้แก่ ชั้นกระจายกุญแจควอนตัม ชั้นเข้ารหัสหลังยุคควอนตัม และชั้นแอปพลิเคชัน โดยเริ่มใช้งานจริงแล้วในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว ขณะที่เครือข่ายในเหอเฟยจะกลายเป็นระบบสื่อสารควอนตัมในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองรับหน่วยงานรัฐกว่า 500 แห่ง และรัฐวิสาหกิจอีกกว่า 380 ราย

การเปิดตัวครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเป็นผู้นำด้านความมั่นคงควอนตัมเชิงพาณิชย์ ขณะประเทศตะวันตกยังอยู่ระหว่างพัฒนา ระบบดังกล่าวอาจเป็นต้นแบบในการปกป้องข้อมูลสำคัญทั่วโลก ก่อนที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมระดับใช้งานจริงจะมาถึงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

พันธบัตรสหรัฐส่ออันตราย! ดาลิโอชี้ ‘ทุกอย่างกำลังผิดทาง’ ต้นทุนดอกเบี้ยพุ่ง การเมืองไร้วิสัยทัศน์ แนะนักลงทุนระวัง

(23 พ.ค. 68) เรย์ ดาลิโอ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates บริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังสถานการณ์หนี้และการขาดดุลงบประมาณพุ่งแตะระดับวิกฤติ พร้อมระบุว่าหากมองระยะ 3 ปีข้างหน้า สหรัฐฯ อาจเผชิญผลกระทบหนักจากภาระหนี้ที่สะสมเพิ่มขึ้น

ดาลิโอชี้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นสะท้อนความกังวลของตลาด โดยพันธบัตรอายุ 30 ปีแตะระดับ 5.14% ซึ่งไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2023 ขณะที่ Moody’s เพิ่งปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ท่ามกลางค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศ และการขาดดุลที่แตะ 6.5% ของ GDP

เขายังวิจารณ์การเมืองสหรัฐฯ ว่าไม่สามารถหาทางลดภาระหนี้ได้ โดยล่าสุด สภาผู้แทนราษฎรเพิ่งผ่านร่างกฎหมายลดภาษี ซึ่งอาจทำให้หนี้รัฐบาลเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านล้านดอลลาร์ ดาลิโอกล่าวว่า นโยบายเช่นนี้จะยิ่งซ้ำเติมการขาดดุลในระยะยาว

“ผมไม่ค่อยมีความหวังนัก” ดาลิโอกล่าว พร้อมชี้ว่านี่คือหัวใจของปัญหาการคลังของสหรัฐฯ ที่ระบบการเมืองไม่สามารถตกลงกันเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง ทำให้หนี้สาธารณะพุ่งทะลุ 36 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้

สหรัฐฯ เล็งถอนทหาร 4,500 นายจากเกาหลีใต้ เตรียมย้ายกำลังพลรับมือจีนในอินโด-แปซิฟิก แทน

(23 พ.ค. 68) รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาแผนถอนทหารสหรัฐฯ ราว 4,500 นาย จากกองกำลังสหรัฐฯ ประจำเกาหลีใต้ (USFK) ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 28,500 นาย โดยมีแนวโน้มย้ายไปประจำการในพื้นที่อื่นของอินโด-แปซิฟิก เช่น เกาะกวม ตามรายงานของ The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนนโยบายไม่เป็นทางการในการรับมือกับเกาหลีเหนือ แต่มีแนวโน้มสะท้อนยุทธศาสตร์ 'America First' ของทรัมป์ ซึ่งมุ่งลดภาระทางทหารในต่างประเทศและเพิ่มการแบ่งภาระจากพันธมิตร โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากจีน

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิก และผู้บัญชาการ USFK แสดงความกังวลในวุฒิสภาว่า การถอนทหารจะเพิ่มความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะรุกราน และบั่นทอนบทบาทสำคัญของสหรัฐฯ ในการคานอำนาจรัสเซียและจีนในภูมิภาค

ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังไม่ได้ประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้อาจสร้างความกังวลในเกาหลีใต้ที่เป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในช่วงที่เกาหลีเหนือมีพัฒนาการด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ท่ามกลางความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดกับรัสเซียมากขึ้น

‘ทรัมป์’ สั่งห้าม ‘ฮาร์วาร์ด’ รับนักศึกษาต่างชาติ บังคับผู้เรียนปัจจุบัน!..ต้องโอนย้ายมหาวิทยาลัย

(23 พ.ค. 68) รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ระบุว่าฮาร์วาร์ดล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล ทั้งในเรื่องความรุนแรงบนมหาวิทยาลัย การแสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว และความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

คริสตี โนม รัฐมนตรีความมั่นคงฯ ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การรับนักศึกษาต่างชาติเป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่สิทธิที่มหาวิทยาลัยจะได้รับโดยอัตโนมัติ” โดยยืนยันว่าได้เพิกถอนการรับรองในโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งหมายความว่าฮาร์วาร์ดจะไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติใหม่ได้ และนักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ต้องหามหาวิทยาลัยใหม่

ฮาร์วาร์ดตอบโต้ว่า มาตรการของรัฐบาล 'ผิดกฎหมาย' และเป็นการ 'แก้แค้นทางการเมือง' พร้อมยืนยันจะต่อสู้เพื่อสิทธิของนักศึกษานานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในชุมชนมหาวิทยาลัย โดยฮาร์วาร์ดกำลังดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลกลางในข้อหาใช้อำนาจเกินขอบเขตและละเมิดรัฐธรรมนูญ

การยกระดับมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนแนวคิดต่อต้านอิสราเอลและรัฐบาลทรัมป์ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตัดงบประมาณสนับสนุนสถาบันการศึกษาไปแล้วกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรงต่อฮาร์วาร์ดในอนาคตอันใกล้

ผู้เชี่ยวชาญชี้แผน ‘Golden Dome’ เสี่ยงล้มเหลวสูง เทคโนโลยียังไม่พร้อม รับมือ ‘ขีปนาวุธข้ามทวีป’ ได้ไม่จริง

(22 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดตัวแผนงานใหญ่ชื่อ “Golden Dome” มูลค่ากว่า 175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่ครอบคลุมทั้งภาคพื้นดินและอวกาศ โดยหวังให้เป็นประการสำคัญในการสกัดภัยคุกคามจากขีปนาวุธข้ามทวีปในอนาคต โดยได้แรงบันดาลใจจากระบบ “Iron Dome” ของอิสราเอลที่ใช้รับมือจรวดจากฉนวนกาซา

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายรายแสดงความกังวลว่า แผนของทรัมป์อาจไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งเป้าไว้ ยูริ คนูตอฟ นักประวัติศาสตร์ด้านกองกำลังป้องกันทางอากาศของรัสเซีย ระบุว่า Iron Dome มีจุดแข็งในการจัดการเป้าหมายเดี่ยวหรือกลุ่มเล็ก แต่ไม่สามารถรับมือการโจมตีแบบรวมหมู่หรือการยิงขีปนาวุธจำนวนมากได้ ซึ่งเป็นลักษณะของภัยคุกคามในยุคสงครามนิวเคลียร์

อิกอร์ โคโรตเชนโก บรรณาธิการนิตยสาร National Defense เสริมว่า จุดต่างสำคัญระหว่าง Iron Dome และ Golden Dome คือระดับภัยคุกคามที่ต้องรับมือ โดย Iron Dome ออกแบบมาเพื่อสกัดจรวดทำเองของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ขณะที่ Golden Dome มีเป้าหมายรับมือขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่ซับซ้อนและเร็วกว่า ซึ่งยังไม่มีเทคโนโลยีใดในปัจจุบันที่สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตว่า Golden Dome มีลักษณะคล้ายคลึงกับโครงการ “สงครามดวงดาว” (Strategic Defense Initiative – SDI) ที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เสนอในยุค 1980 ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีล้ำยุค เช่น เลเซอร์และขีปนาวุธจากอวกาศ แต่ล้มเหลวเพราะข้อจำกัดทางเทคนิคและงบประมาณ แม้เวลาผ่านมากว่า 40 ปี สหรัฐฯ ก็ยังไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านั้นให้เป็นจริงได้

