Monday, 20 May 2024
WORLD

อีลอน มัสก์ เตรียมซื้อ Twitter ครั้งใหม่ในราคาเดิม พร้อมขอให้ยุติการดำเนินคดีทางกฎหมาย

'อีลอน มัสก์' ตัดสินใจเดินหน้าซื้อ Twitter อีกครั้ง หลังเคยประกาศยกเลิกแผนการซื้อกิจการก่อนหน้านี้ โดยอ้างว่าบริษัทไม่เปิดเผยจำนวนที่แท้จริงของผู้ใช้งานปลอมและสแปม จนเกิดการฟ้องร้อง

เมื่อวันที่ (4 ต.ค. 2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า อีลอน มัสก์ ส่งจดหมายถึงบริษัท Twitter โดยระบุว่า มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์เทสลา บริษัท สเปซเอ็กซ์ และอีกหลายกิจการคนนี้ ตัดสินใจจะซื้อกิจการทวิตเตอร์อีกครั้งตามข้อตกลงเดิม ในราคาที่เคยเสนอไปครั้งแรก

ในจดหมายฉบับนี้ ทนายความของมัสก์ ระบุว่า มัสก์ตั้งใจที่จะดำเนินธุรกรรมนี้ให้เสร็จสิ้น และขอให้ยุติการดำเนินคดีทางกฎหมาย หลังจากก่อนหน้านี้มัสก์ระบุว่าจะยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว จนเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้อง

ทั้งนี้โฆษกบริษัท Twitter เปิดเผยว่า มัสก์ตั้งใจที่จะควบรวมกิจการที่หุ้นละ 54.20 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

เกาหลีเหนือ ห้าวจัด!! ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นอีกลูก ทางการญี่ปุ่นแจ้งเตือนปชช. หลบเข้าที่ปลอดภัย

สัญญาณอันตราย หลังเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามดินแดนญี่ปุ่นบริเวณเกาะฮอกไกโดและจังหวัดอาโอโมริ เมื่อเวลา 05.46 น. ตามเวลาประเทศไทย ทางการญี่ปุ่นเตือนประชาชนในพื้นที่หลบภัยทันที

มีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 07.46 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (05.46 น. ตามเวลาประเทศไทย) เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นตอนเหนือ บริเวณเกาะฮอกไกโดและจังหวัดอาโอโมริ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้หลบอยู่ในที่ปลอดภัย

แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นกล่าวว่า ขีปนาวุธที่ยิงมาในวันนี้ได้บินจากทะเลตะวันออกของเกาหลี ข้ามเหนือดินแดนญี่ปุ่น มุ่งไปทางตะวันออกเหนือทะเลญี่ปุ่น แล้วตกลงในทะเลนอกน่านน้ำญี่ปุ่นแล้ว และยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงมาเป็นประเภทใด บินได้สูงและไกลแค่ไหน เป็นครั้งแรกที่ในรอบ 5 ปีที่เกาหลีเหนือส่งขีปนาวุธข้ามแผ่นดินของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 2017

เสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ยืนยันว่าเกาหลีเหนืยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นจริง โดยกล่าวว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงมาจากเมืองมูเปียงรีในจังหวัดชากังของเกาหลีเหนือเมื่อเวลาประมาณ 07:23 น. ตามเวลาท้องถิ่น แล้วเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเหนือประเทศญี่ปุ่น

หัวหน้าเลขาธิการรัฐสภาญี่ปุ่น มัตสึโนะ ฮิโรคาซึ กล่าวว่า เกาหลีเหนือดูเหมือนจะยิงขีปนาวุธไปในทิศทางของฮอกไกโดซึ่งเป็นเกาะหลักที่อยู่เหนือสุดของประเทศ

ขีปนาวุธดังกล่าวได้บินผ่านจังหวัดอาโอโมริ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ และร่อนลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น

มัตสึโนะ กล่าวเสริมว่า เขาถือว่าการยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็น “ภัยคุกคามต่อสาธารณชน” และกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะวิเคราะห์สถานการณ์ต่อไปและทำงานอย่างใกล้ชิดกับประชาคมระหว่างประเทศ

ในช่วงเวลา 10 วันที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธถึง 5 ครั้ง ขณะที่ในปี 2022 นี้ เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธไปแล้วถึง 23 ครั้ง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคุกรุ่นในคาบสมุทรเกาหลีที่เพิ่มขึ้นจากการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งพันธมิตรยืนกรานว่าเป็นการซ้อมรบเพื่อการป้องกันดินแดน แต่เกาหลีเหนือออกมาประณามว่า เป็นการซ้อมรบสำหรับการรุกรานเกาหลีเหนือ

