Tuesday, 18 February 2025
POLITICS

“โฆษกรัฐบาล” เผย ตั้งเป้าส่งออกสินค้าฮาลาลโต 3 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ากว่าแสนล้าน เจาะตลาดประเทศมุสลิม ชี้ ใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เป็นผู้นำการผลิต สร้างมาตรฐานคุณภาพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเห็นโอกาสการผลิตและการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลและผลผลิตสินค้าเกษตรมาตรฐานที่โตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ไปสู่ตลาดกลุ่มประเทศมุสลิม และประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก เช่น อินเดีย จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา คาดว่ามีประชากรชาวมุสลิมทั่วโลกกว่า 2 พันล้านคน มูลค่าตลาดประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางกระทรวงพาณิชย์ จึงตั้งเป้าการส่งออกสินค้าฮาลาลทุกประเภทไปยังกลุ่มประเทศมุสลิม ของปี 2564 ไว้ที่ 1.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1.18 แสนล้านบาท โดยประเทศไทยได้เปรียบที่สามารถผลิตสินค้าหลากหลาย มีมาตรฐาน ตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดี และขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลประมาณ 5,000 บริษัท มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฮากว่า 160,000 รายการ จึงเชื่อมั่นว่าประเทศไทย มีศักยภาพเป็นประเทศผู้นําในการพัฒนา ผลิต และส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้รับความเชื่อมั่นในตลาดโลก

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลใช้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อขับเคลื่อนการเป็นผู้ผลิตในตลาดโลก โดยร่วมกับหลายภาคส่วน ให้ครอบคลุมเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล ใช้เทคโนโลยีทันสมัยตรวจสอบพร้อมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต การบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค และพัฒนาฐานข้อมูลฮาลาล เป็นต้น นอกจากนั้นมีกิจกรรมพัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล อาทิ จัดอบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการผลิตสินค้าฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนา และคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างค้าปลีก ซุปเปอร์สโตร์ชั้นนำ จับคู่เจรจาค้าสินค้าอาหารฮาลาลออนไลน์ ในอาเซียน จีน แอฟริกา และตะวันออกกลาง รวมถึงประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าฮาลาลไทย และการสร้างความร่วมมือที่ดีกับผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าฮาลาลในตลาดประเทศมุสลิม เป็นต้น ทั้งนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจตลาดสินค้าฮาลาลที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคตามวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน 

พลังประชาชาติไทย ยันจุดยืนพรรค 5 ข้อ

นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงจุดยืนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า พรรครปช.มีจุดยืน 5 ข้อ ดังนี้

​1.) พรรคยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นประเพณีการปกครองประเทศอันนับเนื่องตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จุดยืนของพรรค รปช. ในเรื่องรัฐธรรมนูญ จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษเกี่ยวกับเนื้อหาสาระแห่งบทบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญที่จะต้องดำรงเจตนารมย์ดังกล่าวนี้อย่างแท้จริง

​2.) ข้อพิจารณาของพรรคอยู่ที่ประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังที่ได้มีการเสนอกันอยู่ในขณะนี้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนใหญ่อย่างไรคือคำถามที่สังคมได้ตั้งไว้กับตัวแทนของพวกเขา

​3.) ในสถานการณ์ปัจจุบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องคำนึงถึงความประสงค์ของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ มิใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญตามความต้องการของนักการเมืองและพรรคการเมือง

​4.) การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องมีจุดมุ่งหมายให้ระบบการเมืองดีขึ้น สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนในเรื่องการปฏิรูปการเมือง และยกระดับคุณภาพของนักการเมืองให้ดีขึ้น ไม่ใช่การแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้พรรคการเมืองและนักการเมืองสามารถกลับไปประพฤติปฏิบัติแบบเก่าๆ เดิมๆ จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติทางการเมืองอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

​5.) รัฐธรรมนูญจะต้องไม่เปิดโอกาสให้เกิดการบิดเบือนการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ คือต้องมีดุลยภาพแห่ง 3 อำนาจอธิปไตยของปวงชน และต้องธำรงหลักประกันแห่งความยุติธรรม จริยธรรม หลักธรรมาภิบาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยองค์กรอิสระอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

“ผมมีเจตนารมณ์ที่อยากจะเชิญชวนให้สมาชิกรัฐสภาทุกท่านเเละประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันพิจารณาญัตติด่วน 13 ร่างของการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปพร้อมกันด้วยความเคารพทุกความคิดเห็นที่อาจจะเหมือนและแตกต่างกันออกไป” นายเขตรัฐ กล่าว