แม้ส่วนภาคพื้นดินของแผน Golden Dome จะสามารถอัปเกรดจากระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่แล้ว เช่น THAAD, Aegis และ Patriot ได้ แต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับอวกาศจะต้องพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นภารกิจที่ท้าทายและใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากเกิดการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในจำนวนมาก Golden Dome ก็อาจไม่สามารถรับมือได้ในเชิงปฏิบัติ และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการล้มเหลวเช่นเดียวกับในอดีต

‘อิสราเอล’ เปิดฉากยิงเตือนคณะต่างชาติ จี้สอบด่วน..ทูตญี่ปุ่น-ยุโรปหวิดโดนลูกหลง

(22 พ.ค. 68) เกิดเหตุทหารอิสราเอลยิงปืนเตือนใส่คณะผู้แทนทางการทูตกว่า 20 ประเทศ ขณะลงพื้นที่ใกล้แคมป์ผู้ลี้ภัยในเมืองเจนิน เขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส ตุรกี อียิปต์ รัสเซีย และอีกหลายประเทศร่วมอยู่ด้วย แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่หลายชาติแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลสอบสวนเหตุการณ์

รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ และได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการ โดยเรียกร้องให้อิสราเอลชี้แจงและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ด้านโฆษกของสหประชาชาติระบุว่า การยิงปืนใส่คณะทูต 'ไม่อาจยอมรับได้' และขอให้อิสราเอลเคารพความปลอดภัยของคณะทูตทุกชาติ

ขณะที่ กองทัพอิสราเอลชี้แจงว่าคณะทูตเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ได้รับอนุญาตและเข้าสู่เขตหวงห้าม จึงจำเป็นต้องยิงปืนเตือนเพื่อป้องกันความเสี่ยง พร้อมแสดงความเสียใจต่อ 'ความไม่สะดวก' ที่เกิดขึ้น ขณะที่หลายประเทศ ได้แก่ แคนาดา เยอรมนี อิตาลี สเปน และตุรกี ได้เรียกตัวทูตอิสราเอลเข้าชี้แจง หรือเตรียมดำเนินมาตรการทางการทูต

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันต่ออิสราเอลจากนานาชาติให้หยุดปฏิบัติการรุนแรงในฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 53,000 ราย และเกิดวิกฤตมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ขณะที่สหภาพยุโรปเริ่มทบทวนความร่วมมือกับอิสราเอล และบางประเทศเสนอให้พิจารณาคว่ำบาตรรัฐมนตรีอิสราเอลด้วย

จีนควักเพิ่ม 500 ล้านเหรียญหนุน WHO แทนที่สหรัฐฯ หลังทรัมป์ประกาศถอนตัว

(22 พ.ค. 68) รองนายกรัฐมนตรีจีน หลิว กั๋วจง ประกาศมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติม 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่องค์การอนามัยโลก (WHO) ภายในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลกเมื่อวันที่ 20 พ.ค. เพื่อชดเชยช่องว่างงบประมาณ หลังสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลทรัมป์ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุนหลัก

หลิว กั๋วจงกล่าวว่า โลกกำลังเผชิญความท้าทายด้านความมั่นคงสุขภาพจากแนวคิดฝ่ายเดียวและการเมืองอำนาจ พร้อมย้ำว่า “พหุภาคีนิยมคือทางออกที่มั่นคง” ขณะที่ WHO ปรับลดงบประมาณปี 2026–2027 ลง 21% เหลือ 4.2 พันล้านดอลลาร์

การปรับงบใหม่ของ WHO ที่จะมีมติในที่ประชุม ยังรวมถึงการเพิ่มค่าธรรมเนียมสมาชิกรายประเทศขึ้น 20% ภายใน 2 ปี ซึ่งจะทำให้จีนกลายเป็นผู้บริจาครายใหญ่สุดรายใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเงิน 500 ล้านดอลลาร์ดังกล่าวรวมค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