ด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ อาจเป็นแค่จุดตั้งต้นในการทดสอบขีปนาวุธที่ใหญ่กว่านี้ และอาจเป็นการประกาศการยั่วยุที่รุนแรงขึ้นของเกาหลีเหนือ

ลีฟ-เอริก อีสลีย์ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยอีฮวาในกรุงโซล กล่าวว่า “จนถึงตอนนี้ การทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ของเกาหลีเหนือได้รับผลตอบแทนที่ลดลงในแง่ของความก้าวหน้าทางเทคนิค คุณค่าทางการเมืองภายในประเทศ และการส่งสัญญาณระหว่างประเทศ การทูตยังไม่ตาย แต่การเจรจาก็ยังไม่เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน”

เขาเสริมว่า “เกาหลีเหนือยังอยู่ท่ามกลางวงจรของการยั่วยุและการทดสอบขีปนาวุธ และน่าจะรอผลการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงกลางเดือน ต.ค. เพื่อเตรียมดำเนินการทดสอบที่มีนัยสำคัญทางการทหารมากขึ้น”

Tim Cook ฟาด Mark Zuckerberg อย่ามโนว่าทุกคนจะอินกับโลกในจินตนาการ

กลายเป็นกระแสเขม่น จุดชนวนความขัดแย้งเป็นระเบิดขนาดย่อม ๆ ระหว่างผู้บริหาร Apple ที่ออกมาเผยมุมมองที่มีต่อธุรกิจของ meta ภายใต้ความพยายามผลักดันของ Mark Zuckerberg ที่จะนำทุกคนเข้าสู่โลกของ metaverse ซึ่ง Tim Cook CEO ของ Apple ถึงกับออกมาโต้แย้งแนวคิดดังกล่าวนั้นว่าใช่ว่าทุกคนจะอินกับโลกเสมือนที่อยู่ในจินตนาการซึ่งจับต้องไม่ได้

จากการเปิดเผยของ businessinsider สื่อเจาะลึกการลงทุนระดับโลก ได้เปิดเผยมุมมองของ Tim Cook CEO ของ Apple ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Bright Media สื่อจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่าทำไม Apple ถึงมีความลังเลใจในการเข้าร่วม metaverse ซึ่งเป็นอีกหนึ่งด้านเทคโนโลยีที่น่าสนใจและเป็นความตั้งใจอย่างมากในการผลักดันของ meta

“ผมคิดเสมอว่ามันสำคัญที่ผู้คนจะเข้าใจว่าบางสิ่งคืออะไร ขณะเดียวกันผมไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคนทั่วไปสามารถบอกคุณได้ว่า metaverse คืออะไร” Cook กล่าวกับทาง Bright Media

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทาง Apple จะไม่ให้ความสำคัญใด ๆ กับทาง meta โดยดูจากสถิติย้อนหลังในการพยายามเข้าร่วมกับ meta โดยคำว่า 'metaverse' ที่ถูกกล่าวถึงโดยฝั่ง Apple นั้นมีเพียงครั้งเดียว ในการโทรหารายได้ของ Apple จนถึงปีนี้ เมื่อเทียบกับ 36 การกล่าวถึงการแสวงหารายได้ของ Meta แม้จะมีการใช้คำศัพท์ที่แพร่หลายทั่วทั้งอุตสาหกรรม ผู้บริหารก็ถูกแบ่งแยกว่า metaverse แสดงถึงผลิตภัณฑ์จริงหรือไม่ เช่น Virtual Reality หรือเป็นเพียงแนวคิดสำหรับโลกเสมือนจริงที่อาจไม่เคยมีอยู่จริง

ขณะที่ทางฝั่งของ Mark Zuckerberg ได้แถลงนโยบายเชิงรุกในการผลักดัน metaverse เพื่อการเข้าถึงและมีส่วนร่วมเชิงสาธารณะ โดยบอกพนักงานในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า Meta เรากำลังอยู่ในสงครามธุรกิจที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Apple เพื่อสร้าง metaverse