เอกชนถก “บิ๊กตู่” เสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวภายหลังคณะเอกชนได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอแนวทางช่วยเหลือ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า นายกฯ ยืนยันช่วยเหลือเอสเอ็มอีโดยรับขอเสนอทั้งหมดไปทำต่อ ทั้งการขอพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 6-12 เดือน และตั้งกองทุนฟื้นฟู เอ็นพีแอล เพื่อช่วยพยุงกิจการเอสเอ็มอีที่เข้าไม่ถึงการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งยังเสนอให้รัฐแก้เงื่อนไขกองทุนประกันสังคม 3 หมื่นล้านบาท ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงง่ายขึ้น โดยรมว.แรงงานยืนยันกำลังปรับแก้ไขแล้ว รวมทั้งแก้ไขเงื่อนไขซอฟต์โลนให้เข้าถึงสะดวกขึ้น

นายแสงชัย กล่าวว่า ตอนนี้มีเอสเอ็มอีที่เป็นหนี้เสีย หรือเอ็นพีแอล ในระบบคิดเป็นวงเงินถึง 2.4 แสนล้านบาท แถมยังมีกลุ่มไฟเหลืองที่จวนเจียนจะเป็นหนี้เสียอีก 4.4 แสนล้านบาท ซึ่งถ้ารวม 2 ส่วนนี้ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งระบบที่มีอยู่ 3.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มไฟเหลืองถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะปรับเพิ่มขึ้นมาจากก่อนที่เกิดโควิดมีวงเงินอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท แต่เมื่อเกิดโควิดขึ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นมาถึง 4.4 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ นายกฯ ยังรับข้อเสนออื่นๆ จากภาคเอกชนอีก โดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ได้เสนอให้ปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีผ่านผู้ประกอบการค้าปลีก ขอให้ปลดล็อคให้ลูกหนี้ที่ติดเครดิตบูโร หรือเป็นหนี้เสียเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยทำได้โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย และอยากให้หาทางกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการใช้เงินกู้ 5 แสนล้านบาท โดยอยากให้ปรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่มีวิธีการมากมาเป็นโครงการที่คล้ายกับช้อปดีมีคืน ที่คนเข้าไปใช้ได้ง่ายกว่า

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรอบเวลาในการช่วยเหลือนั้น จากการหารือยังไม่มีกำหนดออกมา แต่คิดว่าอยู่ในกรอบที่นายกฯ วางไว้ 120 วันที่จะเปิดประเทศอยู่แล้ว จึงขอรีบช่วยในช่วงเวลานี้ พอถึงเวลาเปิดประเทศจะได้มีเงินไหลเข้ามาทำธุรกิจต่อไปได้

“ผบ.ทสส.” ประชุมผบ.เหล่าทัพ รับทราบผลการปฎิบัติงาน-แก้ปัญหาโควิด-19 พร้อมสั่งการเหล่าทัพ ดูแลปชช. สนับสนุน รบ-สธ. แก้ไขปัญาโควิด-19 

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม

โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แสดงความขอบคุณ กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ทุ่มเท เสียสละทำให้ภารกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลคลี่คลายไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การแก้ไขปัญาความมั่นคงตามแนวชายแดน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การจัดรถรับ-ส่ง ในการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ โควิด-19 การแจกจ่ายอาหารเพื่อสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ รวมทั้งเรื่องการบริจาคโลหิต ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้เป็นอย่างมาก

ทั้งนี้กองทัพได้ดำเนินการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายตั้งแต่แนวชายแดนเข้ามาจนถึงพื้นที่ตอนใน โดยใช้กำลังป้องกันชายแดนทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ เสริมด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์พิเศษในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เช่น โดรนลาดตระเวนทางอากาศ กล้อง CCTV และกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวบริเวณช่องทางตามธรรมชาติในพื้นที่เสี่ยง การใช้เครือข่ายภาคประชาชน และผู้นำหมู่บ้าน แจ้งเบาะแส และข่าวสารและตามที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้ผู้ว่าราชการชายแดนใช้กลไกศูนย์สั่งการจังหวัดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศส.ชท.) บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผบ.ทสส./ผอ.นชท.) ได้ประชุมมอบแนวทางในการปฏิบัติของส่วนราชการตามกลไกของ กอ.นชท. เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนฯ  

โดนเน้นย้ำให้กำลังทหารในพื้นที่กองทัพภาค ทัพเรือภาค และกองกำลังป้องกันชายแดนต่างๆ สนับสนุนการปฏิบัติของ ศส.ชท. จังหวัดทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบก และทางทะเล โดยในระดับส่วนกลาง กอ.นชท. จะช่วยกำกับดูแลและขับเคลื่อนงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น การบูรณาการด้านการข่าว ติดตามการสืบสวน / สอบสวน / ดำเนินคดี การนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ 