‘ทรัมป์’ เปิดคลิปฟาดใส่ผู้นำแอฟริกาใต้ กล่าวหา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนขาว” กลางวงหารือ

(22 พ.ค. 68) เกิดเหตุเผชิญหน้าสุดตึงเครียดในห้องรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดวิดีโอที่อ้างว่าแสดงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาวในแอฟริกาใต้ต่อหน้าประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างความงุนงงและอึดอัดให้กับผู้นำแอฟริกันอย่างเห็นได้ชัด

วิดีโอที่ฉายแสดงภาพไม้กางเขนสีขาว และคำพูดปลุกระดมจากนักการเมืองฝ่ายค้านในแอฟริกาใต้ ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าคือหลักฐานของความรุนแรงที่รัฐเพิกเฉย พร้อมระบุว่าคนกลุ่มนี้ควรถูกจับกุม โดยการกระทำครั้งนี้ซ้ำรอยการหักหน้าผู้นำยูเครนเมื่อต้นปี สะท้อนถึงพฤติกรรมที่สร้างความลำบากใจให้ผู้นำต่างชาติที่มาเยือน

รามาโฟซาตอบโต้ด้วยความสุภาพ แต่ชัดเจน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และย้ำว่าไม่เคยเห็นคลิปนี้มาก่อน พร้อมชี้ว่า หากมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จริง นักกอล์ฟและนักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ผิวขาวที่ร่วมเดินทางมากับเขาคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ท่าทีดังกล่าวกลับยิ่งกระตุ้นให้ทรัมป์โต้กลับอย่างเผ็ดร้อน พร้อมโชว์เอกสารบทความสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

นอกจากนี้ รามาโฟซายังระบุว่า ปัญหาอาชญากรรมในแอฟริกาใต้มีอยู่จริง แต่เหยื่อส่วนใหญ่กลับเป็นประชาชนผิวดำ ไม่ใช่เฉพาะชาวไร่ผิวขาวดังที่ทรัมป์กล่าว ขณะที่บรรยากาศการประชุมกลับตึงเครียดยิ่งขึ้น เมื่อทรัมป์แทรกขึ้นว่า “ชาวนาไม่ใช่คนผิวดำ” ก่อนที่ผู้นำแอฟริกาจะตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เรายินดีจะพูดคุยกับคุณในเรื่องนี้”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เหตุการณ์นี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้นำชาติอื่น ๆ ที่กำลังพิจารณารับคำเชิญเยือนสหรัฐฯ ในสมัยทรัมป์ เนื่องจากเสี่ยงต่อการถูก “ทำให้อับอาย” ต่อหน้าสาธารณะและสื่อมวลชน ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับแอฟริกาใต้ก็ดูจะห่างเหินยิ่งขึ้น

‘เนทันยาฮู’ ยืนยันอิสราเอลอาจสังหาร ‘โมฮัมหมัด ซินวาร์’ ผู้นำฮามาสในกาซาไปแล้ว พร้อมเดินหน้าปฏิบัติการควบคุมฉนวนกาซาทั้งหมด

(22 พ.ค. 68) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู แถลงว่า อิสราเอล “น่าจะสังหาร” โมฮัมหมัด ซินวาร์ ผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้สำเร็จ ระหว่างการโจมตีทางอากาศที่โรงพยาบาลในเมืองคานยูนิสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 28 ราย และบาดเจ็บกว่า 50 คน

ซินวาร์เป็นน้องชายของยาห์ยา ซินวาร์ อดีตผู้นำฮามาสในกาซาที่ถูกอิสราเอลสังหารไปก่อนหน้านี้ หากได้รับการยืนยัน การเสียชีวิตของเขาจะเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียสำคัญของฝ่ายฮามาส แม้กลุ่มยังคงรักษาอำนาจในพื้นที่ไว้ได้บางส่วน