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปในช่วงไตรมาส 4/2564 หลังจากการเปลี่ยนชื่อและการประกาศของ Facebook โดยได้ทุ่มงบลงทุนไปกว่า 10 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง metaverse เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดในความเป็นจริงเข้าสู่โลกเสมือน เพื่อหวังกอบกู้รายได้จากธุรกิจโซเชียลมีเดีย และช่วงชิงส่วนแบ่งรายได้ในอุตสาหกรรมใหม่ หรือนัยยะหนึ่งเพื่อต้องการทวงความเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการและมูลค่าบริษัทสูงที่สุดในโลก หลังจากที่ Apple นั่งแท่นครองอันดับบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุดในโลก และการปรับโครงสร้างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อุปกรณ์ไอทีในกลุ่มสินค้าของ Apple เช่น iPhone ที่เน้นย้ำความสำคัญของสิทธิส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนตัว ซึ่งปิดกั้นการเก็บข้อมูลทางการตลาดที่จะเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการที่พึ่งพิงธุรกิจจากทางฝั่งของ Facebook และ Google ทำให้ Mark Zuckerberg เจ็บแค้นอย่างมากเนื่องจากนโยบายดังกล่าวของ Apple เพราะทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้ ซึ่งกระทบรายได้โดยตรงต่อธุรกิจโฆษณาของ Facebook สูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลล่าร์จากที่เคยได้ ที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่สื่อสารการตลาดโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย และท้ายที่สุดผู้ประกอบการเหล่านั้นต้องทยอยยกเลิกการซื้อสื่อโฆษณากับทาง Facebook ไป เพราะสูญเงินเปล่า โฆษณาไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ขณะที่การออกมาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมโลกเสมือน metaverse ของ Mark Zuckerberg กลายเป็นการตอกย้ำรอยแผลที่ร้าวบาดลึกของทั้ง 2 ธุรกิจที่มีต่อกัน แม้ว่าทาง Apple จะเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่โดยเฉพาะกับ Augmented Reality ก็ตาม

'ผู้ว่า กกท.' ยก สนามหลักกัมพูชาจัดฟุตบอลโลกสบาย ยอมรับตอนนี้หลายประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาไปไกล

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยและคณะเดินทางไปประเทศกัมพูชาเพื่อดูความพร้อมจัดการเเข่งขันซีเกมส์ 2023 โดยมี นายออน ซาราเดน ตัวแทนของ พระคุณเจ้าวาร์เหิง ดาวุธ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการสนามกีฬาแห่งชาติ 'มรดก เตโช' สนามหลักในการเเข่งขันครั้งนี้

“เราเห็นเเล้วมั่นใจว่าซีเกมส์ที่จะเกิดขึ้น สนามกีฬาได้มาตรฐานเเน่ สิ่งต่าง ๆ ที่กัมพูชาได้เเสดงให้เห็นคือความมุ่งมั่น เพื่อจะยกระดับให้ทัดเทียมกับประเทศชั้นนำในอาเซียน ไทยกับกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านกัน เราคงเดินหน้าพัฒนาในทุกมิติร่วม ๆ กัน วันนี้สนามกีฬาของกัมพูชาอาจจะล้ำหน้ากว่าไทยด้วยซ้ำ เราก็จะขอเรียนรู้จากกัมพูชา จากประสบการณ์การต่าง ๆ ส่วนในเรื่องของกีฬาที่ไทยก้าวหน้ากว่าเราก็ยินดีในการถ่ายทอดเเลกเปลี่ยน นี้คือความสัมพันธ์ที่สวยงามของ 2 ประเทศที่มีมายาวนาน”

“หลาย ๆ อย่างคือสิ่งที่เราจะเอาไปปรับปรุงสนามของเราได้ ต้องยอมรับว่าสนามของเราเคยยิ่งใหญ่ เราเคยเป็นที่ 1 ในอาเซียน แต่ตอนนี้หลายประเทศพัฒนาก้าวหน้าไปไกล ที่กัมพูชาผมคิดว่าเป็นสนามที่ทันสมัยเเละดีที่สุดเเห่งหนึ่งในอาเซียน สิ่งที่เขาเน้นคือระบบความปลอดภัย สามารถระบายคน 6 หมื่นคนใน 7 นาที เพราะฉะนั้นไม่ใช่เเค่ขนาดใหญ่ แต่เขานึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานสากล สิ่งที่เป็นความประทับใจคือสนามเเห่งนี้สามารถผ่านมาตรฐานฟีฟ่า สามารถแข่งระดับบอลโลกได้ แม้ความจุจะยังไม่ถึงรองรับพิธีเปิดปิดฟุตบอลโลกได้ แต่สามารถจัดการเเข่งขันแมตช์อื่น ๆ ในฟุตบอลโลกได้เลย”

มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น เตรียมอาหารฮาลาลให้นักศึกษามุสลิม สร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้คนเคารพวัฒนธรรมของกันและกัน

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ เผย มหาวิทยาลัยมิยาซากิ บริการอาหาร 5 มื้อ ที่เตรียมโดยกระบวนการฮาลาลทั้งหมด ให้แก่นักศึกษาทั้งที่เป็นมุสลิม และศาสนิกชนอื่น

โดยอาหารที่จัดบริการในคาเฟ่ทีเรียของมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับให้แก่นักศึกษาที่มาจากอินโดนีเซีย, มาเลเซีย และประเทศมุสลิมอื่นๆ ในขณะที่นักศึกษาชาวญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป ก็กระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอิสลาม ผ่านเมนูอาหารต่าง ๆ ที่บริการในห้องอาหาร