ในเรื่องการเตรียมการรับทหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำการในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ กองทัพได้เตรียมมาตรการควบคุมและป้องกันโรค รองรับในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกเหล่าทัพ โดยมีมาตรการเริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของหน่วยฝึกและกำลังพลครูฝึก กระบวนการรับตัวทหารใหม่จากภูมิลำเนา ณ ตำบลต้นทาง การปฏิบัติและมาตรการควบคุมระหว่างการเคลื่อนย้าย จนถึงตำบลปลายทางเข้าที่ตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่ที่กำหนด และมาตรการควบคุมการปฏิบัติในห้วงระหว่างการฝึก ทั้งนี้ หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วยมีมาตรการที่สำคัญคือจะทำลักษณะหน่วยฝึกให้เป็น Bubble and Seal ทุกหน่วย ครูฝึกทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนก่อนแล้วและทำการกักตัวตามมาตรฐานที่กำหนดก่อนที่ทหารใหม่จะเข้าหน่วย/ทหารใหม่ที่เข้ามา 14 วันแรกจะยังไม่ฝึก จะเป็นการเฝ้าสังเกตุอาการ และทหารใหม่จะได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน 
   
ที่ประชุมได้รับทราบภาพรวมของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ของกองทัพไทยในปัจจุบันที่ได้กำหนดให้มิติทางไซเบอร์เป็นมิติที่ 5 ของการรบ นอกเหนือจากมิติทางบก มิติทางน้ำ มิติทางอากาศ และมิติทางอวกาศ 
โดยศูนย์ไซเบอร์ทหาร และศูนย์ไซเบอร์เหล่าทัพ ได้ร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถของการปฏิบัติการทางไซเบอร์ ให้มีความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ

ในขณะที่ กองทัพบก ได้นำเสนอการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในภาคเหนือ โดยได้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อบูรณาการกับส่วนราชการในพื้นที่ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบส่งผลให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในปี64 ดีขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบแนวคิดการปฏิบัติการสำหรับสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Warfare) ของกองทัพเรือ ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้และพัฒนา โดยหากเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 65 จะทำให้กองทัพเรือมีระบบควบคุมการบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทร 3 พื้นที่ปฏิบัติการ และพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

สำหรับ กองทัพอากาศ ได้ยืนยันถึงขีดความสามารถด้านการข่าวกรองในการเฝ้าตรวจลาดตระเวน และการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางสนับสนุนภารกิจการดับไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้จัดอากาศยานไร้คนขับ Aerostar ทำการบินลาดตระเวนค้นหาจุดเกิดไฟป่า และส่งภาพ Video Downlink แบบ Near Real Time มายังกองบัญชาการและควบคุมฯ เพื่อยืนยันเป้าหมายจุดเกิดไฟป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าภาคพื้นสามารถเข้าพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น 

ทางด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รับผิดชอบดูแลในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับสินค้าควบคุมสลาก วัตถุอันตราย ขายตรง สินค้าที่ต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง อาหาร และยา โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1135 และเพจเฟซบุ๊ค กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค

กองทัพไทย โดยกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เสริมสร้างความมั่นคงของรัฐ และเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน

สำหรับ การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันก่อให้เกิดความประสานสอดคล้อง มีเอกภาพ เสริมสร้างความสามัคคีระหว่าง กองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 เดือน หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมครั้งต่อไปมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยมี 

“กองทัพไทย-สหรัฐฯ” ปรับลดขนาดฝึก “คอบร้าโกลด์ 2021”

ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ  โดยมี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม โดยก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร เกี่ยวกับการฝึก คอบร้าโกลด์ 2021 เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถดำเนินการฝึกเต็มรูปแบบได้ จึงได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ โดยปรับรูปแบบการฝึกและลดจำนวนกำลังพลเข้ารับการฝึก ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีกำหนดการฝึก ดังนี้

กลุ่มการฝึกการควบคุมบังคับบัญชา จัดฝึกระหว่างวันที่ 2-13 ส.ค. 2564 ได้แก่ การฝึกฝ่ายเสนาธิการ (STAFFEX) ณ อาคารม้าแดง กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.) และการฝึกสงครามเครือข่าย (Cyber-X) ณ อาคาร Joint Movement Control Center กบร.กร

กลุ่มการฝึกการช่วยเหลือประชาชน จัดฝึกระหว่างวันที่ 12 ก.ค.-12 ส.ค. ได้แก่ การฝึกการแก้ปัญหาบนโต๊ะในหัวข้อการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR-TTX) ณ โรงแรมสิรินพลา จ.ระยอง และโครงการก่อสร้าง 1 โครงการ ณ โรงเรียนบ้านใหม่ไทยพัฒนา จ.สระแก้ว

กลุ่มการฝึกภาคสนาม,ภาคทะเล จัดฝึกระหว่างวันที่ 2-13 ส.ค. ณ พื้นที่ จ.กระบี่ จ.เชียงใหม่ จ.ลพบุรี และ จ.ระยอง รวมถึงการฝึกกวาดล้างทุ่นระเบิดและการทำลาย ที่จ.สุรินทร์

'อานนท์' ยันไม่ลดเพดานต่อสู้ อ้างทำให้คนตาสว่างสำเร็จไปแล้ว

นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊ก "อานนท์ นำภา" ระบุเนื้อหาว่า...เกิดความลังเลว่าการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่อันนำไปสู่การเสนอให้ลดเพดานการต่อสู้เพื่อให้ง่ายขึ้น ลดเส้นชัยที่จะไปให้ถึง