นอกจากนี้ เนทันยาฮูประกาศว่า อิสราเอลจะไม่ยุติปฏิบัติการทางทหารในกาซา จนกว่าจะสามารถควบคุมพื้นที่ทั้งหมดได้ พร้อมระบุว่าอาจยอมรับการหยุดยิงชั่วคราวเพื่อแลกกับการปล่อยตัวตัวประกัน แต่จะไม่ยุติสงครามจนกว่าฮามาสจะถูกโค่นล้ม และกาซาจะถูกปลดอาวุธ

เนทันยาฮูยังกล่าวถึง “แผนอพยพโดยสมัครใจ” ตามแนวทางของสหรัฐฯ เพื่อเปิดทางให้ชาวกาซาที่ต้องการออกจากพื้นที่สามารถทำได้ พร้อมย้ำว่าอิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามของอิหร่าน ซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การจับตามองเรื่องโครงการนิวเคลียร์

วุฒิสภาแฉ ‘สหรัฐฯ’ รู้ความเสี่ยงวัคซีนโควิด mRNA แต่เลือกเงียบ..ชะลอเตือนเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

(22 พ.ค. 68) รายงานจากวุฒิสมาชิก รอน จอห์นสัน เผยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงในรัฐบาลสมัยโจ ไบเดน ซึ่งทราบถึงรายงานปัญหาทางหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) หลังรับวัคซีน mRNA ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 แต่กลับรอถึงปลายเดือนมิถุนายนกว่าจะปรับคำเตือนในฉลากวัคซีน

ในช่วงที่ภาครัฐยังไม่แจ้งเตือน กลับมีการจำกัดเสรีภาพของแพทย์ที่ออกมาเตือนเรื่องผลข้างเคียง โดยบางรายถูกลบโพสต์หรือระงับบัญชี โฆษกรายงานชี้ว่า จนถึงกลางปี 2021 มีรายงานอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบกว่า 158 เคสในระบบ VAERS

กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลติดต่อ CDC และ FDA ตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ 2021 ถึงเคสกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มวัยรุ่นจากวัคซีนไฟเซอร์ แต่เจ้าหน้าที่ FDA กลับชี้ว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ และไม่ต้องการ “สร้างความตื่นตระหนก”

แม้ในเดือนพฤษภาคม 2021 มีการหารือกันภายใน CDC ว่าควรส่ง “ประกาศเตือนภัยด้านสุขภาพแห่งชาติ (HAN)” เกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน แต่ผู้นำหน่วยงานหลายคน รวมถึงอดีตกรรมาธิการ FDA ไม่เห็นด้วย โดยเลือกเพียงเผยแพร่ประกาศทั่วไปในเว็บไซต์

จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2021 FDA จึงปรับฉลากวัคซีน Pfizer และ Moderna ให้มีคำเตือนเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ รายงานชี้ว่าช่วงเวลาดังกล่าว มีรายงานเคสในระบบพุ่งถึง 752 เคส ขณะที่ทำเนียบขาวยังคงเผยแพร่ข้อความว่า “อาการเหล่านี้พบได้ยาก”

‘ไต้หวัน’ ประกาศพร้อมคุย ‘จีน’ บนฐานเท่าเทียม แต่ยังเดินหน้าสร้างแสนยานุภาพทางทหาร

(22 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน กล่าวเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีในตำแหน่งว่า รัฐบาลไทเปพร้อมเปิดการเจรจากับจีน บนพื้นฐานของความเท่าเทียมและศักดิ์ศรี เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดด้านอธิปไตย แต่ย้ำว่าการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านกลาโหมยังคงเป็นสิ่งจำเป็นต่อไป

ไล่ ชิงเต๋อระบุว่า สันติภาพเป็นสิ่งประเมินค่าไม่ได้ ไต้หวันไม่สามารถนิ่งนอนใจในสถานการณ์ปัจจุบันได้ พร้อมยืนยันจะร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อยับยั้งภัยคุกคาม พร้อมผลักดันการตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติเพื่อเสริมความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ 

ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ด้านการค้า รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองภายใน โดยฝ่ายค้านพรรคก๊กมินตั๋งกล่าวหาไล่ว่าทำให้ประเทศเสี่ยงต่อสงครามกับจีน ส่วนพรรคของไล่ตอบโต้ว่า ฝ่ายค้านกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ความตึงเครียดในรัฐสภาทวีความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันทางกายภาพ ขณะที่คะแนนนิยมของประธานาธิบดีไล่ลดลงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ชี้ว่าจุดยืนล่าสุดของเขาแสดงถึงความพยายามลดโทนการเผชิญหน้าและมุ่งรักษาสมดุลท่ามกลางแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ

เกาหลีใต้ดันหนังสือเรียน AI ใช้จริงแล้ว 30% ของโรงเรียน หวังยกระดับการศึกษา ปรับการสอนตามนักเรียนแต่ละคน

(21 พ.ค. 68) หลังจากกระทรวงศึกษาธิการเดินหน้าผลักดันการศึกษาแบบดิจิทัลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงเรียนระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายในเกาหลีใต้กว่า 30% ได้เริ่มนำหนังสือเรียนที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการเรียนการสอน

ซอฟต์แวร์จากภาคเอกชนและรัฐช่วยให้ AI แจกโจทย์การบ้านเฉพาะบุคคล รวมถึงเขียนรายงานประเมินผลตามระดับความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน เพื่อให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แม้เทคโนโลยีจะเปิดทางสู่การเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล แต่ครูบางส่วนกังวลว่าอาจกลายเป็นภาระเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ปกครองตั้งคำถามว่า AI จะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ได้จริงหรือแค่ทำให้เด็กติดหน้าจอมากขึ้น

รัฐจึงตัดสินใจคงการใช้หนังสือกระดาษไว้ในบางวิชา เช่น ภาษาเกาหลีและหน้าที่พลเมือง พร้อมเลื่อนการใช้ AI ในวิชาอื่นออกไปก่อน และเตรียมอบรมครู 160,000 คน รวมถึงส่งติวเตอร์ดิจิทัลกว่า 1,200 คนลงพื้นที่ช่วยโรงเรียนทั่วประเทศ

จีนเปิดตัว ‘Jiu Tan’ เครื่องบินไร้คนขับรุ่นใหม่ ปล่อยโดรนกามิกาเซ่พร้อมกันได้สูงสุด 100 ลำ

(21 พ.ค. 68) จีนเตรียมเปิดตัวเครื่องบินไร้คนขับชื่อ “Jiu Tan” ซึ่งมีความสามารถในการปล่อยโดรนกามิกาเซ่ได้พร้อมกันนับ 100 ลำ ถือเป็นหมัดเด็ดใหม่ของจีนในการเพิ่มศักยภาพทางทหารและรับมือระบบป้องกันทางอากาศแบบเดิม

ตามรายงานจากสื่อรัฐของจีน เครื่องบินลำนี้พัฒนาโดยบริษัท Shaanxi Unmanned Equipment Technology โดยต้นแบบรุ่นที่ 4 อยู่ระหว่างการทดสอบ และเตรียมบินครั้งแรกในเดือนหน้า หลังเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงการบินจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567

สำหรับ Jiu Tan มีระยะปีกกว้าง 25 เมตร บินได้นานถึง 12 ชั่วโมง และระยะทางไกลกว่า 7,000 กิโลเมตร รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 6 ตัน ทั้งอุปกรณ์สอดแนม อาวุธ และขีปนาวุธ จุดเด่นคือการโจมตีแบบฝูง “barrage attack” ซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดจากระบบป้องกันของศัตรู

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การพัฒนา Jiu Tan สะท้อนเป้าหมายของจีนที่ต้องการท้าทายอำนาจทางอากาศของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ RQ-4 Global Hawk และ MQ-9 Reaper ของอเมริกา ซึ่งยังไม่มีความสามารถในการโจมตีฝูงขนาดใหญ่แบบเดียวกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top