โยอิชิโร โยชินากะ ผู้จัดการโรงอาหารสำหรับนักศึกษา กล่าวว่า ไม่เฉพาะนักศึกษาจากประเทศมุสลิม แต่นักศึกษาชาวญี่ปุ่นที่อยากรู้อยากเห็น และก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศได้

“ในโรงอาหาร ฉันต้องการให้พวกเขาสนใจในวัฒนธรรมการทำอาหารของกันและกัน”

ในบรรดาอาหารฮาลาลจานพิเศษที่หมดเร็วมาก ได้แก่ เรนดังไก่, แกงกะหรี่ใส่กะทิเข้มข้น, ขนมถั่วอะซูกิ และขนมปัง 2 แบบ ที่ยังเหลือมักจะเป็นแกงไก่ ที่ทำมาเพิ่มรอบสอง

เมนูอาหารเหล่านี้ผ่านการรับรองฮาลาล จากฝ่ายพัฒนาอิสลามแห่งมาเลเซีย (Jakim) รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาหาร และเครื่องปรุง ตลอดจนวัสดุต่าง ๆ

งานวิจัย ชี้ ดื่มกาแฟทุกวันช่วยให้อายุยาวขึ้น ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

ดื่มกาแฟเป็นประจำ ช่วยเรื่องสุขภาพ และทำให้อายุยาวขึ้นได้จริงหรือ? 

จากผลการวิจัยล่าสุดโดย ศาตราจารย์ ปีเตอร์ คิสเลอร์ แห่งสถาบัน Baker Heart and Diabetes Research Institute ในประเทศออสเตรเลีย ได้สำรวจข้อมูลเปรียบเทียบกันระหว่าง กลุ่มตัวอย่างที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ และกลุ่มที่ไม่ดื่ม กับความสัมพันธ์ของจังหวะการเต้นของหัวใจ โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด และอัตราการเสียชีวิต โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมโดย UK Biobank ของกลุ่มตัวอย่างอายุระหว่าง 40 - 69 ปี จำนวนเกือบ 5 แสนคน

ซึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ดื่มกาแฟ 2-3 แก้วต่อวันมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่ม และนั่นก็มีผลกับช่วงชีวิตที่ยาวขึ้นของกลุ่มคนที่ดื่มกาแฟ 

กาแฟที่ว่านี้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นกาแฟคั่วบด กาแฟสด กาแฟสำเร็จรูป หรือกาแฟปลอดคาเฟอีน  เนื่องจากงานวิจัยชี้ว่า กาแฟทุกประเภทที่ว่านี้ ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน คือช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจได้ดี และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ อาการหัวใจทำงานบกพร่อง หรือ หลอดเลือดหัวใจตีบได้ 

ดังนั้น คาเฟอีน จึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญต่อคุณประโยชน์ของการดื่มกาแฟ ศาตราจารย์ คิสเลอร์ เจ้าของผลงานวิจัยชี้ว่า นอกเหนือจากคาเฟอีน ที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเวลาดื่มกาแฟ แต่ในเมล็ดกาแฟนั้นมีสารประกอบที่สำคัญมากกว่า 100 ชนิด ที่มีผลต่อสุขภาพที่ดีของผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้ดื่่ม

คนอังกฤษ ทนวิกฤตค่าครองชีพไม่ไหว นัดรวมตัวประท้วงกดดันลดค่าก๊าซ-ไฟฟ้า

ชาวอังกฤษหลายพันคน ทนไม่ไหว ลุกฮือเดินขบวนประท้วงในหลายสิบเมืองทั่วประเทศ แสดงความไม่พอใจในการปรับขึ้นค่าก๊าซและค่าไฟฟ้า 

ประชาชนหลายพันคนรวมตัวตามเมืองต่าง ๆ หลายสิบแห่งทั่วราชอาณาจักรเมื่อวันเสาร์ (1 ต.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความขุ่นแค้นต่อวิฤตค่าครองชีพ ในสิ่งที่แกนนำระบุว่าเป็นการประท้วงอย่างพร้อมเพรียงกันครั้งใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรในรอบหลายปี พร้อมกับเปิดแคมเปญไม่จ่ายค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าจนกว่าจะลดราคาในระดับที่สามารถจ่ายได้

ไล่ตั้งแต่อีสบอร์นไปจนถึงเอดินบะระ นิวคาสเซิล ไปจนถึงนอริช มีผู้คนจำนวนมากออกมาชุมนุมประท้วงทั่วสหราชอาณาจักร สอดคล้องกับช่วงเวลาที่จะมีการปรับขึ้นค่าก๊าซและค่าไฟ ซึ่งจะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนพุ่งสูงตามไปด้วย