จริงๆ การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่มันสำเร็จไปแล้ว เพียงแต่มันสำเร็จเป็นขั้นๆ

2563 คนรุ่นใหม่ได้ทำลายพรมที่ปกคลุมปัญหาของสังคมมาหลายสิบปี ขยายความคิดที่จะสร้างสังคมอย่างเท่าเทียม สร้างขบวนคนที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างกว้างขวาง ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน แหลมคม

2564 เกิดโควิดระบาดทำให้เกิดข้อจำกัดของการเคลื่อนไหว ซึ่งเราต้องยอมรับให้ได้ว่ามันเป็นข้อจำกัดจริงๆ กรอบการเคลื่อนไหวหลายอย่างต้องขยับและเลื่อนออกไป

ความสำเร็จที่ทำให้คนตาสว่างมันเกิดไปแล้ว และจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีก

ตอนนี้ สิ่งที่เขาจะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้คือ เมื่อคนตาสว่าง คนต้องออกเดิน ออกถางทาง เพื่อให้ถึงเส้นชัย

อย่ากลัวขวากหนามข้างหน้า ร่วมมือ ลงแรง ช่วยกันสร้างสังคมใหม่

การลดเพดาน คือการยอมรับการวนอยู่ที่เดิม ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เราต้องการ

ส่วนตัว ผมไม่เคยลังเลในเส้นทาง เพราะมันตกผลึกแล้วในเป้าหมาย และหวังว่าเราจะเดินร่วมกันในแนวทางที่เราตั้งไว้อย่างมั่นคง

 

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/255176


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ประวิตร” ยันไม่แก้ ม.144,185 อุบไต๋ วางกลยุทธ์ดันพปชร. ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ชี้ เป็นเรื่องอนาคต กั๊กตอบ จับมือร่วมงานเพื่อไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของพรรคพปชร. ว่า ยืนยันจะไม่แก้มาตรา 144,185 ไม่แก้แน่นอน เรื่องนี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้เสนอร่างให้สัมภาษณ์ไปแล้ว และจะมีการปรับร่างที่ยื่นไปแล้วของพรรคพปชร. 

เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหรือไม่ หรือต่างคนต่างยื่น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แต่ละพรรคก็ยื่นข้อเสนอมาเพื่อแก้ไข ก็ต้องไปคุยกันในสภาฯ ซึ่งแกนนำพรรคร่วมก็ได้คุยกัน ก็พูดกันทุกเรื่องร่วมทั้งเรื่องประเด็นบัตรเลือกตั้งด้วย

เมื่อถามว่าพรรคพปชร.กับพรรคเพื่อไทย (พท.) มีโอการจับมือกันในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ข้างหน้า อย่าไปประมาณการณ์ เพราะเราไม่รู้อะไรเป็นอะไร เมื่อถามย้ำว่าพรรคพปชร.จะไม่ปิดประตูร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่รู้ เป็นเรื่องอนาคต ตอบได้ว่าไม่รู้จริงๆ ยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น 

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าพรรคพปชร.จะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ก็บอกเป็นเรื่องข้างหน้าจะไปรู้ได้อย่างไร จะไปพูดได้อย่างไร วันนี้ต้องการให้พรรคเข้มแข็ง มีความคิดเป็นหนึ่งเดียวไม่แตกแยก ความคิดแตกต่างแต่อยู่ในพรรคเดียวกันก็ให้มีความคิดเหมือนๆกัน คิดไปในทางสร้างสรรค์ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศเจริญก้าวหน้าเราก็ทำ ส่วนการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เราทำงานโดยใช้กก.บห.พรรค 

เมื่อถามว่าพรรคพปชร.จะไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เห็นแล้วจะถามทำไม เมื่อถามย้ำว่าในอนาคตพรรคพปชร. จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “โอ้ยจะไปรู้ได้อย่างไร” การณ์ข้างหน้าจะไปรู้ได้อย่างไร ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย ยังเหลืออีกตั้ง 2 ปี และตอนนี้รัฐบาลยังอยู่ได้แน่นอน ส่วนตนจะอยู่ต่อหรือไม่ยังไม่รู้เพราะแก่แล้ว

เมื่อถามถึงการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนพรรคพปชร. เป็นอย่างไรพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีเราอาสาสมัครมา ไม่ใช่นักการเมือง 

“ประวิตร” โยนเป็นเรื่องจนท.บล็อกม็อบ เคลื่อนปิดทำเนียบ ลั่น ไม่อยากให้ชุมนุม หวั่นคลัสเตอร์ใหม่ หนุน “นายกฯ” ยังทำงานได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของหลายกลุ่ม ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์อย่างไร ว่า “ผมไม่อยากให้ชุมนุม เพราะกลัวเรื่องติดเชื้อโควิด-19 เพราะถ้ามากันจำนวนมากก็มีความเสี่ยง แต่ถ้าจะมาก็ต้องเว้นระยะห่างให้ดี”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะประสานไปถึงผู้ชุมนุม ขอร้องในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กำลังพูดอยู่ว่าไม่อยากให้มา สื่อต้องช่วยกันด้วย และไม่น่าจะมาชุมนุมกันข้ามวันข้ามคืนเพราะตอนนี้โควิดระบาดมาก หากมากันเยอะก็ไปติดประชาชนอื่นๆ ส่วนเรื่องเจรจาคงไม่เจรจาอะไร ให้สื่อช่วยไปเจรจาหน่อยว่าอย่าเพิ่งชุมนุมเลยในช่วงนี้ ให้โควิดน้อยลงหน่อย เพราะรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้มาก 

เมื่อถามว่าการนัดรวมตัวที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและประกาศเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาลจะต้องบล็อกไม่ให้เข้ามาถึงทำเนียบฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องห่วงแต่ที่เป็นห่วงเรื่องของการมาชุมนุมเยอะๆ แล้วเดี๋ยวก็ไปติดโควิด-19 

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมที่จะมาขับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้ว และสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็สงบดีไม่มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องเดินหน้าทำงานต่อใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องทำต่อและวันนี้ก็ทำอยู่ทุกวัน ตลอด 2 ปี ก็ทำงานอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่าการชุมนุมอาจมีแกนนำบางคนที่มาร่วมจะเข้าข่าย ฝ่าฝืนคำสั่งศาลในการปล่อยตัวหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องดูว่าอันไหนผิดกฎหมายก็ว่าไปตามนั้น เพราะเราทำตามกฎหมายทุกอย่าง 

บช.น.เตรียมพร้อมรับมือ การชุมนุมม็อบดาวกระจาย

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกตร. แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการชุมนุมวันพรุ่งนี้ วันที่ 24 มิ.ย. 

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากมีกลุ่มมวลชนประกาศชุมนุมหลายสถานที่โดยมีกลุ่มราษฎรหรือกลุ่มวีโว่ กลุ่มแนวร่วมจะมีการชุมนุม 3 ช่วง ตั้งแต่ช่วงแรกเวลา 05.00-07.00 น. จัดกิจกรรมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจุดเทียนรำลึก ช่วงที่ 2 ตั้งแต่เวลา 10.00 เคลื่อนขบวนมารัฐสภาใช้ถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลก ถนนพระราม 6 ถนนทหาร เพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึกประเด็นการแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ และช่วงที่ 3 เวลา 17.00 น. ชุมนุมบริเวณสกายวอร์ก 

ส่วนกลุ่มนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขารวมตัวบริเวณแยกอุรุพงษ์ แล้วเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลและกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดหมายเวลา 16.00 น. บริเวณแยกผ่านฟ้าเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลังตำรวจนครบาลดูแลเป็นหลัก เน้นการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นหลักเนื่องจากการจัดการชุมนุมอาจมีกิจกรรมที่กระทบการสัญจร การใช้ชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน 

"ขณะนี้การดำเนินการใดก็ตามต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมาย เนื่องจากมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กทม.ออกประกาศควบคุมการแพร่เชื้อโรค โดยแนวการปฏิบัติตำรวจจะไม่ใช้การกั้นสิ่งกีดขวาง หากการชุมนุมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินก็จะพิจารณาตั้งสิ่งกีดขวาง และหากมีการกระทำผิดก็จะดำเนินคดี รวมถึงแกนนำบางรายมีการวางเงื่อนไขการประกันไว้ ตำรวจจะดำเนินการรวบรวมหลักฐานดำเนินการทางกฎหมายถ้ามีการกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว" ผบช.น. กล่าว

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันไม่หนักใจ ตำรวจได้เตรียมความพร้อม เน้นเรื่องรักษาความสงบเป็นหลัก ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากมีความวุ่นวายต่อประชาชน ทรัพย์สิน กระทบกับการรักษาความปลอดภัย ต้องดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังมีการแพร่ระบาดเรื่องการควบคุมโรคขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันดีกว่า ส่วนผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวกระทำผิดเงื่อนไข ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณา ส่วนมีการกระทำผิดแล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมขัดต่อประกาศหรือคำสั่งก็ผิดตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการชุมนุม ส่วนการข่าวในขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ ขณะนี้ยังไม่มีการขออนุญาตในการชุมนุมแต่อย่างใด

ด้านพล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า การสรุปการดำเนินคดีในพื้นที่กรุงเทพมหานครรวม 217 คดี การชุมทั่วไป 164 คดีคดีมั่นคง 52 คดี  อยู่ระหว่างสอบสวน 58 คดี ส่งอัยการ 109 คดี อยู่ในชั้นพิจารณาศาล 30 คดี คดีเกี่ยวกับความมั่น 1 คดี พิพากษาแล้ว 3 คดี