ในกรุงลอนดอน ผู้ชุมนุมรวมตัวกันที่จัตุรัสคิงส์ครอส และชูป้ายที่มีข้อความว่า “ไม่จ่ายให้สหราชอาณาจักร” และ “พอแล้ว” รวมถึง “แช่แข็งราคา ไม่ใช่ประชาชน” เพื่อระบายความไม่พอใจต่อความทุกข์ยาก และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพแพง

ฟาร์ซานา คานอม ผู้ช่วยครูวัย 23 ปีรายหนึ่ง เผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เธอจำเป็นต้องเลือกระหว่างจ่ายค่าพลังงานที่พุ่งสูงกับการลงทุนในอาชีพการงานของเธอ "แต่ถ้าเราออกมาพร้อมกัน ส่งเสียงของเราให้ได้ยินไปทั่ว เมื่อนั้นบางทีเราอาจสร้างความแตกต่าง"

บรรดาผู้ชุมนุมยังได้ร่วมลงนามในหนังสืออุทธรณ์ฉบับหนึ่ง เรียกร้องให้ยุบสภาจัดการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อยุติความยุ่งเหยิงจากรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ร่วมลงนามแล้วกว่า 300,000 คน

นอกจากนี้ แกนนำการประท้วงยังได้ทำการรณรงค์ให้ประชาชนไม่จ่ายค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าจนกว่าจะลดราคาในระดับที่สามารถจ่ายได้

มีรายงานว่าหลายครัวเรือนทั่วสหราชอาณาจักรพากันเผาบิลค่าสาธารณูปโภค ในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์สนับสนุนการรณรงค์ไม่จ่ายค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าของกลุ่ม Don’t Pay UK ในขณะที่ล่าสุดขบวนการเคลื่อนไหวรากหญ้าแห่งนี้ได้รับเสียงตอบรับจากครัวเรือนต่างๆ เกือบ 200,000 ครัวเรือน ที่เตรียมยกเลิกบริการหักบัญชีอัตโนมัติ หากว่าชาวสหราชอาณาจักร 1 ล้านคนสัญญาว่าจะไม่จ่ายบิลค่าสาธารณูปโภค

ฮ่องกงจัดหนัก!! เตรียมแจกตั๋วเครื่องบิน 500,000 ใบ หวังดึงดูดนักท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ

สื่อฮ่องกงรายงานว่า ฮ่องกงจะแจกตั๋วเครื่องบิน 500,000 ใบ เพื่อดึงดูดนักเดินทางให้กลับมาท่องเที่ยวในฮ่องกงอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลฮ่องกงประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งหมดในกลุ่มนักเดินทางจากต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์ ซิง เตา (Sing Tao) ของฮ่องกง รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามที่ใกล้ชิดแวดวงการเมืองและภาคธุรกิจฮ่องกงว่า ฮ่องกงจะแจกตั๋วเครื่องบิน 500,000 ใบ เพื่อดึงดูดนักเดินทางให้กลับมาท่องเที่ยวฮ่องกงอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลฮ่องกงประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งหมดในกลุ่มนักเดินทางจากต่างประเทศ 

ทั้งยังระบุว่า นายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง อาจจะประกาศแผนการให้ประชาชนกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติในเดือนตุลาคม ยกเว้นในกรณีที่การระบาดของโรคโควิดในฮ่องกงย่ำแย่ลงจากสถานการณ์ระบาดในปัจจุบัน

เกิดเหตุการณ์สุดสลดในประเทศอินโดนีเซีย ในเกมฟุตบอลลีกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา คู่ระหว่าง อาเรมา เอฟซี พบ เปอร์ซิบายา สุราบายา ที่คันจูรูฮัน สเตเดียม เมื่อแฟนบอลของทั้งสองทีมปะทะกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 127 ราย

เกมดังกล่าวจบลงที่ชัยชนะของทีมเยือนที่บุกไปเก็บชัยเหนือเจ้าถิ่น 3-2 แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อแฟนบอลทั้งสองทีมก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันอย่างดุเดือด มีการวิ่งลงมาในสนาม จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 127 ราย โดย 2 ใน 127 คนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย

ตามการรายงานจากสื่อในประเทศอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า การก่อเหตุดังกล่าวเริ่มต้นจากแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ไม่พอใจผลการแข่งขันในเกมนี้ โดยเริ่มจากแฟนบอลฝั่งอัฒจันทร์ด้านตะวันออกของสนามที่วิ่งไปหาเรื่องแฟนทีมเยือน ก่อนที่แฟนบอลจากฝั่งใต้จะเข้ามาร่วมด้วย ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะมีการยิงแก๊สน้ำตา แต่ยิ่งทำให้แฟนบอลตื่นตกใจหนักกว่าเดิม