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. กล่าวว่า ในวันที่ 24 มิ.ย. ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่บริเวณรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา และสกายวอร์คแยกปทุมวัน ส่วนเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยง โดยช่วงเวลา 05.00 น. หลีกเลี่ยงถนนราชดำเนินกลาง ถนนตะนาว คาดว่าผู้ชุมนุมใช้เวลากิจกรรมไม่นาน นอกจากนี้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมทำกิจกรรมและเคลื่อนขบวนเพื่อความสะดวกการเดินทางให้หลีกเลี่ยงถนน 11 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนตะนาว ถนนดินสอ ถนนนครสวรรค์ ถนนลูกหลวง ถนนพิษณุโลก ถนนศรีอยุธยา และถนนพระราม 5 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ผู้ชุมนุมอาจมีการเปลี่ยนแปลงสอบถามข้อมูลเส้นทางได้ที่ โทร.1197 ตลอด 24 ชม. www.trafficpolice.go.th หรือ ไลน์ POLICE TRAFFIC NEWS

รมว.สุชาติ มอบ พล.ต.ต.นันทชาติ ลุยพื้นที่สกัดต่างด้าวผิดกฎหมาย ป้องกันโควิด-19 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ แนะนำให้ความรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้มีการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการอย่างถูกกฎหมาย ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ร่วมกับชุดเฉพาะกิจฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบแนะนำให้ความรู้แก่นายจ้างสถานประกอบการให้มีการจ้างงานของ "แรงงานต่างด้าว" ใน "สถานประกอบการ" อย่างถูกกฎหมาย เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เขตก่อสร้างของโครงการ SAIMAI MALL (สายไหม มอลล์) แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 

ซึ่งสอดคล้องตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการให้กระทรวงแรงงาน บูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แก่แรงงานในสถานประกอบการอีกด้วย
 
พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล 

ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบผู้กระทำความผิดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ ใบอนุญาตพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยสิ้นสุด จำนวน 7 ราย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้นำตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หากใครพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขอให้รีบแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ฯ ได้รับทราบทันที เพื่อเป็นการร่วมกันป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกทางหนึ่งด้วย

THESTATESTIMES
Politics
PoliticsQuiz
NewsFeed

“ชัยวุฒิ” ฮึ่ม “คอลัมนิส์-นักวิจารณ์-อินฟูเรนเซอ-พริตตี้” โฆษณาแฝงชวนเล่นพนันออนไลน์ ช่วงยูโร 2020 ผิดเท่าเจ้าของบ่อน เล็ง เพิ่มโทษให้หนักขึ้น 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการปราบปรามพนันออนไลน์ช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ว่า การเล่นพนันในช่วงนี้จะมากกว่าช่วงอื่นหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือการโฆษณาโดยคอลัมนิสต์ นักวิจารณ์ฟุตบอล พริตตี้ และกลุ่มที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย ที่ไม่ได้เชียร์บอลอย่างเดียวแต่แฝงโฆษณาเว็ปพนันในเพจตัวเอง ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะเป็นการเชิญชวนเล่นพนันโดยเฉพาะยั่วยุให้เยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน และการกระทำเช่นนี้มีความผิดเท่ากับเจ้าของบ่อนตามกฎหมาย บางคนนอกจากชักชวนแล้วยังได้ค่านายหน้าด้วยถือว่ามีความผิดชัดเจน ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานในเรื่องดังกล่าวไว้แล้วโดยพบมีอยู่จำนวนมากและมีดาราอยู่ในจำนวนนี้ด้วยเมื่อตรวจสอบแล้วจะมีการแถลงข่าวประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง  

“สังคมไทยปล่อยสิ่งเหล่านี้มานานมาก จึงอยากแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้สำเร็จ ตอนนี้กฎหมายพนันมีโทษน้อยจำคุกแค่ 2 ปี ปรับแค่ 2,000 บาท ถือเป็นเงินที่น้อยเมื่อเทียบกับผลประโยชน์จากการพนัน จึงอาจทำให้หลายคนไม่กลัว ดังนั้นเราต้องปรับปรุงกฎหมาย ให้มีบทกำหนดโทษควบคุมการพนันออนไลน์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้แต่เหล้า บุหรี่ ยังโฆษณาไม่ได้เลย แล้วการพนันโฆษณาได้แบบนี้ถือว่าตลกหรือไม่ ประเทศไทย” นายชัยวุฒิ กล่าว

ศรีสุวรรณ จี้ ป.ป.ช. สอบ อธิบดีกรมธนารักษ์ หลังชาวบ้าน ร้อง เอาที่ สาธารณะ ริมคลองเปรมประชากร ให้เอกชนเช่า ปลูกบ้าน ส่อ ทุจริตต่อหน้าที่

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้นำตัวแทนหมู่บ้านต่างๆ ใน ซอยงามวงศ์วาน 59 เขตจตุจักร เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการใช้อำนาจของอธิบดีกรมธนารักษ์ กรณีที่นำพื้นที่ถนนสาธารณะและสวนสาธารณะริมคลองเปรมประชากรไปให้เอกชนเช่าปลูกบ้านอาศัย อันถือได้ว่าเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักระบายน้ำ กทม.ได้เข้ามาก่อสร้างเขื่อนและทางเดินริมคลองเปรมประชากร เพื่อพัฒนาภูมิทัศน์และป้องกันการบุกรุกของชุมชนแออัดอย่างผิดกฎหมาย บริเวณซอยงามวงศ์วาน 59 ริมคลองเปรมประชากร ตามนโยบายของรัฐบาล ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รวมตัวกันเป็นชมรมคนรักคลองเปรม ได้ช่วยกันพัฒนาพื้นที่ริมคลองดังกล่าวตามแนวถนนซอยงามวงศ์วาน 59 ให้สวยงาม ร่วมใจบริจาคเงินมาร่วมกันปลูกต้นไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว เพื่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่สวยงาม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ปรากฏว่าพื้นที่ถนนสาธารณะและสวนสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันมากว่า 80 ปีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ 21 ตารางวาดังกล่าว ถูกกรมธนารักษ์ นำไปให้เอกชนเช่าในราคาถูกเพื่อสร้างบ้านพักอาศัยแล้ว และขณะนี้กลุ่มผู้เช่าดังกล่าวได้ออกมาแสดงสิทธิ์ในการเช่าโดยการปักป้ายบริเวณสวนหย่อมที่ชาวบ้านร่วมกันพัฒนาขึ้นมาว่า “ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาใช้ประโยชน์ หรือทำให้ทรัพย์สินเสื่อมเสีย เสียหาย หากผู้ใดฝ่าฝืน จะดำเนินคดีตามกฎหมาย” ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะที่ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางสัญจรเข้าออกชุมชนมาอย่างยาวนานก็ตาม

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า พื้นที่ริมคลองหรือพื้นที่ริมตลิ่งนั้น ตามป.แพ่งและพาณิชย์ ม.1304(2) บัญญัติให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งตามพระราชบัญญัต(พ.ร.บ.)ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 ได้บัญญัติไว้ว่า “ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด เว้นแต่ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน คือ  อสังหาริมทรัพย์สําหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ” ดังนั้น การที่กรมธนารักษ์นำที่ชายตลิ่งริมคลอง ซึ่งเป็นถนนและสวนสาธารณะมาให้เอกชนเช่า ย่อมเป็นการฝ่าฝืนย้อนแย้งกฎหมายของตนเองโดยชัดแจ้ง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวนสอบสวนเอาผิดกรมธนารักษ์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม พ.ศ.2561 และตาม ป.อ.มาตรา 306 

พล.อ.ประวิตร ช่วยเหลือคนพิการ สนับสนุนกองทุนดิจิทัลฯ ส่งเสริมการศึกษา/การเข้าถึง อนุมัติขยายเวลาโครงการ ช่วยแพทย์/พยาบาล  รับมือโควิด-19 ย้ำทุกโครงการ ต้องโปร่งใส ปชช.ได้ประโยชน์ คุ้มค่า

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 2/2564 โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดศ. เข้าร่วมประชุม  ณ  ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน ของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยได้ทำการเปิดรับข้อเสนอโครงการประจำปี 2564 ครั้งที่ 1 ทั้งสิ้น 649 โครงการ ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ จะได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบโครงการที่สำคัญ และจำเป็นเร่งด่วน ได้แก่ โครงการศึกษา และพัฒนาทักษะทางสังคม (Soft skills) และทักษะดิจิทัล (Digital Skill) เพื่อรองรับการพัฒนาแห่งอนาคต ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ และโครงการศึกษาแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการเข้าถึง และใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับคนพิการ รวมทั้งเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาโครงการ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่

1.)โครงการจัดหาระบบ ICT และ Health Tech เพื่อส่งเสริมการรักษาพยาบาล และเพิ่มศักยภาพการรับมือโควิด-19 จำนวน 90 วัน

2.)โครงการหุ่นยนต์ AI ช่วยแพทย์และพยาบาล ช่วงโควิด-19 ของ รพ.อู่ทอง จำนวน 120 วัน และ

3.) โครงการระบบปรับแรงดันอาการเป็นลบขนาดใหญ่ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าฯจำนวน 180 วัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการฯ และคณะทำงาน จะต้องพิจารณากลั่นกรองโครงการ อย่างรอบคอบ และคัดเลือกโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาดิจิทัล อย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงความโปร่งใสในทุกขั้นตอนของการพิจารณา การใช้จ่ายงบประมาณจะต้องเป็นไปอย่างคุ้มค่า โปร่งใส และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล

'จตุพร' นำทีมบุกทำเนียบ ประกาศยกระดับขับไล่ ‘บิ๊กตู่’ จากตำแหน่งนายกฯ ลั่น 24 มิ.ย. เจอยุทธการแม่น้ำ 100 สาย แผนพิฆาตฟ้าทลายโจร

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายนิติธร ล้ำเหลือ ตัวแทนกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) พร้อมด้วยสมาชิกคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้ลาออกจากตำแหน่ง และให้รัฐสภาเลือกบุคคลอื่นมาทำหน้าที่แทน รวมถึงให้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยฉบับใหม่ โดยประชาชนที่เป็นผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