จากเหตุชุลมุนดังกล่าวทำให้แฟนบอลต้องหนีเอาตัวรอด บางคนถึงขั้นถูกเหยียบ และถูกเบียดจนหายใจไม่ออก โดยมีการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 34 ราย ส่วนที่เหลือไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 

อินโดนีเซีย ไฟเขียวใช้วัคซีน mRNA ของ ‘จีน’ นับเป็นชาติแรกในโลก ทั้งที่จีนเองยังไม่อนุมัติใช้ในปท.

วัคซีนโควิด-19 ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA ของจีนผ่านการอนุมัติใช้งานฉุกเฉินใน 'อินโดนีเซีย' เป็นประเทศแรกในโลก นำหน้าแม้กระทั่ง 'จีน' เองที่ยังไม่ได้ให้ไฟเขียวกับวัคซีนตัวนี้

องค์การอาหารและยาแห่งอินโดนีเซียได้ประกาศอนุมัติฉุกเฉินใช้งานวัคซีน AWCorna ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่บริษัท วอลแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี (Walvax Biotechnology) ของจีนใช้เวลาในการคิดค้นพัฒนานานกว่า 2 ปี และมุ่งจัดการกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม

อย่างไรก็ดี วอลแวกซ์ยังไม่เคยเปิดเผยประสิทธิภาพของวัคซีน AWCorna ในกลุ่มอาสาสมัครทดลองขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าวัคซีนชนิดนี้สามารถลดโอกาสในการป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด

จีนมีวัคซีน mRNA หลายตัวที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ทว่าวัคซีนของวอลแวกซ์ถือเป็นชนิดแรกที่เข้าสู่กระบวนการทดลองทางคลินิกในคนกลุ่มใหญ่

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าวัคซีนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายแค่ไหนในอินโดนีเซีย ซึ่งประชากรราว 63% ฉีดวัคซีนครบแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกแนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ที่เน้นรับมือสายพันธุ์ 'โอมิครอน' จะดีกว่า

ทางการเผยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ‘ควีนเอลิซาเบธ’ แจ้งเพียงพระชราภาพเท่านั้น - ไร้ข้อมูลเพิ่มเติม

เรื่อง : อนุดี เซียสกุล

เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ สิ้นพระชนม์ลงในวันที่ ๘ กันยายนที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยสาเหตุของการสิ้นพระชนม์แต่อย่างใดแม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่าสองวันก่อนที่จะสิ้นพระชนม์นั้น สมเด็จพระราชินีนาถฯยังเสด็จออกให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้าเฝ้า

หรือแม้แต่ในวันที่จะสวรรคตแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังที่ออกมาเมื่อตอนเที่ยง : ๑๒.๓๒ น. บอกเพียงแต่ว่าคณะแพทย์มีความกังวลกับพระอาการประชวรแต่ก็บอกว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯยังคงสบายดีอยู่ หากแต่หลังจากนั้นเพียงสองชั่วโมงกว่าก็สิ้นพระชนม์

ในที่สุดสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ก็เป็นที่เปิดเผยออกมาในเวลาบ่ายห้าโมงเย็นตามเวลาท้องถิ่นในกรุงลอนดอน ของวันที่ ๒๙ กันยายนโดยผู้สื่อข่าวสายพระราชวังของบีบีซีก็อ้างถึงข้อมูลของ National Records of Scotland ที่เผยแพร่ในมรณะบัตรของสมเด็จพระราชินีนาถฯว่าสิ้นพระชนม์ด้วยอายุขัย cause of death: old age, ในเวลา ๑๕.๑๐ น. ณ ปราสาทบัลมอรัลและผู้ที่แจ้งการสิ้นพระชนม์คือเจ้าหญิงแอนพระราชธิดา

ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของเขตอาเบอดีนเชียร์ ในสก็อตแลนด์ ที่ปราสาทบัลมอรัลตั้งอยู่รับแจ้งและลงบันทึกในวันที่ ๑๖ กันยายน โดยในบันทึกของใบมรณะบัตรนี้ทำให้รู้ว่า สมเด็จฯเสด็จสวรรคตในตอนบ่าย ๓ โมง ๑๐ นาที และนายกรัฐมนตรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ได้รับแจ้งให้ทราบเป็นการส่วนตัวตอนบ่าย ๔ โมงครึ่ง ต่อจากนั้นสำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้ออกประกาศการสิ้นพระชนม์อย่างเป็นทางการเมื่อ ๖ โมงครึ่ง