จากนั้นนายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 24 มิถุนายน สมาชิกคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จะนัดชุมนุมกันที่ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ในเวลา 16.00 น. และจะเคลื่อนขบวนมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ โดยใช้เส้นทางผ่านถนนนครสวรรค์ มาที่ทำเนียบรัฐบาล แต่หากถูกสกัดกั้นก็จะกลับไปรวมกันในจุดเดิม ตนอยากฝากไปถึงผู้ที่บงการอยู่ในทำเนียบรัฐบาลว่า คุณยิ่งใช้อำนาจข่มขู่ประชาชนมากเท่าไหร่ ประชาชนจะมามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกมาแสดงพลังในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เวลา 19.00 น. ที่จะให้ประชาชนที่ต้องการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยตั้งชื่อหัวข้อว่า ประยุทธ์ออกไป

นายจตุพร กล่าวว่า ตนอยากเตือนพี่น้องตำรวจให้มาเป็นมิตรกัน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจไม่กี่วัน แต่ประชาชนและประเทศชาติจะอยู่ตลอดไป ส่วนมาตรการต่างๆ ที่จะใช้รับมือกับการชุมนุม พวกตนไม่กังวล เพราะผ่านความตายกันมาหมดแล้ว ต้องโทษประหารชีวิต และติดคุกกันมาหมดแล้วหลายรอบ การออกมาข่มขวัญกันไม่สามารถทำอะไรพวกตนได้ ดังนั้นยุทธการแม่น้ำ 100 สาย แผนพิฆาตฟ้าทลายโจร ในวันที่ 24 มิถุนายนจะบังเกิด ให้พล.อ.ประยุทธ์ไปวิเคราะห์แผนนี้ เพื่อจะได้รับจะได้รับมือประชาชนได้ถูกต้อง

ทั้งนี้ในการต่อสู้ของประชาชนจะใช้แนวทางสันติวิธี เพียงแต่เจ้าหน้าที่จะต้องไม่ใช้ความรุนแรง หากใช้ความรุนแรง ประชาชนจะมาเพิ่มอีกหลายเท่าตัว ขอยืนยันว่าขณะนี้ตนยังไม่ได้ระดมหรือขนคนมาร่วมชุมนุม แต่บอกให้พี่น้องที่ไม่อยากทนกับระบอบประยุทธ์มากันเองอย่างแม่น้ำ 100 สาย และเชื่อว่าไม่มีใครสกัดกั้นประชาชนได้ อย่ากลัวการข่มขู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ให้กลัวการอดตาย และความหายนะของประเทศชาติ เพราะคุกขังประชาชนไม่เพียงพอแจงมูลเหตุความล้มเหลวของบ้านเมืองและประกาศเจตนารมณ์มายังรัฐบาลให้ทราบโดยทั่วกัน

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/107198


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'มงคลกิตติ์' รับ 'ไทยศรีวิไลย์' อาจสูญพันธุ์ ลั่นยึดศักดิ์ศรี ต้านพลังดูดพรรคใหญ่

23 มิถุนายน 2564 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า เผยความคิด อุดมการณ์ ส.ส.เต้ 007# มีเพื่อน ส.ส. และประชาชนจำนวนมากถามผมว่า ถ้าแก้ รธน. เป็นแบบบัตร 2 ใบ พรรคเล็กสูญพันธุ์เหลือแต่พรรคใหญ่เท่านั้น ผมไม่ไปเข้าพรรคใหญ่หรือมีโอกาสรอดเป็น ส.ส. นะ แต่ถ้าทำพรรคเดิม ต้องใช้คะแนนถึง 350,000 คะแนน ถึงจะได้ ส.ส. 1 ที่นั่ง

ผมตอบว่าผมไม่เป็นไร ผมเดินพรรคต่อตามอุดมการณ์เดิมถึงเวลานั้น ถ้าประชาชนเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ไม่ถึงจำนวนที่กฎหมายกำหนดหรือไม่เลือก ผมก็แค่กลับไปสอนหนังสือ ไปเป็นวิศวกร ไปเป็นประชาชนเท่านั้น

จะให้ผมไปจ้างให้ประชาชนมาเลือกเพื่อให้ได้เป็นผู้แทน (ส.ส.) แบบท่านอื่นๆ ผมไม่ทำ ผมจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีความเป็นคน และเป็นผู้แทนที่จ้างประชาชนมาเลือก ผมไม่เอาเด็ดขาด ผมต้องการเป็น ผู้แทนของประชาชน ก็ต่อเมื่อประชาชนเลือกผมมาเป็นปากเป็นเสียงแทนพวกเขา สู้เพื่อพวกเขา แก้ปัญหาให้พวกเขา มิใช่จ้างพวกเขามาเลือกให้เราได้เป็นผู้แทนเพื่อมาฟังคำสั่งเจ้าของเงินที่ให้เงินเรามาจ้างประชาชนมาเลือกเด็ดขาด

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/107321


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top