แสดงให้เห็นว่ามีเพียงเจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงแอนเท่านั้นที่ประทับอยู่ในบัลมอรัล ส่วนเจ้าชายแอนดรู,เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเจ้าชายวิลเลี่ยมเสด็จไปถึงหลังจากที่สิ้นพระชนม์แล้วคือเวลาบ่ายห้าโมงเย็น

อยากจะกล่าว่าในใบมรณะบัตรที่เผยแพร่ออกมานี้เป็นการบันทึกข้อมูลเหมือนเฉกเช่นคนทั่วไป เช่นพระนาม, นามสกุล, อาชีพมีการลงบันทึกว่า Her Majesty The Queen, วันประสูติ, สถานภาพ หม้าย สิ้นพระชนม์ วันเวลา สถานที่ บ้านหรือสถานที่ประทับถาวรบันทึกว่า พระราชวังวินด์เซอร์ สาเหตุของการสิ้นพระชนม์ คืออายุขัย และมีชื่อแพทย์ยืนยันการสิ้นพระชนม์โดยสำนักพระราชวังระบุชื่อนายแพทย์ ดักราส กร้าส ซึ่งเป็นเภสัชกร

‘นิการากัว’ ฮึก!! สั่งเนรเทศ ‘ทูตสภาพยุโรป’ หลังสำนักงานใหญ่อียูจุ้นการเมืองในประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมานากัว ประเทศนิการากัว เมื่อวันที่ (29 ก.ย. 65) ว่า กระทรวงการต่างประเทศของนิการากัวออกแถลงการณ์ เมื่อวันพุธ ว่านางเบตตินา มูไชดต์ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ( อียู ) มีสถานะเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และต้องเดินทางออกนอกประเทศ แต่ยังไม่มีการระบุอย่างชัดเจน ว่าเธอต้องเดินทางออกไปภายในเมื่อใด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลนิการากัวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังสำนักงานใหญ่ของอียูที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ยื่นหนังสือต่อสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เรียกร้องประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ผู้นำนิการากัว “ฟื้นฟูประชาธิปไตย” ที่รวมถึงการปล่อยตัวนักโทษการเมือง และเคารพหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน ด้านกระทรวงการต่างประเทศนิการากัวเรียกร้อง ให้ตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

ทั้งนี้ นิการากัวจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว และออร์เตกา ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคสังคมนิยม ที่เป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย “ชนะอย่างง่ายดาย” รักษาตำแหน่งผู้นำนิการากัวได้เป็นสมัยที่ 4 ต่อเนื่องกัน หรือนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2550 และถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียาวนานที่สุดในกลุ่มประเทศภูมิภาคอเมริกาทั้งหมด

แอมเนสตี้ฯ จี้ ‘เฟซบุ๊ก’ จ่ายชดเชยชาวโรฮิงญา ฐานไม่ควบคุมเนื้อหา ‘ปลุกปั่นความเกลียดชัง’

องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ออกมาเรียกร้องให้ ‘เฟซบุ๊ก’ จ่ายค่าชดเชยให้แก่ชาวโรฮิงญาหลายแสนคนที่ต้องพลัดถิ่นฐานจากเมียนมา กรณีปล่อยให้มีการเผยแพร่เนื้อหาปลุกปั่นความเกลียดชัง (hate speech) จนมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนกลุ่มนี้

ชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นมุสลิมกลุ่มน้อยตกเป็นเหยื่อปฏิบัติการกวาดล้างของรัฐบาลทหารพม่าเมื่อช่วงปี 2017 ซึ่งทำให้พวกเขาต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตายไปยังบังกลาเทศ และยังคงต้องอาศัยอยู่ตามแคมป์ผู้ลี้ภัยมาจนถึงทุกวันนี้

สมาคมเหยื่อชาวโรฮิงญาและนักสิทธิมนุษยชน ชี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาส่วนหนึ่งมาจาก ‘ระบบอัลกอริทึม’ ของเฟซบุ๊กที่แสดงเนื้อหาความรุนแรง ข้อมูลบิดเบือน และถ้อยคำที่ยุยงให้เกิดความเกลียดชังต่อคนกลุ่มน้อยเหล่านี้

“ชาวโรฮิงญาหลายคนพยายามแจ้งรายงานเนื้อหาที่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังผ่านช่องทาง report ของเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่เป็นผล เฟซบุ๊กยังคงปล่อยให้ถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้แพร่กระจายออกไปจนถึงกลุ่มผู้ฟังในพม่าที่ไม่เคยรับรู้มันมาก่อน” แอมเนสตี้ฯ ระบุในรายงานที่เผยแพร่วันนี้ (29 ก.ย.)

องค์กรสิทธิมนุษยชนดังกล่าวยังอ้างถึงชุดเอกสาร ‘Facebook Papers’ ซึ่งมีผู้นำมาเปิดโปงเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2021 โดยเอกสารนี้ระบุชัดเจนว่า ผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ‘ทราบดี’ ว่าแพลตฟอร์มกำลังถูกใช้เป็นช่องทางเผยแพร่เนื้อหาโจมตีชาติพันธุ์กลุ่มน้อยและกลุ่มคนชายขอบอื่น ๆ

ตร.มะกัน แพร่คลิปม็อบวัยรุ่นยกพลปล้นร้านสะดวกซื้อ ลั่น!! ประชาชนไม่ควรมาเจอกับเรื่องแบบนี้

กรมตำรวจฟิลาเดลเฟีย ในสหรัฐฯ เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ฝูงม็อบกำลังลงมือปล้นสะดมร้านสะดวกซื้อ Wawa สาขาหนึ่ง ในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนหลบหนีไปอย่างลอยนวล ตามรายงานของฟ็อกซ์นิวส์ ในวันอังคาร (27 ก.ย.)

ภาพในวิดีโอพบเห็นกลุ่มคนจำนวนมากไหลบ่าเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ขโมยอาหาร เครื่องดื่มและข้าวของอื่น ๆ ส่วนอีกคลิปเป็นภาพของกลุ่มคนกำลังกระโดดอยู่บนหลังคารถที่จอดอยู่บริเวณด้านนอกร้าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนราว ๆ 20.15 น. ของวันเสาร์ 24 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) และตำรวจกำลังตามล่าผู้ต้องสงสัยประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

"เรารู้ว่าผู้ปกครองหลายท่านจะได้ดูคลิปนี้และบอกว่า นั่นไม่ใช่แนวทางที่ฉันเลี้ยงดูลูก ๆ มันเป็นที่เข้าใจได้ แต่มันเป็นความรับผิดชอบของพวกคุณเช่นกันที่ต้องชี้ตัวลูกๆ ของพวกคุณให้เรา" จอห์น สแตนฟอร์ด รองผู้บัญชาการตำรวจกล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (26 ก.ย.)

"สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือ เราไม่อาจปล่อยให้มีรูปแบบพฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้ ประชาคมภาคธุรกิจไม่ควรต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ ประชาชนไม่ควรมาเจอกับเรื่องแบบนี้" สแตนฟอร์ด กล่าว

กษัตริย์ซาอุฯ ทรงปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ตั้ง มกุฎราชกุมาร ‘MBS’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

สมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนพระองค์

พระราชกฤษฎีกาซึ่งเผยแพร่ผ่านสำนักข่าว SPA ของรัฐบาลซาอุฯ เมื่อวานนี้ (27 ก.ย.) ยังระบุให้เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รั้งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานตามเดิม เช่นเดียวกับเจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล-สะอูด, โมฮัมเหม็ด อัล-จาดาน และคอลิด อัล-ฟาลิห์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ, รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน ตามลำดับ

มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด หรือที่หลายคนเรียกว่าเจ้าชาย MBS ทรงได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรัฐมนตรีกลาโหมขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเท่ากับว่าทรงเป็น “ผู้ปกครองโดยพฤตินัย” ของราชอาณาจักรที่ส่งออกน้ำมันมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง

บทบาทใหม่ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด นับว่าสอดคล้องกับพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ได้ทรงปฏิบัติแทนพระองค์มาในอดีต เช่น การเป็นผู้แทนรัฐบาลซาอุฯ ไปเยือนต่างประเทศ หรือเป็นประธานการประชุมสุดยอดต่าง ๆ ที่ริยาดเป็นเจ้าภาพ

“มกุฎราชกุมารทรงกำกับดูแลกิจการประจำวันของฝ่ายบริหาร ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีได้ทรงมีพระบรมราชโองการมอบหมายไว้ ดังนั้น บทบาทใหม่ของพระองค์ในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงถือว่าเข้ากับบริบท” เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม กล่าว

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ในวัย 86 พรรษาทรงประชวรด้วยหลายโรค และเสด็จฯ ไปประทับโรงพยาบาลหลายครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สังคมซาอุดีอาระเบียพลิกโฉมไปอย่างมากนับตั้งแต่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ทรงก้าวขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2017 โดยทรงมุ่งมั่นที่จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจซาอุฯ ให้ลดการพึ่งพาน้ำมัน และยังทรงดำเนินการปฏิรูปด้านต่าง ๆ เช่น อนุญาตให้สตรีขับรถ และจำกัดอำนาจของพวกผู้นำทางศาสนา เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top